ดวงตาสีเข้มของฉือิจ้องมองหลินกู๋หยู่ จากนั้นไม่นานเขาก็พูดว่า "อาสะใภ้สาม ท่านแม่ของข้าจะจากไปหรือไม่ ?"
หลินกู๋หยู่วางเสื้อกันหนาวในมือของนางลงในตะกร้าอุปกรณ์เย็บผ้าข้างๆ "จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นตราบใดที่เ้าและน้องชายเป็เด็กดี ทุกอย่างก็จะเรียบร้อยดี!"
หลินกู๋หยู่ขมวดคิ้วเบาๆ ตราบใดที่พี่ชายใหญ่และพี่สะใภ้ใหญ่ยืนอยู่ในแนวเดียวกัน พี่สะใภ้ใหญ่จะไม่จากไปจากสกุลฉือ
กลัวก็แต่เพียงว่าพี่ชายใหญ่จะกลัวท่านแม่ ในกรณีนั้นพี่สะใภ้ใหญ่จะต้องจากไปอย่างแน่นอน
ฉือิมองไปที่หลินกู๋หยู่อย่างมีความหวัง พูดอย่างตื่นเต้นหลายส่วนว่า "ข้ารู้ว่าท่านแม่ไม่เต็มใจที่จะแยกทางกับข้าและน้องชายของข้า ท่านแม่รักพวกเรา"
"อืม" เมื่อมองไปที่รูปลักษณ์ของฉือิ หลินกู๋หยู่พูดเบาๆ ว่า "คนเป็แม่ต้องรักลูกของตนเองมากเป็ธรรมดา แม้ว่าแม่ของพวกเ้าจะบอกว่าไม่้าเ้า แต่กระนั้นแม่ของพวกเ้าคงจะลังเลมากที่จะแยกทางกับเ้าและน้องชายของเ้า"
"ข้าหวังว่าพวกเขาจะหยุดทะเลาะกัน" ฉือิทอดถอนหายใจเหมือนผู้ใหญ่ เขาเงยหน้าขึ้นมองหลินกู๋หยู่ "ท่านแม่ยังบอกด้วยว่า ท่านอิจฉาอาสะใภ้สามและอาสาม!"
หลินกู๋หยู่แตะที่ศีรษะของฉือิพลางยิ้มละไม "เป็เด็กเป็เล็กจะคิดมากทำไมกัน นี่คือสิ่งที่พ่อแม่ของเ้าคิดคำนึง เ้าคิดมากถึงเพียงนั้น ไม่เหนื่อยหรือ?"
ฉือิมองไปที่หลินกู๋หยู่ด้วยความประหลาดใจ ใบหน้างงงวยทั้งแถบ
"เ้ายังเด็ก ขอแค่เ้าตั้งใจเรียนหนังสือทุกวันก็เพียงพอแล้ว" หลินกู๋หยู่มองฉือิอย่างอ่อนโยน สำหรับเด็กสองคนนี้ หลินกู๋หยู่รู้มาบ้างจากการบอกเล่าของฉือหาง
พี่ชายใหญ่และพี่สะใภ้ใหญ่รักลูกๆ มาก เด็กสองคนนี้ไม่อยากให้พวกเขาสองสามีภรรยาทำงานหนัก พวกเขาสองคนจึงยอมที่จะทำงานในส่งที่ตนเองพอจะทำได้ด้วยตัวเอง
พี่สะใภ้ใหญ่ถึงกับขอร้องให้กับโจวซื่อ ขอให้ส่งฉือิไปเรียนหนังสือ
"โอ้" ฉือิเอ่ยตอบด้วยความผิดหวัง ลดศีรษะลง จับชายเสื้อผ้าของเขาด้วยมือทั้งสองข้างอย่างไม่สบายใจ
เด็กที่อายุมากกว่าโต้ซาไม่กี่ปี สมควรจะเล่นอยู่ที่บ้านตามประสาเด็ก
ในขณะที่หลินกู๋หยู่กำลังคิดไปไกล จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าจากข้างนอก
หลินกู๋หยู่เดินออกไปข้างนอกอย่างสงสัย เห็นเสี่ยวซื่อพาคนสองคนเข้ามา
“หมอหลิน” เสี่ยวซื่อเห็นหลินกู๋หยู่เดินออกมาจากห้องก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ในที่สุดข้าก็พบบ้านของท่านแล้ว”
รอยยิ้มบนใบหน้าของหลินกู๋หยู่ค่อนข้างกระอักกระอ่วนเล็กน้อย นางมองไปที่เสี่ยวซื่ออย่างสงสัย "เ้ามาที่นี่ทำไมหรือ?"
