“น้องรอง เ้าคุ้มครองคุณหนูหนีไป ปล่อยให้ข้าจัดการสัตว์เดรัจฉานขนแบนเหล่านี้” คนกลุ่มนี้ได้ออกมาจากอาณาเขตของผาไม้ดำแล้ว แต่นกอินทรีสายฟ้าก็ยังไล่ติดตามไม่ยอมเลิกราและจะมามากขึ้น สาเหตุเกิดจากสิ่งใดกันแน่ที่ทำให้สัตว์ขนแบนฝูงนี้เคียดแค้นชิงชังทุกคนมากเช่นนี้
หญิงสาวสีหน้าเศร้าโศก เวลานี้สูญเสียผู้คุ้มกันไปแล้วสามคน สัตว์อสูรวิหคกระจอกสีขาวหลายตัวก็าเ็สาหัสแล้วเช่นกัน
“บูมมม…” ขณะที่หญิงสาวกำลังรู้สึกสิ้นหวังนั่นเอง เกิดเสียงะเิดังขึ้นอย่างกะทันหันมาจากในป่า เกิดม่านควันหนาทึบลอยขึ้นมากลุ่มหนึ่ง ครู่เดียวก็ลอยสูงกว่าสิบวาในทันที กระจายออกไปรอบด้านเหมือนกับพองลมก็ปาน
“พวกที่ไม่อยากตายจงเข้ามาอยู่ในหมอกควัน!” น้ำเสียงเ็าเสียงหนึ่งดังขึ้นจากภายในหมอกควัน
หญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อย แต่ตอนนี้ไม่มีทางเลือกแล้ว ไม่เข้าไปในม่านหมอกควัน ก็เท่ากับเปิดเผยตัวต่อสายตาของนกอินทรีสายฟ้า หลบอย่างไรก็หลบการโจมตีของนกอินทรีสายฟ้าไม่พ้น เข้าไปอยู่ในหมอกควันยังสามารถอาศัยควันกำบังสายตาของนกอินทรีสายฟ้าได้ บางทีอาจยังมีโอกาสรอดชีวิต
“ควับ ควับ…” พาหนะห้าตัวทะยานเข้าไปภายในหมอกควันราวเหินบิน นกอินทรีสายฟ้าเหนือศีรษะส่งเสียงร้องแปลกๆ รอบหนึ่ง ดูกระวนกระวายยิ่งนัก สายตาของมันถูกกำบังด้วยหมอกควัน ทำให้พวกมันสูญเสียเป้าหมายไปแล้ว
“ตอนนี้ฟังข้า รีบลงจากสัตว์อสูรวิหคกระจอกสีขาว” ทุกคนสายตามองไม่เห็น ได้แต่อาศัยประสาทััรับรู้จากลมหายใจเท่านั้น แต่ควันดำหนาทึบนี้แม้กระทั่งลมหายใจก็ถูกรบกวน แต่กลับไม่มีกลิ่นที่ทำให้สำลักแต่อย่างไร
“เ้าเป็ใคร?” หญิงสาวถามขึ้นอย่างตื่นเต้น คนแปลกหน้าลึกลับผู้นี้ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน ไม่ทราบมีเจตนาใด แต่ว่าตอนนี้ดูเหมือนมิมีเจตนาร้ายต่อพวกเขา มิฉะนั้นเขาไม่จำเป็ต้องทำสิ่งใดเลย แค่ดูพวกเขาถูกนกอินทรีสายฟ้ากำจัดก็ใช้ได้แล้ว
