ลานหน้าตำหนักเหวินฮวาเงียบกริบ
บนท้องฟ้าเต็มไปด้วยเมฆครึ้ม ยิ่งทำให้ร้อนอบอ้าวขึ้นไปอีก เสื้อผ้าของคนจำนวนไม่น้อยทั้งเปียกทั้งชื้น
กงจวิ้นหาวหวาดกลัวจนทำอะไรไม่ถูก ถังฉางเทียนนิ่งสงบ เมื่อเอาทั้งสองคนมาเทียบกันแล้วก็แตกต่างกันราวฟ้ากับเหวจริงๆ
จู่ๆ มู่หรงฉือก็พูดขึ้นมา “ค้นตัว”
ทุกคนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น โดยเฉพาะเหอกวง ค้นตัวใคร? ค้นอะไร?
เสิ่นจือเหยียนกลับเข้าใจความหมายขององค์รัชทายาท ตอนที่กำลังจะอธิบาย กลับได้ยินมู่หรงอวี้พูดเสียงเรียบขึ้นมา “บนตัวของใครมีพิษเจ็ดก้าวตาย คนนั้นก็คือคนร้าย”
เหอกวงรีบพาองครักษ์สองคนไปค้นตัวทั้งสองด้วยตนเอง กงจวิ้นหาวกลับไม่กลัวอะไร แล้วให้องครักษ์ค้นอย่างเปิดเผย เป็การแสดงออกว่าตัวเองบริสุทธิ์ ถังฉางเทียนเองก็เช่นกัน ยอมยกมือขึ้นอย่างไม่รีบร้อน
มู่หรงฉือแอบครุ่นคิด สีหน้าท่าทางของทั้งสองดูแล้วไม่มีจุดใดน่าสงสัย คนร้ายมีความเป็ไปได้มากที่จะเคลื่อนย้ายพิษเจ็ดก้าวตายไปแล้ว หรือบางทีอาจจะใช้หมดแล้ว ในเมื่อค้นตัวแล้วไม่ได้อะไรออกมา นางทำเช่นนี้ก็แค่อยากจะดูปฏิกิริยาของพวกเขา
จากการแสดงออกและระดับความกล้าหาญของกงจวิ้นหาวั้แ่ตอนนั้นจนถึงบัดนี้ คนผู้นี้ไม่น่าจะใช่คนร้าย ส่วนปฏิกิริยาของถังฉางเทียนกับความกล้าของเขานั้นทำให้ผู้คนเข้าใจอย่างถ่องแท้ ถึงแม้คนเราจะมีความกล้าหาญมากมาย แต่ปฏิกิริยาของเขานั้นนิ่งสงบเกินไปในสถานการณ์เช่นนี้
การตรวจค้นตัวเสร็จสิ้น เหอกวงเข้ามารายงาน “ท่านอ๋อง เตี้ยนเซี่ย บนตัวของกงจวิ้นหาวกับถังฉางเทียนไม่มีพิษเจ็ดก้าวตายพ่ะย่ะค่ะ”
ฮูหยิงกงหยางซื่อพลันตวาดขึ้นอีก “บนตัวของลูกชายข้าไม่มีพิษ เขาไม่มีทางทำร้ายคน!”
แต่กลับไม่มีคนสนใจเสียงโหวกเหวกของนาง
ในตอนนี้ คดีนี้ได้เข้ามาถึงทางตัน
มู่หรงฉือกับเสิ่นจือเหยียนมองหน้ากัน เริ่มใช้สายตาพูดคุยร้อยเรียงเื่ราวอย่างเข้าใจกันเอง
มู่หรงอวี้เห็นพวกเขามองตากันแต่กลับไม่พูด คิ้วเรียวก็อดขมวดเข้าหากันไม่ได้ พวกเขากำลังทำอะไรกัน?