“มันเป็เช่นนี้” เสี่ยวซื่อหยิบซองจดหมายออกมา แล้วยื่นให้หลินกู๋หยู่ “นี่คือสิ่งที่นายท่านสั่งกำชับให้ข้ามามอบให้ท่าน”
นายท่านหมายถึง หมอเฒ่าลู่
หลินกู๋หยู่หยิบซองจดหมายจากมือของเสี่ยวซื่ออย่างละล้าละลัง พูดด้วยความสงสัยหลายส่วนว่า "ก็แค่ส่งจดหมาย ให้คนอื่นมาส่งก็ได้แล้ว เ้าถึงกับต้องเดินทางมาโดยเฉพาะเลยหรือ!"
"วันนี้ข้าไม่เห็นโต้ซา ข้าคิดถึงเขา ข้าก็เลยมาที่นี่อย่างไรล่ะ" เสี่ยวซื่อหรี่ตายิ้ม ะโไปที่ห้องข้างใน "โต้ซา โต้ซาอยู่ที่นี่หรือไม่?"
เดิมโต้ซากำลังเล่นกับลูกพี่ลูกน้องชายสองคนของเขา พอได้ยินเสียงที่คุ้นเคย เขาก็รีบวางของเล่นในมือลงบนโต๊ะอย่างฉับพลัน แกว่งน่องเล็กๆ ไหลลงออกจากเก้าอี้ และวิ่งไปด้านนอกด้วยความรวดเร็ว
"พี่เสี่ยวซื่อ!" เมื่อเห็นเสี่ยวซื่อ โต้ซาก็วิ่งไปหาเสี่ยวซื่อด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า อ้าแขนทั้งสองข้างเพื่อกอดเขา
เสี่ยวซื่ออายุเพียงสิบสามหรือสิบสี่ปี เขาก้มลงอุ้มโต้ซาขึ้นมา "เ้าคิดถึงพี่ชายหรือไม่?"
"คิดถึง!" โต้ซาหัวเราะคิกคัก
หลินกู๋หยู่เปิดซองจดหมายที่เสี่ยวซื่อมอบให้ อ่านเนื้อความในจดหมายอย่างตั้งใจ
เวลานี้หมอเฒ่าลู่รู้ความ้าของลู่จื่อยู่แล้ว เขาหวังว่าในปีหน้าหลินกู๋หยู่จะมาที่โรงหมอต่อไป เขาจะยับยั้งหมอตู้ด้วยตัวเอง อีกทั้งจะไม่ปล่อยให้หมอตู้ทำให้นางลำบาก
เมื่อเห็นสิ่งที่หมอเฒ่าลู่เขียน หลินกู๋หยู่ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปที่เสี่ยวซื่อที่กำลังเล่นกับโต้ซาอย่างมีความสุข หัวใจนางหนักอึ้ง "สาเหตุที่ข้าออกจากโรงหมอ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับหมอตู้"
หลินกู๋หยู่ขมวดคิ้ว นางอธิบายอย่างหมดหนทางหลายส่วนว่า "ข้าแค่ไม่อยากเดินทางไกลเพื่อไปตรวจรักษาคนไข้ทุกวัน"
เมื่อได้ยินคำพูดของหลินกู๋หยู่ เสี่ยวซื่อก็ขมวดคิ้วท่าทางงุนงงว่า "อ่า ไม่ใช่เพราะหมอตู้หรือ เช้าวันนี้หมอตู้ยังโดนตำหนิด้วยซ้ำ"
“อะไรนะ?” หลินกู๋หยู่พูดอย่างวิตกกังวล “ข้าเขียนในจดหมายอย่างชัดเจนแล้วไม่ใช่หรือ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับหมอตู้เลยแม้แต่น้อย”
เมื่อพูดถึงหมอตู้ ใบหน้าเสี่ยวซื่อก็ฉายรอยยิ้ม โน้มตัวมาด้านหน้าหลินกู๋หยู่ "หมอหลิน ท่านรู้หรือไม่ว่าทำไมหมอตู้ถึงไม่ชอบท่านนัก?"
