ลู่เสวียอีเป็เด็กที่เกิดมาจากการแต่งงานของตระกูลใหญ่ทั้งสองตระกูลที่เกี่ยวดองกันทางธุรกิจ
ตอนอยู่ในครรภ์ แม่ของเธอทำงานหนักและไม่ได้ดูแลสุขภาพจึงทำให้เธอเกิดมาอ่อนแอเพราะคลอดก่อนกำหนด
หลังจากนั้นไม่นานพ่อกับแม่ของเธอก็หย่าร้างกัน พวกเขามีคู่ชีวิตใหม่ มีลูกใหม่กับคนที่พวกเขารัก
ลู่เสวียอีถูกทิ้งให้อยู่กับปู่ย่าของเธอเพียงลำพัง แต่ถึงอย่างนั้นผู้เฒ่าในตระกูลก็เอ็นดูเธอ ทำให้เธอใช้ชีวิตอย่างสุขสบายและไม่ได้รับความขับข้องใจใดใด
ั้แ่ยังเล็ก เธออยู่เป็เพื่อนคุณย่า พูดคุยและทำสิ่งต่างๆ ด้วยกันทั้งวัน บางครั้งหญิงชราก็มักจะสอนให้เธอเย็บปักเสื้อผ้าด้วยตนเอง เมื่ออารมณ์ดีก็พากันทำอาหารเมนูใหม่ให้คุณปู่ชิม
น่าเสียดายที่ความสุขอยู่ได้ไม่นาน ตอนที่เธออายุ 16 ปี คุณย่าของเธอเสียชีวิต
หลังจากนั้นไม่กี่เดือน คุณปู่ที่เป็เสาหลักของตระกูลก็ถึงแก่กรรม
อำนาจของตระกูลลู่เริ่มถูกถ่ายโอนไปยังพ่อและอาของเธอ แต่มีบางส่วนที่คุณปู่และคุณย่าตั้งใจเก็บไว้เพื่อเธอโดยเฉพาะ
และหลังจากอายุ 18 ปี ลู่เสวียอีก็จะได้ทรัพย์สินมหาศาลนี้โดยไม่ถูกควบคุม
แม้ว่าหลายคนจะไม่พอใจกับเื่นี้แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรกับพินัยกรรมของชายชราได้
คู่รักสูงวัยที่จากไปแล้วรู้สึกว่าเป็หนี้หลานสาวผู้เชื่อฟังคนนี้มากและไม่ยอมให้ใครมาแย่งสิ่งที่เธอควรจะได้ไป แม้ว่าพวกเขาจะไม่อยู่แล้วก็ตาม
ในวันเกิดปีที่ 18 ของลู่เสวียอี เธอได้รับมอบมรดกที่เธอควรจะได้ และหนึ่งในนั้นคือกล่องไม้หายากที่มีเครื่องประดับหยกมากมายซึ่งเป็สินสอดเก่าของคุณย่าเมื่อนานมาแล้ว
ลู่เสวียอีรักและผูกพันกับคุณย่าของเธอมาก เธอลูบสร้อยข้อมือหยกสีแดงแวววาวในกล่องครั้งแล้วครั้งเล่าและสวมมันบนข้อมือขาวผ่อง
ในเช้าวันรุ่งขึ้นเธอเดินทางไปร้านค้าด้วยตัวเองเพื่อซื้อวัตถุดิบและทำอาหารที่เคยทำกับคุณย่าเหมือนทุกปี
อาจเป็เพราะมัวแต่ครุ่นคิดถึงเื่อื่น เธอจึงทำมีดบาดมือโดยไม่ได้ตั้งใจ
แม่บ้านที่อยู่ใกล้ๆ รีบพูดด้วยความตื่นตระหนก
“คุณหนูเป็อะไรมากหรือเปล่าคะ ฉันจะให้ผู้เฒ่าฉินออกรถพาคุณไปโรงพยาบาล!”
