แน่นอนว่ารั่วปินเป็ผู้หญิงที่หยิ่งที่สุดในชีจง ใช้คำว่าตาอยู่สูงกว่าหัวมาเปรียบเทียบก็ไม่เกินความจริง เพราะว่าทุกคนต่างยอมรับว่า เป็ธรรมดาที่เธอจะหยิ่ง เพราะเธอมีต้นทุนอยู่ครบ ทำให้ผู้ชายส่วนมากรู้สึกละอายใจเมื่ออยู่ต่อหน้าเธอได้
ต่อให้เป็ไช่เว้ยตงที่เคยมีหน้ามีตาในอดีต อยู่ต่อหน้ารั่วปินยังหน้าถอดสีเลย
ส่วยเจียงเสี่ยวฉิงนั้น แม้จะไม่ได้เย็นเยือกเหมือนรั่วปิน แต่ในสายตาของผู้ชายจำนวนมากในชีจง เธอก็ยังสูงเกินเอื้อมอยู่ดี แม้ว่าเจียงเสี่ยวฉิงจะเป็ฝ่ายเข้ามาฉินหลางก่อน แต่กับผู้ชายที่ตามจีบเธอแล้ว เธอไม่คิดจะยิ้มให้ด้วยซ้ำ
เพราะเจียงเสี่ยวฉิงก็เหมือนกับรั่วปิน พวกเธอต่างก็มีความฝันของตัวเอง นั่นก็คือการสอบเข้าโรงเรียนดนตรีชื่อดัง จากนั้นเป็นักเต้นอาชีพจริงๆ
เพราะเธอมีความฝันที่ยิ่งใหญ่ ดังนั้นเจียงเสี่ยวฉิงจึงตั้งใจเรียนไปด้วย และขยันซ้อมเต้นไปด้วย เพราะเธอตั้งใจมาก ดังนั้นเธอจึงไม่เคยคิดที่จะมีความรัก สำหรับคนที่มาจีบเธอ เธอก็ไม่เคยคิดจะสนใจด้วยเช่นกัน
จนกระทั่งฉินหลางปรากฏตัว ทำให้มุมมองความรักของเจียงเสี่ยวฉิงเปลี่ยนไป
วันนั้นที่อยู่ในร้านชวนชวน เจียงเสี่ยวฉิงเห็นความกล้าหาญชาญชัยของฉินหลาง ไร้ผู้เทียมทาน เป็ผู้ชายคนเดียวที่มีออร่ามากพอสยบคนนับหมื่น พาเธอออกจากปากเสือปากจระเข้ได้สำเร็จ เพียงแต่ตอนนั้น เจียงเสี่ยวฉิงรู้สึกว่าตัวเองแค่ขอบคุณฉินหลางเท่านั้น แต่เธอคิดไม่ถึงว่าหลังจากครั้งนั้นแล้ว ฉินหลางก็ไม่เคยตั้งใจปรากฏตัวต่อหน้าเธออีกเลย ผิดกับเธอที่รู้สึกอยากจะเจอเขามาก บางครั้งเธอก็แอบโมโหโดยไม่มีสาเหตุ อาจจะเป็เพราะเคยชินกับการถูกคนมาตามเอาใจ และนี่เป็ครั้งแรกที่เธอถูกมองข้าม
ต่อหน้า เจียงเสี่ยวฉิงเป็ฝ่ายไปเจอฉินหลางก่อนหนึ่งครั้งอย่างอดไม่อยู่ แต่เมื่อรู้ว่าฉินหลางสนิทสนมกับรั่วปิน เจียงเสี่ยวฉิงกลับรู้สึกเสียใจโดยไม่มีสาเหตุ ตอนนั้นเธอเพิ่งจะตระหนักได้ว่า เธอเริ่มชอบฉินหลางเข้าแล้ว เจียงเสี่ยวฉิงเป็ผู้หญิงที่เด็ดเดี่ยว เธอรู้ว่าตัวเองจะเดินตามความฝันยังไง ในเื่ความรู้สึก เธอก็รู้ว่าตัวเองจะต้องรักษาโอกาสยังไงเช่นกัน
การจากไปของรั่วปิน ทำให้เจียงเสี่ยวฉิงตระหนักได้ว่าโอกาสของตัวเองมาแล้ว ดังนั้นเธอจึงเริ่มสร้างโอกาสที่จะได้ใกล้ชิดกับฉินหลาง
“โค้กแช่เย็น…มีของฉันด้วยหรือเปล่า?” จ้าวเหว่ยหันไปล้อเล่นกับเจียงเสี่ยวฉิง
เจียงเสี่ยวฉิงส่ายหน้าด้วยความเขินอาย เธอกำลังจะขอโทษจ้าวเหว่ย คิดไม่ถึงว่าฉินหลางจะยื่นโค้กในมือให้จ้าวเหว่ย “นายเอาไปดื่มเถอะ เลิกเซ้าซี้สักที!”
