เล่มที่ 3 บทที่ 85 วินาทีวิกฤต
สัตว์ที่ขึ้นชื่อเื่ความดุร้ายอย่างแท้จริงเช่นเสือนั้น ั้แ่เกิดมาก็เพิ่งเคยเห็นเกาเหรินเพียงคนเดียวที่ล่ามันได้เมื่อปีก่อน
ไม่ว่าจะเป็นักธนูยอดฝีมือหรือคนที่ขวัญกล้าแค่ไหน หากต้องเผชิญกับเสือ ทั้งยังเจอทีเดียวสองตัวก็ย่อมหวาดกลัว
“จบกัน”
เสี่ยวเตาพยายามควบคุมมือของตัวเองไม่ให้สั่นเทา คิดจะเอื้อมไปหยิบมีดสั้นข้างเอว แต่กลับรู้สึกแข็งทื่อไปทั้งร่าง ขยับไม่ได้
มิน่าเล่า พวกผู้ใหญ่ถึงบอกว่าจิ้งจอกขาวเป็สัตว์ที่เฉลียวฉลาด คาดว่าเมื่อครู่มันคงถูกไล่ล่าจนหมดหนทาง จึงคิดหาทางล่อเขาเข้ามาในนี้เพื่อยืมมือเสือ เปลี่ยนนักล่าอย่างเขาให้กลายเป็เหยื่อ
หากอยู่ห่างจากกลุ่มไม่ไกลนักเขายังเป่านกหวีดส่งสัญญาณได้ แต่ยามนี้ไม่ว่าจะเรียกอย่างไรก็คงไม่มีใครได้ยิน
เสือสองตัวนั้นย่อมไม่รู้ว่าเสี่ยวเตารู้สึกเสียใจภายหลังแค่ไหน พวกมันแค่รู้สึกถูกใจกับอาหารรสเลิศที่เดินเข้ามาหาเองถึงที่ ความโมโหเพราะถูกรบกวนการนอนหลับก็แผ่ออกมาเช่นกัน
เสือตัวผู้ทนไม่ไหวกระโจนเข้าใส่เป็ตัวแรก
เสี่ยวเตาย่อลงพร้อมเอียงตัวหลบการโจมตี คิดไม่ถึงเสือตัวเมียกลับอยู่ใกล้กว่าที่คิด คล้ายว่ามันอยากจะเล่นแมวจับหนู เสือตัวเมียเพียงแค่ยื่นอุ้งเท้าออกมา ตะปบแผ่นหลังของเสี่ยวเตาจนปรากฎรอยเื โลหิตไหลนอง เสี่ยวเตารู้สึกปวดแสบปวดร้อนที่แผ่นหลังทันที
เสือทั้งสองตัวรู้สึกว่าผู้มาใหม่นี้เป็ของเล่นที่น่าสนใจ พวกมันเอียงคอน้อยๆ เตรียมจะกระโจนเข้าใส่อีกครั้ง
ในที่สุดเสี่ยวเตาก็โยนธนูที่ไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิงทิ้ง เขาชักมีดข้างเอวออกมาตวัดมีดไปทั้งหน้าและหลังพลางพยายามเคลื่อนตัวออกไปทางปากถ้ำ น่าเสียดาย เสือแม้เพียงตัวเดียวก็นับว่าเป็าา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสองตัว พวกมันไม่อาจต่อกรได้
ยังไม่ทันเคลื่อนตัวไปถึงหน้าปากทางเข้าถ้ำ เสื้อผ้าบนร่างของเสี่ยวเตาก็ขาดเป็ริ้วๆ แทบหาส่วนที่ดีไม่ได้แล้ว ทั้งยังมีรอยเืเต็มไปหมด เขาเ็ปมากจนะเิความโกรธออกมา
“เดรัจฉานสมควรตาย บิดาจะแลกชีวิตกับพวกเ้า”
เมื่อรู้ว่าชีวิตใกล้จะจบสิ้น เสี่ยวเตาจึงคิดจะแลกชีวิตกับมัน ต่อสู้ด้วยทุกสิ่งที่มี เปลี่ยนความหวาดกลัวให้เป็ความโกรธ ยกมีดในมือขึ้นมาวาดสะเปะสะปะไปทั่ว
น่าเสียดาย เสือสองตัวนี้เองก็เก่งกาจในการหลบหลีกเช่นกัน พวกมันจึงไม่เกรงกลัวท่าทางข่มขวัญของเหยื่อตัวนี้แม้แต่น้อย