ทันใดนั้น นางก็เลื่อนสายตามามองเขาแล้วพูดด้วยท่าทางดีใจ “ท่านอ๋อง จู่ๆ เปิ่นกงก็คิดอะไรขึ้นมาได้ เมื่อวันก่อนท่านเพิ่งจะพูดขึ้นมาไม่ใช่หรือว่าจวนอวี้หวางเลี้ยงลิงเอาไว้ตัวหนึ่ง? ท่านยังบอกว่าลิงตัวนั้นจมูกดีมาก กลิ่นที่คนปกติไม่ได้กลิ่น ลิงตัวนั้นก็ได้กลิ่น”
ดวงตาของเขาวาววับขึ้นมาทันที ท่าทางเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมา “หากเตี้ยนเซี่ยไม่พูด เปิ่นหวางก็คงลืมไปแล้ว จมูกของลิงตัวนั้นว่องไวมากเป็พิเศษ กลิ่นอะไรก็ไม่อาจหลบพ้นจมูกของมัน ยกผ้าเช็ดหน้าเป็ตัวอย่าง ใครััผ้าเช็ดหน้ามาก่อน ลิงก็สามารถดมกลิ่นจากผ้าเช็ดหน้าแล้วตามหาทุกคนที่ััมันได้”
เสิ่นจือเหยียนดีใจ มีลิงแบบนี้จริงๆ หรือ?
“ท่านอ๋อง สั่งคนให้เอาลิงมาช่วยสืบหาคดีเถิด”
มู่หรงฉือกระพริบตาอย่างยินดี แล้วส่งสายตาไปให้อวี้หวาง คิดไม่ถึงว่าเขาจะเข้าใจความคิดกับเจตนาของตน ทั้งยังให้ความร่วมมือกับนาง
มู่หรงอวี้รีบสั่งลูกน้องให้พาขันทีไปเอาลิงจากจวนอวี้หวางมาที่วัง
ฮูหยินกงหยางซื่อมองไปทางกงจวิ้นหาวลูกชายของตัวเอง ในดวงตาเต็มไปด้วยความหวัง “์มีตา บุตรชายของข้าจะต้องพ้นมลทินได้แน่ๆ”
ฮูหยินหวังก็เหมือนจะเห็นแสงของความหวัง สีหน้ากลับสดใสขึ้นมา ถังฉางเทียนยังคงมีสีหน้านิ่งสงบ ไม่แสดงท่าทีใดๆ ออกมา ราวกับว่าเื่ราวรอบตัวล้วนไม่เกี่ยวข้องกับเขา
เสิ่นจือเหยียนพูดด้วยความตื่นเต้น “ท่านอ๋อง คนไหนเคยัักระบี่ของกงจวิ้นหาวมาก่อน ลิงตัวนั้นจะสามารถแยกแยะออกแน่หรือ?”
“แน่นอนสิ” มู่หรงฉือเลิกคิ้วน้อยๆ ตอบออกมาแทน
“ไม่สิ แม้ว่าลิงจะสามารถจำได้ว่ากงจวิ้นหาวกับถังฉางเทียนต่างก็เคยัักระบี่เล่มนั้นมาก่อน แต่ก็ไม่สามารถพิสูจน์อะไรได้” เขาขมวดคิ้วพูด “เมื่อครู่ถังฉางเทียนยอมรับแล้วไม่ใช่หรือว่าเคยเอากระบี่เล่มนั้นมาดู?”