“อย่าพูดเื่ไร้สาระ เวลามีไม่มาก สนใจพื้นดินใต้ฝ่าเท้า หลังจากลงพื้นแล้วให้ไล่สัตว์อสูรวิหคกระจอกสีขาวออกไปทันที แล้วเดินตามเสียงของข้า ะโเข้ามา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นจงเงียบ อย่าได้ส่งเสียง” เสียงนั้นแปรเปลี่ยนเป็เร่งเร้าขึ้นบ้างแล้ว แต่กอปรด้วยความรู้สึกล่วงละเมิดมิได้ชนิดหนึ่ง ยามนี้ทุกคนไม่มีเวลาไปครุ่นคิดไตร่ตรองปัญหาเพิ่มขึ้นแล้ว พวกเขาไม่คิดจะเสียชีวิตภายใต้กรงเล็บของนกอินทรีสายฟ้า ได้แต่เดิมพันสักครั้งหนึ่งแล้ว
“เปรี๊ยะ…” มีเสียงกิ่งไม้ถูกหักดังขึ้นครั้งหนึ่ง คนทั้งห้าไม่ลังเลอีกต่อไป กระโจนไปยังสถานที่มีเสียงดังขึ้นพร้อมกัน แต่พวกเขาไม่สามารถัักับพื้นดินได้ชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนรู้สึกใขึ้นมา พลันก็ปะทะชนกันเองรวมเป็กอง พวกเขาตกลงไปในหลุมลึกแห่งหนึ่งลึกลงไปในใต้ดิน ทุกคนไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจ จึงเกือบจะส่งเสียงอุทานออกมา
“ซู่……” เสียงแ่เบาเสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหูหญิงสาว เสียงนี้ดังขึ้นกะทันหันเกินไป หนังศีรษะของหญิงสาวด้านชาขึ้นวูบ แต่ก็ยังคงสงบสติอารมณ์เงียบไว้ จากนั้นนางก็ได้ยินเสียงอู้อี้ดังขึ้นหลายครั้ง คล้ายเสียงของหนักตกลงไปในน้ำ ดังมาจากทางด้านแม่น้ำ เสียงกรีดร้องของนกอินทรีสายฟ้าแว่วมาจากบนท้องฟ้า ผสมผสานเสียงของหนักตกลงบนพื้น สับสนวุ่นวายไปหมด
เวลาผ่านไปเนิ่นนาน ทุกคนไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงๆ สักพักใหญ่ทุกคนไม่ััรับรู้ถึงกลิ่นอายลมหายใจของนกอินทรีสายฟ้าแล้ว แต่ก็ยังไม่มีใครกล้าผ่อนคลายความระมัดระวัง ผู้ใดจะไปรู้ว่าอินทรีสายฟ้ายังอยู่เหนือศีรษะอยู่อีกหรือไม่
กระบวนการรอคอยช่างยาวนานนัก ไม่ทราบว่าผ่านไปนานเท่าไรแล้ว หญิงสาวถูกเบียดจนรู้สึกอึดอัด เลยลองขยับตัวดูกลับค้นพบอย่างตื่นเต้นว่าตนเองกำลังนั่งทับอยู่บนร่างของคนผู้หนึ่ง อดที่จะอุทานอย่างใเสียงดังออกมาไม่ได้ เงื้อมือขึ้นแล้วตบไปทางด้านหลัง
“เพียะ…” เสียงสดใสชัดเจนดังขึ้นทำลายความเงียบลง
“โอ๊ย เ้าทำอะไร?” เสียงอุทานใดังขึ้นท่ามกลางความมืด เป็เสียงของบุรุษผู้หนึ่ง
“เ้าคนลามก…”
“สตรีบ้าเสียสติ หากมิใช่ข้า พวกเ้าตายไปแต่แรกแล้ว เ้าตัวหนักขนาดนี้ตกลงมาจากข้างบน ทำเอาเอวข้าแทบจะหักไปแล้ว เ้ายังพูดว่าข้าลามกอีก ยามนี้เ้ากำลังนั่งทับข้าอยู่…”