ความพยายามสุดชีวิตของเสี่ยวเตา ในสายตาของมันก็เป็เหมือนการอบอุ่นร่างกาย เตรียมเป็อาหารอุ่นๆ ของเหยื่อตัวหนึ่ง
เหมือนว่าเสือตัวเมียจะรู้สึกหิวแล้ว ไม่มีอารมณ์มาหยอกล้อกับเหยื่ออีกต่อไป อาศัยจังหวะหลังจากที่เสือตัวผู้ตะปบเสี่ยวเตาจนล้มลง อ้าปากเตรียมจะงาบลงมา
หากมันกัดลงไปเต็มคำจริงๆ คาดว่าแม้แต่เทพเซียนก็คงช่วยชีวิตเขาเอาไว้ไม่ได้
เสี่ยวเตาหอบหายใจหนักหน่วง ความมืดค่อยๆ โอบล้อมลงมาจนเขามองอะไรไม่เห็น คิดจะดิ้นหนีแต่ร่างกายกลับถูกอุ้งเท้าของเสือตัวผู้กดเอาไว้
ในยามวิกฤตที่ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย มีดพกแผ่กลิ่นอายอันเย็นเยียบเล่มหนึ่งไม่รู้พุ่งมาจากทางไหน ทรงพลังดุดันแทงทะลุอกเสือตัวเมียจนมิดด้าม
เสือตัวเมียคำรามออกมาแล้วล้มลงไปกับพื้น ปัดป่ายอุ้งเท้าไปมาหมายจะปัดมีดสั้นนั่นออกไป แต่อย่างไรก็ไม่สัมฤทธิ์ผล
เสือตัวผู้ใรีบปล่อยมือจากเสี่ยวเตาเข้ามาปกป้องเสือตัวเมียทันที มันหันศีรษะใหญ่โตออกไปมองนอกปากถ้ำ
ยามนี้พระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว แสงจันทร์สีเงินอาบไปทั่วบริเวณ ส่องทะลุเข้ามาถึงปากถ้ำ
ลำแสงสีเงินมีคนผู้หนึ่งบดบัง เค้าโครงหน้าที่มองเห็นไม่ชัดเจนในความมืด แต่รูปร่างกลับเด่นชัดกลางแสงจันทร์
“ซี๊ด”
ความหวังอันน้อยนิดของเสี่ยวเตาถูกเงาร่างตรงหน้านี้ฉีกกระชากจนไม่เหลือชิ้นดี เขาคิดจะพูดอะไรออกมาแต่กลับเจ็บจนต้องสูดปาก
ศัตรูหัวใจ แทบจะเรียกได้ว่าเป็ศัตรูคู่แค้นที่ไม่ใครก็ใครต้องตายกันไปข้างหนึ่ง าของพวกผู้ชายก็คือยื้อแย่งสตรีที่ดีที่สุดมาเป็ของตนเอง เป็เช่นนี้มาั้แ่ครั้งโบราณกาล
เมื่อคืนที่บ้านใหม่สกุลลู่ เขาเป็คนท้าทายศัตรูหัวใจขึ้นมาในป่าแห่งนี้ ใช้สิ่งที่เขาถนัดที่สุด คิดจะอาศัยโอกาสนี้เอาชนะใจสตรีที่หมายปอง
คิดไม่ถึงว่าในยามที่เขาตกอยู่ในอันตราย ใน่วิกฤตที่สุด ศัตรูหัวใจของเขากลับปรากฏตัวขึ้น ยังมีอะไรให้พูดอีก คงไม่มีทางคิดจะช่วยชีวิตเขาแน่ คาดว่าหากเขาถูกเสือกินแล้ว ก็คงจะแค่ถือกระดูกกลับลงไปให้ครอบครัวเขา ถือเป็ ‘บุญคุณ’ อย่างหนึ่งกับครอบครัวเขา
แม้เฝิงเจี่ยนจะยืนอย่างสบายๆ อยู่ที่ปากทางเข้าถ้ำ แต่ที่จริงร่างกายของเขาโน้มมาข้างหน้าน้อยๆ มือขวาััที่ข้างเอว สายตาวาววับ เหมือนเตรียมตัวจะซัดมีดสั้นออกมาอีกครั้ง
