เมื่อเห็นรถม้า พ่อบ้านก็จำได้ทันทีว่าเป็รถม้าของสวีซื่อ พอรถหยุดลง อีกฝ่ายก้าวออกมา เขาจึงรับเข้ามาโค้งคำนับ ก่อนพาไปยังห้องโถงใหญ่
หลินมามาหยิบเงินออกมาจำนวนหนึ่ง และมอบให้พ่อบ้านเป็สินน้ำใจ เขาจึงจากไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้มมีความสุข
รออยู่พักใหญ่ นายท่านสวีและสวีฮูหยินก็ก้าวเข้ามา
หลังกล่าวทักทาย ทั้งสองฝ่ายก็ดื่มชาไปจอกหนึ่ง จากนั้น สวีซื่อก็เผยจุดประสงค์ที่ตนมาหานายท่านสวีถึงที่ “พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ ที่ข้ามาในวันนี้ ก็เพราะมีเื่รบกวน อยากจะให้พวกท่านช่วยซื้อของให้หน่อย”
ขาดคำ หลินมามาก็หยิบเงินจำนวนหนึ่งพร้อมรายการสิ่งของออกมา ยื่นให้สวีฮูหยินอย่างนอบน้อม
นายท่านสวีและสวีฮูหยิน ถอนหายใจด้วยใบหน้าเศร้าโศก
เมื่อเห็นเช่นนั้น สวีซื่อจึงโบกมือ ให้หลินมามาเก็บเงินและรายการสั่งซื้อกลับไป
นางขมวดคิ้วแน่น ก่อนถาม “พี่สะใภ้ ท่านไม่ยินดีที่จะช่วยหรือ?”
สวีฮูหยินยกยิ้มขมขื่น แล้วจึงตอบ “น้องหญิง พูดอะไรของเ้า? พี่ใหญ่ของเ้ากับข้า เคยปฏิเสธคำขอของเ้าด้วยหรือ? แต่เป็เพราะว่าตอนนี้ แม้แต่ตัวเองก็ยังเอาไม่รอด ก็เลย... พวกเราช่วยเ้าไม่ได้จริงๆ”
สวีซื่อเลิกคิ้วด้วยความฉงน “หืม?”
จากนั้น ดวงตาของนางก็เบิกกว้าง “เกิดอะไรขึ้น!”
หรือว่าตระกูลสวีจะโดนร่างแหไปด้วย? เพื่อแก้แค้นให้หนีเจียเอ๋อร์ โจวชิงหวากล้าทำถึงขนาดนี้เชียวหรือ!
นายท่านสวีทำหน้านิ่ว แล้วถอนหายใจอีกครา “่ไม่กี่วันที่ผ่านมา เพื่อให้รอดหูตาของโจวชิงหวา เราพยายามอย่างยิ่งที่จะลอบซื้ออาหารและเสื้อผ้าจากตลาดมืด แม้จะสามารถซื้อหาได้ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยราคาที่สูงมาก ซ้ำคุณภาพของผ้ากลับต่ำกว่าเป็ร้อยเท่า”
สวีฮูหยินเสริม “เป็เช่นที่นายท่านกล่าว ผ้าพวกนั้นข้าซื้อมาในราคาห้าร้อยตำลึง แต่กลับไม่ต่างอันใดกับผ้าคุณภาพต่ำ ข้าละปวดใจนัก!”
นายท่านสวีกัดฟันกรอด พลางทุบโต๊ะด้วยความเจ็บใจ “ฮึ่ม! ทั้งหมดนี้ ก็เป็เพราะเ้าเด็กโจวชิงหวานั่นคนเดียว แต่เ้าก็ไปกลั่นแกล้งหนีเจียเอ๋อร์ก่อน เขาจึงมาระบายโทสะเอากับเรา ที่เป็ตระกูลเดิมของเ้า คอยดูเถอะ ถึงทีข้าเมื่อใด จะให้มันชดใช้เป็พันเท่าหมื่นทวี!”
