ในรถม้าเงียบงัน
หลิวหงเหยียนและเสวี่ยปิงหนิงมองไปที่หลัวเลี่ยอย่างประหลาดใจ เป็เวลาสามนาทีที่ในรถม้ามีเพียงเสียงลมหายใจ
ไม่มีการฝึกนี้หรือ?
แย่แล้ว นี่ไม่ได้หมายถึงการฝันถึงจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เป็เพียงความฝันหรือ นอกจากนำเขามาที่ดินแดนเหยียนหวงที่แปลกประหลาดนี้แล้ว ก็ไม่เหลืออะไรไว้ให้เขาเลยสักอย่าง
หลัวเลี่ยอารมณ์เสียเล็กน้อย ตอนแรกเขาคิดว่าความลำบากในการฝันถึงจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ตลอดหนึ่งปีของตนจะสร้างความอัศจรรย์มากกว่านี้
“เ้าแน่ใจหรือว่าจะฝึกเคล็ดวิชาั์?” หลิวหงเหยียนกล่าว
หลัวเลี่ยที่กำลังหงุดหงิดได้ยินก็ใจสั่น
มีเคล็ดวิชาั์จริงๆ!
หมายความว่านอกจากความฝันถึงจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์จะส่งเขามาที่ดินแดนเหยียนหวงแล้วยังมีสิ่งอื่นอีก มิเช่นนั้นเหตุใดจู่ๆ ถึงปรากฏความทรงจำที่ว่าต้องฝึกเคล็ดวิชาั์ได้
“ใช่ๆ” หลัวเลี่ยรีบตอบ “ข้าจำได้ว่าเมื่อก่อนข้าสนใจการฝึกนี้มาก”
หลิวหงเหยียนและเสวี่ยปิงหนิงมองหน้ากัน
“ที่แท้การที่เ้าไม่สนใจฝึกวรยุทธ์ไม่เป็ความจริง เพียงแต่พยายามที่จะฝึกเคล็ดวิชาั์” หลิวหงเหยียนกล่าว
“พยายามฝึก?” หลัวเลี่ยขมวดคิ้ว
หลิวหงเหยียนอธิบายเื่ราวเกี่ยวกับเคล็ดวิชาั์
เคล็ดวิชาั์ไม่ได้สร้างโดยมนุษย์ แต่เกิดจากต้นไม้ล้ำค่าบนเทือกเขาคุนหลุนด้านตะวันตก ที่ดูดซับแก่นแท้ของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์เป็เวลากว่าสามหมื่นหกพันปี แล้วผลิดอกออกผลร่วงลงสู่พื้น ก่อนจะแตกออกส่งกลิ่นหอมกระจายไปหลายพันลี้ ดึงดูดผู้คนนับไม่ถ้วนให้มาพบเจอผลที่แตกออกใต้ต้นไม้ล้ำค่านี้ จากนั้นอักขระโบราณค่อยๆ ลอยออกมาทีละตัว ก่อนที่อักขระเหล่านี้จะรวมกันกลายเป็เคล็ดวิชาั์
ผู้คนในเวลานั้นรู้สึกราวกับว่าค้นพบขุมทรัพย์ พวกเขาฝึกฝนทักษะอันสูงสุดนี้ที่ลงมาจาก์
ในหมู่คนที่ฝึกมีศิษย์ของมหาเทพจำนวนมาก แต่ก็ไม่มีใครสามารถฝึกสำเร็จ นับแต่นั้นมา เคล็ดวิชาั์ก็ถูกเข้าใจว่ามีข้อบกพร่องและไม่สามารถฝึกได้
เหตุการณ์นี้ทำให้มหาเทพเต้าเต๋อเทียนจุนตื่นตระหนก
มหาเทพเป็ผู้ยิ่งใหญ่ กฎของโลกไม่สามารถทำอะไรท่านได้ ท่านแค่กล่าวเพียงคำเดียวก็กำหนดชะตาของโลกได้