“อันนี้…ไม่ค่อยดีมั้ง?” ตอนแรกจ้าวเหว่ยแค่ล้อเล่นเท่านั้นเอง ต่อให้เขาเป็คนตาบอด ก็ยังดูออกเลยว่าโค้กขวดนี้เจียงเสี่ยวฉิงตั้งใจซื้อให้ฉินหลาง ถ้าฉินหลางยกให้จ้าวเหว่ย นั่นหมายความว่าฉินหลางไม่รับความหวังดีของเจียงเสี่ยวฉิง? ถ้าเป็อย่างนั้นจริงๆ เจียงเสี่ยวฉิงจะต้องโกรธจ้าวเหว่ยมากจนอยากจะฆ่าเขาแน่ๆ
“ให้นาย นายก็รับไปเถอะ!” ฉินหลางยื่นโค้กใส่ในมือจ้าวเหว่ย
ตอนนี้จ้าวเหว่ยหิวน้ำมากจริงๆ แล้วอีกอย่างหน้าร้านสะดวกซื้อคนต่อแถวซื้อของกันยาวเหยียด อยากจะซื้อเครื่องดื่มแช่เย็น ตอนนี้ไม่ง่ายแล้ว ดังนั้นจ้าวเหว่ยจึงไม่เกรงใจ กล่าวขอบคุณแล้ววิ่งจากไป ระหว่างที่เขากำลังวิ่ง จ้าวเหว่ยรู้สึกว่ามีรังสีความโกรธเคืองตามหลังมา
“ฉินหลาง—” เจียงเสี่ยวฉิงมองฉินหลางด้วยความน้อยใจ ในใจเขาทั้งโกรธทั้งโมโห ตอนแรกเธอตั้งใจจะเข้ามาปลอบฉินหลาง คิดไม่ถึงว่าฉินหลางจะไม่้า แม้แต่น้ำอัดลมขวดเดียวเขายังไม่เต็มใจรับไว้
“เอ่อ…ฉันดื่มน้ำก่อนนะ!” ตอนที่เจียงเสี่ยวฉิงเดือดจนใกล้จะะเิ จู่ๆ ฉินหลางก็หยิบน้ำอัดลมของเธอขึ้นมาดื่ม ดื่มรวดเดียวจนหมด
“ขวดที่อยู่ในมือนาย…เมื่อกี้ฉันดื่มไปแล้วนะ” ตอนแรกเจียงเสี่ยวฉิงทั้งโกรธทั้งโมโห แต่ตอนนี้เธอเห็นฉินหลางดื่มน้ำโค้กที่เธอเคยดื่มไปบ้างแล้ว ความโกรธเมื่อกี้ก็หายไป กลายเป็ความเขินอายเข้ามาแทน
“เหรอ ไม่เป็ไร น้ำลายเธอไม่สกปรกสักหน่อย” ฉินหลางพูดเหมือนไม่ได้ใส่ใจ จากนั้นก็ขว้างขวดในมือออกไป เป็เส้นโค้งอย่างสวยงาม แล้วตกลงในถังขยะที่อยู่ห่างออกไปหลายเมตร
“นายโยนแม่นมากอะ!” เจียงเสี่ยวฉิงชื่นชมเบาๆ
“คิกๆ…เพราะปกติี้เีมาก ดังนั้นก็เลยทำบ่อยจนคล่องแล้ว” ฉินหลางยิ้มจางๆ พลางไปผ้าขนหนูที่เจียงเสี่ยวฉิงให้มาเช็ดเหงื่อ พร้อมกับเดินไปบนสแตนด์ข้างสนาม “ไปนั่งกันไหม?”
“ได้สิ” เจียงเสี่ยวฉิงดีใจไม่น้อย
“เพื่อสุขภาพของเธอ ต่อไปดื่มโค้กแช่เย็นน้อยๆ หน่อยก็ดี”
“แค่โค้กอย่างเดียวเหรอ?”