หลินกู๋หยู่คิดอยู่ครู่หนึ่ง "หรือเขายังคิดว่าข้าเป็นักต้มตุ๋น?"
“ไม่ใช่” เสี่ยวซื่อมองหลินกู๋หยู่ด้วยรอยยิ้ม ชำเลืองมองคนสองคนที่อยู่ด้านนอก ลดเสียงเบาลง “นั่นเป็เพราะท่านสามารถรักษาไข้ทรพิษได้ เขาลองทุกวิถีทางแล้ว แต่เขาก็ไม่สามารถช่วยชีวิตท่านแม่ของเขาไว้ได้ ต่อมาได้ทราบว่าท่านสามารถรักษาโรคไข้ทรพิษได้ เขาเกลียดที่ไม่ได้พบท่านเร็วกว่านี้ เขาคิดว่าถ้าพบท่านเร็วกว่านี้ ท่านแม่ของเขาก็คงไม่จากไปเร็วนัก... อันที่จริงแล้ว เขากำลังโกรธเกลียดตัวเอง!”
เมื่อได้ยินคำพูดของเสี่ยวซื่อ หลินกู๋หยู่รู้สึกสับสนเล็กน้อย "นี่มัน..."
“เมื่อเช้านายท่านเรียกหมอตู้ไปหา ข้าได้ยินจากนอกประตูโดยไม่ได้ตั้งใจ ท่านอย่าบอกใครเล่า ข้าจะบอกเื่นี้กับท่านเพียงคนเดียวเท่านั้น!” เสี่ยวซื่อพูดอย่างซุกซน
หลินกู๋หยู่พยักหน้า รับปากอย่างเคร่งขรึม "ข้าเข้าใจแล้ว"
นางสรุปอย่างเงียบๆ ว่า หมอตู้เป็คนที่แข็งนอก อ่อนใน
"อืม" เสี่ยวซื่อพูดด้วยรอยยิ้ม เอามือแตะศีรษะของโต้ซา "รอจนถึงฤดูใบไม้ผลิปีหน้า จะมีคนมาแจ้งให้ท่านทราบว่าจะเริ่มทำงานที่โรงหมอได้เมื่อไร"
เมื่อได้ฟังดังนั้น หลินกู๋หยู่ก็ส่ายศีรษะอย่างรวดเร็ว "เ้าช่วยบอกหมอเฒ่าลู่ว่าที่ข้าไม่้าไปโรงหมอ ไม่ใช่เพราะหมอตู้ แต่ด้วยเหตุผลของข้าเอง"
“อ๊ะ?” เดิมทีเสี่ยวซื่อคิดว่าเื่นี้ได้รับการแก้ไขแล้ว แต่พอได้ยินสิ่งที่หลินกู๋หยู่พูด เขาก็มองหลินกู๋หยู่ด้วยความฉงน ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ทำไมหรือ?”
