เล่มที่ 1 บทที่ 14 าาปีศาจขั้นเยาตี้
“ไม่มีอะไร...เื่เล็กน้อยน่า ข้าจัดการเองได้” หลินเฟยหัวเราะก่อนจะเอ่ยเสริมขึ้นอย่างไม่เกรงใจ
“แต่ตอนนี้มีเื่อยากให้ช่วยพอดี...”
“ศิษย์พี่หลินอย่าได้เกรงใจเลย มาชงมาช่วยอะไรกัน หากมีอะไรให้ช่วยท่านก็สั่งมาได้เลย แม้ตัวข้าจะไม่มีความสามารถอะไร แต่เื่วิ่งงานอะไรพวกนี้ ถือว่าสบายมาก”
“่นี้ข้าคิดจะไปแถวแม่น้ำหยินสักหน่อย อย่างแรก พอดีข้าอยากสังหารปีศาจ ฝึกปรือเคล็ดวิชากระบี่ แต่ข้าไม่คุ้นชินกับพื้นที่แถบนั้นเอาเสียเลย จึงอยากถามเ้าว่าพอจะมีแผนที่บ้างหรือไม่?”
“แผนที่น่ะหรือ? สบายมาก ขอแค่ไม่ใช่ที่ต้นธารน้ำเท่านั้น สำหรับแผนที่จุดอื่นล้วนไม่มีปัญหา โปรดรอสักครู่ ข้าจะนำมาให้”
“ข้าต้องรบกวนศิษย์น้องเสียแล้ว”
“ไม่รบกวน ไม่รบกวนเลย...”
เมื่อพูดจบ ซูหยวนก็กุลีกุจอวิ่งออกไป
หลังจากที่ซูหยวนจากไปได้ไกลแล้ว หลินเฟยก็ไม่มีอะไรจะพูดกับซ่งเทียนสิงอีก จึงพยักหน้าให้ ก่อนจะหยิบขวดหยกแล้วกล่าวลากลับห้องไป
“...”
ซ่งเทียนสิงยังคงยืนตะลึงอยู่กับที่
ชั่วครู่จึงได้สติ เขามองแผ่นหลังที่จากไปของหลินเฟย ก่อนจะเปล่งเสียงลอดไรฟันออกมา
“หลินเฟย สักวันเ้าจะต้องเสียใจ คอยดู!”
แต่น่าเสียดายที่หลินเฟยกลับไม่ได้ยินแม้แต่น้อย...
บัดนี้ หลินเฟยกลับมาถึงห้องพร้อมขวดหยก
ตะเกียงหลิวหลีที่นักพรตเฒ่าทำเสียหาย ขณะนี้ได้ลอยอยู่กลางอากาศเพราะพลังปราณที่หลินเฟยส่งเข้าไป เขาไม่รอช้ารีบหยดน้ำพุเหลืองหนึ่งหยดเข้าไป พลันมนต์สะกดสิบเจ็ดสายของตะเกียงหลิวหลีก็ถดถอยลงเหลือสิบห้าสาย อานุภาพของน้ำพุเหลืองยังทำให้พลังของตะเกียงหลิวหลีเริ่มอ่อนลง ไม่นานจากมนต์สะกดสิบห้าสายก็ถดถอยลงเหลือเพียงสิบสองสาย
‘ฝีมือการหลอมของตาเฒ่านั้นแสนจะห่วยแตกสิ้นดี...’
หลินเฟยใช้พลังปราณควบคุมหยดน้ำพุเหลืองอย่างตั้งใจ เพื่อให้พลังปราณไหลวนไปทั่วตะเกียงหลิวหลี ใช้เวลาไม่นาน มนต์สะกดสิบสองสายก็ถดถอยเหลือเก้าสาย และในที่สุดก็มาถึงจุดสำคัญ
‘ตะเกียงหลิวหลีในตอนนี้ มีชื่อว่าตะเกียงซานเป่าหลิวหลี’
‘ซานเป่า’ ที่ว่าก็คือสามรวมเป็หนึ่ง มีมนต์สะกดทั้งหมดยี่สิบเจ็ดสาย ทุกเก้าสายจะรวมเป็หนึ่ง เกิดเป็สายเสิ่นทงหนึ่งสาย และเสิ่นทงทั้งสามสายก็มากัน จนเกิดเป็ต้าเสิ่นทงหนึ่งสาย เช่นนี้แล้วอาวุธนั้น ก็จะได้เลื่อนชั้นเป็ศาสตราวุธขั้นอิงฝู
วิธีการหลอมของตาเฒ่าก็ไม่ได้ผิดอะไรหรอก เขาหลอมมนต์สะกดทุกสายออกมาได้ดีทีเดียว ต่อให้เป็ตัวหลินเฟยเองก็หาจุดบกพร่องในส่วนนี้ไม่ได้ด้วยเวลาสั้นๆ แต่ข้อเสียอย่างเดียวของตาเฒ่าก็คือ การที่มีเป้าหมายสูงแต่ฝีมือไม่ถึงขั้น ดึงดันที่จะหลอมอาวุธขั้นหยางฝูที่มีมนต์สะกดยี่สิบเจ็ดสาย และผลก็คือมนต์ทั้งยี่สิบเจ็ดนั้นหลอมได้เพียงสิบเจ็ดสาย ส่วนที่เหลือก็กลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย...