“เครื่องดื่มแช่เย็นกับของแช่เย็นล้วนต้องกินให้น้อยลง” เพราะน้ำใจที่เจียงเสี่ยวฉิงเอาเครื่องดื่มกับผ้าขนหนูมาให้ ฉินหลางรู้สึกว่าควรจะเตือนเธอสักหน่อย
เจียงเสี่ยวฉิงคิดว่านี่เป็ความห่วงใยจากฉินหลาง จึงพยักหน้า “งั้นต่อไปฉันจะกินของพวกนี้ให้น้อยๆ ลง”
“ทางที่ดีควรจะเลิกกินของเย็นพวกนี้ไปเลย อีกอย่าง เธอก็ต้องกินอาหารให้ครบห้าหมู่ด้วย” ฉินหลางเตือนเจียงเสี่ยวฉิงด้วยความเป็แพทย์ แต่สำหรับเจียงเสี่ยวฉิง เธอกลับคิดว่านี่เป็ความห่วงใยจากฉินหลาง
“อืม ฉันรู้แล้ว” เจียงเสี่ยวฉิงตอบเสียงหวานพร้อมกับพยักหน้า
ฉินหลางรู้สึกว่าน้ำเสียงของเจียงเสี่ยวฉิงทะแม่งๆ จึงพูดต่อว่า “เอ่อ…ฉันหมายความว่า เธอเืลมไม่พอ ร่างกายค่อนข้างอ่อนแอ ควรจะระมัดระวังในการทานอาหารเป็พิเศษ ไม่อย่างนั้นอาจจะป่วยได้”
“คิกๆ นายเป็แพทย์ด้วยเหรอ?” เจียงเสี่ยวฉิงใช้ดวงตาที่เป็ประกายระยิบระยับของเธอจ้องมองฉินหลาง
ดวงตาของเจียงเสี่ยวฉิงบริสุทธ์ ราวกับรวบรวมความเป็ธรรมชาติเอาไว้ เต็มไปด้วยความงดงาม ทำให้ฉินหลางหยุดมองไม่ได้ ก่อนจะพูดต่อ “อืม รู้นิดหน่อย ฉันเคยเรียนวิชาการแพทย์กับแพทย์แผนจีนที่เก่งมากๆ ท่านหนึ่ง”
“จริงเหรอ? งั้นนายตรวจให้ฉันหน่อยได้ไหม” เจียงเสี่ยวฉิงมองฉินหลางด้วยความศรัทธา จากนั้นมือข้างหนึ่งให้ฉินหลาง “แพทย์แผนจีน จะต้องจับชีพจรใช่ไหม?”
เจียงเสี่ยวฉิงคิดว่าฉินหลาง้าใช้วิธีนี้เพื่อเข้าใกล้เธอ ดังนั้นจึงยื่นมือเล็กๆ ของตัวเองให้เขา
มือของเจียงเสี่ยวฉิงขาวราวกับหยก ฉินหลางไม่จำเป็ต้องจับชีพจรด้วยซ้ำ ก็รู้แล้วว่าอาการของเธอมีสาเหตุมาจากอะไร แต่ไม่รู้เทพเทวดาองค์ใดมาดลใจให้ฉินหลางยื่นมือไปจับข้อมือของเจียงเสี่ยวฉิง เพื่อจับชีพจร
ผ่านไปครู่หนึ่ง ฉินหลางจึงพูดกับเจียงเสี่ยวฉิงว่า “ไม่จับชีพจรยังไม่เท่าไหร่ คิดไม่ถึงว่าพอจับชีพจรแล้วจะเจอปัญหาเลย ดูไปแล้ว ร่างกายของเธอมีเืลมไม่เพียงพอจริงๆ ด้วย จะต้องบำรุงดีๆ ซะแล้ว ถ้าฉันดูไม่ผิดละก็ ประจำเดือนของเธอเริ่มมาไม่ตรงแล้วใช่ไหม?”
ได้ยินฉินหลางพูดอย่างนี้ แก้มเจียงเสี่ยวฉิงแดงก่ำไปทั้งสองข้าง จวนจะเป็ลูกแอปเปิลอยู่แล้ว
เื่ส่วนตัวขนาดนี้ เธอจะพูดกับฉินหลางได้ยังไงล่ะ ยังไงซะเธอกับเขาก็ยังไม่ได้สนิทสนมกันถึงขั้นนั้นสักหน่อย
“เพื่อนนักเรียนเจียงเสี่ยวฉิง เธอก็คิดซะว่าฉันเป็หมอ ไม่มีอะไรต้องอาย” ฉินหลางวางท่าเป็สุภาพบุรุษ
แต่ฉินหลางจะเป็สุภาพบุรุษจริงหรือเปล่านั้น คงมีเพียงตัวเขาที่รู้ดีที่สุด
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้