ชีวิตของเราสามพี่น้องเปลี่ยนไปั้แ่วันที่พ่อพายุกับแด๊ดดี้ฟีนิกซ์ส่งพวกเรามาเรียนที่ประเทศอังกฤษโดยอยู่ภายใต้การดูแลของคุณลุงมาร์คัส
ไฟท์พี่ชายคนโตแสดงออกชัดเจนว่าไม่ได้อยากมาเรียนที่นี่ซึ่งเขาก็พอเข้าใจได้เพราะดูเหมือนพี่ชายจะมีคนรักอยู่แล้วที่ประเทศไทย
เื่วุ่นวายเกิดขึ้นกับเขาไม่เว้นแต่ละวันเมื่อซาร์คัสลูกชายของคุณลุงมาร์คัสชอบฟิล แต่ซาร์คัสชอบแกล้งยั่วโมโหฟิลด้วยการจีบเขา ซึ่งมันก็ได้ผลเป็อย่างมากเพราะพี่ชายคนรองหงุดหงิดและคอยหวงเขาทุกครั้ง มันเป็มาอย่างนั้นตลอดสามปีกว่าที่เขาอาศัยอยู่ที่นี่
จนกระทั่งเมื่อสองเดือนก่อนฟิลออกไปดื่มและไม่กลับมานอนที่คฤหาสน์ลูเซียโน่ แต่กลับมาในตอนบ่ายของวันถัดมา เขาพอจะเดาเหตุการณ์ทุกอย่างได้เมื่อเห็นพี่ชายเดินลงจากรถของซาร์คัส ถึงแม้จะรู้ดีว่าซาร์คัสรักพี่ชายของตนแต่พายก็อดเป็ห่วงไม่ได้ และั้แ่วันนั้นทุกอย่างก็ดูเปลี่ยนไป ความสัมพันธ์ของสองคนนั่นแย่ลงมากๆเรียกได้ว่าแทบมองหน้ากันไม่ติด แต่เขาก็แอบเอาใจช่วยซาร์คัสอยู่เหมือนกันเพราะอีกฝ่ายดูจะรักพี่ชายของเขามากๆ
ในขณะที่พายกำลังเดินเล่นอยู่ตรงบริเวณสวนหน้าคฤหาสน์ก็ได้เห็นรถของซาร์คัสแล่นเข้ามาจอดด้วยความเร็วไม่ได้ต่างจากตอนที่ขับออกไปสักนิด บอกให้รู้ถึงอารมณ์ของผู้ขับขี่ได้เป็อย่างดี
พายเดินตรงไปยังโรงจอดรถเมื่อซาร์คัสเดินเข้าตัวบ้านไปแล้ว นิ้วเรียวเคาะกระจกรถเบาๆเพื่อเรียกความสนใจจากคนที่นั่งอยู่ด้านใน
“ก๊อก ! ก๊อก ! ก๊อก !”
“ไอ้ซาร์คัสไปลากมึงกลับมาอีกแล้วอะดิ ?” พายถามขึ้นเมื่อพี่ชายคนรองลงจากรถ
“รู้ดีจังนะ มึงขี้เสือกแทนกูั้แ่เมื่อไหร่ว่ะพาย ?”
“กูไม่ได้เสือกเถอะ ลูกกะตากูมันเห็นเอง ไอ้ซาร์คัสขับรถออกไปอย่างกับพายุหลังจากออกจากห้องทำงานของคุุณลุง แค่นั้นก็เดาได้ไม่ยากหรอกว่ามันไปไหน และใครทำให้มันเป็บ้า”
“มันบ้าของมันเอง ไม่เกี่ยวกับกู” ฟิลเถียงกลับอย่างรวดเร็ว
“กูถามจริงนะ มึงไม่รักน้องมันสักนิดเลยเหรอว่ะฟิล ?”