“กระบี่ยาวเล่มนั้นย้อมไปด้วยกลิ่นพิษเจ็ดก้าวตาย ลิงก็สามารถอาศัยกลิ่นพิเศษของพิษเจ็ดก้าวตายแล้วหาคนที่เคยััพิษนี้มาก่อนได้” นางพูดเสียงดัง “ถึงแม้พิษเจ็ดก้าวตายจะไร้สีไร้กลิ่น แต่ว่าสำหรับลิงแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ล้วนมีกลิ่น นอกเสียจากจะล้างออกด้วยน้ำ”
“ใช่ๆๆๆ ให้ลิงค้นหากลิ่นของพิษเจ็ดก้าวตาย เหตุใดข้าถึงคิดไม่ได้กัน?” เสิ่นจือเหยียนพูดยิ้ม
“ท่านอ๋อง มีลิงที่เก่งกาจขนาดนั้นจริงๆ หรือเพคะ?” มู่หรงฉางถามด้วยความประหลาดใจ
“คนที่ทำผิดไม่มีวันหนีพ้นความผิด รอลิงของเปิ่นหวางมาถึงก่อน คนร้ายก็จะไม่มีที่ให้กลับตัวแล้ว” เสียงดุดันของมู่หรงอวี้ดังก้องออกไป ใบหน้าหล่อเหลาเ็าประหนึ่งเหล็กอันเย็นเยียบ “นักฆ่าบังอาจสังหารคนในการคัดเลือกราชบุตรเขย ไม่สนใจกฎหมาย ชั่วร้ายเหิมเกริม เปิ่นหวางให้โอกาสเขาหนึ่งครั้ง หากตอนนี้เขายอมรับผิด เปิ่นหวางก็จะผ่อนปรนให้ ให้เขาได้มีศพที่ครบถ้วนสมบูรณ์ ไม่ดึงครอบครัวของเขาเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่หากต่อให้ตายอย่างไรก็ไม่ยอมรับผิด ก็รอให้ลิงของเปิ่นหวางหาคนร้ายตัวจริงออกมา เมื่อเป็เช่นนี้ความผิดก็จะเพิ่มขึ้นไปอีก คนในตระกูลก็จะติดร่างแหไปด้วย”
แต่ละวาจาเปล่งออกมาด้วยเสียงหนักแน่น ทุกคำตอกตรึงลงไปในใจของคนฟัง น้ำเสียงหนักแน่นให้ความรู้สึกอันตราย...
มู่หรงฉืออดยอมรับไม่ได้ คำพูดประโยคนี้ของเขาพอพูดออกมาแล้วกลับสร้างความสั่นะเื
ทั่วทุกหนแห่งพลันเงียบกริบ
ทุกคนต่างคิดว่าคนร้ายคือใครกันแน่ สังหารคนแล้วยังไม่ยอมรับ เช่นนั้นวางแผนที่จะทำให้คนในครอบครัวตกตายไปด้วยกันหรือ? แบบนั้นหัวใจก็ดำเกินไปแล้ว
ท้องฟ้ากว้างใหญ่เต็มไปด้วยเมฆสีเทาที่รวมตัวกันอย่างรวดเร็วเหมือนอาชาฝีเท้าดีรวมตัวกัน
สตรีมากมายที่พักอยู่ในตำหนักด้านข้างออกมาดูความคืบหน้าของคดี เกิดเป็ความวุ่นวายไม่น้อย เสียงพูดคุยกันก็ยิ่งเพิ่มขึ้นราวกับสายน้ำ
เสียงตำหนิต่อว่าคนร้ายเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ คนผู้หนึ่งวางแผนร้ายสังหารคน ทั้งยังไม่ยอมรับผิด กลับทำให้คนทั้งครอบครัวต้องถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย นี่เป็ความอกตัญญูอย่างยิ่ง หากบิดามารดารู้เข้าจะต้องโกรธจนกระอักเืไล่ออกจากตระกูลเป็แน่
เสียงลมพัดมา ม้วนเส้นผมและเสื้อผ้าของทุกคนขึ้นจนเกิดเป็เสียงวืดๆ