สวีซื่อก็ลอบกำหมัดแน่นเช่นกัน “ฮึ่ม! จะเกรงกลัวอันใด เขาก็เป็แค่พ่อค้าผู้ร่ำรวย จะมาเทียบอะไรกับพี่ใหญ่ สวีเพ่ยหราน และสกุลสวีของเราได้? ตระกูลเราดำรงตำแหน่งเสนาบดีกรมราชทัณฑ์มาหลายชั่วอายุคน หากฝ่าาทรงทราบเข้าละก็ พระองค์ต้องไม่อยู่เฉยเป็แน่”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น สวีฮูหยินก็พยักหน้าเห็นด้วย “ใช่! น้องหญิงพูดถูก แค่พ่อค้าผู้ร่ำรวย จะมาสู้ตระกูลสวีของเราได้อย่างไร? นายท่าน ข้าว่าเราควรจะสั่งสอนเขาให้รู้สำนึกบ้างนะเ้าคะ”
นายท่านสวีเองก็ผงกศีรษะ เห็นด้วยกับคำพูดของฮูหยิน เขาจึงส่งคนไปตรวจสอบสถานการณ์ปัจจุบันของโจวชิงหวาทันที
ด้านสวีซื่อ หลังรับประทานอาหารกลางวันที่จวนสกุลสวีเสร็จก็เดินทางกลับทันที
ตอนนี้ ก็แค่รอฟังข่าวดีจากพี่ใหญ่เท่านั้น...
กาลเวลาล่วงเลย เพียงพริบตา ก็ผ่านมาสามวันแล้ว
หนีเจียเอ๋อร์ยังคงถูกกักขังเอาไว้ โดยมีกลุ่มผู้คุ้มกันคอยเฝ้าอย่างเข้มงวด
เนื่องจากอาการาเ็ของโจวชิงหวายังไม่หายดี เขาจึงไม่อาจลอบเข้ามาพบนางในยามวิกาล เหมือนก่อนหน้านี้ได้
ด้วยความหงุดหงิด ชายหนุ่มจึงเลือกที่จะระบายโทสะกับตระกูลสวีอีกครั้ง โดยการตัดช่องทางการซื้อขาย ระหว่างสกุลสวีกับตลาดมืดไปทันใด
คราวนี้ เื่ราวลุกลามเกินกว่าที่นายท่านสวีจะรับมือได้ เมื่อไม่มีทางเลือก จึงต้องบากหน้ามายังจวนสกุลโจวเพื่อขอสงบศึก
พอประตูจวนเปิดออก รถม้าของสกุลสวีก็เคลื่อนเข้ามา ไม่ช้า ก็มีพ่อบ้านประจำตระกูลออกมาต้อนรับด้วยท่าทีนอบน้อม
พอได้รับรายงานจากสือหวู่ โจวชิงหวาก็ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า เดินออกจากห้องนอนไปยังเรือนรับรอง “แหม… ไม่นึกเลย ว่านายท่านสวีจะมาหาอย่างกะทันหันเช่นนี้ ข้าจึงไม่อาจเตรียมการต้อนรับดีๆ ได้ ต้องขออภัยด้วย เชิญนั่ง!”
นายท่านสวีแสยะยิ้ม ก่อนทิ้งตัวลงนั่ง สายตาคมกริบตวัดไปยังพ่อบ้านและบ่าวรับใช้คนอื่นๆ ด้วยท่าทีอึดอัด ไม่กล้าเอ่ย
เมื่อเห็นเช่นนั้น โจวชิงหวาจึงสั่งให้ทุกคนออกไป “พวกเ้าออกไปก่อน”
พ่อบ้านและเหล่าบ่าวรับใช้ ต่างทยอยออกจากห้องรับรองไปจนหมด
“ตอนนี้เหลือแค่พวกเราแล้ว นายท่านสวีมีเื่อะไรจะพูดกับข้าหรือ?” ชายหนุ่มเอนกายพิงเก้าอี้ พลางยกยิ้มสดใส ราวกับลืมไปสิ้น ว่าคนตรงหน้าคือผู้ที่ส่งมือสังหารมาไล่ฆ่าพวกตน
นายท่านสวีลังเลครู่หนึ่ง แล้วก้มหน้ายอมจำนน เขาลุกขึ้นยืน พลางเอ่ยเสียงหนักแน่นและ ‘จริงใจ’
“คุณชายโจว ข้ารู้ว่าการส่งคนไปไล่สังหารเสี่ยวเอ๋อร์ น้องสาวของเ้า เป็เื่ที่เกินจะให้อภัย เ้าจะแก้แค้นพวกเราก็ไม่แปลก แต่บัดนี้ข้าเข้าใจและสำนึกผิดแล้ว ดังนั้นวันนี้ข้าจึงมาที่นี่เพื่อขออภัย ทว่า เ้าก็ลักพาตัวเ้าสาวของบุตรชายข้าไปเช่นกัน ดังนั้น ข้าหวังว่าสองเื่นี้น่าจะหักล้างกันได้ เ้าคิดเห็นเช่นไร?”
โจวชิงหวายกจอกชาขึ้นมาดื่ม ด้วยท่วงท่าอันสง่างาม แล้วตอบว่า “นายท่านสวี ท่านพูดเกินจริงไปแล้ว ข้าเป็เพียงพ่อค้า จะกล้าดีอย่างไรมาแก้แค้นท่าน”
นายท่านสวีทิ้งตัวลงนั่ง พลางย้อนถามเสียงขรึม “แล้วเื่นี้มิใช่ฝีมือของเ้าหรืออย่างไร? บอกมาเถอะว่าข้าต้องทำอย่างไร เ้าถึงจะยอมหยุด?”