สมองของหลินกู๋หยู่ทำงานเร็วมาก นางไม่อาจพูดได้อย่างแน่นอนว่าเป็เพราะลู่จื่อยู่ชอบนาง แต่กระนั้นนางก็ไม่้ายุ่งเกี่ยวกับผู้ชายอื่น
แววตาตกทอดไปที่โต้ซา ริมฝีปากของหลินกู๋หยู่โค้งขึ้นช้าๆ พูดด้วยรอยยิ้มว่า "สามีของข้าไม่ชอบให้ข้าปรากฏตัวในที่สาธารณะ เขาชอบให้ข้าดูแลลูกที่บ้านมากกว่า"
เสี่ยวซื่อมองหลินกู๋หยู่อย่างสงสัย จากนั้นครู่หนึ่งก็พูดอย่างไม่มั่นใจ "แต่ข้าไม่คิดว่าพี่ฉือจะเป็อย่างที่ท่านพูดนี่นา"
เมื่อได้ยินสิ่งที่เสี่ยวซื่อพูด หลินกู๋หยู่ก็ยิ้มอย่างเขินอาย "ตอนนี้ข้ารู้สึกพอใจมากที่ได้ดูแลโต้ซาและสามีของข้า ได้ใช้ชีวิตทุกวันอย่างสงบสุข"
พอโต้ซาฟังคำพูดของหลินกู๋หยู่ ก็หันศีรษะไปมองหลินกู๋หยู่ด้วยความเข้าใจเพียงครึ่งเดียว และไม่เข้าใจอีกครึ่งหนึ่ง
“หมอหลิน” เสี่ยวซื่อมองหลินกู๋หยู่ด้วยความผิดหวังเล็กน้อย “ท่านมีความสามารถถึงเพียงนี้ ท่านอยากจะอยู่ในบ้านนี้ตลอดไปหรือ?”
“อย่าพูดถึงเพียงตัวท่าน แต่พูดถึงคนไข้ป่วยหนักเ่าั้ บางทีอาจมีเพียงท่านเท่านั้นที่จะสามารถช่วยพวกเขาได้ หรือท่านอยากเห็นคนเสียชีวิตโดยไม่ยื่นมือเข้าไปช่วย?” เสี่ยวซื่อพูดอย่างหดหู่ “เช่นนี้ แล้วทำไมท่านถึงได้เรียนทักษะทางการแพทย์เ่าั้?”
หลินกู๋หยู่เงยหน้าขึ้นมองเสี่ยวซื่อ หันศีรษะไปด้านข้างและขมวดคิ้วมุ่น
ในยุคปัจจุบัน สาเหตุที่นางเรียนแพทย์ นั่นเป็เพราะ้าช่วยแม่ของนางที่ป่วยหนัก
“ขอข้าคิดดูก่อน” หลินกู๋หยู่ทนไม่ได้ที่จะมองดูผู้ป่วยเ่าั้ต้องเสียชีวิตต่อหน้าต่อตานาง ทั้งที่นางมีความสามารถที่จะช่วยคนเ่าั้ได้ นางเป็คนใจอ่อนมาโดยตลอด
ถ้าหลินกู๋หยู่เป็คนใจเหี้ยม นางก็คงไม่อยู่ดูแลฉือหางแล้ว
"เรียนแพทย์ เรียนแพทย์" บนใบหน้าของโต้ซาฉายรอยยิ้มที่มีความสุขเปี่ยมล้น เขายกมือขึ้นหัวเราะคิกคัก
เมื่อฉือิออกมาจากห้อง เขาเห็นโต้ซาถูกอุ้มด้วยรอยยิ้มที่มีความสุขเปี่ยมล้น
พอเห็นโต้ซาเช่นนี้ ฉือิก็รู้สึกเป็ทุกข์เล็กน้อย
ถ้าท่านพ่อกับท่านแม่ของเขาปลงใจหย่า เขากับน้องชายก็จะไม่มีแม่แล้ว
หากท่านพ่อแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น เช่นนั้นเขาและน้องชายของเขาก็จะกลายเป็ลูกติด
ในตอนแรกเขาเคยเห็นอกเห็นใจโต้ซาที่วันข้างหน้าจะต้องกลายเป็ลูกติด ตอนนี้ถึงตาเขาและน้องชายที่กำลังจะกลายเป็ลูกติดเช่นกัน
เสี่ยวซื่อมองดูท่าทีลังเลของหลินกู๋หยู่ จึงพูดต่อว่า "หมอหลิน ท่านกำลังช่วยเหลือคน ชีวิตของคนป่วยทั้งหมดอยู่ในมือของท่าน"
"มันจะเกินจริงเช่นที่เ้าพูดได้อย่างไร?" หลินกู๋หยู่ยิ้มอย่างเขินอาย สัพยอกว่า "จริงๆ แล้วข้าไม่เก่งเท่าหมอเ่าั้ พวกเขาต่างหากที่มีทั้งพร์และความรู้จริงๆ"
“ท่านอย่าพูดเื่อื่นสิ” เสี่ยวซื่อเห็นว่าสีหน้าของหลินกู๋หยู่ผิดแปลกเล็กน้อย จึงเอ่ยถามอย่างเป็ห่วงว่า “มีเื่อะไรเกิดขึ้นหรือ?”
