เมื่อตัดสินใจได้แล้ว หมี่หลันเยว่ก็คลายความกังวลลง เธอเป็คนที่มีความคิดเป็ของตัวเอง และแบกรับเื่ราวต่างๆ ได้ เมื่อเห็นท่าทีของน้องสาว หมี่หลันหยางก็วางใจได้เช่นกัน น้องสาวของเขาไม่ใช่คนที่น่าเป็ห่วง แถมยังเข้มแข็งกว่าเขาเสียอีก ในเื่นี้ เขายึดน้องสาวเป็แบบอย่างเสมอมา
ทุกคนเห็นว่าเื่ราวคลี่คลายลงแล้ว ก็ผ่อนคลายตามไปด้วย พวกเขานั่งคุยกันถึงรายละเอียดปลีกย่อยต่างๆ หมี่หลันเยว่นำสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นมาวิเคราะห์ร่วมกัน ช่วยกันอุดช่องโหว่ ไม่นานแผนการปฏิบัติการก็ถูกวางขึ้น
หมี่หลันหยาง เฉียนหย่งจิ้น หลินเผิงเฟย และหนิวเถียจู้ทั้งสี่คนยังไม่ง่วง ใน่ฤดูร้อนฟ้ามืดช้า เด็กหนุ่มวัยรุ่นต่างก็มีพลังงานเหลือล้น พวกเขาจึงอยากคุยโม้โอ้อวดกันต่ออีกหน่อย แต่หมี่หลันเยว่อยากพักผ่อนให้เพียงพอ เธอจึงกลับห้องพักไปก่อน ทิ้งให้พวกเขาสี่คนคุยกันต่อในห้องของหมี่หลันหยาง
เมื่อกลับมาถึงห้อง หมี่หลันเยว่ก็ไปแช่น้ำในห้องน้ำอีกครั้ง หลังอาหารกลางวันเธอแค่ชำระล้างร่างกายอย่างง่ายๆ ตอนนั้นจิตใจของเธอว้าวุ่นเกินไป ไม่มีอารมณ์จะดื่มด่ำกับความหรูหราทางวัตถุที่หาได้ยากในยุคนี้ แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว หมี่หลันเยว่ได้จัดการกับอารมณ์ของตัวเองเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นจึงต้องปรนเปรอตัวเองให้เต็มที่
เมื่อปรับอุณหภูมิน้ำได้ที่ หมี่หลันเยว่ก็ลงไปแช่ตัว มันสบายเหลือเกิน เธอไม่เคยคิดเลยว่าบ้านสกุลเจิ้งจะมีอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่อยู่ในห้องพักแขกด้วยซ้ำ แถมหัวฝักบัวก็ยังมีน้ำอุ่นให้ใช้ตลอดเวลา หมี่หลันเยว่ไม่เคยได้รับสิทธิพิเศษแบบนี้ แม้กระทั่งในศตวรรษที่ 20 ในอีกหลายสิบปีต่อมา
แน่นอนว่าไม่ใช่ว่าสิ่งอำนวยความสะดวกแบบนี้ไม่แพร่หลายใน่ศตวรรษที่ 20 แต่เป็เพราะสภาพความเป็อยู่ของครอบครัวเธอไม่อำนวย ครอบครัวอื่นๆ ต่างก็ใช้กันไปหมดแล้ว แต่ครอบครัวของหมี่หลันเยว่ยังคงรักษาสภาพการดำรงชีวิตขั้นพื้นฐานไว้ได้เท่านั้น ไม่อย่างนั้น หมี่หลันเยว่ในชาตินี้คงไม่ยืนกรานที่จะไม่หวนกลับไปสู่เส้นทางเดิม สภาพการดำรงชีวิตแบบนั้นช่างน่ากระอักกระอ่วนใจ