มู่หรงฉือจับตามองกงจวิ้นหาวกับถังฉางเทียนอยู่ตลอด คนแรกเหมือนรู้ว่าตัวเองไม่มีทางเป็อะไร ปราศจากความหวาดกลัว ส่วนถังฉางเทียนดวงหน้านิ่งสงบราวกับแม้ผืนดินแตกสลายก็ไม่อาจทำอะไรเขาได้ ดวงตาเต็มไปด้วยอารมณ์ซับซ้อน
เวลาค่อยๆ ผ่านไปอย่างช้าๆ คุณหนูมากมายต่างก่นด่าคนร้าย เสียงพูดคุยยิ่งดังจอแจขึ้นเรื่อยๆ
คนที่น่าสงสัยที่สุดก็คือกงจวิ้นหาวกับถังฉางเทียน ฮูหยินถังที่เป็คนของสกุลถังเหมือนคาดเดาได้ว่าถังฉางเทียนก็คือคนร้าย กังวลว่าเขาจะดึงสกุลถังเข้าไปเกี่ยวข้อง วาจาทิ่มแทงก่นด่ามากมายจึงถูกพ่นออกมา บุตรชายคนโตของภรรยาเอกถึงกับตำหนิเขาเสียงดัง บอกให้เขายอมรับผิด หากเขาจะตายก็ตายไปคนเดียว อย่าให้คนสกุลถังอีกสองร้อยกว่าคนต้องติดร่างแหไปด้วย
ถังฉางเทียนเป็บุตรอนุ มารดาแท้ๆ ของเขาจากโลกนี้ไปั้แ่เขาเกิดได้ไม่นาน ชิ่งกั๋วกงไม่เคยใส่ใจบุตรอนุผู้นี้มาก่อน เรือนหลังยิ่งไม่สนใจความเป็ความตายของเขา ยิ่งไม่มีทางเอ่ยปากปกป้องเขา
ความอบอุ่นหรือเ็าของโลกมนุษย์นั้นก็เหมือนคนดื่มน้ำ มีเพียงตัวเองเท่านั้นที่รู้ดี
มู่หรงอวี้มองไปทางมู่หรงฉือแล้วเลิกคิ้วขึ้น
นางยักคิ้วเป็การตอบกลับ
ในที่สุดเวลาสำคัญก็มาถึง เื่สนุกนี้ใกล้จะปิดม่านแล้ว
นางจ้องถังฉางเทียน ใบหน้าเ็าของเขาค่อยๆ ละลายออก คิ้วขมวดแน่น ปรากฏเป็ความเ็าห้าส่วน ดุร้ายห้าส่วน
นางแทบจะมองอดีตและปัจจุบันของเขาออก บุตรอนุของจวนชิ่งกั๋วกงที่ถูกผู้คนหลงลืม ั้แ่เด็กก็ถูกพี่น้องบ่าวรับใช้รังแกจนโต มีชีวิตที่สู้กระทั่งสุนัขหรือแมวยังไม่ได้ เขาก็เหมือนต้นหญ้าต้นหนึ่งที่ฝืนมีชีวิตอยู่ ยอมให้ลมฝนซัดสาด มีดก็ไม่อาจตัดเขาได้ เขากดตัวเองลงให้ต้อยต่ำ ทั้งยังหวังว่าจะหลุดจากชีวิตที่ไร้ค่าอย่างทุกวันนี้ ดังนั้นเขาจึงแอบร่ำเรียนการต่อสู้ ตั้งใจว่าในการคัดเลือกราชบุตรเขยนี้จะจะเป็โอกาสอันดีที่เขาจะได้กลายเป็เ้าคนนายคน ซึ่งเป็โอกาสที่หาได้ยากยิ่ง
เขาจะต้องรับประกันว่าการแข่งขันในครั้งนี้ตนจะสามารถเข้าสู่ที่สามได้อย่างราบรื่น เพื่อไม่ให้มีความผิดพลาดใด เขาจึงเดินในเส้นทางอันตราย วางยาหวังเจิงที่มีความสามารถในการต่อสู้สูงที่สุด
เขาคิดว่าทุกอย่างจะผ่านไปอย่างราบรื่นไม่มีผิดพลาด คิดว่าเกียรติยศความร่ำรวยจะเข้ามาถึงมือแล้ว คิดว่าจะได้กลายเป็คนที่อยู่เหนือคนสามารถรังแกคนอื่นได้ แต่กลับคิดไม่ถึงว่า...
