“ตอนนี้ขาของจิ่งเฉินค่อยๆ ฟื้นฟูกลับมา เพียงแต่กระดูกกับเส้นเอ็นอย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาร่วมร้อยวัน เกรงว่าคงไม่ทันการสอบระดับจังหวัด” ใช่ว่าจะไม่ทันเสียทีเดียว การเร่งระดับการรักษานั้นทำได้ เพียงแต่เขากลัวว่าลั่วจิ่งเฉินจะทนรับไม่ไหว จึงได้มีความลังเลอยู่บ้าง
ไม่ทันหรือ?
ชีเหนียงไม่เข้าใจเกี่ยวกับการสอบเคอจวี่มากนัก จึงถาม “ก่อนหน้านี้ลูกใหญ่ผ่านการสอบระดังจังหวัดเป็ซิ่วฉายแล้ว เช่นนั้นจะสามารถเข้าร่วมการสอบถัดไปได้หรือไม่?”
“อะไรนะ? เ้าเด็กคนนี้เป็ซิ่วฉายแล้วหรือ?”
หลิงชางไห่ใอุทานจนชีเหนียงเองก็สะดุ้ง
“ใช่แล้ว ทว่าเื่ราวเป็เช่นไรข้าเองไม่แน่ใจมากนัก”
จะว่าไปก็น่าเสียดาย ความทรงจำส่วนใหญ่ของชีเหนียงล้วนวนเวียนอยู่แต่กับภาพของจี้ฉงเหวิน ท่ามกลางความทรงจำที่ไม่ค่อยปะติดปะต่อกัน เหมือนจะไม่มีความทรงจำ่ที่ลั่วจิ่งเฉินเล่าเรียนมาก่อน
ตอนนี้ชีเหนียงก็ตกอยู่ในสภาวะใเช่นกัน เด็กคนหนึ่งที่ไม่เคยได้รับการเล่าเรียนอย่างเป็กิจจะลักษณะ แต่กลับสอบผ่านซิ่วฉายในวัยเพียงสิบหนาว นี่ต้องมีพร์มากเพียงใด!
หลิงชางไห่ส่ายศีรษะต่อเนื่องกัน เขาไม่กล้าเชื่อจริงๆ ว่าลั่วจิ่งเฉินจะมีความสามารถถึงเพียงนี้ ต้องรู้ก่อนว่าเด็กชายอัจฉริยะในเมืองหลวงตอนนี้คือเวยหวู่โหว ซึ่งเพิ่งจะเข้าสอบจอหงวนในวัยสิบห้า ดังนั้นจึงเป็ที่ตกตะลึงไปถึง์
แต่ลั่วจิ่งเฉินกลับเป็ซิ่วฉายในวัยแค่สิบหนาว หากเล่าเรียนต่อไปได้ ไม่แน่ว่าอาจจะกลายเป็จอหงวนที่อายุน้อยที่สุดในต้าชางก็เป็ได้
“เ้าจะไม่เข้าใจได้อย่างไร เ้าคือแม่ของเด็ก ก็ต้องรู้สิ!” หลิงชางไห่รู้สึกอึดอัดไปทั้งตัว อัจฉริยะบันลือโลกอยู่ข้างกายตนเองทั้งคน หากปล่อยให้เขาเหี่ยวเฉาไปเช่นนี้ นั่นเท่ากับเป็โทษผิดมหันต์
“หากเ้าไม่รู้ แล้วผู้ใดจะรู้อีก?” หลังบ่นจบก็นึกสภาพของสกุลลั่วที่มารดาไม่สมเป็มารดา ลูกไม่สมเป็ลูก จึงพักเื่นี้ไว้ก่อน
น่าเสียดายเพียงเขาลุ่มหลงแต่เพียงด้านการแพทย์ ส่วนด้านการเล่าเรียนนั้นรู้ค่อนข้างน้อย ว่าสำหรับความสามารถของลั่วจิ่งเฉินนั้นเก่งกาจเพียงใด ่ที่ผ่านมาเขาจึงไม่ได้สังเกตแต่อย่างใด
“เด็กคนนี้ชอบอยู่ตามลำพัง ยามปกติก็ไม่เคยทำให้ข้าต้องห่วง” ชีเหนียงย้อนความทรงจำของร่างเดิม “เหมือนเขามักจะตามติดหลังคนผู้นั้น ตามจี้ฉงเหวินไปสถานศึกษา”
ใช่แล้ว นับั้แ่ชีเหนียงพาลั่วจิ่งเฉินในวัยสามหนาวกับลั่วจิ่งซีไปหาจี้ฉงเหวินที่สถานศึกษา นับจากนั้นเป็ต้นมา ลั่วจิ่งเฉินก็มักจะแอบตามหลังจี้ฉงเหวินไปสถานศึกษา ดังนั้นทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ลั่วจิ่งเฉินแอบครูพักลักจำมาหรือ?
