“ขอผมนั่งด้วยได้มั้ยครับ?”หยางเฉินเดินเข้าไปใกล้อย่างช้าๆโดยไม่ได้แจ้งเตือนโม่เชี่ยนนีที่กำลังเทเครื่องดื่มอยู่
โม่เชี่ยนนีได้ยินเสียงที่คุ้นเคยและเธอค่อยๆ เงยหน้าขึ้น บางทีอาจเป็เพราะเธอดื่มเหล้ามาได้สักพักแล้วใบหน้าสวยของเธอจึงแดงระเรื่อโดยไม่สามารถปกปิดได้
“ทำไมนายถึงอยู่ที่นี่?”เธอพูดด้วยท่าทางนุ่มนวลประหลาดใจปนความสุข
หยางเฉินนั่งลงอย่างช้าๆหยิบตะเกียบใช้แล้วทิ้งขึ้นมา พลางคีบกินเนื้อสไลด์หมักเครื่องเทศ
“ผมออกมาสูดอากาศข้างนอกแล้วมาที่นี่โดยบังเอิญ ผมก็แค่หิวและอยากกินร้านข้างทางเท่านั้นเองใครจะไปรู้ว่าจะเจอคุณที่นี่”
โม่เชี่ยนนีรู้สึกได้ว่าหยางเฉินไม่ได้โกหกเธอฝืนยิ้มจืดชืดพร้อมกล่าวว่า“นายรู้ไหมประโยค ที่นายพูดมันเหมือนเพลงเพลงหนึ่งเลยล่ะ?”
“เพลงอะไรเหรอครับ?”
“…Please let me settle down, usesilence to bury the past, filled with a stormy past I emerged from the seas,and finally lived quietly in this desert. Things that should be hidden awaywould always come to light, so many things I want to convey, but can onlyremain silent… Love is the superstition of the right place and time, oh… youwere here as well.
"...โปรดช่วยให้ฉันสงบลงใช้ความเงียบเพื่อฝังศพอดีตที่เต็มไปด้วยพายุฉันออกมาจากทะเลและในที่สุดก็อาศัยอยู่เงียบๆ ในทะเลทรายนี้สิ่งที่หายไปจะกลับมาเจิดจ้า หลายสิ่งหลายอย่างที่ฉัน้าจะถ่ายทอดแต่มันกลับเหลือแค่ความว่างเปล่า... ความรักคือโชคในที่ที่เหมาะสมและเวลาที่เหมาะสมโอ... คุณอยู่ที่นี่เช่นกัน"
โม่เชี่ยนนีร้องเพลงด้วยเสียงอันเบาเสียงเธอยอดเยี่ยมมาก ทุ้มและนุ่มนวล เพลงนี้ “เพราะคุณอยู่ตรงนั้น”เหมือนกับเล่าถึงความเ็ปบางอย่างบาง่ของอดีตของเธอที่ไม่สามารถพูดได้
“คุณร้องมันออกมาได้เพราะมากๆแม้ว่ามันจะเป็ครั้งแรกที่ผมได้ยินเพลงนี้ก็เถอะ”
โม่เชี่ยนนีเติมแก้วของเธอจนเต็มด้วยเหล้าสีขาวและจิบคำเล็กๆ ก่อนจะพูดต่อ
“นั้นเป็เพราะเราทั้งคู่อยู่ที่นี่ด้วยกัน”
หยางเฉินจำได้ว่าครั้งแรกที่เขามาที่นี่กับโม่เชี่ยนนีเธอยังคงเติมเครื่องดื่มของเธอเหมือนวันนั้นเธอเหมือนกับพวกนางเอกสมัยก่อนที่ไร้บ้าน ออกเดินทางไปทั่วโลกนั่งพักในกระท่อมที่เก่าทรุดโทรม พร้อมไหเหล้า และจานอาหารเธอดูเหมือนอิสระและไม่มีขอบเขต แต่ก็ดูเหงาหงอยในเวลาเดียวกัน
บางทีอาจจะไม่เคยมีใครคิดว่าหัวหน้าแผนกโม่ผู้เปี่ยมไปด้วยสไตล์และความมั่นใจต่อหน้าคนอื่น จะมีมุมธรรมดาบ้านๆ แบบนี้ด้วย
พวกเขา 2 คนไม่พูดอะไรกันไปชั่วครู่และบรรยากาศก็เงียบไป หลังจากที่โม่เชี่ยนนีดื่มไปสักพักเธอพบว่าในที่สุดเหล้าก็หมดขวด ดูเหมือนว่าเธอจะไม่้าดื่มมันอีกต่อไปเธอมองไปที่หยางเฉินด้วยแววตาซับซ้อน ก่อนจะถามว่า
“คุณออกมาแค่ขับรถเล่นจริงๆหรือ?”
