ตอนที่ถงไห่เห็นอวิ๋นซีก็มีท่าทีราวกับเห็นผู้ช่วยสรรพชีวิตมาเยือนก็ไม่ปาน เขารีบขึ้นหน้ามาพูด “ชายาหนิงอ๋อง ในที่สุดก็เสด็จมาแล้ว องค์รัชทายาทได้รับาเ็พ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้หมอหลวงทั้งหลายต่างก็หมดหนทางจนปัญญา ฝ่าาจึงมีพระประสงค์ให้พระนางเข้าไปตรวจดูพระอาการขององค์รัชทายาทสักหน่อยพ่ะย่ะค่ะ”
ตอนนี้ถงไห่เหลือแค่คุกเข่าลงและเรียกอวิ๋นซีว่าท่านย่าแล้ว หากเชิญชายาหนิงอ๋องเข้าไปไม่ได้ ไม่แน่ฝ่าาอาจจะตัดหัวตนทิ้งในดาบเดียว สิ่งที่ต้องรู้ก่อน รัชทายาทนั้นสำคัญมาก แม้ว่าวันหน้าจะเป็อย่างไรก็ไม่อาจทราบได้ แต่ตอนนี้ชัดเจนดีว่า ฝ่าายังไม่มีเจตนาจะละทิ้งรัชทายาท
อวิ๋นซีเหล่ตามองถงไห่ไปทีหนึ่ง จากนั้นก็จูงมือหวานหว่านเข้าไปด้านใน “ขันทีไห่ ท่านเป็คนที่ใกล้ชิดเสด็จพ่อที่สุด ไยจึงไม่รีบไปรับใช้พระองค์เล่า ส่วนสถานการณ์ของรัชทายาทนั้นก็แค่เื่เล็กน้อย เสด็จพ่อต่างหากที่สำคัญที่สุด”
เมื่อถงไห่ได้ยิน จิตใจที่มีความตัดพ้ออยู่เล็กๆ ก็มลายหายไปสิ้น การที่ชายาหนิงอ๋องตรัสเช่นนี้ก็จะเท่ากับเป็การให้คำรับรองแก่เขาว่า หากมีนางอยู่ รัชทายาทต้องไม่เป็ไรแน่
ทันทีที่อวิ๋นซีก้าวเข้าไป หวงกุ้ยเฟยก็รีบถามขึ้น “ชายาหนิงอ๋อง เมื่อครู่เราให้คนไปหาเ้า แต่เหตุใดถึงไม่พบ เ้าไปที่ใดมา”
จวินเหยียนที่ยืนอยู่ข้างๆ เสี้ยวเหวินตี้เมื่อได้ยินประโยคนี้ของหวงกุ้ยเฟย สีหน้าก็คล้ำลงทันที เขามีท่าทีคล้ายคิดจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับเป็อวิ๋นซีที่แย่งพูดไปเสียก่อน “ประโยคนี้ของหวงกุ้ยเฟยช่างประหลาดนัก ไม่ใช่ว่าทุกคนต่างก็พูดกันว่า อวิ๋นซีเป็เพียงหมอหญิงที่เติบโตมาจากสถานที่เล็กๆ หรอกหรือ ในเมื่อเป็หมอหญิงที่ได้มีโอกาสมาเยือนถึงที่นี่ แน่นอนว่า ต้องออกไปเก็บสมุนไพร ทว่า หวงกุ้ยเฟยทรงรีบร้อนเพียงนี้ รีบให้คนไปตามหาอวิ๋นซี มีเื่อันใดหรือเพคะ? ”
ความคิดของสตรีผู้นี้แปลกประหลาดนัก ทั้งๆ ที่มีเื่จะขอร้องคนอื่นแท้ๆ แต่กลับยังทำตัวสูงส่งเหนือกว่าผู้อื่นอยู่อีก คนให้ความสำคัญกับตัวเองมากเกินไปแล้วจริงๆ