การแช่น้ำสบายเกินไปทำให้หมี่หลันเยว่เกือบจะผล็อยหลับไป เสียงเคาะประตูดังขึ้น ทำให้หมี่หลันเยว่ตื่นจากภวังค์ ต้องขอบคุณที่เธอแช่น้ำอยู่ ถ้าอาบน้ำฝักบัว คงไม่ได้ยินเสียงเคาะประตูแน่ๆ แต่ก็ไม่แน่ ถ้าอาบน้ำฝักบัว เธอก็คงไม่เกือบจะหลับไป
หมี่หลันเยว่ไม่เคยคิดเลยว่าในเวลาอันสั้นๆ นี้ เธอจะคิดถึงเื่ไร้สาระมากมายขนาดนี้ ดูเหมือนว่าเธอจะผ่อนคลายจริงๆ
"ใครคะ รอสักครู่นะคะ กำลังไปค่ะ"
เสียงของเจิ้งซวี่เหยามาจากนอกประตู
"หลันเยว่ ฉันเอง ไม่เป็ไร ฉันรอได้"
เจิ้งซวี่เหยาคิดว่าหลันเยว่คงขึ้นเตียงไปแล้ว ดังนั้นจึงต้องใช้เวลาแต่งตัว เขาจึงไม่รีบร้อน
เขาไม่ได้คิดว่าตัวเองจะรบกวนการพักผ่อนของหมี่หลันเยว่ ตอนนี้เพิ่งจะหนึ่งทุ่มกว่าๆ ใน่ฤดูร้อนแบบนี้ ยังอีกนานกว่าจะถึงเวลานอน แต่เมื่อหมี่หลันเยว่มาเปิดประตู เจิ้งซวี่เหยาเห็นผมที่เปียกชุ่มของเธอ เขาก็รู้ว่าเธอเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ
"ขอโทษที ฉันไม่คิดว่าเธอกำลังอาบน้ำอยู่ รบกวนเธอหรือเปล่า"
นี่เป็การรบกวนจริงๆ ความสับสนในใจของเจิ้งซวี่เหยาค่อยๆ ปะทุขึ้น แน่นอนว่าความสับสนนี้ไม่ได้เกิดจากการรบกวนการอาบน้ำของใครบางคนเท่านั้น
หมี่หลันเยว่ที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ บนใบหน้าเล็กๆ มีสีชมพูระเรื่อ ดวงตาคู่โตเป็ประกายชุ่มชื้น ส่วนผมที่เปียกชุ่มกลับทำให้เธอมีเสน่ห์แบบผู้หญิงที่เติบโตแล้ว ทั้งชวนฝันและแฝงความเย้ายวน เจิ้งซวี่เหยารู้สึกว่าเขาไม่สามารถมองเธอต่อไปได้ ไม่อย่างนั้น หัวใจของเขาจะเต้นเร็วขึ้นเรื่อยๆ เขา กลัวว่าตัวเองจะตกหลุมรัก
"อาจารย์เจิ้ง เชิญข้างในก่อนนะคะ มาหาฉันมีธุระอะไรหรือเปล่าคะ"
คำว่า ‘อาจารย์เจิ้ง’ ช่วยปลดปล่อยเจิ้งซวี่เหยาจากความคิดฟุ้งซ่านของเขา ใช่แล้ว เด็กสาวตรงหน้าเขาคนนี้ ยังเป็เด็กสาวอายุเพียงสิบห้าปีเท่านั้น แถมยังเป็นักเรียนของเขาอีกด้วย เขาต้องเป็คนที่ไร้มนุษยธรรมขนาดไหน ถึงได้มีความคิดที่น่าละอายเช่นนั้น
"อ้อ ฉันจะมาบอกว่า แม่ฉันเพิ่งโทรศัพท์คุยกับเพื่อนของแม่เื่ซื้อห้องแถวน่ะ"