ชีเหนียงกับหลิงชางไห่สบตากัน ทั้งสองเห็นความตกตะลึงจากสายตาของอีกฝ่าย ในฐานะอดีตอาจารย์ ชีเหนียงเข้าใจเป็อย่างดีว่านักเรียนที่มีสติปัญญาหลักแหลมและมีพร์หมายถึงความสามารถของเขานั้นไร้ขีดจำกัด
......
หลายวันมานี้ลั่วจิ่งเฉินรู้สึกว่าสายตาของท่านแม่กับหลิงชางไห่ที่มองมานั้นต่างไปจากปกติ โดยเฉพาะเวลาที่พวกเขามักจะเอาคำถามปัญหาที่น่าเบื่อมาถามตนเอง แล้วยังความคาดหวังในสายตาที่ทำให้ตนเองมิอาจปฏิเสธการตอบได้อย่างสิ้นเชิง
อย่างเช่น เมื่อครู่ท่านแม่ถาม ‘พ่อลูกสองคู่ไปซื้อหมวก เหตุใดจึงซื้อแค่สามใบ?’
พ่อลูกสองคนก็ชี้ชัดว่าเป็คนสามรุ่น โดยมี ปู่ พ่อ และหลานชาย นั่นก็คือพ่อลูกสองคู่มิใช่หรือ
หรืออย่างเช่นอยู่ๆ ท่านหลิงก็มาหยั่งเชิงภูมิความรู้ของตนอย่างไม่มีที่มา
“จิ่งเฉิน เมื่อวานข้าแต่งโคลงคู่มาหนึ่งบท เ้าลองฟังดู!” หลิงชางไห่ผู้นี้เค้นสมองแทบตายกว่าจะคิดโคลงคู่ออก “น้ำพุสงบบนภูผา ภูผาสงบดั่งน้ำพุ”
หลิงชางไห่ท่องโคลงคู่จบ ก็มองลั่วจิ่งเฉินด้วยใบหน้าเปี่ยมความหวัง “เ้าหนุ่ม โคลงคู่นี้เป็อย่างไรบ้าง?”
ลั่วจิ่งเฉินมองเขาอย่างระอา คำพูดเดียวกันหลายวันมานี้เขาฟังนับครั้งไม่ถ้วน ช่องโหว่ชัดเจนเพียงนี้ ไม่รู้ว่าหลิงชางไห่คิดออกมาได้อย่างไร ทว่าเขาก็ยังพินิจ จากนั้นใช้กิ่งไม้เขียนบนพื้น ‘น้ำใสในบ่อ บ่อน้ำใส’
หลิงชางไห่มองดูลั่วจิ่งเฉินที่คิดโคลงคู่ได้ในเพียงแค่ห้าอึดใจ ดวงตาก็เปล่งประกายเจิดจ้าออกมา
“ยังมีอีก เ้าฟังก่อน!” หลิงชางไห่เดินวนอยู่กับที่หลายรอบ ตอนนั้นสหายเ่าั้พูดว่าอย่างไรกันนะ
“วายุพัดเสียงกาลเวลาพาดผ่านบุปผา ทั้งดังและหอม!”
ลั่วจิ่งเฉินยิ้มและตอบ “จันทราสะท้อนแสงไฟหลับใต้แอกไม้ไผ่ ทั้งเย็นและสว่าง”
เมื่อเห็นพวกเขากำลังต่อโคลงกลอนกันอย่างสนุกสนาน ชีเหนียงเองก็อยากร่วมด้วย
“ข้าเองก็มีโคลงคู่เช่นกัน พวกเ้าลองดูว่าใครจะต่อได้!”
ขณะพูดชีเหนียงก็รับกิ่งไม้จากมือของลั่วจิ่งเฉิน จากนั้นวาดอักษรบนพื้น ‘คนที่ว่าถูกคนที่ถูกว่าว่าทุกคนถูกว่ามิสู้ไม่ว่า’
พอโคลงกลอนนี้ออกมา ลั่วจิ่งซีกับคนที่เหลือถึงกับสับสนมึนงงจับทางไม่ถูก แต่ลั่วจิ่งเฉินพอมองดูโคลงคู่นี้กลับเหม่อลอย หากจะต่อบทโคลงคู่นี้ให้ได้ อย่างน้อยต้องรู้จักการเว้นวรรคตอนที่ถูกต้อง
ลั่วจิ่งเฉินจับจ้องตัวอักษรอยู่ชั่วครู่ แล้วหยิบกิ่งไม้มาโบกสะบัด ‘ขุนนางผู้คุมถูกขุนนางผู้คุมคุมขุนนางถูกคุมไยต้องคุมให้มากเื่’
“นี่มันอะไรกันเนี่ย?” หลิงชางไห่มองแล้วบ่นพึมพำ “แล้วนี่จะเว้นวรรคอย่างไร?”