มหาเทพเต้าเต๋อเทียนจุนมองไปที่เคล็ดวิชาั์ และกล่าวว่าการฝึกนี้ถูกต้อง ทั้งยังเป็การฝึกที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เคยมีมา ไม่มีการฝึกไหนเทียบได้ แม้แต่มหาเทพเต้าเต๋อเทียนจุนเองก็เสียใจ ที่เขากลายเป็มหาเทพแล้วทำให้ไม่มีโอกาสได้ฝึกฝนวิธีนี้ นับเป็ความเสียใจอย่างยิ่งในชีวิต
คำกล่าวของมหาเทพ ย่อมไม่มีผู้ใดสงสัยอีก
อย่างไรก็ตาม ั้แ่มีเคล็ดวิชาั์มา ก็ไม่เคยมีผู้ใดฝึกสำเร็จมาก่อน ไม่ว่าคนคนนั้นจะเก่งกาจสักเพียงใด ก็มักจะท้อใจเสมอ
มหาเทพเต้าเต๋อเทียนจุนมีอีกชื่อคือไท่ช่างเหล่าจวิน
หลิวหงเหยียนถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “ตอนนี้ผู้ที่โดดเด่นที่สุด มีหวังที่จะขึ้นเป็เทพคือเจียงจื่อหยา จอมพลของอาณาจักรโจว และเหวินจง ปรมาจารย์ของอาณาจักรชาง แม้ทั้งสองจะมีพร์ที่น่าทึ่ง แต่ยังใช้เวลานับสิบปีฝึกฝนได้เพียงระดับห้าเท่านั้น ทั้งสองยังไม่สามารถฝึกเคล็ดวิชาั์ได้สำเร็จ ต้องเปลี่ยนไปฝึกวิธีอื่น จนตอนนี้เกือบจะขึ้นเป็เทพแล้ว คนที่โดดเด่นล้วนรู้ว่าเคล็ดวิชาั์ไม่สามารถฝึกจนสำเร็จได้ เ้ายังอยากจะฝึกอยู่อีกหรือ”
คิ้วของหลัวเลี่ยกระตุกหลายครั้ง
เขาใอย่างมากกับประวัติความเป็มาของเคล็ดวิชาั์
จนถึงตอนนี้ยังไม่มีผู้ใดฝึกสำเร็จ
แม้แต่ลูกศิษย์ของมหาเทพยังไม่อาจฝึกสำเร็จได้
การเป็ศิษย์ของมหาเทพ แค่คิดก็รู้แล้วว่าคงเป็คนที่มีพร์น่าทึ่ง
“ข้าอยากลองดูสักครั้ง”
หลัวเลี่ยยังคงไม่ยอมแพ้ เขามีจิตใต้สำนึกที่เชื่อมั่นในจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์
เนื่องจากความฝันของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์นำเขามาที่ทวีปเหยียนหวง และทำให้เขากลายเป็ท่านอ๋องน้อย เช่นนั้นความทรงจำที่ทิ้งไว้จึงไม่ได้ไร้จุดหมายอย่างแน่นอน
ดังนั้นเขาจะลองดูสักครั้ง
หลิวหงเหยียนไม่คัดค้าน เพียงแต่พูดเบาๆ ว่า “เคล็ดวิชาั์ได้เผยแพร่ในดินแดนเหยียนหวงเมื่อหลายพันปีก่อน ข้าเคยพยายามลองฝึกแล้ว ยังจำอยู่ในใจถึงตอนนี้ ข้าสามารถถ่ายทอดให้เ้าได้ แต่ข้าหวังว่า หากภายภาคหน้าเ้าล้มเหลว ก็จะเปลี่ยนมาฝึกตำราหนานหลี่ซึ่งที่บ้านของเ้าทิ้งไว้ให้”