ดวงตาของหมี่หลันเยว่เป็ประกายขึ้นทันที ความชุ่มชื้นที่พร่ามัวเมื่อครู่หายไปหมด เหลือไว้แต่ประกายเจิดจ้า ทำให้หัวใจของเจิ้งซวี่เหยาเต้นดังขึ้นอีกครั้ง
"เชิญนั่งข้างในก่อนนะคะ เราคุยกันข้างในดีกว่า"
เด็กสาวหันหลังเดินเข้าไปในห้องพัก สวมชุดกระโปรงผ้าฝ้ายสีขาวบริสุทธิ์ มีรอยยับย่นเล็กน้อย น่าจะรีบร้อนคว้าออกมาจากกระเป๋าเดินทางแล้วสวมเข้าไป เด็กหญิงวัยสิบห้าปีมีรูปร่างสูงโปร่ง ทำให้ดูสง่างาม
เจิ้งซวี่เหยาไม่รู้ว่าเขาควรจะก้าวเท้าเข้าไปหรือไม่ เขาไม่เคยมีความรู้สึกกระวนกระวายใจแบบนี้มาก่อน ไม่ว่าผู้หญิงตรงหน้าจะสวยแค่ไหน เขาก็ไม่เคยรู้สึกว่าหัวใจเต้นแรงขนาดนี้ แต่เด็กสาวตรงหน้าเขายังอายุเพียงสิบห้าปี ยังเป็เด็กสาวที่ยังไม่โตเต็มที่ เขาเห็นความเย้ายวนใจมาจากไหนกัน
"อาจารย์เจิ้ง เชิญนั่งค่ะ ดื่มน้ำก่อนนะคะ"
ตอนนี้หมี่หลันเยว่นั่งอยู่บนเก้าอี้รับแขกแล้ว เนื่องจากเป็ห้องพักแขก พื้นที่จึงไม่ใหญ่มาก ดังนั้นจึงมีเก้าอี้พิงหลังเพียงสองตัว ตรงกลางเป็โต๊ะน้ำชาเล็กๆ หมี่หลันเยว่ได้เอื้อมมือผลักน้ำที่รินไว้แล้วไปไว้ข้างโต๊ะน้ำชาใกล้กับเก้าอี้อีกตัว
"อ้อ เดี๋ยวฉันไป"
เจิ้งซวี่เหยากัดฟันเดินเข้าไปในห้องพักของหมี่หลันเยว่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าการเดินอยู่ในบ้านของตัวเอง จะทำให้เขาลำบากขนาดนี้
หมี่หลันเยว่ไม่ได้คาดหวังเลยว่าอาจารย์เจิ้งคนนี้จะมีความคิดสับสนมากมายเกี่ยวกับเธอ เธอยังคงยิ้มแย้ม ไม่ถือตัวต่อหน้าเจิ้งซวี่เหยา ใช้มือลูบผม แล้วหยิบยางรัดผมมารวบผมอย่างง่ายๆ
เธอรวบผมเพียงเพราะผมยังเปียกอยู่ วางไว้บนคอแล้วไม่สบายตัว แต่เจิ้งซวี่เหยาหน้าแดงขึ้นมา ผมที่รวบขึ้นอย่างลวกๆ ทำให้หมี่หลันเยว่ดูโตขึ้นหลายปี คอที่ขาวผ่องที่เปิดออกมาก็ทำให้ใจของเจิ้งซวี่เหยาสั่นไหว เจิ้งซวี่เหยาหลับตาลง นี่เป็การทดสอบที่เข้มงวดต่อจิตใจของเขาจริงๆ
"อาจารย์เจิ้ง เป็อะไรไปคะ"
หมี่หลันเยว่เห็นว่าเจิ้งซวี่เหยาหลับตาลงกะทันหัน คิดว่าเขาไม่สบาย
"ไม่สบายหรือเปล่าคะ"
หมี่หลันเยว่ถามด้วยความเป็ห่วง ตอนนี้เจิ้งซวี่เหยาได้ตั้งสติแล้ว ลืมตาขึ้น และยิ้มออกมาอย่างสมบูรณ์แบบ