สีหน้าของหวงกุ้ยเฟยถึงกับเปลี่ยนไปทันทีเช่นกัน นางเป็สนมคนโปรดของฮ่องเต้ และนับเป็ผู้าุโของอวิ๋นซี แต่คนกลับกล้าพูดจาเช่นนี้กับนาง มิหนำซ้ำยังพูดต่อเบื้องพระพักตร์ฮ่องเต้อีกด้วย คนไม่เห็นฝ่าาอยู่ในสายตาถึงเพียงนี้เชียว
ทว่า เมื่อคิดได้ว่าตัวนางมีเื่ให้ต้องขอร้องผู้อื่น สิ่งที่ทำได้ก็เป็เพียงเก็บอารมณ์กริ้วโกรธของตนไว้ มองไปยังอวิ๋นซีด้วยท่าทางน่าสงสารเล็กน้อย “เปิ่นกงเพียงเป็ห่วงรัชทายาทมากไปหน่อย น้ำเสียงที่พลั้งพูดจึงหนักเกินไป หวังว่าชายาหนิงอ๋องจะเข้าใจจิตใจของคนเป็แม่ที่เป็ทุกข์เพราะห่วงลูกของตัวเอง อย่าได้คิดเล็กคิดน้อยกับเปิ่นกงเลย”
จิตใจของคนเป็แม่หรือ? ตอนนั้นที่พวกเ้าส่งคนตระกูลเฉียวทั้งตระกูลของข้าไปยังปรโลก เคยคิดคำนึงถึงหลานชายที่ยังอายุน้อยของข้าผู้นั้นหรือไม่ เคยคิดบ้างหรือไม่ว่าเขาเองก็เป็แค่เด็กน้อยที่บริสุทธิ์คนหนึ่งแล้วปล่อยเขาไป จิตใจของคนเป็แม่? หึหึ ไม่ว่าใครก็มีสิทธิ์พูดเช่นนี้กับนาง แต่หวงกุ้ยเฟยไม่มีสิทธิ์
จู่ๆ อวิ๋นซีก็มองไปยังเสี้ยวเหวินตี้ นางพูด “เสด็จพ่อ มิใช่ว่าทรงมีหมอหลวงหลายคนตามเสด็จมาด้วยหรือเพคะ? เหตุใดหวงกุ้ยเฟยถึงได้ร้อนใจเร่งเร้าให้อวิ๋นซีต้องรีบมาถึงเพียงนี้? ” อวิ๋นซีกะพริบตาปริบๆ ถามด้วยสีหน้าราวกับเป็ผู้บริสุทธิ์ “หรือว่า อาการาเ็ของรัชทายาทจะสาหัสมาก แม้แต่หมอหลวงก็ยังไร้หนทางรักษา? ”
เสี้ยวเหวินตี้เอ่ยตอบเพียงเรียบๆ “หมอหลวงบอกว่า าแบนร่างไม่นับเป็อะไรมาก เพียงแต่อาการาเ็ที่ขายังเรียกว่าสาหัสอยู่...เกือบจะหักแล้ว ถ้าไม่ใช้เวลาเป็ปีก็คงไม่อาจเยียวยาให้หายเป็ปกติได้”
อวิ๋นซีอ้อออกมาเสียงหนึ่ง “าเ็ถึงเอ็นถึงกล้ามเนื้อยังต้องใช้เวลาเป็ร้อยวัน นับประสาอะไรกับขาที่เกือบหัก อาซีและบิดาเคยรักษาคนที่ขึ้นเขาไปล่าสัตว์แล้วพลัดตกจากหน้าผาลงมากระแทกพื้นจนขาหัก บิดาของหม่อมฉันเองก็ต้องใช้เวลารักษาอยู่ปีกว่า คนถึงจะลงจากเตียงได้ แต่กระนั้นยามที่เดินเหินก็ยังดูไม่เป็ธรรมชาติ ต่อให้จะรักษาหายแล้วก็ตาม”