ลั่วจิ่งเฉินยิ้มแย้มและอธิบาย จากนั้นอ่านโคลงคู่แบบออกเสียง “โคลงที่นางขึ้นคือ คนที่ว่าถูกคนที่ถูกว่าว่า ทุกคนถูกว่า มิสู้ไม่ว่า ข้าจึงต่อด้วย ขุนนางผู้คุมถูกขุนนางผู้คุมคุม ขุนนางถูกคุม ไยต้องคุมให้มากเื่”
หากปล่อยโคลงคู่นี้สู่ภายนอกคงได้รับเสียงปรบมือดังสนั่น แม้ว่าหลิงชางไห่จะไม่เก่งด้านภูมิปัญญาวัฒนธรรม แต่เขาเองก็ยังรู้สึกอดทึ่งไม่ได้เช่นกัน
เดิมทีคิดว่าลั่วจิ่งเฉินแค่มีความสามารถ แต่คิดไม่ถึงว่าลั่วชีเหนียงที่ขึ้นโคลงคู่ก็นับว่าเก่งกาจยิ่งนัก มิน่าถึงได้ให้กำเนิดเด็กเยี่ยงปีศาจอย่างลั่วจิ่งเฉินออกมา มีมารดาที่เยี่ยมยอด ลูกจะแย่ไปถึงไหนได้
เขามีสีหน้าอิ่มเอมใจ คนเก่งกาจสองคนล้วนคือครอบครัวของเขาหลิงชางไห่! ต่อไปหากพวกสหายเก่าทั้งหลายล้อว่าตนไม่มีความรู้ เขาก็จะมีคำโต้กลับแล้ว
ขณะคิดหลิงชางไห่ก็สาวเท้าเดินหน้าไปและตบบ่าของลั่วจิ่งเฉินอย่างหนักหน่วง “เ้าหนุ่มไป เข้าห้อง ข้าจะรักษาขาของเ้าให้ดี ขาของเ้าคือของดี จะละเลยไม่ได้เด็ดขาด”
ลั่วจิ่งเฉินถูกเขากึ่งโอบกึ่งอุ้มกลับเข้าห้องตะวันออกไป
“ท่านหลิง ขาข้างนี้เพิ่งจะนวดไปเองมิใช่หรือ?” ลั่วจิ่งซีมองดูพี่ชายที่ถูกบังคับ จึงวิ่งตามหลังไปถามเสียงอ่อน
“เ้าจะเข้าใจอะไร? ขาข้างนี้ของเขานอกจากต้องนวดทุกวัน ตอนนี้ยังต้องเร่งฝังเข็ม อีกสิบวันไม่เกินครึ่งเดือนก็สามารถทำการผ่าตัดถอดกระดูก ถึงเวลานั้น ฮึ่ม...”
หลิงชางไห่ไม่ได้โพล่งออกมาทั้งหมด รอเมื่อตัดกระดูกส่วนที่ไม่ดีออกไป พักฟื้นเสร็จ ลั่วจิ่งเฉินก็สามารถกลับมาเป็เหมือนเดิมแล้ว!
ลั่วจิ่งซีหันไปมองลั่วจิ่งเฉินและน้ำตาคลอเบ้า “ท่านหลิง ท่านพูดจริงหรือ?”
“เ้าเด็กเมื่อวานซืน ข้าเป็คนคุยโวั้แ่เมื่อใด!”
หลิงชางไห่พูดเช่นนี้ ลั่วจิ่งซีจึงยิ้มและปาดน้ำตา จากนั้นก็เอ่ยอย่างตื้นตัน “ท่านหลิง หากพี่ข้าหายดีจริง วันรุ่งขึ้นจะให้ท่านแม่รับท่านเป็พ่อบุญธรรมเลย รีบทำพิธีนับญาติให้จบโดยเร็ว!”
นับว่าคำพูดนี้ของลั่วจิ่งซีจี้ใจเขาจริงๆ แม้ว่าชีเหนียงจะตัดสินใจยอมรับเขา แต่พิธีนับญาติยังไม่ได้จัดขึ้น ส่งผลให้จนถึงตอนนี้ตนยังไม่มีสถานะที่ถูกต้อง เด็กๆ ทั้งหลายก็ได้แต่เรียกตนเองว่าท่านหลิง คำว่าท่านตาไม่รู้จะได้ยินเมื่อใด
ลั่วชีเหนียงได้รู้จากหลิงชางไห่ว่าขาของลั่วจิ่งเฉินสามารถรักษาได้เร็วขึ้น แม้ว่าวิธีนี้จะลำบากและอันตราย แต่ก็จำต้องใช้วิธีนี้ ถึงจะไม่ได้ทำเพื่อเข้าร่วมสอบเคอจวี่ แต่เพื่อให้ใช้ชีวิตได้เป็ปกติและมีโอกาสหายดี ใครกันเล่าไม่อยากจะใช้ร่างกายที่สมบูรณ์ในการใช้ชีวิตบนโลกนี้
ตอนนี้สิ่งเดียวที่นางทำได้คือรับประกันเื่จัดสรรยาสมุนไพรรวมถึงยาบำรุงร่างกายที่ต้องใช้หลังจากนี้
-----
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้