“เออ”
“ถ้าแบบนั้นก็ดีแล้ว มึงก็อย่าให้ความหวังน้องมัน แต่ไม่ใช่บอกกูไม่รู้สึกอะไรคืนนี้มึงไปนอนกับมันนะ”
“ไอ้สัสพาย เดี๋ยวมึงโดน”
“ก็กูพูดเื่จริง” พายพูดหยอกอย่างขำขัน ก็เื่รักๆใคร่ๆมันไม่เข้าใครออกใคร อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น
ทำไมเขาจะดูไม่ออกว่าพี่ชายของเขาเองก็ชอบพอซาร์คัสเช่นกัน เพียงแค่ยังไม่อยากยอมรับหรืออาจจะยังไม่รู้ใจตัวเอง
พายส่ายหน้าเบาๆ มองฟิลที่กำลังเดินเข้าบ้านด้วยอารมณ์หงุดหงิด เขาเดินเล่นสูดอากาศบริสุทธิ์อีกครู่หนึ่ง ก่อนกลับขึ้นห้องไปนอนอ่านหนังสือ
หลังจากทานมื้อเช้าเสร็จพายแยกตัวไปทันทีเพราะวันนี้เขามีเวรต้องเข้าโรงพยาบาล
“ตุบ ! โอ้ย !” พายร้องด้วยความใเมื่อเผลอเดินชนกับคนที่เดินสวนทาง เอกสารในมือปลิวว่อนกระจักกระจายเต็มพื้น
“ผมขอโทษครับ คุณเจ็บไหม ?” น้ำเสียงนุ่มทุ้มสำเนียงอังกฤษเอ่ยขึ้นอย่างไพเราะ
“ไม่เจ็บครับ ผมไม่เป็ไรครับ”
พายเอ่ยปฏิเสธ ั์ตาคู่สวยมองไปยังคนที่ช่วยประคอง ใบหน้าคมเข้มได้รูปฉบับคนเอเชียอยู่ในชุดสูทสุดเรียบหรู มุมปากหนาที่ยกยิ้มขึ้นทำให้เขาเผลอมองราวกับต้องมนต์สะกด
“เดี๋ยวผมช่วยเก็บนะครับ ขอโทษจริงๆที่เดินไม่ระวังเผลอชนคุณเข้า”
“ขอบคุณครับ”
เราทั้งคู่ต่างช่วยกันเก็บเอกสารทั้งหมด จนกระทั่งเหลือกระดาษใบสุดท้ายทำให้มือของเราัักัน ความรู้สึกเหมือนโดนไฟช็อตแต่กลับอุ่นวาบแผ่ซ่านไปถึงหัวใจ ซึ่งอาการแบบนี้เขาไม่เคยเป็กับใครมาก่อน พายช้อนตาขึ้นมองเป็จังหวะเดียวกับที่อีกฝ่ายมองมาพอดี ต่างฝ่ายต่างมองกันนิ่งๆ สุดท้ายพายก็ปล่อยให้คนแปลกหน้าเก็บกระดาษใบนั้น
“นี่ครับ ว่าแต่คุณเป็คนไทยเหรอ ?”
“ใช่ครับ” พาย
“โชคดีจัง ไว้เจอกันที่ไทยครับ ถ้าได้เจอกันอีกผมขอเลี้ยงข้าวเพื่อเป็การไถ่โทษที่ได้ชนคุณในวันนี้”
“ครับหวังว่าจะได้เจอกันอีก”
พายยืนมองแผ่นหลังแกร่งของคนแปลกหน้าจนสุดสายตาก่อนจะเดินไปยังห้องพักสำหรับบุคลากรซึ่งแน่นอนว่าโรงพยาบาลแห่งนี้เป็ของตระกูลลูเซียโน่ ถึงแม้ว่ารัฐที่เขาอยู่จะมีโรงพยาบาลในเครือตระกูลของตัวเองก็ตาม เขามีเหตุผลที่ไม่เลือกทำงานที่นั่น
หากอยู่ที่ไทยเขาคงให้ลูกน้องไปตามสืบมาเดี๋ยวนี้เลยว่าคนตรงหน้าคือใคร
ความรู้สึกแรกที่ฉายชัดคือเขาอยากได้
ริมฝีปากบางยกยิ้มอย่างอารมณ์ดีทำให้ผู้ที่พบเห็นต่างยกยิ้มตาม พอกลับมาถึงคฤหาสน์ลูเซียโน่ก็เห็นพี่ชายคนรองนั่งทำหน้าบึ้งอยู่คนเดียวที่สวน
“ไงว่ะ ทะเลาะกับซารร์คัสอีกแล้วเหรอ ?”
