ไม่กี่ปีมานี้มีเหล่ายุวปัญญาชน [1] จำนวนมากที่พอได้กลับเมืองแล้วก็ทิ้งคู่รักที่ชนบทของตนเอง หลี่เสวี่ยหรูผู้นี้กลับเมืองหลวงมาได้สามปีแล้ว ทว่าพวกเขากลับไม่เคยได้ยินเธอพูดถึงเื่คนรักจากชนบทผู้นี้เลย ไม่แน่ว่าเธออาจกำลังวางแผนจะทิ้งคนผู้นี้แล้วมองหาใครดีๆ สักคนก็เป็ได้
คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าหลี่เสวี่ยหรูที่ปกติดูนิสัยดีและนิ่งๆ เงียบๆ จะทำเื่แบบนี้ได้ลงคอ
หลี่เสวี่ยหรูพลันหน้าแดงก่ำ ไม่ได้ เธอจะปล่อยให้สถานการณ์ย่ำแย่ลงแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด! แต่พอเธอจะอ้าปากพูด ก็ถูกซ่งเหม่ยอวิ๋นชิงพูดตัดหน้าไปก่อน
“พี่พูดเื่ไร้สาระอะไรกัน! ไม่ใช่คนรักเก่าเสียหน่อย มันเป็อันธพาลต่างหาก!” ซ่งเหม่ยอวิ๋นกระทืบเท้าด้วยความโกรธ ก่อนจะหันไปพูดกับหลี่เสวี่ยหรู “พี่เสวี่ยหรู ปกติพี่ดีกับเธอขนาดนั้น ไม่เพียงแต่ให้เธอยืมเสื้อผ้าใส่ ยังช่วยทำผมแต่งหน้าแต่งตัวให้อีก ดูเธอสิ! เธอกลับไม่มีจิตสำนึกเลยสักนิด! พอเจออันตรายก็ห่วงแต่ตัวเอง!”
กลุ่มคนรอบด้านหันมองการแต่งกายของซย่านีเป็ตาเดียว ผมดัดลอนเล็กๆ ปล่อยสยายคลอเคลียบนไหล่ เธอสวมเสื้อคลุมขนแคชเมียร์สีแดงกับรองเท้าหนังสีดำ… อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะ แม้ซย่านีจะทั้งผอมทั้งดำ แต่ยามค่ำคืนและลมแรงแบบนี้ หากมองจากด้านหลังแล้ว เธอก็ดูเหมือนหลี่เสวี่ยหรูอยู่นิดหน่อยจริงๆ
“ถ้าเธอไม่พูด ฉันก็เกือบลืมเื่นี้ไปแล้วเชียว” ซย่านีรีบถอดเสื้อคลุมขนแคชเมียร์ออก แล้วเขวี้ยงมันใส่หลี่เสวี่ยหรูจนเกิดเสียงดัง ‘ปั๊ก’ เธอว่า “ก็แค่เศษผ้าชิ้นหนึ่ง ไม่ได้อุ่นเท่าเสื้อกันหนาวบุนวมด้วยซ้ำ ฉันไม่้ามันหรอก!”