“คุณหนู…” มีคนกระซิบเบาๆ
“สรุปแล้วเ้านั่นแหละผิด ผู้ใดใช้ให้เ้าอยู่ด้านล่างข้า อา ยังค้ำข้าไว้…” หญิงสาวอุทานขึ้นมาอีกครั้ง
“ค้ำตรงไหนกัน? มันเป็ปฏิกิริยาทางธรรมชาติ…โอ๊ย อย่านะ เ้าอันธพาลหญิง เ้าคลำตรงไหน…”
“ฟู่……” แสงไฟน้อยๆ สาดส่องขับไล่ความมืดไป ทุกคนอยู่ภายในหลุมลึกแห่งหนึ่ง ้าใช้พืชพรรณคลุมปกปิดเอาไว้ ถ้าไม่ตรวจสอบดูให้ดีอย่างละเอียด ไม่สามารถดูออกว่าด้านล่างเป็สถานที่ซ่อนตัวเช่นนี้ ที่ทำให้ผู้อื่นต้องประหลาดใจคือ ยามนี้หญิงสาวกำลังนั่งทับอย่างิ่เหม่อยู่บนร่างของชายหนุ่มผู้หนึ่ง…
ทุกคนต่างก็โง่งมไปแล้ว ภายในหลุมลึกถูกความเงียบปกคลุม หญิงสาวเองก็ยังตะลึงกับตนเอง ผนึกค้างอยู่เช่นนั้น เนิ่นนานต่อมา และแล้วจู่ๆ ก็ร้องกรีดเสียงแหลมสุดขั้วหัวใจออกมาดังลั่น ะโผางคราหนึ่งถึงกับะโออกไปจากหลุมลึกแล้วจริงๆ
“อ๊าก!” ชายหนุ่มใต้ร่างหญิงสาวส่งเสียงร้องน่าอนาถขึ้นมาครั้งหนึ่ง อุทานอย่างความเ็ป “เ้าคนอันธพาล…”
คนที่เหลืออีกสี่คนภายในหลุมจ้องเขม็งทุกสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าพวกเขา เห็นรอยเท้ายุ่งเหยิงหลายรอยประทับอยู่บนร่างของชายหนุ่ม ต่างก็มองหน้ากันไปมา
ชายหนุ่มถูกหลายคนช่วยกันลากออกจากหลุมลึก ทั้งศีรษะ ทั้งใบหน้าเปื้อนเต็มไปด้วยฝุ่นสีหน้าดูหดหู่ซึมเซา ถลึงตาอย่างดุร้ายมองหญิงสาวที่สีหน้าเคอะเขินยิ่งนักคราหนึ่ง พูดขึ้นอย่างโมโหว่า “ทำคุณบูชาโทษแท้ๆ อุตส่าห์ใจดีช่วยเหลือพวกเ้า แต่โดนพวกเ้าเหยียบ จนแม้แต่มารดาก็จำข้าไม่ได้แล้ว อีกทั้งยังกล่าวหาข้าลามกอีก…”
“เ้า ข้าหาได้มีเจตนาไม่!” หญิงสาวจากอับอายกลายเป็โทสะ เื่ราวน่าอายเช่นนี้ กลับมาเกิดขึ้นกับตนเองเสียอ่างนั้น วันนี้เื่ราวทุกอย่างไม่ราบรื่นและย่ำแย่ยิ่งนัก นับั้แ่ถูกฝูงนกอินทรีสายฟ้าติดตามไล่ล่ามาจนถึงการััเนื้อหนังมังสาอย่างใกล้ชิดกับคนแปลกหน้าภายในหลุมลึก ที่โชคร้ายยิ่งกว่าคือได้ัักับสิ่งที่ไม่ควรไปััจริงๆ น่าอับอายขายหน้าอย่างยิ่ง ที่น่าอับอายยิ่งกว่าคือสายตาของผู้คุ้มกันหลายคนพวกนั้น หญิงสาวโกรธแล้วตวาดว่า “มีอะไรให้ดู พวกเ้าได้เห็นอะไรบ้าง?”