เขากวาดสายตามอง ครั้นเห็นเสี่ยวเตาที่อยู่บนพื้นก็ขมวดคิ้วน้อยๆ เมื่อครู่เห็นจิ้งจอกขาวตัวหนึ่งวิ่งอยู่บริเวณนี้ เดิมทีเขาคิดจะตามมันไป แต่กลับเห็นเสี่ยวเตาตามไปเสียก่อน
ดังคำกล่าวที่ว่า สุภาพบุรุษไม่แย่งของรักของผู้อื่น ถึงแม้ก่อนหน้านี้จะเขม่นกันอยู่แต่เขาก็ยังไม่ถึงขั้นคิดจะแย่งของผู้ใด แต่การที่จิ้งจอกตัวนั้นล่อลวงเสี่ยวเตาเข้าไปในถ้ำก็ชัดเจนแล้วว่ามัน้าจะทำอะไร
แล้วก็ไม่ผิดคาด เมื่อจิ้งจอกตัวนั้นหายเข้าไปในถ้ำแล้ว ครู่เดียวมันก็มุดออกมาทางรอยแยก แต่เมื่อเสี่ยวเตาหายเข้าไปกลับมีเสียงคำรามดังออกมา
เขายิงธนูปลิดชีวิตจิ้งจอกเ้าเล่ห์ตัวนั้นแล้วจึงเข้าไปในถ้ำ พอดีทันช่วยชีวิตของเสี่ยวเตา
ส่วนเสือตัวผู้นั้นไม่สนว่าเฝิงเจี่ยนจะคิดสิ่งใดอยู่ ตัวเมียของมันถูกทำร้าย ทำให้มันโกรธมาก สายตาจับจ้องที่ปากถ้ำเตรียมจะกระโจนเข้ามาทันที
เสือท่วงท่าสง่างาม ถึงแม้จะเป็ในความมืดเช่นนี้ ยามที่มันกระโจนก็ยังเห็นลวดลายบนร่างอย่างชัดเจน เป็ภาพที่งดงามภาพหนึ่ง
น่าเสียดายตอนที่เท้ามันแตะพื้น เสือตัวผู้กลับส่งเสียงคำรามออกมาเหมือนเสือตัวเมีย กลิ่นคาวเืในถ้ำยิ่งเข้มข้นกว่าเดิม
ไม่รู้เฝิงเจี่ยนหมอบลงกับพื้นั้แ่เมื่อใด มีดสั้นในมือเขาล้อแสงจันทร์ดูเยือกเย็น เห็นเืเสือติดอยู่ที่ปลายมีดได้อย่างชัดเจน
รูม่านตาของเสี่ยวเตาหรี่เล็กลงในทันใด ต่อให้ในใจจะไม่ยินยอมแค่ไหนก็ยังอดยอมรับนับถือในตัวเฝิงเจี่ยนไม่ได้
ระยะเวลาที่เสือตัวผู้กระโจนไปหน้าปากถ้ำนั้นสั้นๆ แค่ไม่กี่วินาที แต่เฝิงเจี่ยนแนบตัวลงกับพื้นตวัดมีดกรีดเปิดหน้าท้องของเสือตัวผู้ สายตา วรยุทธ์ ความกล้า ทั้งสามอย่างนี้เขาสอบผ่านอย่างงดงาม
สิ่งเหล่านี้อย่าว่าแต่นายพรานหนุ่มๆ เลย แม้กระทั่งพรานชำนาญวิชาเองก็ยากจะมีได้อย่างเขา
เฝิงเจี่ยนดีดตัวขึ้นมาแล้วพุ่งเข้าไปปักมีดที่ลำคอของเสือตัวผู้ที่ยังคงดิ้นรนอยู่ จากนั้นก็ดึงมีดออกแล้วมุ่งหน้าเข้ามาในถ้ำ
เสี่ยวเตารู้สึกว้าวุ่นใจขึ้นมาทันที ร่างกายแข็งค้างน้อยๆ
ตอนที่เขาเห็นประกายมีดวาววับอยู่ตรงหน้า ผู้ที่ถูกส่งไปพบยมบาลกับเสือตัวผู้กลับเป็เ้าเสือตัวเมียตัวนั้นแทน
“เ้า...”
เสี่ยวเตารู้สึกโล่งใจ ตอนที่คิดจะพูดอะไรนั้นเองปากถ้ำก็มีเงาร่างเล็กๆ เงาหนึ่งปรากฏขึ้น
“คุณชาย ท่านวิ่งเร็วเกินไปแล้ว ข้าแค่แวบไปล่าหมูป่ามาตัวหนึ่งท่านก็หายไปแล้ว เพื่อจะได้เสี่ยวหมี่มาเป็ภรรยา ท่านจะพยายามมาก...”
