ขณะทีู่เี่อันกำลังจ้องลู่เป๋าเหยียนพลางคิดไปไกล จู่ๆ เขาก็ลืมตาขึ้นมา ดวงตาเรียวยาวที่สะท้อนแสงไฟยามค่ำคืนดูเ็าและอันตรายยิ่งกว่าทุกที ูเี่อันถึงกับใ
ลู่เป๋าเหยียนยิ้ม “ถ้าฉันคิดจะทำอะไรเธอจริงๆ เธอคิดว่าเธอจะได้ยืนอยู่ตรงนั้นอยู่ไหม”
“งั้น...ฉันต้องอยู่ตรงไหนอ่ะ?” เธอถามอย่างงงๆ
“แน่นอนว่า...บนเตียง” ลู่เป๋าเหยียนยกมุมปากยิ้มบางปนเ้าเล่ห์
“ตูม” สมองของูเี่อันเหมือนถูกะเิจนขาวโพลนไปหมด สิ่งที่ทำให้เธอเป็แบบนี้ไม่ใช่คำพูดของเขา แต่เป็เพราะเขาดันรู้ว่าเธอกำลังกลัวอะไรอยู่!
ร้ายกาจ ร้ายกาจเกินไปแล้ว...
“หยิบหมอนอิงบนโซฟามาให้ฉัน” จู่ๆ เขาก็พูดขึ้นมา
“อ้อ” ูเี่อันทำตามคำสั่งอย่างว่านอนสอนง่าย ลู่เป๋าเหยียนนำหมอนอิงทั้งสองอันวางไว้ตรงกลางเตียง เธอเข้าใจในทันที
“ว้าว! เป็วิธีที่เยี่ยมมาก!”
“แบบนี้ฉันค่อยวางใจหน่อย” ลู่เป๋าเหยียนพูด
เขาหมายความว่าไง?
สุดท้ายแล้ว ูเี่อันจึงยอมปีนขึ้นไปนอนบนเตียงโดยยึดเอาหมอนอิงเป็เส้นแบ่งเขตแดน เธอหลับตาลงแต่กลับไม่รู้สึกง่วงสักนิด
เธอกับเขานอนอยู่บนเตียงเดียวกัน ถ้าเป็เมื่อก่อนเธอคงไม่กล้าแม้แต่จะคิด
เธอรู้ดีว่าเขาคงไม่ทำอะไรเธอหรอก แต่หัวใจเธอยังคงเต้นแรง
ูเี่อันกลัวว่าเขาจะรับรู้ถึงความผิดปกติของเธอ จึงพยายามกล่อมตัวเองให้หลับ ท้ายที่สุด หัวใจที่เต้นแรงก็พ่ายแพ้ให้กับความง่วงที่คืบคลานเข้ามา เธอจึงหลับไปโดยไม่รู้ตัว
ในความมืด ลู่เป๋าเหยียนลืมตาขึ้นมา
ถึงภายนอกเขาอาจจะดูนิ่งเหมือนปกติ แต่การที่ต้องนอนเตียงเดียวกับเธอ เขาจะข่มตาลงได้อย่างไร?
พอเอียงหน้าหันไปมองคนที่นอนอยู่ข้างๆ ก็พบว่าเธอกำลังนอนหลับอย่างสบายใจ ขนตางอนยาวและใบหน้างามที่ดูผ่อนคลายกว่าทุกที ทำให้เธอดูเหมือนเด็กน้อยไร้เดียงสาไม่มีผิด
แต่จู่ๆ เธอก็พลิกตัวเอาขาตัวเองมาพาดทับบนขาของเขาซะอย่างนั้น การกระทำนี้ทำให้เขาถึงกับหายใจแรง
โดนเธอทับแบบนี้ สงสัยคืนนี้จะเป็เขาเองที่ไม่ได้นอน
ขณะที่เขากำลังจะยกขาูเี่อันออกจากตัว คราวนี้เธอพลิกเข้ามาทั้งตัว มือเรียวกอดหมอนอิงที่อยู่ตรงกลางแล้วขยับเขามาชนอกเขาอย่างจัง
ปีศาจน้อยตนนี้พอหลับแล้วใจกล้ายิ่งกว่าตอนตื่นเสียอีก
ว่าแล้วเขาก็โยนหมอนอิงลงจากเตียงไป ูเี่อันส่งเสียงประท้วงในฝันเล็กน้อย มือน้อยคู่นั่นลูบๆ คลำๆ อยู่บนหน้าอกเขา แล้วจู่ๆ ก็ดึงแขนเขาไปกอดเป็หมอนข้างซะอย่างนั้น
เมื่อเป็แบบนี้ เธอยิ่งดูเหมือนสัตว์เลี้ยงตัวน้อยที่นอนอยู่ข้างเขา เขายกมุมปากยิ้มบางอย่างพอใจ ดวงตาปิดสนิทดูน่ารักน่ามอง
หัวใจของลู่เป๋าเหยียนอ่อนยวบ พอเขาเอียงตัวมาด้านข้าง เธอก็เขยิบเข้ามาพิงอกเขาอย่างว่าง่าย
เชื่อฟังดีจริงๆ
เขายิ้มอย่างพอใจแล้วจึงก้มหน้าลงจูบหน้าผากเธออย่างแ่เบา
ราตรีสวัสดิ์นะ เ้าปีศาจน้อย
...