เขาไม่เคยคิดว่าตัวเองคือคนของสกุลถัง ความเป็ความตายของคนสกุลถังเขาไม่สนใจ เขาสามารถเมินเฉยต่อความเป็ความตายของคนสกุลถัง เพียงแต่ในตอนนี้หากบอกว่าเขาเป็ฆาตกรก็จะต้องถูกกำหนดโทษ ที่ทำมาทั้งหมดก็ว่างเปล่า...
มู่หรงฉือถามมู่หรงฉางพลางยิ้มอย่างมีนัยลึกซึ้ง “น้องสาว เ้ายินดีจะแต่งงานกับฆาตกรคนหนึ่งหรือไม่?”
สำหรับคำถามของพี่ชาย มู่หรงฉางพลันเข้าใจทันที แล้วเชิดคางขึ้นอย่างหยิ่งทะนง “สวามีของข้าจะต้องเป็บุรุษที่ไม่กระทำผิดต่อฟ้าดิน ไม่ผิดต่อวงศ์ตระกูล ไม่ผิดต่อใจตน คนที่โเี้มองชีวิตของคนเป็ดั่งใบหญ้า ไม่สนใจคนในตระกูล เช่นนั้นเป็คนประเภทขี้แพ้น่ารังเกียจ น้องรังเกียจคนเช่นนั้นยิ่ง จะไปแต่งงานด้วยได้อย่างไรเพคะ?”
ครั้นพูดจบ นางก็มองไปทางมู่หรงอวี้ อยากได้รับคำชื่นชมจากเขา นางเฉลียวฉลาดถึงเพียงนี้ พูดวาจาจี้ใจคนร้าย ไม่ใช่ว่าควรจะได้รับคำชมสักหน่อยหรือ? ทว่านางพบว่าเขาไม่ได้มองมาที่ตนเลยแม้แต่น้อย
นางทั้งผิดหวังทั้งหงุดหงิดใจ แต่แล้วจะทำอย่างไรได้เล่า?
เสิ่นจือเหยียนเพิ่มเสียงพูดขึ้นไป “เวลาก็ผ่านมาพอสมควรแล้ว ลิงก็คงจะใกล้มาถึงแล้ว”
ดวงตาของมู่หรงอวี้เ็า น่าพรั่นพรึง “พอลิงมาถึง เปิ่นหวางจะไม่ออมมืออีก”
ผ่านมาได้อีกครู่หนึ่ง ในที่สุดถังฉางเทียนก็เดินเข้ามา คุกเข่าลงหนักๆ “ท่านอ๋อง เตี้ยนเซี่ย กระหม่อมยอมรับผิด เป็กระหม่อมที่วางยาหวังเจิง”
ร่างกายที่เครียดเกร็งของกงจวิ้นหาวพลันผ่อนคลายลง มองไปทางฮูหยินกงหยางซื่อผู้เป็มารดาด้วยความดีใจ
หยางซื่อรีบวิ่งเข้ามา แล้ว ‘แย่ง’ บุตรชายจากมือขององครักษ์ โอบบุตรชายของตนเอาไว้ด้วยความรู้สึกมากมาย
ฮูหยินหวังพุ่งเข้าไปด้วยความโมโห แต่ถูกองครักษ์ขวางเอาไว้ทันที นางแผดเสียงก่นด่าปนสะอื้นไห้ “เหตุใดเ้าถึงได้ฆ่าเจิงเอ๋อร์...ข้ามีเจิงเอ๋อร์เป็บุตรชายคนเดียว...เ้ามันคนโเี้ใจดำอำมหิต....เ้าเอาเจิงเอ๋อร์คืนมาให้ข้า...คืนมาให้ข้า...”