เกาเหรินที่แบกหมูป่าตัวใหญ่ไว้บนบ่าบ่นยืดยาวได้ครึ่งหนึ่ง จู่ๆ ก็เห็นเสี่ยวเตาที่อยู่บนพื้น จึงถามอย่างสงสัย “หา นี่มันเ้าคนแซ่หลิวที่คิดจะแย่งเสี่ยวหมี่ไปนี่นา คุณชาย ฆ่าเขาเลยดีหรือไม่?”
เสี่ยวเตาเงยหน้าขึ้นมองทันที ไม่รู้เพราะเหตุใดภายในถ้ำอันมืดมิดที่แสงสว่างไม่เพียงพอนี้ เขากลับเห็นประกายเย็นเยียบจากสายตาของเกาเหรินได้อย่างชัดเจน สายตาที่ราวกับเห็นชีวิตคนเป็เพียงมดปลวก ปราศจากซึ่งความเห็นใจใดๆ ทั้งสิ้น สายตาเช่นนี้หากไม่ใช่ผู้ที่สังหารคนมานับไม่ถ้วนคงไม่อาจมีได้ เด็กน้อยอายุแค่นี้ เขาเกิดมาบนกองซากศพคนตายหรืออย่างไร?
เสี่ยวเตาตัวสั่นสะท้าน จู่ๆ เขาก็รู้สึกเสียใจภายหลัง
ในบรรดากลุ่มเด็กหนุ่มของหมู่บ้านเขาหมี เขานับเป็อันดับหนึ่ง แต่กลับลืมไปว่าในใต้หล้านี้เขาเป็เพียงแค่แมลงตัวหนึ่งที่ไม่สลักสำคัญอะไร
“ช่างเถอะ ไปเรียกคนมาช่วย”
เฝิงเจี่ยนดึงมีดสั้นที่ตัดขั้วหัวใจของเสือตัวเมียออกมา แล้วโบกมือให้เกาเหริน เกาเหรินเบ้ปากน้อยๆ ไม่รู้บ่นงึมงำอะไรเสียงเบา สุดท้ายก็วิ่งออกไป แต่ก็ยังกลับมาโยนจิ้งจอกขาวสองตัวเข้ามาในถ้ำ ะโว่า “คุณชาย เมื่อครู่ท่านล่าจิ้งจอกขาวได้หรือ? ในเมื่อชนะแล้ว เช่นนั้นจะไว้ชีวิตเ้าหนุ่มนี่ก็ไม่เป็ไร”
เฝิงเจี่ยนไม่ได้เอ่ยอะไร เขาตามหาเศษไม้บริเวณหน้าปากถ้ำเพื่อจุดไฟ ในยามวิกาลเช่นนี้กลิ่นคาวเืรุนแรงจะดึงดูดเหล่าสัตว์ป่าเข้ามา กองไฟเป็เครื่องป้องกันชั้นดี
ส่วนเกาเหรินก็เหมือนจะนึกขึ้นได้ว่าหากเขาสังหารเสี่ยวเตา กลับไปอาจจะถูกเสี่ยวหมี่ตำหนิจึงเบ้ปากมุดออกจากถ้ำไป
ไม่ผิดคาด เพียงไม่นานก็มีสัตว์ป่าตามกลิ่นเืมา ในความมืดเห็นดวงตาแวววาวหลายคู่นั่นเป็ของหมาป่า ส่วนเ้าของเสียงคำรามนั่นเป็ของหมีดำ
เฝิงเจี่ยนนั่งลงตรงปากถ้ำ เอนกายพิงร่างเสือตัวผู้ที่ตายแล้ว มือไม่หยุดเติมฟืนเข้าไปในกองไฟ บางครั้งเมื่อมีสัตว์ตัวไหนกล้าเดินเข้ามาใกล้ เขาก็ตวัดกิ่งไม้ในมือจัดการอย่างฉับไว
ท่าทางสง่างามแลดูสบายๆ เช่นนั้น ไม่เหมือนกำลังอยู่ในป่าเขาที่มีอันตรายรอบด้าน แต่ราวกับนั่งอยู่ในสวนดอกไม้หลังบ้านของตัวเองก็ไม่ปาน
เสี่ยวเตาสูดปากระงับความเ็ป เขาเกาะผนังถ้ำเดินออกมานั่งลงตรงปากทางเข้าถ้ำ
ทุกอย่างเงียบสงบ แต่เพียงไม่นานก็เริ่มได้ยินเสียงฝีเท้าของคนหมู่บ้านเขาหมีที่เร่งรุดมา
