ณ เรือนเวิ่นเซียน ในศาลาจู๋อวิ๋น
ในเวลานี้เหมยซิ้งหงกับหวู่อันถงกำลังนั่งอยู่ต่อหน้ากัน ชาในมือส่งกลิ่นหอมเย้ายวน
ข้างกายของพวกเขาคือเ้าหอเทียนปินที่ยืนเอามือไขว้หลังด้วยท่าทางเคารพนับถือ
“เ้าหอเหมา ่นี้ไป๋เฮ่อเป็อย่างไรบ้าง?”
เมื่อได้ยินคำถามของเหมยซิ้งหง เหมาปู้เอ้อยิ้มแห้งพลางกล่าวว่า “เรียนท่านเ้าเกาะ ถึงแม้ข้าจะไม่ชอบเ้าหนูไป๋เฮ่อ แต่กลับรู้สึกนับถือเขา...”
“โอ้? หมายความว่าอย่างไรหรือ?”
เหมยซิ้งหงประหลาดใจเล็กน้อย เขารู้จักนิสัยของเหมาปู้เอ้อดี
อย่าคิดว่าชายชราคนนี้ดูท่าทางนอบน้อมเพราะพฤติกรรมที่อยู่ต่อหน้า แท้จริงแล้วนิสัยของอีกฝ่ายช่างแปลกประหลาด เหมือนกับก้อนหินวางอยู่ในห้องน้ำทั้งเหม็นทั้งแข็ง ทั้งยังมีท่าทีหยิ่งทะนง หากมิใช่เพราะเหมยซิ้งหงมีบุญคุณต่อเขา อีกฝ่ายก็คงไม่ยอมอยู่เกาะสามเซียน
แม้จะเป็เช่นนี้ เหมาปู้เอ้อก็เคารพแค่เหมยซิ้งหงเพียงคนเดียว ไม่เคยนับถือใครอื่นมาก่อน
“ท่านเ้าเกาะอาจจะไม่ทราบ เ้าเด็กไป๋เฮ่อแปลกมาก ทั้งๆ ที่รู้จักศาสตร์วิชาสำนักเทียนกงดี แต่ในด้านหลักการพื้นฐานของการสร้างอาวุธกับอักขระเขากลับไม่รู้เื่เลย เทียบกับศิษย์ธรรมดามิได้ด้วยซ้ำ...”
ไม่รอเหมาปู้เอ้อพูดจบ หวู่อันถงกล่าวต่อว่า “สถานการณ์เช่นนี้ข้าพอเข้าใจอยู่ ข้าเคยตรวจสอบประวัติของไป๋เฮ่อมาก่อน เขาขาดพร์ จึงไม่เคยเข้าเรียนในสำนักเซียนหรือสถาบันเซียนมาก่อน เขาเพียงรู้จักห้าศาสตร์วิถีเซียนบ้างเท่านั้น ทว่าแม้แต่หลักการพื้นฐานก็ไม่เคยเรียนมาก่อน...แต่ศาสตร์วิชาสำนักเทียนกงของเขา ไม่ว่าเขาจะได้รับสืบทอดมาหรือได้มาจากที่อื่นก็ตามแต่ เขากลับค่อยๆ เชี่ยวชาญขึ้นมาเอง”
“ไม่ มิใช่แบบนี้”
เหมาปู้เอ้อโบกมือพลางกล่าวด้วยความตื่นเต้น “ขาดพร์อะไรกัน นั่นมันเื่ไร้สาระ...ข้าไม่เคยพบเจอใครที่ฉลาดเช่นนี้มาก่อน มีสติปัญญาล้ำเลิศ ปกติแค่สร้างเซียนยุทธ์ตามแบบก็พอแล้ว แต่ไป๋เฮ่อกลับเข้าใจศาสตร์วิชาสำนักเทียนกงอย่างลึกซึ้ง ทุกขั้นตอน ทุกรายละเอียด เขามักมีความคิดเห็นในแบบของตัวเอง แทบจะไม่เคยผิดพลาดเลยแม้แต่น้อย แม้แต่ในด้านของหลักการมากมาย แค่อธิบายเขาก็เข้าใจ ทั้งยังสามารถต่อยอดได้อีก เรียกได้ว่ามีพร์ช่างฝีมือติดตัวมาั้แ่เกิด”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เหมยซิ้งหงกับหวู่อันถงมองหน้ากัน ในใจกลับรู้สึกสับสน
คนอื่นอาจจะไม่รู้ แต่ในใจของพวกเขาจะไม่เข้าใจได้อย่างไร? จั๋วอวิ๋นเซียนเป็อัจฉริยะวิถีเซียนอย่างเห็นได้ชัด ตอนนั้นเขามีระดับหลอมิญญาก็สามารถสังหารยอดฝีมือระดับกำเนิดปราณได้แล้ว บุคคลเช่นนี้เหมาปู้เอ้อถึงกับบอกว่าอีกฝ่ายมีพร์ช่างฝีมือติดตัวมาั้แ่เกิด? เื่นี้ดูเกินจริงไปหรือไม่?