“ไม่เป็ไรป้าหวัง ก็แค่แผลเล็กๆ ทำแผลนิดหน่อยก็ไม่เป็ไรแล้ว”
ป้าหวังช่วยลู่เสวียอีพันผ้าพันแผล ทั้งสองไม่ได้สังเกตเลยว่าสร้อยข้อมือหยกนั้นมีเืติดอยู่ หลังจากที่ได้ัักันแล้ว เืก็ถูกสร้อยข้อมือดูดซับจนกลืนไปกับสีแดงของหยกอย่างรวดเร็ว…
ลู่เสวียอีหมดอารมณ์ที่จะทำอาหารจึงให้คนครัวรับ่ต่อ แล้วขึ้นไปพักบนห้อง
หญิงสาวรู้สึกง่วงเล็กน้อยจึงเผลองีบหลับไป
ในฝันเธอเห็นพื้นที่โล่งกว้างแห่งหนึ่งซึ่งเธอไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ว่าในใจกลับมีความคุ้นเคยอย่างประหลาด
หลังจากสะดุ้งตื่น ลู่เสวียอียังคงสับสนอยู่เล็กน้อย และคิดว่าพื้นที่ในความฝันเมื่อกี้นี้คืออะไรกันแน่
แต่ทันใดนั้น ภาพตรงหน้าเธอก็เปลี่ยนไป กลับกลายเป็พื้นที่ที่เธอเห็นในฝัน
ลู่เสวียอีเคยอ่านเจอเื่นี้ในอินเทอร์เน็ตมาก่อน เธอสงสัยว่ามันอาจจะเป็พื้นที่ในตำนานหรือเปล่า
เธอคิดในใจและเริ่มเข้าออกจากพื้นที่ที่เธอเห็นในฝันหลายครั้งด้วยความตื่นเต้น หลังจากยืนยันว่าเธอมีพื้นที่ว่าง เธอมีความสุขมากจนอยากจะะโออกมา
แต่ทันใดนั้นก็คิดขึ้นได้ว่าในบทความที่เธอเคยอ่านบอกว่าคนที่มีพื้นที่ว่างมักจะมีประสบการณ์ข้ามมิติ
ลู่เสวียอีตื่นตระหนก
หรือว่าเธอกำลังจะเดินทางข้ามเวลา?
แต่ก่อนจะทันได้คิดอะไรมาก ป้าหวังก็มาเคาะประตูห้องแล้วบอกว่าอาหารพร้อมแล้ว
ลู่เสวียอีทิ้งเื่นี้ไว้ข้างหลังชั่วคราวและลงไปทานอาหาร
หลังกินเสร็จ เธอก็บอกแม่บ้านาุโว่าง่วงนอน แต่อันที่จริงแล้ว เธอหยิบโทรศัพท์มาและค้นหาบทความที่เกี่ยวกับการเดินทางข้ามเวลาตลอดทั้งคืน
วันรุ่งขึ้นลู่เสวียอีไปที่ตลาดและสั่งของชุดหนึ่งที่มักจะซื้อตามปกติ
เมื่อคืนนี้เธอจดลิสต์รายการเอาไว้หลายอย่างและรวบรวมมันเพื่อความมั่นใจ
เพราะเธอไม่รู้ว่าเธอจะเดินทางข้ามเวลาจริงๆ หรือเปล่า
ชีวิตในตอนนี้ของเธอมีพร้อมทุกสิ่งอยู่แล้ว นอกจากความรักของบิดามารดาผู้ให้กำเนิด เธอมีบ้านมีรถมีทรัพย์สินจากมรดกที่คุณปู่ทิ้งไว้ให้
หากเธอไม่แน่ใจจริงๆ เธอคงทนทิ้งสิ่งเหล่านี้ไปไม่ได้ ยิ่งกว่านั้นเธอยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองจะไปที่ไหน