เสี่ยวเตาขยับปาก กัดฟันพูดว่า “เสี่ยวหมี่เป็ของเ้าแล้ว ข้าจะไม่แย่งชิงอีก ขอบคุณที่เ้าช่วยชีวิตข้าไว้”
เฝิงเจี่ยนราวกับไม่ได้ยิน เขายืนขึ้นมองไปยังบรรดาสิงสาราสัตว์ที่เริ่มตื่นกลัว เป็นานกว่าจะเอ่ยขึ้นว่า
“ไม่จำเป็ เดิมก็เป็ของข้าอยู่แล้ว”
เสี่ยวเตารู้สึกเย็บวาบ แล้วถึงได้เข้าใจถึงความหมายแฝงในประโยคนั้น เขารู้สึกร้อนรุ่มในอก แต่สุดท้ายก็พ่นลมหายใจออกมายืดยาว
รู้แพ้รู้ชนะเป็เื่ดี ยิ่งในกรณีของเขาซึ่งพ่ายแพ้ั้แ่ยังไม่เริ่มด้วยซ้ำ แต่จะคิดอย่างไรก็ให้รู้สึกเ็ปยิ่งนัก...
“เสี่ยวเตา คุณชายเฝิง”
“ไม่ต้องกลัว พวกเรามาแล้ว”
พวกนายพรานเคาะอาวุธในมือขับไล่บรรดาสัตว์ป่าทั้งหลาย บางคนก็ยกคบเพลิงโบกไปมา
หมาป่าจ่าฝูงหันไปมองสมาชิกสิบกว่าตัวของตนเอง มันหอนเสียงยาวอย่างไม่ยินยอมพร้อมใจก่อนจะถอยลึกเข้าไปในป่า หมีดำยกกำปั้นทุบต้นไม้แรงๆ สองสามทีแล้วจึงหมุนกายกลับเข้าป่าไปเช่นกัน ส่วนสัตว์อื่นๆ ที่เหลืออยู่ก็ทยอยหายไปอย่างรวดเร็ว
ถึงแม้มนุษย์จะเป็สัตว์ที่อ่อนแอ แต่หากรวมตัวอยู่ด้วยกันเป็กลุ่มก้อน ก็ไม่อาจต่อกรได้
พวกนายพรานไล่สัตว์ร้ายไปหมดแล้วก็ไม่มีเวลาเช็ดเหงื่อที่หน้าผากด้วยซ้ำ รีบวิ่งเข้ามาที่ปากถ้ำดั่งศรที่ถูกปล่อย “คุณชายเฝิง ท่านไม่ได้รับาเ็ใช่หรือไม่”
“ใช่แล้วๆ เสี่ยวเตาเล่า?”
“เ้าเด็กนี่...”
เฝิงเจี่ยนเบี่ยงตัวหลบให้พวกชาวบ้านเข้าไปในถ้ำ แต่พอพวกเขาก้าวเท้าเข้าไปก็เหยียบร่างเสือที่นอนตายอยู่ตรงปากถ้ำ ก็พากันใยิ่งนัก
เสือตัวใหญ่ขนาดนี้คงต้องอยู่ในเขานี้มากว่าห้าปีแล้วแน่ๆ เสี่ยวเตายังจะมีชีวิตรอดไปได้หรือ?
“เสี่ยวเตา”
นายพรานคนหนึ่งที่ได้รับการฝากฝังมาจากสองสามีภรรยาสกุลหลิวรีบร้อนเดินเข้าไป พลางร้องเรียกด้วยเสียงสั่นระริก
แต่แล้วเขาก็ได้ยินเสียงเหนื่อยอ่อนดังขึ้นข้างขา “ท่านลุงกัว ข้าไม่เป็ไร...”
นายพรานคนนั้นรีบส่องคบเพลิงไปทันที เห็นเสี่ยวเตานั่งพิงผนังถ้ำมีเืท่วมตัว ถึงแม้ใบหน้าจะซีดขาว สภาพน่าอเนจอนาถยิ่งนักแต่ก็ยังมีชีวิตอยู่
“ดีแล้วๆ”
ทุกคนต่างโห่ร้องออกมาอย่างยินดี บางคนรีบไปหาน้ำมาล้างแผลให้เสี่ยวเตา บางคนก็หยิบยารักษาาแออกมา...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้