ชายหนุ่มยังคงมีท่าทีสงบนิ่ง เพียงยกยิ้มบางๆ และกล่าวว่า “นายท่านสวีมาหาผิดคนแล้ว คนที่ท่านควรขอโทษมิใช่ข้า แต่เป็นายท่านหนี ที่ท่านไปบังคับบุตรสาวของเขา ให้มาแต่งงานกับบุตรชายของท่านต่างหาก...”
กล่าวจบ โจวชิงหวาก็ค้อมศีรษะเล็กน้อย “ข้ายังมีเื่อื่นต้องไปทำอีก สือหวู่ ส่งนายท่านสวีแทนข้าด้วย”
จากนั้น ก็หมุนตัวเดินจากไปทันที
ตอนนี้ นายท่านสวีรู้สึกโมโหจนหน้าแดง เดินฟึดฟัดออกจากจวนสกุลโจวไปอย่างรวดเร็ว
ก่อนออกรถ คนขับรถม้าก็หันมาถาม “นายท่าน จะกลับจวนเลยหรือไม่ขอรับ?”
นายท่านสวีเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วจึงตอบเสียงต่ำ “ไปจวนสกุลหนี”
พอมาถึง ก็ไม่เอ่ยอันใดให้มากความ เขากล่าวขอโทษทันที “ข้าผิดเอง ที่บังคับให้ลูกสาวเ้าต้องมาแต่งงานกับลูกชายข้า หวังว่าเ้าจะให้อภัยกับความผิดของข้าในครั้งนี้”
นายท่านหนีเลิกคิ้วด้วยความงุนงงกับคำขอโทษของอีกฝ่าย แม้ไม่รู้ว่ามีสิ่งใดไปดลใจให้นายท่านสวีมาเอ่ยปากพูดเช่นนั้น แต่ก็ยินดีที่จะให้อภัย
เขาจึงพูดว่า “หากเ้าไม่บีบบังคับ ทั้งเสี่ยวเอ๋อร์และเพ่ยหรานคงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้ แต่ในเมื่อเ้ามาขออภัย ข้าก็จะรับคำขอโทษเอาไว้ เท่ากับว่าตอนนี้ ความสัมพันธ์ของพวกเราสองตระกูล ได้กลับมาเป็เหมือนเดิมแล้ว”
ได้ยินเช่นนั้น นายท่านสวีก็แอบก่นด่าในใจ เื่ราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น ก็เป็เพราะเ้านั่นแหละ ที่ไม่รู้จักสั่งสอนลูกสาวให้ดี นางถึงได้เอาแต่สร้างปัญหาเช่นนี้ ยังจะกล้ากล่าวโทษว่าเป็ความผิดของผู้อื่นอีก... ช่างหน้าไม่อายเลยจริงๆ!
พอจบเื่ นายท่านสวีก็ไม่คิดจะอยู่ต่อให้อึดอัด รีบเอ่ยลาทันที “เช่นนั้น ข้าขอตัวก่อน”
นายท่านหนีที่ไม่รู้เื่อันใด ยังคงยิ้มรับ “ข้าไม่ไปส่งนะ”
หลังจากนายท่านสวีออกไป สวีซื่อก็เดินเข้ามา
“นายท่าน ข้าไตร่ตรองมาสักพักแล้ว เื่ที่ว่ามีผีร้ายสิงอยู่ในจวนของเรา ดูเหมือนข้าจะเข้าใจผิดไป แต่นั่นก็เป็เพราะข้าห่วงตระกูลของเรามากเกินไป จนเผลอคิดฟุ้งซ่าน เื่ิญญาร้ายอะไรนั่น ข้าเข้าใจผิดไปเอง นี่เป็ความผิดของข้าเองเ้าค่ะ ดังนั้นปล่อยตัวเจียเอ๋อร์ออกมา ดีหรือไม่เ้าคะ?”
นายท่านหนีหันไปมองภรรยา พลางย่นคิ้วด้วยความกังขา
“เ้าจะให้ข้าปล่อยตัวเสี่ยวเอ๋อร์ อย่างนั้นหรือ?”
“ใช่เ้าค่ะ!” สวีซื่อพยักหน้ายืนยัน
ขืนวันนี้ยังไม่ปล่อยตัวหนีเจียเอ๋อร์ โจวชิงหวาคงได้แค้นเคือง จนหันมาระบายโทสะกับสกุลสวีอีกเป็แน่!