“เหอะ!”
เมื่อเห็นสายตาประหลาดของทั้งสอง เหมาปู้เอ้อโมโหจนไม่อยากจะกล่าวต่อ เขารู้สึกไม่ค่อยพอใจนัก เ้าสองคนฝีมือนี้ไม่เอาไหน ทำท่าทางแบบนี้หมายความว่าอย่างไร? กำลังสงสัยความสามารถกับสายตาของปรมาจารย์อย่างข้าหรือ?
กล่าวตามตรงเมื่อเห็นความหนุ่มแน่นของจั๋วอวิ๋นเซียนเช่นนี้ ความคิดแรกของเหมาปู้เอ้อก็คืออยากรับอีกฝ่ายเป็ศิษย์ เพื่อสืบทอดความสามารถของเขา แต่เมื่อรู้จักกันนานขึ้น เขาถึงพบว่าตัวเองเหมือนไม่มีคุณสมบัติเป็อาจารย์ให้คนอื่น...เพราะสิ่งที่คนอื่นเป็ เขาไม่เป็ สิ่งที่เขาเป็ คนอื่นมองแค่ครู่เดียวก็เป็แล้ว ไม่ต้องเรียนแม้แต่น้อยกลับกันยังเป็คนสอนเสียอีก!
มิน่าเล่าเหมาปู้เอ้อถึงได้หงุดหงิดและไม่ชอบจั๋วอวิ๋นเซียน ที่จริงแล้วเขากำลังเอาคนอื่นมาเปรียบเทียบกับตัวเอง
สิ่งเดียวที่ทำให้เหมาปู้เอ้อรู้สึกดีใจก็คือ เด็กโง่เขลาอย่างอาเจ๋อพัฒนาอย่างก้าวะโ มากจนถึงขั้นที่เหมาปู้เอ้อสงสัยว่าตัวเองนั้นสั่งสอนศิษย์เป็หรือไม่? เมื่อก่อนเหตุใดศิษย์ของเขาถึงมิได้ฉลาดนัก?
“แค๊กๆ”
เหมยซิ้งหงกระแอมเล็กน้อยและกล่าวทำลายบรรยากาศ “เ้าหอเหมา ไป๋เฮ่ออาจจะมีพร์อยู่บ้าง แต่ยังไม่ถึงขั้นที่ต้องให้เ้านับถือกระมัง?”
“มีพร์บ้างอะไรกัน? นั่นมันช่างฝีมือฟ้าประทานชัดๆ! ในอนาคตต้องกลายเป็ปรมาจารย์แห่งยุคแน่นอน!”
เหมาปู้เอ้อโต้เถียงด้วยความมั่นใจ หลังจากนั้นกล่าวอย่างปลงตกว่า “ข้าเริ่มเรียนวิชาการสร้างอาวุธั้แ่แปดขวบ ข้าคิดว่าตัวเองขยันแล้ว แต่เมื่อเทียบกับความพยายามอย่างทรหดของไป๋เฮ่อแล้ว กลับไม่มีค่าให้พูดถึง ่ที่ข้าติดตามอยู่ข้างกายเขา ยังไม่เคยเห็นเขาเที่ยวสนุกหรือพักผ่อนเลย ขอเพียงมีเวลาว่างหากเขามิได้อ่านตำราก็กำลังออกแบบเซียนยุทธ์ ทำจนศิษย์โง่เขลาของข้าติดตามเขาทำงานทั้งเช้าทั้งเย็น เขาทำแบบนี้ได้อย่างไร”
“เหอะๆ เื่นี้เ้าหอเหมาพูดได้ถูกต้องนัก”
หวู่อันถงพยักหน้าอย่างมั่นใจ เขาก็อดกล่าวชมมิได้ “ข้าได้ยินทหารยามบอกว่า ไข่มุกแสงราตรีของหอตำราหลางฮ้วนแทบจะส่องแสงตลอดทุกคืน พวกเขาไม่เคยเห็นไป๋เฮ่อพักผ่อนมาก่อน...ข้าสงสัยจริงๆ ว่าด้วยสภาพร่างกายของเขาจะทนไหวได้อย่างไร หากเขาขยันแต่ไม่พักผ่อนจนล้มป่วย พวกเราขาดทุนแย่”
เหมาปู้เอ้อเห็นด้วยอย่างมาก “ใช่แล้ว ข้าไม่เคยเจอเด็กหนุ่มเช่นนี้มาก่อนเลย อายุยังน้อยกลับให้ความรู้สึกราวกับคนแก่อายุแปดสิบปี เวลาพูดคุยกับเขามักรู้สึกถึงความสงบนิ่ง อีกทั้งเขายังเป็คนที่เข้มงวดมาก เขาไม่เคยปล่อยปละละเลยปัญหาเื่ศาสตร์วิชา แม้แต่ชายชราอย่างข้ายังรู้สึกละอายใจนัก”
“……”
เหมยซิ้งหงเงียบขรึมเล็กน้อย เขาถอนหายใจก่อนกล่าวว่า “เมื่อผ่านประสบการณ์ครอบครัวแตกแยก ผู้คนล้มตาย จะมากจะน้อยล้วนแตกต่างจากคนปกติ ในเมื่อไป๋เฮ่อทุ่มเทเพื่อการพัฒนาของเกาะสามเซียน ข้าในฐานะเ้าเกาะจะขี้เหนียวมิได้...”