หยางเฉินอึ้งไปพักหนึ่งความจริงแล้วที่เขาไม่ยอมกลับไปเพราะเขาไม่้าเผชิญหน้ากับรุ่นพี่ของหลินรั่วซี เฉิงซินหลินเขาหวนคิดถึงความสัมพันธ์ระหว่างโม่เชี่ยนนีกับหลินรั่วซีจากนั้นก็ถามขึ้นมาทันทีว่า
“คุณโม่คุณรู้จักคนชื่อเฉิงซินหลินมั้ย?”
“เฉิงซินหลิน?คุณไปรู้จักเขาได้ยังไง?”โม่เชี่ยนนีดูจะแปลกใจเอามากๆ
“ตอนฉันกลับบ้านวันนี้เฉิงซินหลินกำลังนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น พูดคุยอยู่กับรั่วซีแต่ผมไม่้านั่งฟังจึงออกมา” หยางเฉินอธิบายง่ายๆ
โม่เชี่ยนนีมองไปที่เขาด้วยสายตาลึกซึ้งด้วยรอยยิ้มค่อนข้างขี้เล่น “คุณรู้สึกเหมือนถูกคุกคาม?”
“คุกคาม?”
“ความกลัวว่าจะมีใครบางคนมาขโมยภรรยาคุณไปไง?”
“คุณล้อผมเล่นแล้วนี่ไม่ใช่สมัยสามก๊กนะ คุณคิดจริงๆ เหรอว่าเขาสามารถขโมยภรรยาของผมไปจากหลังม้าได้?”หยางเฉินพูดเสียงดัง
โม่เชี่ยนนีถอนหายใจ“ย้อนกลับไปตอนที่รั่วซีอยู่มหาวิทยาลัยมันเป็เื่ยากที่เพื่อนผู้หญิงจะได้ใกล้ชิดกับเธอมีเพียงรุ่นพี่เฉิงซินหลินเท่านั้นที่สามารถเจอเธอได้ทุกวัน่เวลานั้นหลายคนรู้สึกว่าผู้ชายที่ป๊อปที่สุดและผู้หญิงที่ฮอตที่สุดต้องได้เป็แฟนกันไม่ช้าก็เร็วพวกเรารู้สึกว่าพวกเขาคือคู่รักในอุดมคติ... แต่น่าเสียดายที่ภายหลังรั่วซีต้องหยุดเรียนกลางคันเพื่อไปรับตำแหน่งซีอีโอที่อวี้เหล่ย ส่วนเฉิงซินหลินตอบรับคำขอจากครอบครัวและเข้ารับราชการทหารมิฉะนั้น... ใครจะรู้ว่าอนาคตจะออกมาเป็ยังไง...”
