“ฮูหยินเ้าคะ ไยท่านไม่ร้อนใจสักนิดเล่าเ้าคะ”เหมยเซียงมองฮูหยินบ้านตนหลังจากฟังข่าวที่นางนำกลับมาเล่าจนจบ มิเพียงไม่ร้อนรนหรือกังวลกลับกันยังสั่งให้นางไปห้องครัวเพื่อทำอาหารดีๆ มาจัดไว้ให้โต๊ะหนึ่ง
เกือบหนึ่งชั่วยาม [1] แล้ว ฮูหยินจ้าวก็ยังคงไม่หยุดทานอาหารอยู่ตรงนั้นหลายครายังเรียกให้นางเอากับข้าวที่เย็นแล้วไปอุ่นใหม่ค่อยยกออกมาอีกด้วย
ที่สุดเหมยเซียงก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป และเอ่ยถามฮูหยินบ้านตนโดยไม่สนใจที่ต่ำที่สูง
ฮูหยินจ้าวยกถ้วยน้ำแกงไก่ที่ถืออยู่ในมือมาซดจนเกลี้ยงอย่างไม่เร่งร้อนก่อนหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับคราบน้ำแกงที่มุมปาก เสร็จแล้วจึงค่อยๆเอ่ยอย่างใจเย็นว่า “เ้าจะไปรู้อะไร ตาหนูเห็นไกลหนึ่งนิ้ว [2] รู้จักแต่มองหาผลประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ ตรงหน้าฮูหยินเช่นข้าเคยลงไปยื้อแย่งความรักหลงจำพวกบุปผาในคันฉ่องจันทราในสายน้ำ [3] เมื่อใดกัน”
“เ้าค่ะๆ” แม้เหมยเซียงจะเอ่ยสำทับไปตามคำแต่ก็ยังไม่อาจเข้าใจความหมายที่อยู่ในคำพูดของฮูหยินจ้าวได้
“เ้าไปเรียกเด็กรับใช้ให้ออกไปนอกจวน ไปซื้อลูกหยางเหมย [4] ที่ร้านขายของว่างของนางจางมาสักหกจินหกตำลึงนับแต่มีลูกก็อยากกินของพวกนี้ ของกินเล่นเปรี้ยวๆ หวานๆ ช่วยลดคลื่นไส้ได้ดีนัก” ฮูหยินจ้าวกินไปพลาง สั่งความเหมยเซียงไปพลาง
“ฮูหยินเ้าคะ ครานี้ซื้อมากเกินไปแล้วกระมัง ลูกหยางเหมยบอบบางนักเก็บไว้นานก็จะไม่อร่อยแล้วนะเ้าคะ หากฮูหยินชอบทาน ข้าไปซื้อให้ฮูหยินกินทุกวันดีกว่าเ้าค่ะ”เหมยเซียงคิดไม่ออกว่าเหตุใดฮูหยินต้องซื้อให้มากมายในคราเดียว จึงอดมากความขึ้นมาไม่ได้
“เ้าจะไปรู้อะไร เวลานี้ร่างกายข้าล้ำค่านักมิใช่เพราะในท้องเป็บุตรของท่านแม่ทัพหรอกหรือ จึงต้องใช้เลขนำโชคเป็เลขหกหก [5] จะได้ราบรื่น ต้องซื้อหกจินหกตำลึงจึงจะได้หากวันนี้กินไม่หมดก็กำนัลแก่พวกบ่าวไปเสีย ให้บ่าวไพร่ได้เบิกบานใจไปด้วย”
“รีบไปสิ รีบไป ซื้อได้แล้วก็รีบเอามาส่งที่ห้องข้าข้าอยากจะกินตอนนี้แล้ว” ฮูหยินใหญ่พูดจบก็สะบัดมือให้เหมยเซียงรีบไปก่อนจะก้มหน้าก้มตากินต่อ
เหมยเซียงได้รับคำสั่งก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก จึงรีบออกไปตามคำสั่งนาง
รอจนเหมยเซียงจัดการเสร็จเรียบร้อยและกลับมาในห้องฮูหยินใหญ่ก็ไม่ทานอาหารแล้ว นางกำลังเอนตัวหลับตาพักผ่อนอยู่ที่เตียงเหมยเซียงไม่กล้ารบกวนจึงค่อยๆ ย่องไปที่ข้างเตียงคอยโบกพัดให้ฮูหยินใหญ่นับั้แ่ฮูหยินใหญ่ตั้งครรภ์นางก็ขี้ร้อนนัก
เพียงไม่นานเด็กรับใช้ในจวนก็ซื้อลูกหยางเหมยกลับมาตามคำขอของเหมยเซียง
ฮูหยินใหญ่คล้ายได้กลิ่นเปรี้ยวของลูกหยางเหมยจึงถลึงลืมตาขึ้นมาทันใด
