วิชาชุบกระดูกสามชั้น
นี่คือชื่อของวิชาที่ฉินอวี่ใช้ในการชุบหลอมร่างกายในครั้งนี้
วิชาชุบกระดูกสามชั้นเป็สิ่งที่ฉินอวี่เห็นมาจากตำราโบราณเล่มหนึ่ง แม้ว่าวัตถุดิบยาที่นำมาใช้จะไม่ได้มีค่ามากนัก แต่ผู้สร้างวิชาชุบกระดูกสามชั้นจะต้องแตกฉานลึกซึ้งในวิถีการปรุงยา เพื่อให้ฤทธิ์ของวัตถุดิบยากว่าร้อยชนิดได้แสดงออกมาอย่างถึงที่สุด ทั้งนี้ ก็เพื่อให้วัตถุดิบยาเหล่านี้ได้แสดงพลังสามชั้นออกมา ทำการชุบหลอมกระดูกในร่างกาย
ด้วยฤทธิ์ยาที่รุนแรง หากผู้มีจิตใจไม่เข้มแข็งได้ทดลองสิ่งนี้ อย่างหนักก็คือตาย อย่างเบาก็กระดูกแตกหัก
เหตุผลที่ฉินอวี่ใช้วิธีการชุบหลอมกายอันรุนแรงเช่นนี้ได้ ก็เป็เพราะเขาไม่มีทางเลือก กระดูกในร่างกายร่างนี้แย่มากเกินไป มีสิ่งสกปรกอยู่ภายในมากเกินไป หากไม่ทำการชุบหลอมให้สะอาด อาจจะมีผลต่อการฝึกฝนในอนาคต
ความเ็ปอย่างรุนแรงนั้นเหมือนกับสายน้ำที่กำลังบ้าคลั่ง และแม้ว่าความเ็ปเช่นนี้จะรุนแรงมาก แต่ก็ไม่ทำให้ฉินอวี่รู้สึกเหน็บชาแต่อย่างใด ราวกับว่านี่คือความตั้งใจของผู้สร้างวิชาชุบกระดูกสามชั้น ที่จะทดสอบความตั้งใจของผู้ทำการชุบหลอมกาย
ความเ็ปเช่นนี้กินเวลาต่อเนื่องเกือบหนึ่งชั่วยาม
หลังจากหนึ่งชั่วยามผ่านไป ความเ็ปอย่างรุนแรงก็ได้หายไปทันที ฉินอวี่ที่มีความตึงเครียดก็เหมือนหลุดจากขุมนรกไปสู่สรวง์ จนแทบไม่ทำให้เขาหมดสติเลย!
“จะต้องยืนหยัดให้มั่น หากแค่วิชาชุบกระดูกสามชั้นเพียงเล็กน้อยยังไม่สามารถยืนหยัดอยู่ได้ แล้วจะเอาอะไรไปสังหารจอมปีศาจหลินอวี่!”
ดวงตาของฉินอวี่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น บังคับตนเองอย่างหนักแน่นไม่ให้หมดสติลงไป
แต่สิ่งที่ทำให้ฉินอวี่นึกไม่ถึงก็คือ หลังจากพลังโอสถเช่นนี้หายไปได้ไม่นาน พลังโอสถรูปแบบอื่นก็พุ่งเข้าใส่ร่างกายราวกับสัตว์ร้าย มุ่งตรงเข้าสู่ร่างกายของฉินอวี่ในทันที
ภายใต้ตัวยาที่ผสมผสาน ร่างกายของฉินอวี่เต็มไปด้วยเื ิัเกิดเป็รอยแตก พลังโอสถเข้าทำลายกระดูกชุดเดิม สิ่งสกปรกทั้งหมดที่อยู่ภายในได้หลอมรวมเข้ากับส่วนผสมของตัวยาทันที
“อ๊าก!” ฉินอวี่เงยหน้าขึ้นส่งเสียงะโ กล้ามเนื้อบนใบหน้ากระตุกอย่างรุนแรง ความเ็ปอันแข็งแกร่งเป็ดั่งมีดคมนับไม่ถ้วนกำลังเชือดเฉือนิั กล้ามเนื้อ และกระดูกของเขาไปทีละชิ้น
ขณะที่พลังโอสถชั้นที่สองสลายไป ฉินอวี่ก็รู้สึกสั่นสะท้านไปทั่วทั้งร่าง
ความเ็ปและความเหนื่อยล้าอย่างรุนแรงราวกับพลังอันยิ่งใหญ่ ได้หยุดกระทบหัวใจของฉินอวี่แล้ว
หากฉินอวี่ผ่อนคลายไปเพียงเล็กน้อย หรือมีความคิดเพียงครู่ว่าจะยอมแพ้ เขาอาจจะต้องหมดสติไปในทันที
“หลิวอวี่!” ฉินอวี่พูดคำสองคำออกมาอย่างยากลำบาก สีหน้าซีดขาว เืไหลเต็มไปทั่วทั้งร่าง
“ตูม!”