ลู่เป๋าเหยียนเป็คนตื่นนอนตรงเวลา วันรุ่งขึ้นเขาลืมตาขึ้นมาตอนเจ็ดโมงเช้าเหมือนทุกที เมื่อตื่นแล้วเขาจึงหันไปมองูเี่อันเป็อย่างแรก
เธอยังไม่ตื่น ยังคงกอดแขนเขาแทนหมอนข้างนอนหลับอย่างสบายใจอยู่เหมือนเดิม
มันควรจะเป็ภาพที่น่าพอใจ แต่ชุดนอนของเธอที่ไม่รู้ว่าเลื่อนหลุดลงมาอยู่ที่ไหล่ั้แ่ตอนไหน ทำให้ภาพของลำคอและเนินอกอันงดงามเย้ายวนเข้าสู่สายตาของเขาแทน
เห็นดังนั้นเขาจึงรีบเบือนสายตาออก และดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมให้เธอ แต่เธอกลับขมวดคิ้วและเตะออกซะอย่างนั้น พอเขาห่มให้อีก เธอก็เตะออกอีก
นี่เธอไม่รู้ตัวหรือตื่นแล้วกันแน่?
ลู่เป๋าเหยียนจ้องหน้าเธอ เขาถึงรสััที่เขาจูบหน้าผากเธอเมื่อคืน ััละเอียดอ่อนนุ่มลื่น ตอนที่เขาประทับริมฝีปากลงไปที่หน้าผากเธอ เหมือนหัวใจของเขาได้ถูกเติมเต็ม
เขามองต่ำลงมา แล้วรสชาติของริมฝีปากสีชมพูคู่นี้จะเป็ยังไงนะ?
คิดไปคิดมา วิธีนี้ดูจะเป็วิธีปลุกเธอที่ไม่เลวทีเดียว
เขาประทับริมฝีปากลงไป และก็เป็อย่างที่คิดไว้ ช่างเป็ััอ่อนนุ่มจนเขารู้สึกอยากจะกัดลงไปสักที แต่เดี๋ยวก่อน...นี่เขากลายเป็คนที่ควบคุมตัวเองไม่ได้แบบนี้ไปั้แ่เมื่อไร?
คิดได้ดังนั้นจึงรีบผละตัวออกมา ในตอนนั้นเอง ูเี่อันก็สะลึมสะลือลืมตาตื่นขึ้นมา
ทำไมลู่เป๋าเหยียนอยู่ใกล้เธอขนาดนี้ นี่ตัวจริงหรือภาพลวงตา?
ว่าแล้วเธอก็ยืนมือออกไปลูบใบหน้าเขาเพื่อยืนยัน อืม อุ่นๆ แฮะ เขาขมวดคิ้ว สีหน้าดูไม่พอใจ
“ซู เจี่ยน อัน!”
ไม่มีใครเคยกล้ามาลูบหน้าเขาแบบนี้ เสียงของเขาเต็มไปด้วยความอันตราย
ูเี่อันถึงกับสะดุ้ง เธอตื่นเต็มตา “ละ ลู่เป๋าเหยียน!”
ลู่เป๋าเหยียนเตือนอย่างหยอกเย้า “ชุดนอนเธอ”
ูเี่อันมองชุดนอนตัวเอง...เธอ โป๊ หมด แล้ว!
“ตาบ้าโรคจิต!”
ลู่เป๋าเหยียนขมวดคิ้ว “คนที่กอดฉันไม่ปล่อยทั้งคืนคือเธอนะ”
ได้ยินดังนั้น ูเี่อันถึงรู้ตัวว่าตัวเองกำลังกอดแขนเขาอยู่!