“ข้ายังไม่ได้ลองเลย พี่หงเหยียนกลับคิดว่าข้าจะล้มเหลวเสียแล้ว” หลัวเลี่ยเม้มริมฝีปาก
หลิวหงเหยียนและเสวี่ยปิงหนิงมองหน้ากันและยิ้ม เื่ล้มเหลวในการฝึกเคล็ดวิชาั์นี้จำเป็ต้องอธิบายอีกหรือ
ยิ่งพวกนางเป็เช่นนี้ หลัวเลี่ยยิ่งตื่นเต้นอยากจะลอง
“พี่หงเหยียนบอกวิธีฝึกให้ข้าเถอะนะ” หลัวเลี่ยไม่โต้แย้งอีกต่อไป
ในตอนนั้นหลิวหงเหยียนก็ได้บอกถึงเนื้อหาของเคล็ดวิชาั์ ซึ่งมีความยาวถึงหนึ่งหมื่นตัวอักษรออกมาหนึ่งรอบ
หลัวเลี่ยประหลาดใจมาก เขาฟังเพียงหนึ่งรอบกลับจำได้ทั้งหมดแล้ว นอกจากนั้นยังสามารถท่องซ้ำได้อีกหนึ่งรอบโดยไม่ผิดแม้แต่คำเดียว ทำให้หลิวหงเหยียนพูดไม่ออก บอกตามตรง หลัวเลี่ยลืมไปแล้วว่าเธอคือใคร เมื่อจำเคล็ดวิชาั์ได้ เขาก็ไม่แปลกใจเลยที่จะมีคนไม่ฝึกฝน เพราะความรู้สึกเหมือนว่าถูกเคล็ดวิชาั์ระงับไว้ไม่ให้ฝึกได้ หลัวเลี่ยได้แต่กลอกตา
และตอนนี้หลัวเลี่ยก็ใยิ่งขึ้น
เขารู้จักตนเองดี เขามีความสามารถในการจำที่น่าทึ่งขนาดนี้ั้แ่เมื่อไหร่?
สิ่งนี้ทำให้เขานึกถึงการสลายของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ในฝันครั้งนั้นอีกครั้ง
จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์สลายกลายเป็อนุภาคสีขาวราวกับหิมะจำนวนนับไม่ถ้วนและรวมเข้ากับร่างกายของเขา ทำให้เขาเ็ปจากการถูกฉีก บดขยี้ และประกอบขึ้นใหม่
"เป็ไปได้ไหมว่า ความเจ็บจากการถูกฉีกออกและประกอบขึ้นใหม่? ทำให้ร่างกายของเขาเปลี่ยนแปลงไป?"
หลัวเลี่ยตื่นเต้นเล็กน้อย
หากเป็เช่นนี้ บางทีเขาอาจจะฝึกเคล็ดวิชาั์ได้สำเร็จ
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้เขาก็หลับตาลง และเริ่มนึกถึงเคล็ดวิชาั์อีกครั้ง
การนึกครั้งนี้ทำให้เขารู้สึกแปลกๆ อีกแล้ว
ในสายตาของคนสมัยใหม่เช่นเขา เคล็ดวิชาั์ที่เข้าใจยากนั้นเรียบง่ายจริงๆ ราวกับว่าเขาเข้าใจมันอยู่ในใจแล้ว เขาสามารถเข้าใจได้อย่างง่ายดายและพยายามฝึกฝนตามคำสอนของตำรานี้
“เริ่มฝึกแล้วหรือ? รีบร้อนจริงๆ” น้ำเสียงเ็าเล็กน้อยของเสวี่ยปิงหนิงดังขึ้น
“เดิมทีข้าอยากจะอธิบายให้เขาฟังสักเล็กน้อยเกี่ยวกับสิ่งที่ข้าได้เรียนรู้ แต่ในเมื่อเขารีบร้อนเช่นนี้ ก็ปล่อยให้เขารั้นต่อไปเถอะ เดี๋ยวก็คงยอมแพ้แล้ว” หลิวหงเหยียนพูดยิ้มๆ