“เหมยเซียงเ้ารีบล้างลูกหยางเหมยมาให้ข้าสักหน่อย ข้าอยากกินประเดี๋ยวนี้เลยที่เหลือก็ให้นำลูกหยางเหมยครึ่งหนึ่งไปที่ห้องครัวหลัง ให้ทุกคนได้ลิ้มรสด้วยกัน”
“เ้าค่ะฮูหยิน บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้”เหมยเซียงรู้สึกว่าวันนี้ดูแลรับใช้ฮูหยินใหญ่ได้ง่ายดายเป็พิเศษ อาจเพราะฮูหยินใหญ่คิดจะสร้างบุญกุศลให้แก่ลูกในท้องกระมัง
นางไม่คิดอะไรมาก รีบเลือกเอาลูกหยางเหมยลูกโตๆ แน่นๆจำนวนหนึ่งอย่างคล่องแคล่วแล้วนำไปล้าง แต่พอนางนำลูกหยางเหมยสดสวยที่ล้างเรียบร้อยแล้วเข้ามาให้ฮูหยินใหญ่กลับกินไปเพียงสองสามลูกเท่านั้น
“อาหารมือนี้เป็มื้อที่ข้ากินได้อย่างอิ่มเอมใจที่สุดนับั้แ่ตั้งท้องมากินเสียจนข้ากินต่อไปไม่ไหวแล้ว วันนี้เป็พ่อครัวแม่ครัวคนใดทำอาหารประเดี๋ยวเ้าไปเบิกเงินมาสองตำลึงเงินแล้วมอบแก่เขา บอกว่าข้าให้รางวัล”
ฮูหยินจ้าวพูดพลางลุกขึ้นยืน เอื้อมมือไปหาเหมยเซียง“เ้าประคองข้าไปเดินย่อยอาหารที่สวนดอกไม้หลังจวนที”
แม้เหมยเซียงจะมีคำถามอยู่เต็มหัวใจ แต่ก็ยังคงประคองฮูหยินจ้าวไปอย่างระมัดระวังค่อยๆ เดินออกไปนอกเรือนทางสวนดอกไม้หลังจวนพร้อมกันกับนาง
ฮูหยินจ้าวค่อยๆ เดินตามลานเรือนในจวนแม่ทัพมุ่งหน้าไปที่สวนดอกไม้หลังจวนโดยมีเหมยเซียงคอยอยู่ข้างกายตลอดทางฮูหยินใหญ่มิได้พูดอะไรมากนัก เหมยเซียงเองก็คอยดูแลอย่างระวังกลัวฮูหยินใหญ่จะเดินไม่มั่นคงจนข้อเท้าแพลงเอาได้
สิ่งปลูกสร้างในสวนดอกไม้หลังจวนแม่ทัพไม่ซับซ้อน สวนแห่งนี้มีพื้นที่เป็รูปวงกลมไม่ว่าเดินจากเส้นทางไหน สุดท้ายแล้วก็จะกลับมาในตำแหน่งเริ่มต้น
ฮูหยินใหญ่และเหมยเซียงชมทิวทัศน์ยามราตรีไปพลางสูดกลิ่มหอมของมวลดอกไม้ไปพลาง หลังพวกนางเดินไปได้ราวครึ่งก้านธูปแล้ว ก็ค่อยๆมุ่งหน้าไปยังที่ที่มีชิงช้าอยู่
“ท่านแม่ทัพ ยานี่ขมนัก ท่านดูสิข้ามิใช่ดีๆ อยู่หรือท่านหมอจินจะต้องคิดอยากได้รางวัล จึงแสร้งทำเป็เื่ใหญ่สร้างความตื่นตระหนกยังต้องกินยาอีกที่ใดกัน”
ฮูหยินจ้าวและเหมยเซียงเดินมาถึงด้านหลังชิงช้าภายในสวนโดยไม่ทันรู้ตัวแม้ยามนี้พวกนางสองคนจะอยู่ห่างจากชิงช้าระยะหนึ่ง แต่ก็ยังสามารถมองเห็นและได้ยินเสียงที่คนตรงชิงช้าพูดจากัน
เมื่อครู่เป็หลิ่วจิ้งกำลังออดอ้อนหั่วอี้อยู่นั่นเอง
คงเพราะเห็นว่าวันนี้หลิ่วจิ้งโอนอ่อนผ่อนตามเป็พิเศษ มิได้ผลักไสเขาไปไกลๆอีก หั่วอี้จึงรู้สึกเบิกบานใจนัก
เขาสั่งให้พวกบ่าวจัดอาหารเย็นที่โต๊ะกลมข้างชิงช้าหลังทานอาหารเย็นเสร็จไม่นานอวี้จิ่นก็ยกยาที่ท่านหมอจินสั่งให้ที่เพิ่งต้มเสร็จมาแต่คาดไม่ถึงว่าหลิ่วจิ้งไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน แต่กลับกลัวการกินยาเป็ที่สุดไม่ว่าจะพูดอย่างไรนางก็ไม่ยอมดื่ม ยึดยื้อไปมากับหั่วอี้อยู่ตรงนั้นมาพักใหญ่แล้ว