หลี่เสวี่ยหรูรับเสื้อคลุมตัวนั้นไว้ไม่ไหว ทำให้ร่างทั้งร่างล้มลงไปกองกับพื้น
ในยุคนี้บ้านแต่ละหลังชอบเทน้ำเสียทิ้งที่หน้าประตูบ้าน บนพื้นจึงเลอะเทอะไปด้วยของสกปรก พริบตาเดียวเสื้อคลุมดีๆ ก็เปื้อนน้ำสกปรกไปเสียแล้ว
มีคนอดรู้สึกสงสารไม่ได้ กล่าวขึ้น “เสื้อคลุมขนแคชเมียร์ตัวนี้ราคาตั้งร้อยกว่าหยวนเชียวนะ! ภรรยาที่หานเจียงตบแต่งด้วยคนนี้ ช่างโง่เขลาเกินไปแล้ว”
คนจำนวนมากกระซิบกระซาบกันว่าซย่านีผู้นี้ช่างบ้านนอกจริงๆ ถึงได้เอาเสื้อคลุมขนสัตว์ไปเปรียบเทียบกับเสื้อบุนวม
ซย่านีเบิกตากว้าง ราวกับใกับราคาของเสื้อคลุมตัวนี้ แม้ในใจจะรู้สึกผิดแต่เธอกลับต้องทำปากแข็งต่อ “ร้อยหยวนอะไรกัน! ถึงจะแพงยังไงมันก็เป็ของอัปมงคลอยู่ดี! ตอนที่ฉันใส่เสื้อบุนวมนี้กลับไม่เคยเจอกับอันธพาลที่ไหนเลยสักครั้ง! นี่ฉันเพิ่งจะใส่เสื้อคลุมตัวนี้แค่ครั้งเดียว ฉันก็เจอกับเ้าจางหวาเฟิงนั่นแล้ว! ทุกคนดูข้อมือฉันที่ถูกเขากระชากนี่สิ!” ซย่านีถกแขนเสื้อขึ้น เผยให้เห็นข้อมือบวมแดง “แค่ขยับทีหนึ่งก็เจ็บแล้ว! ไม่ใช่ว่าแขนฉันหักแล้วหรอกนะ? แบบนี้จะทำงานได้อย่างไร? ถ้าฉันทำงานไม่ได้ขึ้นมา แล้วแม่สามีของฉัน ไล่ฉันกลับบ้านเกิดขึ้นมา จะทำอย่างไรล่ะ?”
พอพูดถึงจุดที่น่าเศร้าแล้ว ซย่านีก็ทรุดลงพื้นแล้วนั่งร้องไห้โฮ “ตอนฉันท้องลูกคนที่สาม เก้าเดือนที่ผ่านมา ฉันยังไม่เคยได้พักสักแอะ ่หลังคลอดก็ยังต้องซักผ้าล้างจาน แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยอู้งานเลยสักวันเดียว! วันนี้กลับเจอเื่โชคร้ายจนข้อมือเจ็บทำงานไม่ได้แบบนี้ ทำไมฉันถึงโชคร้ายขนาดนี้กัน ฮือๆ!”
มีเพื่อนบ้านจำนวนไม่น้อยที่เคยเห็นซย่านีแบกท้องโตมาทำงาน พอเห็นเธอร้องไห้คร่ำครวญเช่นนี้ ในใจก็คิดว่าลูกสะใภ้ชนบทที่ต้องมีชีวิตอยู่ภายใต้เงื้อมมือของแม่สามีใจดำแบบหวังซิ่วอิงนั้นไม่ง่ายเลยจริงๆ
แม้พวกเขาจะดูแคลนว่าซย่านีที่เป็สะใภ้บ้านนอกก็เถอะ แต่อย่างไรพวกเขาก็ไม่เคยปล่อยให้มีเื่อย่างการที่ลูกสะใภ้กำลังตั้งครรภ์ท้องโตต้องมาทำงาน ถึงแม้จะกล่าวว่าเป็่หลังคลอดก็ตาม แต่ว่ามันก็ช่างไร้ศีลธรรมเกินไปแล้ว!
ในตอนสุดท้าย ซย่านีปาดน้ำตาของตน แล้วชี้ไปทางหลี่เสวี่ยหรู “หลี่เสวี่ยหรู! ข้อมือของฉันได้รับาเ็ก็เพราะผู้ชายของเธอ เธอต้องรับผิดชอบ!”
ผู้คนในเมืองมักห่วงหน้าตาและศักดิ์ศรี ไม่อาจทำแบบซย่านีที่กำลังร้องะโจนคอโก่งได้ หลี่เสวี่ยหรูพยายามจะขัดจังหวะการพูดของซย่านีอยู่หลายครั้ง แต่กลับถูกกลบด้วยเสียงดังลั่นของซย่านีแทน
ไม่ง่ายเลยที่จะรอจนกว่าซย่านีะโพูดจบ หลี่เสวี่ยหรูเพิ่งมีโอกาสได้ปกป้องตัวเอง “พี่ซย่านี พี่เข้าใจผิดแล้ว ฉันไม่ได้มีคนรักเก่าอะไรทั้งนั้น”
ซย่านีส่งเสียง ‘เหอะ’ หนึ่งครา ก่อนจะพูดอย่างเย้ยหยัน “ไม่ใช่คนรักเก่างั้นสิ แล้วหมอนั่นมันรู้ว่าเธอมีไฝสีแดงที่หน้าอกขวาได้อย่างไร? ทำไมฮึ เธอจะบอกว่าตัวเองไม่มีงั้นหรือ? ตรงนี้มีผู้หญิงเพศเดียวกันเยอะแยะ เธอกล้าให้ใครสักคนมาพิสูจน์ไหมล่ะ!”