“เื่นี้ เื่นี้...พวกเราไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น เพียงแค่เห็นน้องชายท่านนี้ช่วยชีวิตพวกเราไว้…”
“ใช่แล้ว ถูกต้อง พวกเราเพียงแค่เห็นน้องชายท่านนี้ช่วยชีวิตพวกเราไว้ เราผู้ชราเจี่ยชิง ขอเป็ตัวแทนคุณหนูและตระกูลหลิ่วขอบพระคุณน้องชายที่ช่วยชีวิตพวกเราไว้”
“ข้าผู้ชราเหยียนควน ขอขอบพระคุณน้องชายที่ช่วยชีวิต นี่คือหลิ่วหว่านอวี๋ คุณหนูของตระกูลเรา”
“ผู้น้อยหลิ่วซู่ ขอขอบพระคุณน้องชาย! ”
“ผู้น้อยหลิ่วถง ขอขอบพระคุณน้องชายที่ช่วยชีวิต”
“ดูซิ พวกเขาแต่ละคนล้วนมีมารยาทสุภาพกว่าเ้า แม้แต่คำขอบคุณสักคำก็ไม่มี ยังตบข้าฉาดหนึ่ง นี่ยังเป็ครั้งแรกที่มีคนตบข้าจ้านอู๋มิ่งฉาดหนึ่ง มิอาจไม่พูดว่าวิธีการที่เ้าขอบคุณผู้อื่นนั้นพิเศษมาก!” ชายหนุ่มพูดด้วยอารมณ์ที่มิค่อยดีนัก
“ผู้อื่นเขาหาได้มีเจตนาไม่ดี เพราะอารามร้อนใจ ผู้อื่นขอโทษก็แล้วกัน” หลิ่วหว่านอวี๋ทราบว่าตนเองทำผิดจริงๆ ชายหนุ่มช่วยชีวิตไว้ก่อน เพียงแต่หลุมลึกนั่นมันเล็กเกินไปจริงๆ ยืนได้เพียงไม่กี่คนเท่านั้นเอง และอยู่ท่ามกลางความมืดมิดอีกด้วย…
“เอาล่ะ ข้าเป็ผู้ใหญ่ไม่ถือสาความผิดพลาดของผู้น้อย รีบออกไปจากที่นี่กันเถอะ ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกเ้าไปกระทำเื่ฟ้าพิโรธ คนเดือดดาลอะไรไว้ กลับชักนำนกอินทรีสายฟ้ามาถึงแปดตัว และยังติดตามไล่ล่าออกมาถึงนอกอาณาเขตผาไม้ดำ โชคดีมากจริงๆ ที่สามารถรอดชีวิตมาได้” ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเองและหันมองไปบริเวณโดยรอบ
ทุกคนเงยขึ้นมอง รู้สึกประหลาดใจที่พบว่าต้นไม้ส่วนใหญ่ที่นี่ถูกหักโค่นลงกลางลำต้น ที่ห่างออกไปไม่ไกลนัก ปลาตายลอยเป็แพอยู่ในแม่น้ำ มีปลาหลายตัวถูกฉีกกระชากทำลายจนแหลกเละ ซากศพสัตว์อสูรต่างๆ ในแม่น้ำแขวนอยู่บนกิ่งไม้บริเวณรอบๆ บริเวณ เห็นได้ชัดว่านกอินทรีสายฟ้าคิดว่าทุกคนหนีลงไปอยู่ในน้ำ ดังนั้นจึงระดมยิงลูกสายฟ้าลงไปในน้ำเป็จำนวนมาก สายฟ้าทำให้ปลาและกุ้งจำนวนมาก ตลอดจนสัตว์อสูรตัวน้อยในแม่น้ำตายมากมายนับมิถ้วน สัตว์อสูรแข็งแกร่งในแม่น้ำคิดตอบโต้ ก็ถูกนกอินทรีสายฟ้าโจมตีจนตายด้วยเช่นกัน ส่วนที่กินไม่หมดก็โยนขึ้นไปบนกิ่งไม้ เป็โศกนาฏกรรมที่หฤโหดสุดเปรียบปาน ที่ไม่ไกลตรงนั้น ซากสัตว์อสูรวิหคกระจอกสีขาวหลายตัวแหลกเหลวเละเทะเป็กอง เห็นได้ชัดว่าถูกนกอินทรีสายฟ้าระบายโทสะใส่