"สาวน้อย ถึงเธอจะยังเด็ก แต่การที่เธอเพิ่งอาบน้ำเสร็จแบบนี้ ก็ทำให้คนสับสนเล็กน้อยได้เหมือนกันนะ"
การประชดประชันตัวเองของเจิ้งซวี่เหยา เมื่อได้ยินในหูของหมี่หลันเยว่ก็เป็เพียงเื่ตลก เธออดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ไม่ได้รู้สึกว่าเจิ้งซวี่เหยามีความคิดที่น่ารังเกียจเกี่ยวกับเธอ ในใจของเธอ อาจารย์เจิ้งผู้ใจดีที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือคนนี้ เป็คนดีที่หาได้ยาก ไม่มีทางที่จะมีความคิดที่ต่ำต้อยอย่างแน่นอน แม้แต่ความชื่นชมแบบนี้ ก็ยังถูกนำมาพูดกันต่อหน้า
"ไม่คิดเลยว่าอาจารย์เจิ้งจะมีมุมนี้ด้วย ฉันไม่กล้ารับคำชมของอาจารย์หรอกค่ะ อาจารย์เจอโลกมาเยอะแล้ว ก็คงเจอสาวๆ สวยๆ ไม่น้อย จะมาสนฉันที่เป็เด็กสาวหน้าจืดๆ ได้ยังไง แค่อยากรู้ว่าแฟนอาจารย์ในอนาคต จะเป็ผู้หญิงที่สวยขนาดไหนกันนะ"
เดิมทีแค่อยากใช้เื่ตลกปรับสภาพจิตใจของตัวเอง ไม่คิดว่าเด็กสาวจะตอบสนองอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ ซึ่งกลับทำให้ทั้งสองคนไม่มีความรู้สึกโรแมนติกใดๆ อีกต่อไป เจิ้งซวี่เหยายิ้มกว้างขึ้น เขาก็บอกแล้วว่าเด็กสาวคนนี้มักจะมีพลังในการคลี่คลายจิตใจของผู้คน จะให้ความสบายใจแก่คุณในเวลาที่เหมาะสมที่สุด
"หลันเยว่ แม่ฉันเพิ่งโทรศัพท์หาป้าิ่ คุยกันเื่ที่จะไปดูบ้านพรุ่งนี้น่ะ"
เจิ้งซวี่เหยากลัวว่าตัวเองจะสับสนอีกครั้ง เขารีบกลับเข้าสู่ประเด็นหลัก ทำให้หมี่หลันเยว่จริงจังขึ้นมาเช่นกัน สายตาของเธอตรงและเคร่งขรึม ฟังอย่างตั้งใจ
"จากที่ฟังป้าิ่พูด เขาอยากจะขายในราคาดีๆ เลยพยายามรักษาราคาไว้ ไม่ให้ตก แต่ไม่คิดว่าเื่ทำเอกสารไปต่างประเทศจะราบรื่นผิดปกติ เขาเลยรีบน่ะ เธอเข้าใจไหม"
เมื่อมองใบหน้าเล็กๆ สีชมพูของหมี่หลันเยว่ที่แดงก่ำ เจิ้งซวี่เหยาก็รู้ว่าคำพูดของเขาเสียเปล่า เด็กสาวฉลาดขนาดนี้ การชี้แนะของเขาชัดเจนขนาดนี้ เธอควรรู้ว่าจะทำอย่างไรในวันพรุ่งนี้ แบบนี้ก็ดีแล้ว ในใจของเจิ้งซวี่เหยา เขาไม่อยากทำให้หมี่หลันเยว่ผิดหวัง
"ขอบคุณอาจารย์เจิ้ง พรุ่งนี้ฉันจะพยายามค่ะ"