คำว่า ‘ไม่เป็ธรรมชาติ’ เมื่อเข้าหูคนอื่นก็หมายถึงคำว่าพิการ เมื่อหวงกุ้ยเฟยได้ยินก็ถลึงตามองอวิ๋นซีอย่างดุร้าย “ชายาหนิงอ๋อง อย่ามาพูดจาเหลวไหลอยู่ที่นี่ รัชทายาทก็แค่าเ็ภายนอกเล็กน้อยเท่านั้น” ั้แ่ก่อตั้งราชวงศ์มาไม่เคยมีคนพิการคนใดได้สืบทอดราชบัลลังก์ ต่อให้จะเป็แค่นิ้วขาดเพียงนิ้วเดียวก็จะถือว่า หมดความเกี่ยวข้องกับราชบัลลังก์ทันที ดังนั้น นางย่อมไม่มีทางยอมให้ลูกชายของตนต้องกลายเป็คนพิการเด็ดขาด
อวิ๋นซีประหลาดใจ ก่อนจะมีท่าทีราวกับเข้าใจแจ่มแจ้ง “ที่แท้เป็แค่าเ็ภายนอกเล็กน้อย ในเมื่อเป็แค่าแภายนอก เช่นนั้นหวงกุ้ยเฟยก็ไม่ต้องกังวลแล้วเพคะ เพราะหมอหลวงที่พามาด้วยในครั้งนี้ต่างก็มีวิชาแพทย์สูงส่ง มีพวกเขาอยู่ รัชทายาทจักต้องไม่เป็อันใดแน่”
ตัวนางเป็ผู้ลงมือเองแท้ๆ ยังจะให้นางไปรักษาให้รัชทายาทอีก หากนางยอมทำเช่นนั้นก็คงโง่แล้ว แต่ก็แน่นอนว่า หากหวงกุ้ยเฟยผู้นี้ได้ยินคำเหล่านี้แล้วยังยืนหยัดที่จะให้นางรักษาต่อละก็ นางก็ไม่ติดที่จะเล่นตุกติกอีกสักหน่อย อย่างไรเสีย วันนี้ยามที่นางลงมือก็ยังมีใจเมตตาอยู่เล็กน้อย อีกทั้ง เมื่อคิดได้ว่ามีของสนุกๆ เ่าั้อยู่ หากให้รัชทายาทได้ลองสักหน่อยก็มิใช่ว่าจะยิ่งดีหรอกหรือ
เสี้ยวเหวินตี้มองอวิ๋นซีไปทีหนึ่ง อย่างไรเสีย เขาเองก็เป็คนหนึ่งที่รู้ถึงบุญคุณความแค้นระหว่างจวนหนิงอ๋องและจวนรัชทายาทดี เป็นานเขาถึงได้พูดขึ้น “ในเมื่อเ้ามาแล้วก็เข้าไปดูหน่อยเถอะ ฝีมือการรักษาาแของเ้านับว่าดีกว่าหมอหลวงพวกนั้นมาก”
จวินเหยียนเห็นว่าภรรยายังไม่ยินดีขยับกาย เขาก็ยิ้มแล้วพูดกับนาง “อาซี ในเมื่อเสด็จพ่อทรงยอมรับในวิชาแพทย์ของเ้า เหตุใดเ้าจึงยังทำเป็ไม่พอใจอย่างโง่งมอยู่อีกเล่า”
อวิ๋นซียอบกายคารวะ พูดว่า “ในเมื่อเสด็จพ่อตรัสเช่นนี้ อาซีย่อมทำตามพระบัญชาเพคะ”
เสี้ยวเหวินตี้มองเงาหลังเล็กบางของอวิ๋นซี อดแอบยิ้มในใจไม่ได้ นางช่างเป็สตรีที่อารมณ์ร้ายเสียจริง ไม่รู้เหมือนกันว่า ลูกชายของเขาสามารถทนสตรีที่มีนิสัยเกรี้ยวกราดเช่นนี้ได้อย่างไร อีกทั้ง เขายังค้นพบว่า ดูเหมือนลูกชายตนจะพออกพอใจเป็อย่างมากถึงขนาดมอบกายถวายดวงใจเพื่อผู้หญิงคนนี้คนเดียวด้วย
