หลังจากที่เถียนหรูชิงจากไปแล้ว ข้าก็กลับมานั่งสมาธิอีกครั้ง ประมาณหนึ่งชั่วยามหลังจากที่เถียนหรูชิงไป จะมีศิษย์คนหนึ่งชื่อก่วนเฮ่าเฉิงมาดูแลคอกหมู เขาเป็หนึ่งในชายห้าคนที่ข้าเห็นเมื่อวาน เขารับผิดชอบดูแลเื่ต่างๆ ในคอกหมู ให้อาหารแก่พวกเรา และทำความสะอาดของเสีย แม้ว่าการใช้พลังปราณทำงานได้ไม่ใช่เื่ยากลำบากอะไร แต่การได้รับมอบหมายงานชั้นต่ำเช่นนี้ ก็แสดงให้เห็นถึงฐานะของเขาในสำนักได้เป็อย่างดี
ข้าตั้งใจแน่วแน่ว่าจะจัดการกับคนผู้นี้ก่อน
ในความทรงจำของข้าไม่เคยมีการฆ่าคนมาก่อน แต่นั่นเป็เพราะข้าใช้ชีวิตอยู่ในสังคมที่สงบสุขของโลกยุคปัจจุบัน แต่ตอนนี้ข้าไม่เพียงแต่ข้ามมิติมาอยู่ในโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรเท่านั้น ยังกลายเป็หมูที่จะถูกฆ่าอีกด้วย หากข้าไม่แน่วแน่ที่จะเปลี่ยนแปลงตนเอง นั่นเท่ากับว่าข้ากำลังล้อเล่นกับชีวิตของตนเองอยู่
ผ่านไปครึ่งเดือนนับั้แ่ข้ามีสติปัญญาขึ้นมา ่เวลาที่ผ่านมาค่อนข้างสงบสุข นอกจากพี่น้องของข้าบางตัวจะถูกนำไปฆ่า และข้าถูกจับสมสู่กับน้องหญิงของข้าบางตัว ก็ไม่มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้น
หลังจากที่มีความทรงจำและความรู้ของมนุษย์แล้ว ข้าก็เริ่มมองตัวเองเป็มนุษย์ที่ข้ามมิติมาอยู่ในโลกใบนี้ และโชคร้ายที่กลายมาเป็หมู แม้ว่าข้าจะไม่อยากสมสู่กับหมูตัวเมีย แต่ก็ไม่มีทางเลือก ผู้บำเพ็ญเพียงแค่ใช้พลังปราณตรวจสอบเล็กน้อยก็สามารถรู้ได้ว่าแม่หมูตัวไหนตั้งท้อง ดังนั้นข้าต้องทำการตบตา หากข้าเป็หมูพ่อพันธุ์แต่ไม่มีแม่หมูตัวไหนตั้งท้อง ผลลัพธ์ในอนาคตเป็อย่างไรคงเดาได้ไม่ยาก แน่นอนว่านอกจากนี้ยังช่วยระงับความปรารถนาในกายได้
วันนี้ก่วนเฮ่าเฉิงก็มาที่คอกหมูตามปกติ โดยแบกถังเศษอาหารมาด้วย เขาใช้เท้าเปิดประตูเข้ามา ประตูยังไม่ปิด หัวของเขาก็ขาดออกจากร่างแล้ว
ผู้บำเพ็ญมีพลังปราณจำกัด ไม่สามารถใช้พลังปราณปกป้องตัวเองได้ตลอดเวลา และเขาคงไม่คาดคิดว่าจะถูกโจมตีในคอกหมู ก่วนเฮ่าเฉิงจึงตายไปโดยไม่เ็ปหรือทรมาน เป็เพียงการกระตุกของเส้นประสาทหลังจากการตายเท่านั้นที่ทำให้เกิดเสียงดังมากกว่า