หลิ่วหว่านอวี๋มองซากศพสัตว์อสูรวิหคกระจอกสีขาวหลายตัวด้วยสีหน้าอาลัยอาวรณ์ ลอบรู้สึกใจหาย ตระหนักดีว่าเมื่อครู่ถ้ามิใช่ชายหนุ่มคนนี้ช่วยเหลือไว้ ซุกซ่อนทุกคนไว้ภายในหลุมลึก เกรงว่าเวลานี้พวกเขาก็คงกลายเป็เสี่ยงๆ เหมือนเช่นสัตว์อสูรวิหคกระจอกสีขาวแล้ว
“เ้าซ่อนตัวจากััจิติญญาของนกอินทรีสายฟ้าได้อย่างไร?” จู่ๆ หญิงสาวก็สงสัยอยากรู้ขึ้นมา ถึงแม้หลุมนั้นจะลึกถึงสองวา แต่สำหรับนกอินทรีสายฟ้าแล้ว ความลึกนี้ไม่เพียงพอที่จะหลบรอดการตรวจจับััทางจิติญญาของพวกมัน เมื่อนกอินทรีสายฟ้าพบว่าคนไม่ได้อยู่ในน้ำ ก็สามารถคิดว่าอาจจะอยู่ในป่าแห่งนี้ ดังนั้นจึงใช้ปีกวิเศษของมันที่เปรียบได้กับใบมีดแหลมคม ตัดต้นไม้ขาดตรงกลางลำต้นทั้งหมด แต่กลับไม่สามารถหาพวกเขาพบในหลุมใต้ดินแห่งนี้
“ข้าคุณชายกล้ามาที่ป่าสัตว์อสูรแห่งนี้ ย่อมวิธีการเอาชีวิตรอดอยู่แล้ว การหลบรอดจากััทางจิติญญาของนกอินทรีสายฟ้านับเป็อะไรได้?” จ้านอู๋มิ่งพูดขึ้นอย่างหยิ่งผยอง พูดพลางหยิบขวดหยกใบเล็กๆ ออกมาจากอกเสื้อโบกมือไปมาแล้วพูดขึ้น “ข้าคุณชายโปรยโอสถเล็กน้อยลงบริเวณปากหลุมแล้ว นกอินทรีสายฟ้าย่อมไม่สามารถตรวจพบได้”
“ให้ข้าดูหน่อย…” ดวงตาหญิงเปล่งประกายวูบ พูดด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น
“หากไม่คิดที่จะรอนกอินทรีสายฟ้าย้อนศรกลับมาไล่ล่าฆ่ากันอีก ก็รีบออกไปจากที่นี่กันเถอะ” จ้านอู๋มิ่งไม่คิดจะรั้งอยู่ที่นี่ต่อไป รีบเร่งตรงไปที่แม่น้ำ
……
“อา…” ทันใดนั้นก็มีเสียงกรีดร้องดังมาจากริมแม่น้ำ
ทุกคนเงยหน้าขึ้นมอง เห็นหญิงสาวเอามือปิดหน้า หอบหายใจกระชั้นถี่เร็ว ดูผมที่โดนสายฟ้าเผาจนเป็ทรงเล้าไก่และหน้ากระดำกระด่างของหญิงสาวแล้ว ทุกคนล้วนโง่งมไปแล้ว
“หยุดโวยวายเสียที ปลาใจนหนีไปหมดแล้ว ทั้งตัวเหมือนดั่งนกกระจอกป่าเป็สีเทาหม่นๆ ยังโดนความร้อนจนผมฟูะเินั่นอีก!” จ้านอู๋มิ่งโวยขึ้นอย่างอารมณ์มิค่อยดีนัก จากนั้นก็รีบทำความสะอาดล้างฝุ่นทั่วใบหน้าด้วยน้ำในแม่น้ำ