“คุณหมายความว่าไงที่น่าเสียดาย?ชายผู้นั้นก็แค่คนสันหลังยาวแค่นั้น"การแสดงออกของหยางเฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาดูไม่ค่อยสบายใจเมื่อเขาคิดว่าคนนั้นนัดเจอหลินรั่วซีทุกวันตอนพวกเขาอยู่ที่มหาวิทยาลัยหยางเฉินรู้สึกเสียใจที่เขาไม่ได้จัดการผู้ชายคนนั้นก่อนออกจากบ้านอย่างไรก็ตามทุกอย่างก็สายไปเสียแล้ว
โม่เชี่ยนนีแกล้งถอนหายใจด้วยความเสียใจ
“ใช่แล้ว เมื่อเขากลับมาเขาก็กลายเป็ซีอีโอของฉางหลินมีเดีย แม้ว่ามันจะเป็แค่สินทรัพย์ส่วนหนึ่งของตระกูลเฉิง แต่เขาก็มีอำนาจควบคุมในบริษัทจดทะเบียนนั้น เขายังหนุ่ม รวยและหน้าตาเขาก็เป็ที่ชื่นชอบเป็อย่างมากในมหาวิทยาลัย เขามีแฟนคลับเป็หมื่นคนเมื่อเขาเริ่มต้นทำงาน เขาก็กลายเป็ซีอีโอของบริษัทั์ใหญ่ก็อย่างที่นายพูดมามันไม่มีอะไรมาก”
หยางเฉินเลิกคิ้วและถาม
“ฉางหลินมีเดียเป็บริษัทั์ใหญ่เชียวเหรอ?”
“แต่เดิมแล้วมันเป็บริษัทมีเดียที่มาจากจังหวัดอื่นสำนักงานใหญ่อยู่ที่เยี่ยนจิง อย่างไรก็ตาม เพราะการกลับมาของเฉิงซินหลินในเวลานี้บริษัทจึงย้ายมาที่จงไห่ ถือได้ว่าเป็บริษัทมีเดียที่ติดอันดับ 1ใน 10 บริษัทมีเดียชั้นนำเหมือนกับที่อวี้เหล่ย อย่างไรก็ตามพวกเขามีกลุ่มหัวกะทิของตระกูลเฉิงคอยสนับสนุนนั่นไม่ใช่สิ่งที่อวี้เหล่ยจะสามารถแข่งขันเพียงลำพังได้”โม่เชี่ยนนีอธิบายอย่างชัดเจน
“ดูเหมือนคุณจะรู้เื่พวกนี้ดีทีเดียวคุณตามสืบเื่นี้มาอย่างละเอียดหรือไง?” หยางเฉินถาม
โม่เชี่ยนนีหันมามองเขา“ฉางหลินมีเดียไม่ใช่บริษัทเล็กๆและนับว่าเป็บริษัทแฟชั่นแห่งหนึ่งเช่นกันเมื่อพวกเขาเข้าสู่จงไห่อย่างเป็ทางการ ข่าวที่ออกมาก็เพียงพอแล้วฟังคุณพูดถึงเฉิงซินหลินไปที่บ้านคุณเพื่อเยี่ยมรั่วซี่ดึกคืนนี้ดูเหมือนเขาคิดจะเริ่มสร้างสัมพันธไมตรี และหวังจะเป็พันธมิตรในอนาคต”
ร่วมเป็พันธมิตร!ก็ไม่เป็ไรถ้าจะเป็แค่เื่งานเท่านั้นแต่ถ้ามันมีความตั้งใจอื่น เล่าจื๊อผู้นี้จะเผาไข่มันซะหยางเฉินครุ่นคิดอย่างโกรธเคือง
ลมหนาวยามค่ำคืนพัดผ่านไปโม่เชี่ยนนีหนาวสั่นเพราะอากาศที่เย็นขึ้นมา ก่อนเอ่ยขึ้นว่า
“นี้ก็ดึกมากแล้วนายไปส่งฉันได้มั้ย?”