พลังโอสถชั้นที่สามเป็ดั่งสัตว์ร้ายจำนวนนับไม่ถ้วน ที่หลั่งไหลมาจากทั่วทุกสารทิศ
“ฮึๆ!” ฉินอวี่ส่งเสียงอู้อี้ออกมา กัดฟันแน่นจนฟันแทบแตกออก
“อ๊าก!” ฉินอวี่ะโร้องเสียงดังราวกับสัตว์ร้าย
โชคดีที่มีกลป้องกันอยู่ ไม่เช่นนั้น เสี่ยวเถาและเสี่ยวฮวาที่อยู่ด้านนอกคงจะรีบวิ่งเข้ามาด้วยความใ
“อ๊าก!” ฉินอวี่ส่งเสียงคำรามซ้ำแล้วซ้ำเล่า พร้อมกับเืที่เอ่อล้นออกมาจากปาก นี่คือเืที่ไหลออกมาจากการขบฟันแน่นจนเหงือกไม่สามารถจะต้านทานได้อีกต่อไป
โชคยังดีที่พลังโอสถในชั้นที่สามนี้กินเวลาไม่นาน
“หึ่ง!” เสียงหึ่งๆ ดังออกมาจากเตาปรุงยา หลังจากผ่านความเ็ปอย่างรุนแรง ฉินอวี่ก็รู้สึกว่ารูขุมขนของเขาเริ่มผ่อนคลาย รู้สึกเหมือนมีกระแสน้ำอุ่นที่อธิบายไม่ได้กำลังไหลเข้าสู่ร่างกาย ิัทั่วร่างได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง เืเนื้อที่ได้รับผลกระทบจากพลังโอสถ ได้ทำการดูดซับพลังโอสถอย่างตะกละตะกลาม กระดูกที่แตกหักก็ได้รับการรักษาจากพลังโอสถเช่นเดียวกัน...
หากกล่าวว่าก่อนหน้านี้ที่ถูกผลกระทบของพลังโอสถเป็นรก เช่นนั้น ตอนนี้ก็คงจะเป็สรวง์
ฉินอวี่รู้สึกเหมือนกำลังอาบแดดอยู่ท่ามกลางฤดูหนาว จากนั้นก็ตามมาด้วยความรู้สึกเคลิ้มสบาย
“ไม่ได้ ข้าจะหลับไม่ได้ หลังจากชุบกาย ยังจำเป็ต้องดูดซับพลังิญญาฟ้าดิน เพื่อให้การชุบหลอมกายมีความสมบูรณ์!” ฉินอวี่จึงเริ่มปลุกวิชาเซียนมรรคา์!
สิบวันต่อมา!
ฉินอวี่ลืมตาขึ้นมาจากการทำสมาธิ และมองไปยังส่วนผสมยาที่เกือบจะแข็งตัว ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข
ขั้นยุทธ์ระดับสาม
การชุบกายในครั้งนี้ ทำให้เขาก้าวขึ้นจากขั้นยุทธ์ระดับหนึ่งเข้าสู่ระดับที่สองและบรรลุระดับที่สามได้ในที่สุด
เมื่อรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงที่สั่นะเืฟ้าดิน ฉินอวี่ก็เผยรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า เขาค่อยๆ ยกมือขวาขึ้น ค่อยๆ กำหมัดไว้แน่น จนรู้สึกได้ถึงพลังที่ะเิออกมาจากในร่างกาย และพึมพำกับตัวเองขึ้นมา “ขั้นยุทธ์ระดับสามคือกระดูกเหล็ก ตอนนี้กระดูกของข้าได้รับการชุบหลอมด้วยพลังโอสถนับร้อยชนิด แม้ผู้ฝึกตนขั้นยุทธ์ระดับห้าก็ไม่อาจจะเทียบได้”
“แต่เท่านี้ยังไม่พอ หาก้าฝึกวิชาปีศาจคลั่งหกปริวรรต ยังจำเป็ต้องเข้าสู่เขตพลังปราณของขั้นยุทธ์ระดับหก! หากสำเร็จขั้นยุทธ์ระดับหก ก็จะเริ่มใช้วิชาปีศาจคลั่งปริวรรตที่หนึ่งได้ เมื่อถึงเวลานั้น รับรองว่าจะต้องกลายเป็ที่โดดเด่นของงานชุมนุมอย่างแน่นอน!” ฉินอวี่พึมพำกับตนเอง เขาในอดีตติดอยู่กับขั้นยุทธ์ระดับหก และไม่เคยได้ก้าวเข้าสู่ขั้นยุทธ์ระดับเจ็ดเลยตลอดชีวิต