“เ้า!” หญิงสาวโกรธเกรี้ยว กลับแค่แค่นเสียงฮึเ็าคำหนึ่ง รีบจัดแจงเสื้อผ้าให้เรียบร้อยคราหนึ่ง สิ่งที่ทำให้จ้านอู๋มิ่งพูดไม่ออกคือ นางกลับหยิบหวีออกมาอันหนึ่ง ส่องแม่น้ำแล้วจัดระเบียบเส้นผมด้วยความสนใจอย่างยิ่ง
“เฮ้อ จัดผมดีมากขนาดนั้นจะมีประโยชน์อะไร อีกสักพักนกอินทรีสายฟ้าจะกลับมาแล้ว ยังมิใช่ถูกสายฟ้าฟาดจนไหม้เกรียมนอกนุ่มในเหมือนเดิมอีกหรือ…” จ้านอู๋มิ่งส่ายหน้า ที่นี่อยู่ใกล้อาณาเขตดินแดนนกอินทรีสายฟ้ามากเกินไป ผู้ใดกล้ารับรองได้ว่านกหน้าเหม็นนั่นจะไม่ย้อนศรกลับมาไล่ล่าฆ่ากันอีก
“คุณหนู สถานที่นี้ไม่เหมาะที่จะอยู่นานจริงๆ พวกเรายังคงออกจากที่นี่ก่อนมาว่ากัน” เหยียนควนรู้สึกว่าจ้านอู๋มิ่งพูดมีเหตุผลรีบพูดเตือนสติ
หลิ่วหว่านอวี๋อับจนปัญญา ได้แต่รีบเร่งล้างหน้า แค่นเสียงเ็าดังฮึใส่จ้านอู๋มิ่งอีกครั้ง
“มิทราบว่าน้องชายมาจากที่ใด ไฉนจึงมาอยู่คนเดียวบนหน้าผาไม้ดำแห่งนี้เล่า?” เจี่ยชิงลองเลียบเคียงถามจ้านอู๋มิ่ง เขาพบว่าตนมองจ้านอู๋มิ่งไม่ออก เขาไม่สามารถััถึงพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ในตัวชายหนุ่มคนนี้ เหมือนคนธรรมดาสามัญคนหนึ่ง แต่คนธรรมดาผู้หนึ่งจะสามารถเข้าสู่ป่าสัตว์อสูรเป็ระยะทางหลายร้อยลี้ได้อย่างไร ดังนั้นเขาจึงรู้สึกสงสัยอย่างยิ่ง
“ตระกูลจ้านแห่งเมืองมู่เหย่ ผู้น้อยจ้านอู๋มิ่ง นายน้อยสี่แห่งตระกูลจ้าน” จ้านอู๋มิ่งมิได้ปิดบัง
“นายน้อยสี่ของตระกูลจ้านแห่งเมืองมู่เหย่ เสียมารยาทแล้วจริงๆ” สีหน้าเหยียนควนสงบลง พวกเขาเข้าสู่ป่าสัตว์อสูรก็เริ่มจากเดินทางผ่านเมืองมู่เหย่เข้ามา มีความเข้าใจต่อตระกูลจ้านอยู่บ้าง ทราบว่าตระกูลจ้านเริ่มต้นก่อร่างสร้างตัวจากเทือกเขาป่าสัตว์อสูร ดำเนินกิจการจำหน่ายวัตถุจากสัตว์อสูรจำนวนมาก หลายปีมานี้เม็ดโอสถที่วางขายในตลาดก็ประสบความสำเร็จมีชื่อเสียงโด่งดังมากเช่นกัน เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าชายหนุ่มตรงหน้าผู้นี้กลับเป็นายน้อยสี่ของตระกูลจ้าน