หากไม่ใช่เพราะองครักษ์ขวางเอาไว้ นางก็คงพุ่งเข้าไปฉีกถังฉางเทียนเป็ชิ้นๆ แล้ว
ทุกคนต่างพูดจาซุบซิบกัน คนสกุลถังถอนหายใจพากันตำหนิเขาเสียงเบา เป็อย่างที่คิด ถังฉางเทียนเป็คนใจคิดคด เป็คนที่ทำให้สกุลถังต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง
“นับว่ายังมีจิตใจที่ดีหลงเหลืออยู่เล็กน้อย ยังมีความรับผิดชอบ ไม่เช่นนั้นคนสองร้อยกว่าคนในสกุลถังก็คงจะถูกเ้าลากเข้าไปเกี่ยวข้องจนกลายเป็ผีที่ไร้ความผิด” มู่หรงฉือพูดเสียงเย็น “บางทีคนสกุลถังอาจจะทำไม่ดีกับเ้า แต่ว่าเ้าก็ยังถือว่าเป็คนของสกุลถัง”
“เหตุใดเ้าถึงได้วางยาหวังเจิง?” เสิ่นจือเหยียนถาม
“กระหม่อมจะต้องเป็หนึ่งในสามคนที่เข้ารอบ จึงจะมีโอกาสได้รับเลือกเป็ราชบุตรเขย” ถังฉางเทียนตอบกลับเสียงเบา ใบหน้าประหนึ่งพระอาทิตย์อัสดงที่มืดหม่น มืดจนอับแสง
“ในเมื่อเ้ายอมรับผิดแล้ว เปิ่นหวางก็จะให้เ้าตายแบบศพครบถ้วน” มู่หรงอวี้พูดเสียงเย็น
“ถังฉางเทียน ความจริงแล้วลิงที่เปิ่นกงพูดถึง...จวนอวี้หวางไม่มีลิงหรอก เปิ่นกงพูดออกมาเช่นนี้ก็เพื่อบีบให้เ้ายอมรับด้วยตนเอง” มู่หรงฉือหัวเราะเสียงเย็น
“อะไรก็ไม่สำคัญแล้ว” ถังฉางเทียนยิ้มอย่างสิ้นหวัง
นางคิดในใจ เขาในตอนนี้คงจะสิ้นหวังมาก
องครักษ์จับเขาไปแล้วรอการตัดสินอีกที
เสิ่นจือเหยียนถอนหายใจกับจุดจบนี้ “เตี้ยนเซี่ย เมื่อครู่ท่านกับท่านอ๋องพูดถึงลิงว่ามันเก่งกาจเพียงใด ที่แท้ก็เป็เพียงเื่โกหกหรือ ข้าก็เชื่อคิดเป็จริงเป็จัง เตี้ยนเซี่ยจะเฉลียวฉลาดเกินไปแล้ว หากไม่ใช่ท่านพูดออกมาเช่นนี้ ถังฉางเทียนไม่ว่าอย่างไรก็คงไม่มีทางยอมรับผิด”
เหอกวงรีบประจบประแจง “เตี้ยนเซี่ยผู้ปราดเปรื่อง กับท่านอ๋องผู้ชาญฉลาด เตี้ยนเซี่ยกับท่านอ๋องใช้เวลาหนึ่งชั่วยามสั้นๆ ก็ไขคดีได้แล้ว เป็นักไขคดีมือฉมังจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ”
มู่หรงฉางถามอย่างจริงจัง “ใต้เท้าเหอ เ้ากำลังชมใครหรือ? ท่านอ๋องหรือว่าเสด็จพี่?”
เหอกวงชะงักไปแล้วพูดยิ้มๆ “เตี้ยนเซี่ยกับท่านอ๋องเป็มือฉมังในการไขคดีพ่ะย่ะค่ะ”
แต่ว่าเหล่าชายหนุ่มพวกนั้น ครอบครัวตระกูลขุนนางเ่าั้ต่างพากันสงสัย องค์รัชทายาทที่ไร้ความสามารถกลับไขคดีได้? อีกทั้งยังเฉลียวฉลาดสามารถไขคดีโดยไม่ผ่านเสิ่นเซ่าชิงผู้มีชื่อเสียงของศาลต้าหลี่ นี่ช่างไร้เหตุผลจริงๆ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้