เธอรีบปล่อยแขนเขาในทันที ช่างน่าอายจริงๆ เลย คิดแล้วเธอจึงมุดเข้าไปหลบใต้ผ้าห่ม
ลู่เป๋าเหยียนมองคนที่ทำตัวเหมือนเต่าหลบอยู่ในกระดองพลางคิด เริ่มต้นวันแบบนี้มันก็ไม่เลว เขายิ้มออกมา แล้วจึงลุกขึ้นไปล้างหน้าแปรงฟัน
ูเี่อันคลุมโปงอยู่นานถึงจะยอมโผล่หน้าออกมา หน้าเธอตอนนี้แดงก่ำเป็ลูกตำลึง หลังจากเช็กดีแล้วว่าลู่เป๋าเหยียนไม่อยู่ เธอจึงค่อยๆ เดินเข้าไปในห้องแต่งตัวเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า
หลังเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ในขณะที่เธอกำลังจะออกไปก็เจอกับลู่เป๋าเหยียนที่เพิ่งเดินออกจากห้องน้ำมาพอดี
แต่นั่นไม่ใช่เื่สำคัญ ที่สำคัญคือ...
ทั้งตัวเขาพันผ้าเช็ดตัวไว้แค่ผืนเดียวนี่สิ! อ๊ากกก!
ปกติเธอเห็นเขาไม่ว่าจะใส่ชุดอะไรก็ดูดีไปหมด ก็คิดอยู่แล้วว่าผู้ชายคนนี้คงหุ่นดีระดับซูเปอร์โมเดล แต่เธอไม่คิดเลยว่า เขาจะหุ่นดีกว่านายแบบพวกนั้นเสียอีก
ซิกแพคที่สวยงาม หยดน้ำที่เกาะอยู่ตัวเขาค่อยๆ ไหลลงมาตามเส้นกล้ามเนื้อ ทำให้ยิ่งดูเซ็กซี่ขึ้นไปอีก
ปกติูเี่อันเป็คนไม่ค่อยชอบผู้ชายเล่นกล้ามสักเท่าไร เพราะเธอรู้สึกว่ากล้ามเนื้อที่นูนออกมาพวกนั้นดูน่ากลัวมากกว่าน่ามอง แต่ลู่เป๋าเหยียนไม่ใช่ เขาดูแข็งแรงกำลังดีถูกสเปคเธอ
สีหน้าเธอดูหื่นอย่างเห็นได้ชัด ลู่เป๋าเหยียนจึงเดินประชิดเข้ามาหาเธอ จนเธอต้องถอยหลัง “นะ นายจะทำอะไร”
เขาเดินไลู่เี่อันให้เข้าห้องแต่งตัวไป แล้วจึงพูดว่า “ฉันจะเข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้า เธอต่างหากตามฉันมา เพราะอยากดูอะไรหรือไง”
ูเี่อันกลอกตา “ดูแล้วยังไง”
ลู่เป๋าเหยียนยิ้มแล้วค่อยๆ แกะผ้าเช็ดตัวที่อยู่รอบเอว
เขาเอาจริงเหรอเนี่ย!
ูเี่อันวิ่งหนีไปด้วยความเร็วแสง
เช้าวันนี้ช่างเป็เช้าที่น่าตื่นตระหนกใ ูเี่อันยังคงนั่งหน้าแดงใจสั่นไม่หายอยู่ที่โต๊ะกินข้าว
ถังอวี้หลันเห็นูเี่อันดูแปลกไปจึงถามขึ้นว่า “เจี่ยนอัน ไม่สบายหรือเปล่าลูก”
ูเี่อันไม่กล้ามองหน้าถังอวี้หลัน พูดตอบไปอย่างติดๆ ขัดๆ “ปะ เปล่าค่ะ”
ถังอวี้หลันเริ่มเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ลูกสะใภ้เธอไม่ได้ไม่สบาย แต่กำลังเขินอยู่นี่เอง
ถังอวี้หลันอาบน้ำร้อนมาก่อนจึงคิดไปถึงเื่นั้นอย่างอัตโนมัติ เธอยิ้มแล้วจึงลงมือตักโจ๊กให้กับูเี่อัน “เป๋าเหยียนก็ไม่รู้จักควบคุมตัวเองเลย ไว้แม่จะเตือนเขาให้นะ”
ูเี่อันอึ้ง อะไรคือไม่รู้จักควบคุมตัวเอง?
ผ่านไปสักพัก ูเี่อันถึงเข้าใจสายตาที่ดูมีเลศนัยของถังอวี้หลัน เธอแทบร่วงตกจากเก้าอี้ “ไม่ใช่ค่ะแม่ หนูไม่ได้ พวกเรา...”