“เอาล่ะ ข้าต้องไปแล้ว ยังต้องไปชมการแสดงดีๆ ที่หุบเขาค่างปีศาจ พวกเ้า้าไปดูหรือไม่?” สีหน้าจ้านอู๋มิ่งแปรเปลี่ยน พูดจาหัวเราะฮิฮะขึ้นมา
“หุบเขาค่างปีศาจ?” เจี่ยชิงสีหน้าแปรเปลี่ยน แม้ว่าเขาจะไม่เคยไปป่าสัตว์อสูรก็ตาม แต่ก่อนจะเข้าสู่ป่าสัตว์อสูร ยังคงได้ทำความเข้าใจมาบ้างเกี่ยวกับสถานที่อันตรายรอบนอกป่าสัตว์อสูร ย่อมทราบดีว่าหุบเขาค่างปีศาจก็เป็สถานที่อันตรายยิ่งนักเช่นกัน
“มีการแสดงอะไรดีๆ บ้าง? พูดมาให้ฟังหน่อย” พอได้ยินว่ามีการแสดงดีๆ หลิ่วหว่านอวี๋กระตือรือร้นสนใจขึ้นมาทันที
“ได้ยินมาว่าตระกูลเจิ้งแห่งเมืองหลวงได้เข้าร่วมกับตระกูลจี้ของเมืองมู่เหย่ เพื่อสำรวจขุมทรัพย์ในหุบเขาค่างปีศาจ หุบเขาค่างปีศาจนั้นมิใช่สถานที่ที่ดีนัก สองฝ่ายล้วนไม่พบผลลัพธ์ที่ดี ข้าจะดูว่าจะสามารถหยิบกระดูกสัตว์อสูรวานรสักสองสามชิ้นได้หรือไม่” จ้านอู๋มิ่งยักๆ ไหล่พูดขึ้น
เหยียนควนสีหน้าแปรเปลี่ยน ลอบสบตากับเจี่ยชิง ดวงตาฉายแววความมุ่งมั่นวูบขึ้น หันมาทางหลิ่วหว่านอวี๋กล่าวว่า “คุณหนู ตอนนี้พวกเราว่างนัก ไร้เื่ราวอื่นให้กระทำ มิสู้ร่วมเดินทางไปดูความสนุกตื่นเต้นก็ดีเหมือนกัน”
หลิ่วหว่านอวี๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกลังเลอยู่บ้างพูดว่า “แต่นั่นเป็คนของตระกูลเจิ้งนะ!”
“คุณหนู!” หลิ่วถงพูดเตือนสติเบาๆ
ทุกอย่างอยู่ในสายตาจ้านอู๋มิ่ง ในใจลอบยิ้ม สายตามองไปที่ร่างหลิ่วหว่านอวี๋อีกครั้ง นั่นคือใบหน้างดงามที่คุ้นเคยยิ่งนักในชาติภพที่แล้ว สดชื่นแจ่มใส สดใสน่ารัก เหมือนดั่งนางฟ้าบนูเาบรรพตก็มิปาน สติปัญญาอำนาจเหนือธรรมชาติกดดันผู้คน ถึงแม้เวลานี้จะมีทรงผมเล้าไก่ก็ตาม แต่ก็มิสามารถซ่อนความงดงามอันบริสุทธิ์นั้นได้ จ้านอู๋มิ่งอดที่จะแอบปฏิญาณในใจไม่ได้ ชาติภพนี้จะต้องเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตฝืนฟ้าลิขิตให้ได้ ข้าจะไม่ให้เ้าทำผิดพลาดซ้ำรอยเดิมอีก
“เมื่อเป็เช่นนั้นก็ออกเดินทางกันเถอะ!” จ้านอู๋มิ่งกล่าวยิ้มๆ แสร้งทำเป็ไม่รู้ หันหลังเดินไปทิศทางส่วนลึกของป่า
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้