สิ่งที่หลินเฟยต้องทำในตอนนี้คือ หลอมมนต์สะกดที่เกินมาทิ้งไป และคงเหลือไว้แต่มนต์สะกดเก้าสายสุดท้ายเท่านั้น ถึงแม้การทำแบบนี้จะทำให้คุณภาพของตะเกียงหลิวหลีต่ำลง จากการสูญเสียเสิ่นทงไปสองสายทำให้ไม่อาจเกิดมนต์สะกดต้าเสิ่นทงได้อีก แต่การทำเช่นนี้จะสามารถหลอมออกมาจนได้เสิ่นทงที่สมบูรณ์หนึ่งสาย สำหรับหลินเฟยนั้น แค่เสิ่นทงสายนี้สายเดียวก็เพียงพอแล้ว...
ทว่าฝีมือการหลอมของตาเฒ่าเนี่ยค่อนข้างแย่ทีเดียว หลินเฟยควบคุมหยดน้ำพุเหลืองได้ไม่นาน ก็สามารถหลอมเอามนต์สะกดเส้นสุดท้ายออกไปได้สำเร็จ เหลือไว้เพียงเก้าสายที่้า
หลังจากเก็บเอาหยดน้ำพุเหลืองกลับเข้าขวดหยกแล้ว หลินเฟยก็ลองโคจรพลังปราณดู และผลก็เป็อย่างที่คาดไว้ ตะเกียงซานเป่าหลิวหลีที่เดิมนั้นมีสภาพอับแสง บัดนี้ได้มีดวงไฟดวงน้อยเรืองรองขึ้นมา ดวงไฟนี้แม้จะดูอ่อนกำลังนัก แต่ตอนที่มันลุกโชนขึ้นมา กลับกลืนกินไอเย็นในห้องจนหมดสิ้น ทั้งห้องพลันร้อนระอุขึ้นมา หลินเฟยยังคงโคจรพลังปราณอีกครั้ง คราวนี้ดวงไฟดวงน้อยก็แปรเปลี่ยนเป็เปลวไฟ เพียงใช้ไฟลนเบาๆ ก็ทำให้โต๊ะตรงหน้าแตกออกเป็สองส่วน
“สำเร็จแล้ว!”
ที่เหลือเสิ่นทงสายสุดท้ายไว้ ก็เพราะหลินเฟย้าให้เกิดเปลวไฟชื่อหยางหลิวหลี เมื่ออยู่ในถ้ำเสวียนปิง อานุภาพพลังของเปลวไฟชื่อหยางหลิวหลีไม่อาจเทียบกับอาวุธที่มีเสิ่นทงในระดับเดียวกัน
หลังจากหละเกียงซานเป่าหลิวหลีได้สำเร็จ หลินเฟยก็รีบร้อนใช้พลังปราณค่อยๆหล่อเลี้ยงตะเกียงหลิวหลีอยู่ทั้งวัน สุดท้ายเมื่อตะเกียงหลอมรวมเข้ากับพลังปราณของตน เขาจึงได้ผลักประตูออกมา...
ในมือนั้นถือแผนที่ที่ซูหยวนให้มาด้วย หลินเฟยข้ามผ่านอุโมงค์หินเพื่อมุ่งไปยังแม่น้ำหยินอีกครั้ง
แต่ว่าครั้งนี้หลินเฟยมีตะเกียงซานเป่าหลิวหลี ภายใต้พลังของเปลวไฟชื่อหยางหลิวหลีนั้น ราวกับว่าไร้เทียมทานที่สุดในแถบลุ่มแม่น้ำหยินก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็อสุรกายกุ่ยเย่ชาหรืออสรพิษปักษา เมื่อได้เผชิญหน้า แม้แต่กระบวนท่าเดียว ปีศาจเ่าั้ก็ไม่อาจต้านทานได้ หลินเฟยสะบั้นกระบี่กวาดล้างทุกสิ่งที่ขวางหน้า ปีศาจตนแล้วตนเล่าถูกสะบั้นเป็ชิ้นเล็กชิ้นน้อย ในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วยามก็สามารถสังหารไปทั่วทั้งปลายธารน้ำแล้ว...