หลินกู๋หยู่ยิ้มอย่างสบายๆ "จะมีอะไรเกิดขึ้นได้เล่า?"
ทันทีที่เสียงของหลินกู๋หยู่เงียบลง นางก็เห็นฉือหางเดินเข้ามาจากด้านนอกอย่างเร่งรีบ
“กู๋หยู่ ท่านแม่หมดสติอีกแล้ว เ้าไปดูให้ที” ฉือหางเดินไปหาหลินกู๋หยู่ คว้าแขนของนางพาเดินออกไปข้างนอก
เสี่ยวซื่อยืนอยู่ข้างๆ มองไปที่ใบหน้าที่น่าเกลียดของฉือหาง จึงทักทายเขาอย่างสุภาพ "สวัสดีพี่ฉือ"
ในตอนนั้นเองฉือหางเพิ่งจะสังเกตเห็นว่ามีเสี่ยวซื่อยืนอยู่ด้านข้าง จึงกล่าวทักทายเสี่ยวซื่ออย่างทำตัวไม่ถูก
เสี่ยวซื่อเป็คนฉลาดเฉลียวเช่นกัน พอได้ฟังสิ่งที่ฉือหางพูด เขาก็เข้าใจทันที "ในเมื่อหมอหลินมีสิ่งที่ต้องทำ ข้าขอตัวกลับไปก่อน เมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิปีหน้า หมอหลินก็ไปทำงานที่โรงหมอด้วยเล่า!"
ก่อนที่หลินกู๋หยู่จะพูด เสี่ยวซื่อก็พูดบางอย่างกับโต้ซาและจากไป
“เสี่ยวิ เ้าดูแลน้องชายสองคนของเ้า ข้าจะพาอาสะใภ้สามของเ้าไปดูอาการท่านย่า” เมื่อฉือหางดึงหลินกู๋หยู่ออกไป เขาก็ยังคงไม่ลืมที่จะสั่งกำชับฉือิ
ฉือิผงกศีรษะ และมองดูหลินกู๋หยู่และฉือหางเดินจากไป
หลินกู๋หยู่ตามฉือหางไปที่เรือนใหญ่ของสกุลฉือ เอ่ยถามด้วยความสงสัยหลายส่วน "เกิดอะไรขึ้นหรือ?"
“พี่สะใภ้ใหญ่เอาแต่โวยวาย พี่สะใภ้รองก็โวยวายเช่นกัน ท่านแม่จึงเชิญคนในตระกูลฉือมาหารือ คนในตระกูลบอกว่า ครอบครัวของพี่รองแยกออกไป ท่านแม่และน้องชายสี่ยังคงอยู่กับครอบครัวพี่ชายใหญ่ คนในครอบครัวของพี่ชายรองก็ไม่ยอม” ฉือหางขมวดคิ้วมุ่น ทอดถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “ท่านแม่โกรธจนหมดสติไปแล้ว”
เมื่อหลินกู๋หยู่เดินมาถึงเรือนใหญ่ของสกุลฉือ นางก็เห็นผู้คนมากมายนั่งอยู่ในลานบ้าน พอเห็นพวกเขาสองคนเดินเข้ามา พวกเขาทั้งหมดก็เงียบลง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้