แม้ว่าขั้นยุทธ์ระดับหกและระดับเจ็ดจะห่างกันเพียงหนึ่งระดับชั้น แต่หนึ่งระดับนี้เป็เหมือนดั่งสันเขาเขตแดน ที่เมื่อได้ผ่านเข้าไปแล้ว จึงจะนับว่าเป็ประตูการฝึกฝนอย่างแท้จริง หากยังไม่ได้ผ่านเข้าไป ก็นับว่ายังไม่พ้นจากความเป็ปุถุชนธรรมดา
ขั้นยุทธ์เก้าระดับ ระดับหนึ่งกรุยชีพจร ระดับสองผิวทองแดง ระดับสามกระดูกเหล็ก ระดับสี่หลอมปฏิกูล ระดับห้าความแข็งแกร่ง ระดับหกพลังปราณ ระดับเจ็ดพลังิญญา ระดับแปดรวมิญญา และระดับเก้าตันเถียน
ระดับที่ต่ำกว่าระดับเจ็ด แม้ว่าจะถึงจุดสูงสุดของขั้นยุทธ์ระดับหก ก็ยังไม่พ้นความแข็งแกร่งของร่างกายอย่างปุถุชน แต่หลังจากก้าวข้ามสู่ขั้นยุทธ์ระดับเจ็ดและมีพลังิญญา จึงจะกลายเป็ผู้ฝึกตนที่แท้จริง
เมื่อรู้ว่าจะมีคนของสำนักยุทธ์ว่านจ้งมาชมงานชุมนุม ฉินอวี่จึงมีความจำเป็ยิ่งนักที่ต้องเข้าร่วม อีกทั้ง ยังต้องเข้าสู่สำนักยุทธ์ว่านจ้งเพื่ออ่านตำราโบราณในหอตำราของสำนักยุทธ์ว่านจ้ง เพื่อจะค้นหาตำราโบราณที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลของหวังชิง เสี่ยเอ๋อ และหลินอวี่!
“ในส่วนผสมยายังมีพลังโอสถอยู่ ข้าต้องดูดซับไปให้หมด” ฉินอวี่เหลือบมองส่วนผสมที่แข็งตัวและหลับตาลงอีกครั้ง
...
สามวันต่อมา
“ไปให้พ้น!”
“คุณชายรอง คุณชายสามกำลังเก็บตัวฝึกฝนอยู่ เข้าไปรบกวนไม่ได้” เสี่ยวเถาเข้าไปขัดขวางฉินเฟิงที่กำลังรีบมุ่งหน้าเข้าไปในสวนอย่างแข็งขัน
ฉินเฟิงที่มีใบหน้าแดงก่ำ คว้าท้ายทอยของเสี่ยวเถาและยกขึ้นด้วยมือข้างซ้าย จากนั้นจึงใช้มือขวาตบเสี่ยวเถาเข้าอย่างจัง
“เพียะ เพียะ!”
เกิดเสียงดังแสบหูขึ้นอีกครั้ง เสี่ยวเถากรีดร้อง กระอักเืออกมาจากปากพร้อมฟันที่เปื้อนเื นางเป็เพียงมนุษย์ปุถุชนคนหนึ่ง จะไปทนรับแรงฝ่ามือทั้งสองครั้งของฉินเฟิงในขั้นยุทธ์ระดับที่สี่ได้อย่างไร?
“เอิ้ก! ถ้ายังกล้าขวางอีก ข้าจะหักแขนทั้งสองข้างของเ้าทิ้ง!” ฉินเฟิงเหวี่ยงเสี่ยวเถาออกไปทางด้านหนึ่งราวกับกระสอบทราย พร้อมส่งเสียงเรอสะอึกเหล้า กลิ่นเหล้าฟุ้งกระจาย จากนั้นก็ตรงเข้าไปยังสวนที่พำนักของฉินอวี่
เสี่ยวฮวายืนขวางอยู่ตรงประตู ร่างกายอันบอบบางของนางเริ่มสั่นเทา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมองเห็นเืและฟันที่อยู่บนพื้น ยิ่งทำให้ร่างกายสั่นสะท้านมากขึ้น ราวกับกำลังมองฉินเฟิงที่เป็ดั่งเทพสังหารด้วยความสยดสยอง และทรุดตัวลงทันที เมื่อเห็นฉินเฟิงเดินเข้ามา เสี่ยวฮวาก็กัดฟันวิ่งตรงไปกอดขาข้างซ้ายของฉินเฟิงทันที
“คุณชาย... คุณชายรอง... เข้าไปได้ไม่นะ...”