“เออ กวนตีนกูไม่หยุดรำคาญชิปหาย”
“ดีๆกันบ้างไม่ตายหรอก อีกไม่นานเราก็จะกลับไทยแล้วอาจจะไม่ได้เจอกันอีก”
“จะพยายาม”
พายตบไหล่พี่ชายคนรองสองสามครั้งแล้วขึ้นห้องของตัวเองไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอ่านหนังสือ ่นี้เขาแทบไม่ได้ออกไปปลดปล่อยที่ไหนเลยเพราะมัวแต่วุ่นวายกับเื่เรียนและการทำงาน
เมื่อถึงวันเดินทางกลับไทยก็เป็อย่างที่คิด ไอ้ซาร์คัสโคตรน่าสงสารมันคงรักพี่ฟิลจนหมดใจ แต่ดูพี่ชายเขาสิทำราวกับว่าไม่มีความรู้สึกใดๆให้กับน้องมันสักนิด
พอขึ้นเครื่องฟิลก็เอาแต่ซึมและเหม่อลอย ดูไม่มีความสุขเอาเสียเลย เขาจึงทำได้เพียงมองอย่างเป็ห่วงเท่านั้น เพราะเื่ของหัวใจมันเป็เื่ที่ช่วยเหลือไม่ได้จริงๆ
ปากบอกไม่รัก ไม่รู้สึก แต่การกระทำคือสวนทางกันสุดๆ เขาก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่อีกฝ่ายจะยอมรับความรู้สึกของตัวเองเสียที
ฟิลพยายามทำตัวให้ดูสดใสเป็ปกติที่สุด แต่ทุกคนในครอบครัวรวมทั้งลูกน้องคนสนิทต่างรู้ดีถึงการเปลี่ยนแปลงนั้น
“มึงคิดถึงซาร์คัสอ่ะดิ ?”
พายแกล้งแซวพี่ชายคนรองในขณะที่อีกฝ่ายกำลังนั่งเล่นกับคุณเบลล่าในเรือนกระจก เมื่อครู่เขาแอบได้ยินฟิลเล่าเื่ราวของเสือขาวสองตัวให้คุณเบลล่าฟังด้วย ไม่รู้ว่าคิดถึงสัตว์์เลี้ยงหรือเ้าของกันแน่
“ใครจะไปคิดถึงคนอย่างมัน” ฟิลปฏิเสธเสียงแข็ง มองน้องชายอย่างไม่พอใจ
“หงอยเป็หมาเลยสัส คิคิ” พายพูดหยอกอย่างขำขัน ปิดท้ายด้วยเสียงหัวเราะสุดกวน
“หุบปากมึงไปเลยไอ้พาย”
“ฮ่าๆๆ หนีได้ก็หนีไปเน้อะคุณเบลล่า จุ๊บๆ”
พายหัวเราะลั่นด้วยความสะใจก่อนจะหันมาคุยกับคุณเบลล่าสัตว์เลี้ยงตัวโปรดเมื่อฟิลลุกเดินหนีกลับเข้าบ้านไป
“คุณเบลล่าว่าพายจะได้เจอผู้ชายคนนั้นไหม พายรู้สึกถูกใจเขาจังเลยครับ ถ้าได้เจอกันอีกก็คงจะดี”
พายนั่งเล่นกับคุณเบลล่าสักพักใหญ่ถึงจะกลับขึ้นห้องนอนของตัวเองเพื่อเตรียมตัว อีกไม่กี่วันเขาก็ต้องเข้ารับตำแหน่งจากแด๊ดดี้ฟีนิกซ์อย่างเป็ทางการ