“คุณไม่ได้ขับรถมาเหรอ?”หยางเฉินถามด้วยความสับสน
“ไม่ใช่เพราะนายหรอกหรือ?หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งก่อนระบบล็อกรถของฉันก็พังเพราะคนพวกนั้นและไม่สามารถใช้ได้อีก ฉันจะเอารถไปที่ศูนย์ออดี้เพื่อซ่อมในวันหยุดพรุ่งนี้ฉันตั้งใจเรียกแท็กซี่กลับบ้านคืนนี้” โม่เชี่ยนนีบ่นถึงเหตุการณ์ที่สามนินจาลักพาตัวเธอไปเป็ตัวประกัน
หยางเฉินยิ้มขอโทษั้แ่เหตุการณ์ครั้งนั้นดูเหมือนว่านิกายยามาตะก็ไม่กล้ามายุ่งกับโม่เชี่ยนนีอีกต่อไปเื่นี้ทำให้หยางเฉินสบายใจขึ้น ถ้าพวกมันพยายามจะทำอะไรเธออีกเขาคงทนไม่ไหวและพลั้งมือทำอะไรบางอย่างเพื่อให้พวกมันถอยออกไปและบางทีอาจลงมือฆ่าพวกมัน มันค่อนข้างเสี่ยงสำหรับเขาทีเดียว
เพราะพวกมันไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปก่อนหน้านี้ในสถานการณ์ที่เขาต้องรับมือกับพวกมือปืนหลายสิบคน
เมื่อเขาอยู่ในวงล้อมคนที่้าฆ่าเขาเพื่อหยุดยั้งคนพวกนี้ให้ได้เขาจึงไม่มีเวลามากพอเพื่อเพิ่มขีดจำกัดและพละกำลังในตอนสุดท้ายมันทำให้เขาเสียการควบคุมตัวเอง
เนื่องจากมันเป็การสังหารหมู่มันจึงไม่ใช่เื่สำคัญอะไรแต่ถ้าเขายังคงทำเกินขีดจำกัดอีก ในที่สุดโรคเก่าของเขาจะกลับมากำเริบอีกครั้ง
นี้เป็เหตุผลว่าทำไมหยางเฉินจึงปฏิเสธจะใช้กำลัง
ทุกครั้งเขาจะเจรจาต่อรองอย่างเหมาะสมและปล่อยให้พวกมันตัดสินใจจากไปด้วยตนเอง
หยางเฉินเพียงหวังว่า3 คนนั้นจะตกหลุมพรางหรือไม่ก็กองพลน้อยเหยียนหวงจะเข้ามาแทรกแซง แล้วส่งพวกมันกลับประเทศไปแต่เห็นได้ชัดว่าตราบใดที่นิกายยามาตะไม่เป็อันตรายต่อผลประโยชน์ของจีน กองพลน้อยเหยียนหวงก็จะไม่ลุกขึ้นมาต่อกรกับนิกายยามาตะอย่างบุ่มบ่าม เพราะถ้าพวกเขา้าจัดการกับ3 นินจา พวกเขาจะต้องจ่ายค่าตอบแทนแสนแพงแน่นอน
การไปส่งโม่เชี่ยนนีที่บ้านดูเหมือนจะเป็เื่จำเป็เพราะเขาติดหนี้เธออยู่มากความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไม่ได้สนิทกันและเธอก็มีส่วนเกี่ยวข้องในฐานะผู้ถูกลักพาตัวถ้าหยางเฉินไม่ไปส่งเธอกลับบ้าน เขาคงจะรู้สึกผิดในใจเป็อย่างมาก
หลังจากขึ้นรถไปเขาขับรถออกมาประมาณ 20 นาทีตามทิศทางที่โม่เชี่ยนนีบอกและมาถึงคอนโดที่เธออาศัยอยู่มันเป็อาคารสไตล์ตะวันตกที่อยู่ทางชานเมืองทางใต้ที่มีทิวทัศน์ที่สวยงามถนนสะอาด และให้ความรู้สึกสบายเป็อย่างมาก
เป็เวลาเที่ยงคืนพอดีเมื่อรถหยุดอยู่ตรงหน้าตึกของโม่เชี่ยนนี
โม่เชี่ยนนีไม่ได้ลงรถในทันทีแสงไฟตกแต่งในรถส่องกระทบใบหน้าน่ารักของเธอ ที่แสดงความสงสัยออกมา
“นายจะไปที่ไหนต่อ?”