เสี่ยวฮวายังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกฉินเฟิงเตะกระเด็นออกไป ร่วงลงมาอย่างหนักในระยะห่างออกไปสามจ้าง และหมดสติไปทันที
“อย่านะ!” เสี่ยวฮวารีบปีนลุกขึ้นมาอย่างดุเดือด ใบหน้าที่บอบบางของนางบวมขึ้น แต่ดวงตาทั้งคู่ยังเต็มไปด้วยความแน่วแน่ แม้ว่านางจะไม่รู้ว่าคุณชายสามกำลังทำอะไรอยู่ในห้อง แต่นางก็รู้สึกได้ว่าการเก็บตัวครั้งนี้เป็สิ่งสำคัญสำหรับคุณชายสาม ดังนั้นนางจึงตั้งใจแน่วแน่ที่จะขัดขวางฉินเฟิง ไม่ให้รบกวนคุณชายสามฉินอวี่
ในเวลานี้ เสี่ยวเถาไม่รู้ไปเอาความแข็งแกร่งนี้มาจากไหน นางวิ่งเข้าไปหาฉินเฟิงอย่างบ้าคลั่ง โดยไม่สนใจต่ออาการาเ็บนใบหน้า และกอดขาข้างหนึ่งของฉินเฟิงไว้ทันที
“ไปตายซะ!” ฉินเฟิงเหวี่ยงเท้าเตะอย่างแรงจนเสี่ยวเถากระเด็นออกไป กระแทกเข้าใส่ประตูห้องของฉินอวี่อย่างจัง
“ปัง!” เสียงกระแทกดังขึ้น ประตูถูกกระแทกอย่างเต็มแรง จนเสี่ยวเถากระเด็นเข้าไปด้านใน
ภายในห้อง เพราะมีกลป้องกันอยู่ ฉินอวี่จึงไม่ได้ยินเสียงสั่นะเืจากภายนอก ขณะที่ประตูห้องถูกกระแทก ฉินอวี่กำลังค่อยๆ สวมเสื้อผ้าของเขา และหันศีรษะมาอย่างรวดเร็ว แต่กลับพบเสี่ยวเถาที่มีเือยู่เต็มปากกระเด็นเข้ามา
สีหน้าของฉินอวี่เคร่งเครียดขึ้นทันที และกอดรับเสี่ยวเถาเอาไว้ มองไปยังใบหน้าที่บวมช้ำ และเืที่ไหลล้นออกมาจากปากของเสี่ยวเถา สายตาของฉินอวี่จึงเต็มไปด้วยความอำมหิตอันเยือกเย็น
“คุณชาย... คุณชายสาม... เสี่ยว...” เสี่ยวเถาพูดอย่างแ่เบา พร้อมเืที่ไหลออกมาเต็มปาก
ฉินอวี่ยิ้มให้เสี่ยวเถาก่อนจะพูดกับนาง “เสี่ยวเถา พักผ่อนก่อนเถอะ ปล่อยให้ข้าจัดการเอง!” พูดจบ ฉินอวี่ก็พาเสี่ยวเถาไปนอนบนเก้าอี้หวายตัวหนึ่งอย่างระมัดระวัง
เมื่อติดกระดุมเม็ดสุดท้ายเรียบร้อย ฉินอวี่ก็ลุกขึ้นยืนช้าๆ จ้องมองฉินเฟิงอย่างเฉยเมย
“เป็เ้า เป็เ้านั่นล่ะ คนแซ่เฉิน ข้าจะฉีกเ้าเป็ชิ้นๆ!” ฉินเฟิงส่งเสียงะโอย่างชั่วร้าย และโผเข้าหาฉินอวี่ราวกับเสือที่หิวโหย
ฉินอวี่ก้าวถอยหลังเล็กน้อย ทันทีที่ฉินเฟิงพุ่งเข้ามา เขาก็ะโออกไป ใช้สองมือกดไหล่ของฉินเฟิงไว้ งอขาข้างขวา ใช้เข่ากระแทกไปยังหน้าท้องของฉินเฟิง
ขณะที่ฉินเฟิงกำลังตีลังกากระเด็นไป ฉินอวี่ก็ยื่นมือซ้ายออกไป บีบคอของฉินเฟิงอย่างแรง และยกขึ้นไปกลางอากาศ
“เพียะๆ!”
เสียงตบดังเพียะกึกก้องไปทั้งสวนในทันที