เสวี่ยปิงหนิงพูดด้วยความกังวลว่า “ข้ากลัวว่าเขาจะเหมือนเมื่อก่อน ถูกพิษของเคล็ดวิชาั์แล้วจะไม่สนใจฝึกวรยุทธ์อย่างอื่นอีก”
หลิวหงเหยียนถอนหายใจ เปิดม่านออกแล้วมองไปข้างนอก "ถ้าเป็เช่นนั้นก็ให้เขาอยู่ห่างจากเมืองหลวง มอบที่ดินให้เขากลายเป็เศรษฐีแล้วกัน"
เสวี่ยปิงหนิงหมดคำพูด และก็นั่นเป็วิธีเดียว ด้วยในตอนนี้เมืองเป่ยสุ่ยเหมือนมีกระแสน้ำเชี่ยวกราก การอยู่ในเมืองหลวงจะเป็อันตรายกับหลัวเลี่ยซึ่งไม่มีความสามารถในการป้องกันตัวเอง
รถม้ายังคงแล่นต่อไป
ในเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงหลัวเลี่ยก็รู้สึกได้ถึงพลังที่พลุ่งพล่านในร่างกายของเขา
ความรู้สึกถึงพลังเป็เครื่องยืนยันถึงการฝึกฝนวรยุทธ์
เมื่อรับรู้ได้ถึงพลัง ก็หมายถึงการเข้าสู่การฝึกวรยุทธ์อย่างเป็ทางการ
สิ่งนี้ทำให้หลัวเลี่ยตื่นเต้นมาก
ความรู้สึกถึงพลังหมายความว่า เขาสามารถฝึกเคล็ดวิชาั์ได้ สิ่งนี้เกิดขึ้นในหนึ่งชั่วโมงเท่านั้น
เวลานี้ก็ดึกแล้ว รถม้าหยุด และกลุ่มคนก็มองหาที่เงียบสงบเพื่อพักผ่อน
ซูชิวเชิงหัวหน้าองครักษ์ของจวนหนานหลี่ออกคำสั่งให้องครักษ์กระจายกำลังอารักขา ค้นหาจุดบอดของสถานที่เพื่อปกป้องที่นี่ ระยะทางที่ใกล้ที่สุดคือสี่ถึงห้าร้อยเมตร และให้เฝ้าระวังในรัศมีห้าลี้
ซูชิวเชิงยังนั่งบนก้อนหินในระยะไกล และให้ความสนใจกับการเคลื่อนไหวรอบตัวเขาเสมอ
ใจกลางมีเพียงพวกของหลัวเลี่ยสามคนเท่านั้น
หลังจากกินข้าวแล้ว หลัวเลี่ยแทบรอไม่ไหวที่จะเข้าสู่การฝึกฝนอีกครั้ง หลิวหงเหยียนและเสวี่ยปิงหนิงมองท่าทางของเขาแล้ว ทั้งคู่แสดงความกังวลว่า หลัวเลี่ยจะถูกความล้มเหลวจากการฝึกเคล็ดวิชาั์ทำให้ไม่อยากฝึกฝนวรยุทธ์อีกต่อไป
หลัวเลี่ยไม่ได้สนใจพวกนาง และจดจ่ออยู่กับการฝึกฝนของเขา
หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง การสั่นะเืของพลังเกิดเป็กระแสที่ไหลเวียนอยู่ในเส้นลมปราณ และหลัวเลี่ยก็รู้ว่าเขาได้ก้าวเข้าสู่การฝึกร่างกายในระดับแรกแล้ว
หนึ่งชั่วโมงครึ่งต่อมา หลัวเลี่ยก้าวเข้าสู่การฝึกร่างกายในระดับที่สอง
สามชั่วโมงต่อมา หลัวเลี่ยก้าวเข้าสู่การฝึกร่างกายในระดับที่สาม
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้