พวกเราเป็แฝดสามเกิดจากแม่ที่เป็ผู้ชาย พ่อพายุที่อุ้มท้องพวกเรามา เมื่อก่อนเราทั้งสามเรียกพ่อพายุว่ามี้ แต่พอเริ่มโตขึ้นพวกเราจึงเปลี่ยนสรรพนามไปเองเพราะพ่อแมนเกินว่าจะใช้คำนั้น
ท่านทั้งคู่ต่างเลี้ยงดูพวกเราด้วยความรัก และนอกจากพ่อกับแด๊ดแล้วเรายังได้รับความรักจากคุณปู่ คุณย่า คุณตา และคุณยาย ทั้งยังมีเพื่อนๆของพ่อกับแด๊ดอีกหลายคน จำได้ว่าเมื่อก่อนพวกน้าๆลุงๆมักพาลูกๆของท่านมาเล่นด้วยกันในวันที่พวกท่านว่าง แต่พอเริ่มโตก็ไม่ได้สนิทกับพวกน้าๆลุงๆอย่างเมื่อตอนเด็ก จะเจอกันบ้างบางครั้งในงานเลี้ยงธุรกิจ
แต่ส่วนใหญ่พวกแด๊ดกับพ่อและลุงๆชอบนัดกันไปแฮงค์เอ้าท์กันที่ร้านเหล้าเสียมากกว่า
พฤติกรรมของพ่อกับแด๊ดเปลี่ยนไปเมื่อพวกเราทั้งสามคนโตขึ้น ั้แ่เรายังจำความไม่ได้จนถึงอายุ 16 ปี ตลอดเวลาที่ผ่านมาพ่อจะแทนตัวเองด้วยชื่อเสมอเมื่ออยู่กับแด๊ด ส่วนแด๊ดแทบไม่พูดคำหยาบคายเลยยกเว้นกับเพื่อนสนิทอย่างคุณลุงเควินหรือคุณอาวิสกี้ น้อยครั้งมากจะได้ยินคำพูดหยาบคายออกจากปากของทั้งคู่
ในความเป็จริงนั้นก็ไม่ได้เป็คำพูดที่หยาบคายอะไร ก็แค่คำว่ากูมึง ซึ่งคำพวกนี้เราทั้งสามคนใช้ั้แ่ 10 ขวบได้ละมั้ง ทั้งที่ตอนนั้นทั้งพ่อและแด๊ดไม่เคยหลุดพูดออกมาให้ได้ยินสักครั้ง อาจจะด้วยเพราะการที่เรามีเพื่อน สังคม โรงเรียน และผู้คนที่พบเจอ คือต่างคนต่างร้อยพ่อพันแม่ การเลี้ยงดูจึงไม่เหมือนกัน
แต่ใช่ว่าพ่อกับแด๊ดจะพูดกูมึงบ่อย จากที่สังเกตพ่อพายุจะเป็คนพูดเสียมากกว่า และพูดตอนที่โกรธแด๊ดฟีนิกซ์เท่านั้น หรือโดนแด๊ดแกล้งมากๆแล้วทำอะไรแด๊ดไม่ได้เลยระบายอารมณ์ด้วยการด่าแทน เป็การด่าที่พวกเรามักจะได้เห็นรอยยิ้มของแด๊ดเสมอ
สิ่งสำคัญคือท่านทั้งคู่ไม่เคยพูดหยาบคายกับพวกเราทั้งสามคนเลยสักครั้งไม่ว่าพวกเราจะทำผิดมากมายเพียงไหนก็ตาม
แต่มีอย่างหนึ่งที่ทั้งคุณย่าและคุณยายต่างส่ายหน้าให้พวกเราทั้งสามคนคือความเ้าชู้ พวกท่านบอกว่าพวกเรานั้นเ้าชู้เหมือนพ่อกับแด๊ดสมัยวัยรุ่นไม่มีผิด มันเป็ความจริงที่พวกเราต่างยอมรับ แต่คงต้องยกเว้นไฟท์พี่ชายคนโตเอาไว้หนึ่งคนเพราะตอนนี้กลับตัวกลับใจรักเดียวใจเดียว