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาก็เริ่มปวดหัวขึ้นมาหน่อยๆ แล้ว คนที่เกิดในราชวงศ์หลงงมงายในรักเพียงนี้ไม่ใช่เื่ดีอะไร แต่ว่า ถ้อยคำที่ไทเฮาเคยตรัสไว้กลับดังขึ้นในสมองของเขาอีกครั้ง “ตระกูล์ไร้ใจ ไม่ง่ายเลยที่จะได้เห็นคู่ที่รักกันจริงแท้เช่นนี้ พวกเราควรจะยินดี ไม่ใช่คิดหาวิธีไปแยกจาก ทว่าอย่างไร เหตุที่บุรุษแต่งภรรยาเข้ามาก็ไม่ใช่เพื่อสืบทอดควันธูปต่อไปหรือ ในเมื่ออาซีเองก็สามารถให้กำเนิดบุตรชายถึงสองคนแก่จวินเหยียนได้ เ้าก็ไม่จำเป็ต้องดื้อดึงยึดติดว่า บุรุษต้องมีสามภรรยาสี่อนุหรอก ความเสียดายของเ้าในตอนนั้น...หรือว่า อยากจะให้ลูกชายของตนต้องเป็ไปเช่นนั้นด้วย? ”
ใช่แล้ว ตอนนั้นเขาต้องคลาดกับสตรีที่รักที่สุดในชีวิตไป แล้วตอนนี้ยังจะบีบบังคับให้ลูกชายเพียงคนเดียวที่มีรักจริงผู้นี้ให้เป็เหมือนกับตนในตอนนั้นอีกหรือ สามภรรยาสี่อนุที่หาความจริงใจไม่ได้? เขายังดีที่อย่างน้อยๆ ก็ยังมีอวี้เฟยที่สามารถสนทนาด้วยได้ แต่อาซีไม่ใช่อวี้เฟย นางมีนิสัยดื้อรั้นเสียยิ่งกว่าอวี้เฟยจนเขากล้ารับประกันได้เลยว่า หากจวินเหยียนรับสตรีอื่นเข้าไปในจวนจริงๆ ยามนั้นอวิ๋นซีก็คงหอบลูกเต้าไปจากจวนอ๋องกลับหานโจวไปเลยก็เป็ได้
หากเป็เมื่อก่อน เขายังคิดว่าลูกชายของตนคงจะมีความสามารถพาคนกลับมาได้ แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่า อวิ๋นซีเป็หลานสาวของเ้าเฒ่าเจิ้นหนานอ๋อง ยิ่งกว่านั้น ตอนนี้ในใจของเ้าเฒ่านั่นก็ยังรู้สึกติดค้างลูกชายและหลานสาวของตนเป็อย่างมาก หากคนยอมลงมือขัดขวาง เพื่อเอาใจอวิ๋นซีแล้วละก็ เช่นนั้นก็ไม่แน่ว่าภรรยาของลูกชายตนคงได้หนีไปจริงๆ
ดังนั้น เขาย่อมไม่มีทางทำเื่โง่ๆ อย่างฮองเฮาเป็อันขาด
คิดถึงฮองเฮาขึ้นมา เขาก็หันมองสตรีที่ยืนอยู่ข้างกายอย่างเงียบเชียบไปทีหนึ่ง สตรีนางนี้คือภรรยาของเขา สำหรับราชวงศ์ มารดาจะสูงศักดิ์ขึ้นเพราะลูกชาย ทว่าท่าทีที่ภรรยาของตนมีต่อลูกชายกลับทำให้คนอดไม่ได้ให้สงสัย
สายตาของเขายิ่งคล้ำลงหลายส่วนเมื่อต้องครุ่นคิดอย่างจริงจัง ดูท่า คงมีบางเื่ที่เขาจำเป็ต้องให้คนไปสืบดูหน่อยแล้ว