ข้าที่กำลังซุ่มซ่อนอยู่บนคานประตู ใช้กีบเท้าหน้าสองข้างทำปางมือสองสามกระบวนท่า ลำตัว หัว และถังเศษอาหารของเขาก็ลอยคว้างกลางอากาศ หัวใจของข้าเต้นแรง แม้ว่านี่จะเป็ครั้งแรกที่ข้าสังหารคน แต่...มันช่างง่ายดาย เพียงดีดนิ้วสร้างใบมีดลมก็สามารถพรากชีวิตคนไปได้อย่างง่ายดาย ง่ายจนข้าแทบไม่อยากจะเชื่อ
ข้าใช้พลังจิตตรวจสอบรอบๆ คอกหมู เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครเข้ามาใกล้จึงวางถังเศษอาหารลง แล้วเรียกถุงเก็บของของเขามาตรงหน้า น่าเสียดายที่แม้แต่ข้าที่เพิ่งเริ่มต้นการบำเพ็ญเพียรก็ยังมองเห็นได้ว่าในถุงเก็บของของคนผู้นี้ไม่มีของมีค่าใดๆ เลย
มีเพียงหินิญญาสามเม็ด ยันต์กระบี่หนึ่งแผ่น ยันต์ชำระล้างสองแผ่น ขวดใส่ยาลูกกลอนสีม่วงเข้มสองเม็ด หนึ่งขวด และตั๋วเงินมูลค่าเจ็ดพันตำลึงเท่านั้น
ไม่มีตำราวิชาที่ข้า้า ปกติแล้วของแบบนี้มักจะอยู่ในห้องตำราของสำนัก ไม่มีใครพกติดตัวไปไหนมาไหนด้วย ไม่มีอะไรที่ได้มาง่ายดายอย่างที่คาด
หลังจากทอดถอนใจเล็กน้อย ข้าก็ส่งพลังปราณเข้าไปในร่างก่วนเฮ่าเฉิง แล้วดึงตันเถียนส่วนล่างออกมา พลังปราณของผู้บำเพ็ญมักจะถูกเก็บไว้ที่นี่ ข้ากลืนพลังปราณนั้นเข้าไป แล้วใช้ปราณแยกส่วนกระดูกและเนื้อ ฝังกระดูกไว้ใต้ดิน ส่วนเนื้อผสมกับเศษอาหาร แล้วแจกจ่ายให้กับน้องๆ ของข้ากิน และแล้วก่วนเฮ่าเฉิงก็หายไปจากโลกนี้โดยสิ้นเชิง
การดูดกลืนตันเถียนของผู้อื่นโดยตรงเป็วิธีที่แย่ แม้จะได้รับพลังของผู้อื่นมาบางส่วนและอาจจะเข้าใจวิชาที่เขาฝึกบำเพ็ญบ้าง แต่การอัตราดูดซึมนั้นต่ำมาก ซ้ำร้ายการกระทำอันไร้มนุษยธรรมเช่นนี้จะทำให้เกิดบาปกรรม หากบาปหนาเกินไป เส้นทางการบำเพ็ญในอนาคตจะเหลือเพียงแต่เส้นทางสายมาร แต่ตอนนี้ข้าหาทางก้าวหน้าทางอื่นไม่ได้ ข้าไม่อาจคอยโอกาสในคอกหมูไปชั่วชีวิต โอกาสมักจะต้องสร้างขึ้นมาด้วยตัวเอง
หลังจากนั้น ข้าก็กลับมานั่งสมาธิอีกหนึ่งวันหนึ่งคืน ข้าก็เริ่มเข้าใจวิธีการฝึกฝนวิชาพื้นฐานของสำนักอาทิตย์อัสดงผ่านความทรงจำที่เหลืออยู่ในพลังปราณของก่วนเฮ่าเฉิง นั่นคือ 'วิชาชีพจรจันทรา' แม้ว่าบางส่วนข้าจะไม่เข้าใจเพราะความสามารถอันจำกัดจำเขี่ยของก่วนเฮ่าเฉิง มีเพียงครึ่งเดียวเท่านั้นที่ข้าสามารถฝึกฝนได้ แต่สำหรับข้าในตอนนี้ เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้