เขาเงียบไปพักหนึ่งจากนั้นหันไปกล่าวกับหวู่อันถง “เ้าเมืองหวู่ ั้แ่วันนี้ไปเ้าใช้ชื่อเสียงของเกาะสามเซียน จ้างวานกลุ่มการค้าเพื่อรวบรวมโอสถสมุนไพริญญารักษาต่างๆ หากสามารถติดต่อกับคนของหุบเขาเซียนอีได้ ข้าจะตกรางวัลให้อย่างงาม”
“ท่านเ้าเกาะคิดจะสร้างบุญคุณหรือ?”
หวู่อันถงระมัดระวังมาก เขากังวลว่าหลังจากอาการาเ็ของจั๋วอวิ๋นเซียนดีขึ้นแล้วจะแย่ลงอีก หากเกิดเื่คงมิอาจควบคุมได้แล้ว
เหมยซิ้งหงโบกมือกล่าวว่า “ไม่ต้องตื่นตระหนก ถึงข้าจะมิใช่คนดีอะไร แต่ข้าก็เป็คนใจกว้างอยู่บ้าง หากร่างกายของไป๋เฮ่อฟื้นฟูกลับมาได้ ข้าคิดจะรับเขาเป็ศิษย์และในอนาคตหากเกาะสามเซียนยิ่งใหญ่ขึ้น จะช่วยให้เขาได้แก้แค้นก็มิใช่เป็ไปมิได้”
เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ เหมยซิ้งหงอดหันไปมองเหมาปู้เอ้อมิได้ ชายชราคนนี้เป็ตัวอย่างที่ดี
บางครั้งการแลกเปลี่ยนด้วยมิตรภาพ มีประโยชน์กว่าการข่มขู่มาก ถึงอย่างไรระหว่างเกาะสามเซียนกับจั๋วอวิ๋นเซียนไม่เคยมีความแค้นหรือความขัดแย้งกัน อีกทั้งสองฝ่ายยังมีผลประโยชน์ร่วมกัน หากยิ่งใหญ่ก็ยิ่งใหญ่ไปด้วยกัน หากสูญเสียก็สูญเสียไปด้วยกัน
“รับทราบ ข้าน้อยเข้าใจแล้ว”
หวู่อันถงพยักหน้าอย่างตั้งใจ เขาจดจำเื่นี้ไว้ในใจแล้ว
ในเวลาเดียวกันนี้ก็มีข่าวหนึ่งส่งมาถึงหวู่อันถง...เกี่ยวกับข่าวของไป๋เฮ่อ
“ท่านเ้าเกาะ...มีข่าวดี!”
หลังจากหวู่อันถงเห็นข่าวก็สะกดความตื่นเต้นเอาไว้ไม่อยู่
เหมยซิ้งหงพอจะคาดเดาได้ แต่เขาก็ยังอยากยืนยันอีกครั้ง “รีบพูดมา มีข่าวดีอะไรกัน?”
“เกี่ยวกับไป๋เฮ่อ...”
หวู่อันถงสูดลมหายใจเข้า เขากล่าวด้วยน้ำเสียงดีใจ “ในข่าวบอกว่า ไป๋เฮ่อสร้างลูกปัดเพลิงอัสนีเสร็จแล้ว เขาอยากให้เราไปตรวจสอบ”
“อะไรนะ! เร็วขนาดนี้เชียวหรือ?”
เหมาปู้เอ้อใ แต่เหมยซิ้งหงกลับยินดีมาก
เมื่อครู่เหมยซิ้งหงเพิ่งคิดจะช่วยจั๋วอวิ๋นเซียน คิดไม่ถึงว่าเพียงครู่เดียว อีกฝ่ายก็ส่งข่าวดีมาให้แล้ว หากมิใช่เพราะเขาตรวจสอบสภาพแวดล้อมรอบด้านไว้แล้ว เขาคงคิดว่าการตัดสินใจของตัวเองถูกจั๋วอวิ๋นเซียนแอบฟังเสียแล้ว
“ไป พวกเรารีบเดินไปดู!”
เหมยซิ้งหงรีบส่งข่าวให้กงหยางอวี่ซ่านกับจวงซวี่เหยาทันที จากนั้นบินออกไปนอกเมือง