หลี่เสวี่ยหรูเป็หญิงสาวที่ยังไม่ได้แต่งงาน เธอใบหน้าแดงก่ำขึ้นมาทันที ชั่วขณะนี้เธอนึกเสียใจเป็ที่สุด ในปีนั้นตอนที่เธอกำลังพัวพันกับจางหวาเฟิง ทำไมตอนนั้นเธอถึงต้องยอมให้เขาเห็นร่างกายของตัวเองด้วยนะ!
ถึงอย่างนั้นสมองของหลี่เสวี่ยหรูกลับประมวลผลอย่างรวดเร็ว เพียงไม่นานเธอก็มีความคิดเกิดขึ้น “ใช่แล้ว ฉันมีไฝที่หน้าอก แต่ว่า มีคนที่รู้ว่าฉันมีไฝที่หน้าอกตั้งเยอะแยะ ใน่ฤดูหนาวฉันไปอาบน้ำที่โรงอาบน้ำ คนมากมายขนาดนั้นต่างก็เคยเห็นไฝของฉันกันทั้งนั้น ถ้ามีใครสักคนเอาไปพูดเล่า? พี่ซย่านี พี่... พี่ถูกคนๆ นั้นหลอกแล้วล่ะ”
“เหอะ!” ซย่านีกล่าวขึ้นอีกครั้ง “คนที่ว่ามานั่น ก็ล้วนแต่เป็ผู้หญิงกันทั้งนั้น ใครมันจะปีนขึ้นไปบนหน้าอกของเธอ แล้วส่องดูว่ามีไฝหรือไม่มีไฝ แถมดูว่าไฝสีอะไรอีกด้วย? ฉันว่าเธอก็แค่ไม่เหลียวแลคนรักจากชนบท เลยคิดอยากจะสลัดทิ้งมากกว่าล่ะมั้ง! ฉันเคยเห็นพวกยุวปัญญาชนแบบเธอมานักต่อนัก! ฉันไม่สนใจหรอกนะ ผู้ชายของเธอทำให้ข้อมือของฉันได้รับาเ็แบบนี้ เธอต้องรับผิดชอบ!” ซย่านีหยุดพูดไปชั่วขณะ แล้วจู่ๆ ก็เอ่ยถามหลี่เสวี่ยหรูขึ้นมา “เธอคงไม่คิดจะปัดความรับผิดชอบหรอกใช่ไหม เลยไม่ยอมรับว่าหมอนั่นมันเป็ผู้ชายของเธอ? สาวน้อยอย่างเธอขี้เหนียวเกินไปหรือเปล่า? เสื้อคลุมราคาเป็ร้อยหยวนยังซื้อได้ กับแค่ค่ารักษาพยาบาลไม่กี่สิบหยวนเท่านั้น เธอก็ยังจะไม่เต็มใจควักจ่ายอีกหรือ?”
“จ่ายค่ารักษาพยาบาลอะไรกัน! พี่รีบลุกขึ้นเลยนะ! พี่ถือดีอะไรมาให้พี่เสวี่ยหรูจ่ายค่ารักษาข้อมือให้กันฮะ?!” ซ่งเหม่ยอวิ๋นดูโกรธยิ่งกว่าหลี่เสวี่ยหรูเสียอีก เธอเดินไปข้างหน้าเพื่อจะดึงตัวซย่านีให้ลุกขึ้น แต่เธอนั้นถูกเลี้ยงมาแบบไข่ในหิน จะเอาแรงที่ไหนมาดึงซย่านีได้กัน
ซย่านีสะบัดซ่งเหม่ยอวิ๋นออกไป แล้วะโใส่หน้าอีกฝ่าย “ถ้าไม่ให้หลี่เสวี่ยหรูจ่ายค่าหมอให้ฉัน งั้นเธอก็มาจ่ายให้ฉันแทนไหมล่ะ?!”