จำได้ว่าพวกเรามีเซ็กส์ครั้งแรกั้แ่อายุ 14 ปีมั้ง ด้วยความอยากรู้อยากลองแต่ถูกพ่อสอนเสมอให้รู้จักป้องกัน ไม่ว่าจะเป็โรคและผลที่ตามมา พวกเราเลยต้องดูแลตัวเองอย่างดีเพื่อไม่ให้มีอะไรผิดพลาด และั้แ่จำความได้เราทั้งสามคนมีเพื่อนสนิทที่โตมาด้วยกันอีก 6 คนคือ ไดม่อน สิงห์ กัน คราม อากิและพอร์ช
แด๊ดพูดเสมอว่าไม่มีทางที่คนทั้งหกคนนี้จะไม่มีทางหันหลังให้เราแม้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
พวกเขาจะเป็คนสุดท้ายที่จะยังยืนหยัดอยู่ข้างๆเสมอ แต่ห้ามไว้ใจใครนอกจากตัวเอง ดูเหมือนเป็คำสอนที่ขัดแย้งแต่พอเข้าใจได้
สภาพแวดดล้อมที่เต็มไปด้วยคำว่าธุรกิจและการแข่งขัน เราไม่มีมิตรแท้หรือศัตรูที่ถาวร เพื่อการมีชีวิตรอดและปลอดภัยแด๊ดจึงสอนให้พวกเราเรียนรู้การใช้ชีวิต การเอาตัวรอดในด้านต่างๆ ศิลปะต่อสู้ที่หลากหลายแขนง ไม่ว่าจะเทวันโด ยูโด มวยไทย ฟันดาบ ยิงปืน ว่ายน้ำ หรือแม้แต่การใช้ยาบางชนิด รวมไปถึงการทำอาหาร ทั้งยังวัดระดับความสามารถของพวกเราทุกๆเดือน นอกจากทั้งหกคนที่ดูแลอย่างใกล้ชิดแล้วยังมีบอดี้การ์ดรุ่นใหญ่ที่คอยตามดูแลพวกเราอยู่ห่างๆทั้งรับรู้ และที่ไม่เคยรับรู้ถึงการมีอยู่ของพวกเขาเ่าั้
ครอบครัวของเราเรียกได้ว่ารวยอันดับต้นๆของประเทศ และติด 1 ใน 1000 ของโลก ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามมักเป็ที่จับตามองเสมอ มีธุรกิจมากมายหลายอย่าง แต่หลักๆคือโรงพยาบาลที่มีมากกว่า 20 สาขาในประเทศและอีกหลายสาขาในยุโรป
ธุรกิจหลักอีกอย่างของครอบครัวคืออสังหาริมทรัพย์ ที่เป็บริษัทั์ใหญ่ ใครๆก็ต่างให้ความเคารพเกรงอกเกรงใจ นี่ยังไม่รวมหุ้นต่างๆที่ซื้อทิ้งไว้อีกนับไม่ถ้วน ส่วนใหญ่ไว้เก็บปันผลรายปี แค่เงินในส่วนนี้ก็ทำให้มีกินมีใช้ตลอดชีวิตโดยที่ไม่ต้องทำงาน คือพวกเรารวยั้แ่อยู่ในท้องพ่อ พอคลอดออกมาก็มีทรัพย์สินเงินทองในชื่อตัวเองคนละ 200M+ พ่อกับแด๊ดบอกว่าเป็ของขวัญวันเกิดในทุกๆปีที่ได้จากคุณปู่คุณย่าคุณตาคุณยาย บรรดาคุณลุงคุณน้าที่เป็เพื่อนกับพ่อและแด๊ด
“หวังว่าเราคงได้พบกันในสักวัน”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้