หยางเฉินมองไปในความว่างเปล่า “ผมจะไปที่ไหนได้ล่ะ?ผมก็จะกลับบ้านน่ะสิ”
“นี่ก็ดึกมากแล้วขับรถจากคอนโดของฉันไปหมู่บ้านสวนหลงจิ่งใช้เวลามากกว่าครึ่งชั่วโมง”โม่เชี่ยนนีกล่าว
“แล้วผมจะทำไงได้ล่ะ?ผมไม่สามารถนอนที่นี่กับคุณได้ จริงมั้ย?”หยางเฉินพูดหยอกล้อ
“นายทำได้”
คำตอบของโม่เชี่ยนนีทำเอาหยางเฉินอึ้งไปในทันที เขาไม่รู้ว่าควรตอบกลับไปเช่นไร ใน่เวลาค่ำคืนชายหญิงขี้เหงาอยู่ด้วยกันเพียงลำพัง และยิ่งเป็สาวสวยเช่นโม่เชี่ยนนีซึ่งหยางเฉินคิดว่าเธอบอกใบ้ให้เขาแล้ว
หยางเฉินไม่ใช่ผู้ชายที่ปฏิเสธความสัมพันธ์แบบคืนเดียวและแน่นอนหน้าตาของเธอก็ไม่ได้ต่ำกว่ามาตรฐานของเขา แต่อย่างไรก็ตาม เขาจำได้ว่าโม่เชี่ยนนีเป็เพื่อนที่ดีที่สุดของหลินรั่วซี
เมื่อเห็นการแสดงออกของเธอดูสงบนิ่งนั่นทำให้หยางเฉินลังเลก่อนจะถามออกไป
“คุณโม่ผมเกรงว่ามันจะไม่ค่อยดีนะครับ”
“อย่าคิดเลยเถิดแม้ว่านายจะหิวโหยขนาดไหนก็ตามนายก็อย่าหวังว่าจะได้กินฉันแค่รู้สึกว่านี่ก็ดึกมากแล้ว นายอาจจะเหนื่อยหลังจากขับรถมาตลอดทางและส่งฉันกลับบ้านฉันก็ควรตอบแทนนายบ้าง ถ้านายไม่รังเกียจล่ะก็นะ” เมื่อเธอพูดออกมาถึงขนาดนี้ถ้าหยางเฉินยังคงพูดพร่ำเพรื่ออยู่อีก เขาก็คงไม่ใช่ลูกผู้ชายอีกต่อไป
หยางเฉินเหนื่อยมากจากการขับรถแม้ร่างกายจะเฉยๆ แต่หัวใจกลับเหนื่อยมาก
“เข้าใจแล้วขอบคุณมากครับที่เป็ห่วงผม คุณโม่” หยางเฉินยิ้มและดับเครื่องยนต์
เมื่อได้ยินหยางเฉินตอบตกลงรอยยิ้มพึงพอใจก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของโม่เชี่ยนนี แต่แล้วมันก็หายไปอย่างรวดเร็วเธอกล่าวต่อว่า
“ลงมาจากรถได้แล้วห้องพักของฉันอยู่ที่ชั้น 3”
“อ้อ...รอสักครู่นะครับ” หยางเฉินรั้งโม่เชี่ยนนีเอาไว้และพูดต่ออย่างเขินอาย“เรามาตกลงกันก่อน เมื่อผมหลับไปแล้วคุณห้ามมาทำอะไรผมเกินเลยนะ”
โม่เชี่ยนนีอยากจะตบเ้าคนหน้าด้านคนนี้สักฉาดเธอกัดฟันก่อนพูดขึ้นว่า
“อย่าห่วงไปเลยนายก็แค่หมูที่มานอนในบ้านของฉัน ไม่ว่าหมูตัวนี้จะล่ำซำขนาดไหนฉันก็ไม่มองมันด้วยความรักหรอก!”
หยางเฉินคิดอย่างจริงจังก่อนพูด
“ไม่ใช่ว่าคุณโม่ไม่สามารถแต่เพราะผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่อาจทำให้เ้าหนูของผมตั้งขึ้นมาได้ต่างหาก…”
"..."
สมองชายคนนี้เติบโตมาแบบไหนกัน?มีเห็ดเติบโตอยู่ในสมองของเขาหรือยังไงกัน!?โม่เชี่ยนนีแทบกระอักโลหิตออกมาในทันที