ซ่งเหม่ยอวิ๋นกัดฟันกรอด “เดี๋ยวฉันจ่ายเอง!”
“เธอมีเงินที่ไหนกันฮะ!?” ซย่านีไม่ปล่อยให้ซ่งเหม่ยอวิ๋นหลอกเอาได้ “เงินของเธอล้วนแต่อยู่ในมือแม่สามีฉัน ฉันจะคิดเงินจากหลี่เสวี่ยหรูนี่แหละ!”
ซ่งเหม่ยอวิ๋นก้าวเข้าไปดึงตัวซย่านีอีกครั้ง “พี่ลุกขึ้นมาก่อน! พี่นั่งอยู่หน้าประตูบ้านทำตัวเหมือนพวกหญิงปากร้ายแบบนี้ ไม่อายคนอื่นบ้างหรือไง?!”
ซย่านีเอ่ยตอบ “ฉันไม่ลุก! ข้อมือของฉันเจ็บจวนจะหักอยู่แล้ว ฉันจะอายคนไปทำไม!”
“พอได้แล้ว!” หลี่เสวี่ยหรูทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอหยิบเงินจำนวนหนึ่งออกมาจากกระเป๋าของเธอ แล้วยัดใส่มือของซย่านี “พอใจหรือยัง!?”
ซย่านีก้มหน้ามองก็เห็นเงินปึกหนึ่ง เธอยัดเงินเข้ากระเป๋า แล้วลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว พลางกล่าวว่า “ฉันเองก็ไม่ได้โลภอยากได้เงินของเธอหรอกนะ ฉันแค่้าเงินค่ารักษาข้อมือของฉันเท่านั้น ถ้าเงินนี่เหลือเยอะ ฉันค่อยคืนให้เธอ”
หลี่เสวี่ยหรูกัดฟันพูด “ไม่ต้อง” เธอยอมเสียเงินได้ แต่เธอต้องพูดเื่นี้ให้ชัดเจน หลี่เสวี่ยหรูรีบหาเหตุผลมาปกป้องตนเอง “พี่ซย่านี ที่ฉันให้เงินพี่น่ะ เป็เพราะฉันชวนพี่ออกไปดูหนังจนทำให้พี่ได้รับาเ็จริงๆ ดังนั้นฉันก็ควรรับผิดชอบ... นี่ไม่เกี่ยวกับเื่คนรักเก่าอะไรทั้งนั้น!”
“ได้ๆๆ เธอบอกว่าไม่เกี่ยวก็คือไม่เกี่ยวล่ะนะ พี่สะใภ้อย่างฉันเข้าใจดี” ซย่านีขยิบตาให้หลี่เสวี่ยหรู ด้วยสีหน้าเหมือนว่า ‘ฉันรับเงินแล้วสัญญาว่าจะปิดปากเงียบ’ จากนั้นเธอก็รีบหันหลังเดินกลับบ้านทันที
หลี่เสวี่ยหรูโกรธจัดจนแทบจะหายใจไม่ออก
ครั้นเห็นสีหน้าของเพื่อนบ้านที่อยู่รอบด้าน เธอก็พบว่าพวกเขามีท่าทางเหมือนปักใจเชื่อว่าหลี่เสวี่ยหรูมีคนรักเก่าจากชนบทจริงๆ นั่นทำให้เธอไม่สามารถแก้ต่างอะไรให้ตัวเองได้เลย
เชิงอรรถ
[1] ยุวปัญญาชน 知青 คือ เยาวชนที่ได้รับการศึกษา (เป็คำศัพท์ทางประวัติศาสตร์สำหรับปัญญาชนในสาธารณรัฐประชาชนจีน) หรือก็คือปัญญาชนนักศึกษาที่ถูกส่งไปฝึกฝนตนตามชนบทในระหว่าง่ปฏิวัติวัฒนธรรม
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้