ด้านหน้าเป็สายน้ำที่ไหลเชี่ยว สองฝั่งขนาบไปด้วยหน้าผาที่สูงชัน เหนือสุดบนหน้าผาปกคลุมไปด้วยหมอกดำและสายฟ้า ทุกครั้งที่สายฟ้าได้ผ่าลงมานั้น ไม่ต่างอะไรกับอสรพิษสีทองที่กำลังเริงระบำ และที่นี่ก็คือ ‘ผาปากเหยี่ยวที่เลื่องชื่อ’ เป็รังอาศัยของเหล่าอสรพิษปักษานับหมื่นตัว
เมื่อครั้นอยู่ที่หอดาบ หลินเฟยเคยอ่านบันทึกของผาปากเหยี่ยวมาก่อน ว่ากันว่าเมื่อหลายร้อยปีก่อน ที่นี่เคยมีอสรพิษปักษาขั้นเยาตี้ถือกำเนิด ใช้เวลาเพียงแค่สิบปีก็สยบเหล่าปีศาจนับหมื่นในแถบแม่น้ำหยินได้จนหมดสิ้น มันตั้งตนขึ้นเป็าาปีศาจแห่งแม่น้ำหยิน หลายสิบปีหลังจากนั้น ไม่เคยมีศิษย์สำนักเวิ่นเจี้ยนคนใดย่างกรายเข้ามาที่แม่น้ำหยินอีกเลย
จนสิบกว่าปีให้หลังมานี้ นักพรตชื่อฟ่าผู้เป็เ้าสำนักเวิ่นเจี้ยนรุ่นก่อนได้ถือกำเนิดขึ้น เขาเป็อัจฉริยะที่พันปีจะพบเจอได้สักคน เมื่ออายุเพียงสิบปีก็เข้าร่วมสำนัก สิบสองปีบรรลุขั้นย่างชี่ ยี่สิบปีก็เป็ถึงผู้บำเพ็ญขั้นจิงตัน ทว่าเมื่ออายุยี่สิบห้าปีเขาได้ทำผิดกฎ จึงถูกลงทัณฑ์ให้ไปกักบริเวณสำนึกผิดที่ถ้ำเสวียนปิง และในคืนเดียวกันนั้นเอง เขาก็ได้สังหารเหล่าปีศาจขั้นเยาหวังทั้งสิบสองตนจนสิ้น แม้แต่าาปีศาจขั้นเยาตี้ก็ถูกนักพรตชื่อฟ่าผนึกอยู่ใต้ผาปากเหยี่ยวด้วยกระบวนท่าเดียวเท่านั้น ใน่ร้อยปีถัดมา สำนักเวิ่นเจี้ยนจึงถือว่าสงบเรียบร้อยดี
ว่ากันว่าสายฟ้าที่อยู่เหนือผาปากเหยี่ยว เกิดจากปราณกระบี่ของนักพรตชื่อฟ่าที่ยังคงหลงเหลืออยู่
“ดูเหมือนตำนานนั่นจะเป็เื่จริงสินะ...” หลินเฟยรู้มาว่าบันทึกกว่าครึ่งในหอดาบล้วนเป็เพียงเื่ที่แต่งขึ้นเท่านั้น
บัดนี้เขาพบว่าไอปีศาจที่ปกคลุมอยู่เหนือผาปากเหยี่ยว เข้มข้นกว่าเมื่อหมื่นปีก่อนนับสิบเท่า นอกจากนี้จำนวนอสรพิษปักษาที่บินอยู่เหนือหน้าผาก็มีจำนวนมหาศาล พวกมันปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า ถึงแม้อสรพิษปักษามักจะอยู่กันเป็ฝูง แต่พวกมันย่อมมีการแบ่งอาณาเขตซึ่งกันและกัน ฉะนั้นการที่อสรพิษปักษาฝูงหนึ่งล้ำเข้าสู่เขตพื้นที่ของอีกฝูง ก็จะทำให้เกิดการต่อสู้แย่งชิงพื้นที่กัน จนกระทั่งฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสูญสิ้น
แต่ว่าตอนนี้ อสรพิษปักษาที่อาศัยอยู่ที่นี่ไม่ใช่แค่ฝูงสองฝูง ดูแล้วคงจะนับได้ประมาณเกือบสิบฝูง พวกมันอยู่ร่วมกันได้อย่างไรกันนะ?
‘เกรงว่าคงจะเป็เพราะเหตุผลเดียว...’
‘นั่นคือใต้ผาเหยี่ยวนั้น มีอสรพิษปักษาคอยบัญชาอยู่อย่างไรล่ะ...’
‘าาอสรพิษปักษาขั้นเยาตี้ในตำนานนั่นเอง!’
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้