เมื่อได้รับไพ่ตายใบใหญ่ขนาดนี้แล้ว ถ้าพรุ่งนี้เธอทำได้ไม่ดี ก็โทษใครไม่ได้แล้ว เมื่อคิดว่าพรุ่งนี้เธออาจจะได้เป็เ้าของห้องแถวในใจกลางปักกิ่ง หมี่หลันเยว่ก็รู้สึกใจเต้นแรง
"แล้วก็มีอีกเื่หนึ่ง อย่าพลั้งปากพูดออกไปนะ แม่ฉันบอกว่าครั้งนี้เธออุตส่าห์เจรจาให้คนมาดูบ้านได้ ผู้ใหญ่ของเขาไม่อยากออกหน้า เลยส่งเด็กๆ มาสองสามคน ดังนั้นแม่ฉันบอกให้ป้าิ่คว้าโอกาสนี้ไว้ให้ดี ฉันหวังว่าเธอก็จะคว้าโอกาสนี้ไว้ให้ดีเช่นกัน นี่เป็ก้าวแรกสู่ความสำเร็จของเธอ"
หมี่หลันเยว่พยักหน้าอย่างหนักแน่น อดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ เดินไปมาบนพื้นสองรอบ เพื่อควบคุมอารมณ์ตื่นเต้นของตัวเอง ท้ายที่สุดนี่คือข่าวดีครั้งใหญ่ เมื่อกี้ในใจยังกังวลเกี่ยวกับวันพรุ่งนี้อยู่เลย ไม่คิดว่าข่าวดีจะมาเร็วขนาดนี้
ด้วยความช่วยเหลือจากอาจารย์เจิ้งและแม่เจิ้ง เื่นี้แทบจะแน่นอนแล้วว่าสามารถคว้ามาได้ ถ้าหมี่หลันเยว่ยังสามารถนั่งอยู่ได้ในตอนนี้ ก็คงจะแสร้งทำเกินไปแล้ว หมี่หลันเยว่ยังไม่ใจเย็นถึงขนาดนั้น
ยิ่งไปกว่านั้น ต่อหน้าอาจารย์เจิ้ง เธอก็ไม่ได้คิดที่จะแสร้งทำอะไรมากนัก การผ่อนคลายอย่างเป็ธรรมชาติเช่นนี้ต่างหากคือสิ่งที่เธอคิดว่าควรจะเป็ ในใจของหมี่หลันเยว่ เจิ้งซวี่เหยาช่วยเธอไว้มากเกินไป เกือบจะเหมือนญาติสนิทที่อบอุ่น ดังนั้นความระแวดระวังเพียงเล็กน้อยที่แทบมองไม่เห็นที่เธอเคยมีต่อเจิ้งซวี่เหยา ในขณะนี้ก็สลายหายไปจนหมดสิ้น
เจิ้งซวี่เหยามีความสุขมากที่หมี่หลันเยว่เป็ตัวของตัวเองและสบายใจต่อหน้าเขา นั่นแสดงให้เห็นว่าเด็กสาวไว้วางใจเขา แต่ชุดกระโปรงสีขาวที่พลิ้วไหวตรงหน้าก็ยังคงทำให้เขาวอกแวกอยู่ เขาไม่รู้ว่าเขาจะสามารถควบคุมอารมณ์นี้ได้นานแค่ไหน แต่เขาก็รู้ว่าเขาและเด็กสาวอายุสิบห้าปีไม่เหมาะสมกัน
ดังนั้น ปล่อยให้เธอสั่นไหวอยู่ในใจต่อไปเถอะ เขาแค่เก็บความสั่นไหวนี้ไว้ในใจก็พอ จากนั้นก็ดูแลเธอให้ดี ดูแลเธอให้ดี ช่วยเหลือเธอให้ดี รักเธอให้ดี แล้วก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วก็ไม่ควรมีอะไรเกิดขึ้น เมื่อคิดเช่นนี้ เจิ้งซวี่เหยาก็รู้สึกโล่งอก แต่ก็มีความเ็ปเล็กน้อย เขาไม่ควรจะดีใจที่ใจสั่นไหวเป็ครั้งแรกกับเด็กสาวที่สดใสและบริสุทธิ์ขนาดนี้