ทว่าคืนนั้นกลับมีเื่บางอย่างเกิดขึ้นซึ่งทำให้ลู่เสวียอีต้องตัดสินใจจริงๆ
ลู่เสวียอีรู้สึกว่าตัวเองอยู่ในสถานที่แปลกๆ อีกครั้ง มันเป็บ้านหลังเก่าที่เห็นได้เฉพาะในโทรทัศน์ แถมที่นี่ยังดูทรุดโทรมมากราวกับเพิ้งพักของพวกนายพรานที่ใช้พักผ่อนยามขึ้นเขาล่าสัตว์ ผนังด้านข้างทุกทิศทางล้วนมีลมหนาวรั่วเข้ามา
เธอเห็นกลุ่มคนในชุดทหารสมัยเก่าหมดสติอยู่บนพื้น ทุกคนหมดสติไปด้วยอาการาเ็และความหิวโหย
เธอสงสัยจนอยากจะมองพวกเขาใกล้ๆ แต่ตอนนั้นเองที่มือของเธอถูกคว้าไว้
ดวงตาคมกล้าเงยขึ้นมาสบตาเธออย่างช้าๆ “เธอเป็ใคร?”
เมื่อเห็นว่าเขาจับตัวเธอได้ ลู่เสวียอีก็รู้ว่านี่ไม่ใช่ความฝันธรรมดา “ฉันแค่สงสัยเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาไม่ดี…”
เธอสังเกตเห็นว่าาแของเขาเริ่มมีเืไหลก็ตื่นตระหนกเล็กน้อย “เืคุณไหลแล้ว ทำแผลก่อนนะ!”
ความฝันตอนนี้ดูเลื่อนลอยอย่างมาก แต่ลู่เสวียอีมีความรู้สึกที่แข็งแกร่งว่าตอนนี้เธอยังอยู่ในโลกใบเดิม ไม่ใช่ที่นี่ ดังนั้นเธอจึงกล้าหยิบสิ่งของในพื้นที่ออกมาต่อหน้าชายแปลกหน้าและเริ่มทำแผล
ผู้ชายคนนั้นมีความใในดวงตาแต่กลับไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่มองเธอสาละวนทำแผลให้ตัวเองอย่าเงียบๆ
หลังทำแผลเสร็จคนทั้งคนก็ยังดูอ่อนเพลีย ลู่เสวียอีหันไปรอบๆ แล้วถามเขาว่าที่นี่คือที่ไหน ปีอะไร
ผู้ชายคนนั้นบอกว่านี่คือปี 1967 พวกเขาเป็ทหารที่มาทำภารกิจพิเศษ หลังจากถูกศัตรูไล่ล่าจึงต้องหลบซ่อนอยู่ที่นี่มาสองสัปดาห์แล้ว ไม่กี่วันก่อนน้ำและอาหารทั้งหมดก็หมดลง สมาชิกในทีมขาดสารอาหารจนเป็ลม
ลู่เสวียอีพยักหน้าด้วยความเข้าใจ ทันใดนั้นเธอรู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่ดึงเธอกลับไป
เธอรีบเอาอาหารและน้ำออกมาหลายกระสอบ แล้วบอกว่าเธอต้องไปแล้ว
เมื่อพูดจบร่างกายของเธอก็ค่อยๆ หายไป เธอได้ยินเสียงแหบทุ้มของผู้ชายคนนั้น “เรายังจะได้พบกันอีกหรือเปล่า?”
ลู่เสวียอีถอนหายใจ “ก็อาจจะ…”
ร่างของหญิงสาวหายไปต่อหน้า
เหรินเฟิงจ้องมองจุดเดิมอยู่เนิ่นนาน
เขาก็มองาแที่ถูกพันไว้ด้วยผ้าก๊อซสีขาวแล้วััมันเบาๆ
นี่ไม่ใช่ความฝัน…
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้