ฮูหยินจ้าวช้อนตาขึ้นมาเห็นคนสองคนนั่งตัวแนบชิดกันอยู่บนชิงช้าใบหน้าของนางพลันเดี๋ยวแดงเดี๋ยวซีด ในที่สุดก็หยุดเดินและยืนจ้องเขม็งไปยังคนทั้งคู่ที่อยู่เบื้องหน้า
“ฮูหยินใหญ่…” เหมยเซียงก็เห็นเช่นกัน นางอยากเกลี้ยกล่อมให้ฮูหยินใหญ่กลับไปแต่เมื่อเห็นความเศร้าโศกอย่างที่สุดในดวงตาของฮูหยินใหญ่ นางจึงเงียบคำเสีย
“ฮูหยิน ดูท่าว่าท่านอยากให้สามีป้อนท่านเสียแล้ว”หั่วอี้พูดจบก็ก้มหน้าลงดื่มเอายาอมไว้ในปากคำหนึ่งแล้วเอื้อมมือไปโอบตัวหลิ่วจิ้งเอาไว้ เขาก้มหน้าลงจะจูบที่ริมฝีปากด้วยคิดจะกรอกยาเข้าไปในปากนาง
“หน้าไม่อายจริงๆ” ไม่ว่าอย่างไรเหมยเซียงก็เป็เด็กสาวที่ยังไม่ออกเรือนและไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนแล้วจะเคยพบเห็นภาพที่เร่าร้อนเช่นนี้มาก่อนที่ใดพอทนไม่ไหวก็หลงลืมว่าใครเป็นายใครเป็บ่าวจนเผลอพูดออกเสียง
“จำไว้ว่าต้องไปรายงานฮูหยินผู้เฒ่า”ฮูหยินใหญ่พึมพำออกมาประโยคหนึ่ง
“อะไร…” เหมยเซียงมองฮูหยินใหญ่อย่างไม่เข้าใจ เมื่อครู่คล้ายได้ยินฮูหยินใหญ่พูดว่าไปรายงานฮูหยินผู้เฒ่าต้องไปรายงานฮูหยินผู้เฒ่าเื่ใดเล่า
แต่แล้วก็กลับเกิดเื่ไม่คาดคิดขึ้นตอนนั้นเองไม่รู้เพราะเหตุใดจู่ๆ ฮูหยินใหญ่ก็ล้มตัวลงไปที่พื้นดีที่เหมยเซียงตาไว้คว้าตัวนางขณะล้มลงเอาไว้ได้ทัน ช่วยให้นางไม่ได้ร่วงล้มเร็วไปนัก
แต่แม้จะเป็เช่นนี้ ฮูหยินใหญ่ก็ยังล้มลงบนพื้นและหมดสติไปอยู่ดี
“ฮูหยินใหญ่ ฮูหยินใหญ่ เป็อะไรไปเ้าคะ ท่านรีบตื่นเถิดอย่าทำให้เหมยเซียงใสิเ้าคะ”
เห็นฮูหยินใหญ่หมดสติไปโดยไม่มีทั้งสาเหตุหรือสัญญาณใดๆ มาก่อนเหมยเซียงพลันตื่นใไปหมด ไม่สนใจสิ่งอื่นใดเอาแต่ร้องลั่นขึ้นมา
หั่วอี้ที่กอดหลิ่วจิ้งอยู่กำลังจะป้อนยาที่ดื่มไว้ใส่ปากนางจากนั้นจะได้ฉวยโอกาสลิ้มรสริมฝีปากอีกฝ่ายแต่กลับถูกเสียงร้องโวยวายของเหมยเซียงทำเอาใหนักหลงกลืนยาในปากลงไปโดยไม่ตั้งใจ เขาสำลักอยู่พักใหญ่จึงได้สติคืนมา
“ถุยๆๆ…” เขากลืนน้ำยาขมๆ ลงไปโดยไม่ทันตั้งตัวแม้แต่น้อยรสขมพุ่งตรงเข้าสู่ขั้วหัวใจทันใด หั่วอี้หันหน้าไปอาเจียนลงพื้นอยู่หลายครา แล้วพยายามกลืนน้ำลงไปอีกหลายคำจึงรู้สึกดีขึ้นมาสักหน่อย
_____________________________
เชิงอรรถ
[1] ชั่วยาม เป็หน่วยเวลาของจีนโบราณ หนึ่งชั่วยามเท่ากับสองชั่วโมง
[2] ตาหนูเห็นไกลหนึ่งนิ้ว หมายถึง มีสายตาตื้นเขิน ไม่มองการณ์ไกล
[3] บุปผาในคันฉ่องจันทราในสายน้ำ หมายถึง สิ่งที่ไม่จริงจับต้องไม่ได้ ไม่จีรังยั่งยืน
[4] ลูกหยางเหมย หมายถึง เอี่ยบ๊วยยัมเบอร์รี่ หรือเรดเบย์เบอร์รี่จีน เป็ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ที่มีรสเปรี้ยวอมหวานพื้นผิวของผลเป็เม็ดตะปุ่มตะป่ำ
[5] หกหก เลขหกในภาษาจีนออกเสียงว่า“ลิ่ว” พ้องเสียงกับคำว่า ไหลรื่น ราบรื่น