“แม่เข้าใจ” ถังอวี้หลันทำท่างเหมือนจะสื่อว่าไม่ต้องอธิบายเธอเข้าใจดี “แม่ก็เคยเป็วัยรุ่นมาก่อน”
“...” ูเี่อันอยากจะร้องไห้ หน้าเธอแดงจนจะะเิอยู่แล้ว
ลู่เป๋าเหยียนค่อยเดินลงบันไดมาอย่างไม่รีบร้อน เขาเห็นูเี่อันก้มหน้าก้มตาท่าทางแปลกๆ ส่วนแม่เขาก็ยิ้มกว้างผิดปกติ เขาพับแขนเสื้อขึ้นพร้อมถามไปว่า “มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“ไม่มี!” ูเี่อันตอบออกโดยไม่ต้องคิด แล้วจึงรีบตักโจ๊กให้ลู่เป๋าเหยียน “รีบกินข้าวเช้ากันเถอะ!”
ถังอวี้หลันยิ้มตาหยีและไม่พูดอะไรออกมาอีก เธอค่อยๆ กินโจ๊กด้วยความรู้สึกที่ว่า เช้านี้ช่างสวยงามเหลือเกิน
ูเี่อันอายจนไม่มีหน้าอยู่ที่นี่ได้อีกต่อไป เธออ้างว่าลู่เป๋าเหยียนติดธุระ หลังกินข้าวเช้าเสร็จจึงรีบบอกลาถังอวี้หลัน เพื่อกลับบ้านทันที
หลังออกมาจากบ้านถังอวี้หลันได้ไม่นาน หน้าที่แดงอยู่ของูเี่อันจึงค่อยๆ กลับมาเป็ปกติ เธอพูดเสียงเบา “ลู่เป๋าเหยียน ฉันอยากอธิบายเื่เมื่อเช้าหน่อย”
ไม่ต้องรอให้เขาตอบรับหรือปฏิเสธเธอก็พูดต่อว่า “ปกติฉันเป็คนนอนดิ้น เพราะงั้นที่กลิ้งไปหานายเป็เื่สุดวิสัย ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันไม่รู้ตัวเลยว่าจะเป็แบบนี้ นายเองก็ไม่ต้องคิดมาก คิดซะว่าเป็อุบัติเหตุแล้วกัน นายเองก็เคยเผลอทำอะไรลงไปโดยไม่ตั้งใจเหมือนกันใช่ไหม คงเข้าใจฉันเนอะ”
ตลอดชีวิตของลู่เป๋าเหยียน ทุกเื่ล้วนอยู่ในการควบคุมของเขา มีเพียงแค่สองเื่เมื่อสิบสี่ปีก่อนเท่านั้นที่นับว่าเป็อุบัติเหตุ เื่หนึ่งคืออุบัติเหตุที่ทำให้พ่อเขาเสียชีวิต กับอีกเื่คือ...
เขาตอบไปอย่างช่วยไม่ได้ “เข้าใจแล้ว”
“...” เขาตอบง่ายๆ มาสามคำด้วยท่าทางแบบนี้ ทำเอาคำอธิบายของเธอดูเป็ส่วนเกินไปเลย
ลู่เป๋าเหยียนมีธุระ หลังส่งูเี่อันที่บ้านเสร็จจึงออกไปที่อื่นทันที ูเี่อันเดินไปที่สวนแล้วจึงโทรศัพท์หาลั่วเสี่ยวซี เพื่อบอกกับเธอว่าเื่กระทู้ควานหาตัวเธอนั้น ลู่เป๋าเหยียนได้จัดการให้แล้ว เพราะฉะนั้นข้อมูลส่วนตัวของเธอคงไม่มีทางหลุดออกไปได้อีก
“ฉันรู้แล้วล่ะ” ลั่วเสี่ยวซีพูดอย่างตื่นเต้น “สามีเธอนี่เจ๋งชะมัดเลย เมื่อวานยังมีคนบอกว่ามีข้อมูลอย่างละเอียดของเธออยู่ในมือ ถ้าคอมเมนต์ถึงยอดที่ตั้งไว้จะออกมาแฉ แต่พอตกเย็นล็อกอินนั้นก็โดนบล็อกไปเลย หลังจากนั้นทุกคนเลยถกกันว่า สงสัยเธอคงจัดการกับเ้าของล็อกอินไปแล้วแน่ๆ เธอจะไปทำแบบนั้นได้ยังไงจริงไหม”
ูเี่อันรู้จักเพื่อนของเธอดีจึงถามไปว่า “ลั่วเสี่ยวซี เธอได้ไปคอมเมนต์อะไรบอกหรือเปล่าเนี่ย”
“หลังจากพี่ชายเธอบอกฉันว่าลู่เป๋าเหยียนกำลังจะจัดการเื่นี้ ฉันก็หวังดีบอกพวกปัญญาอ่อนพวกนั้นไปแล้วนะ” ลั่วเสี่ยวซีพูดอย่างสะใจ “ทายสิพอหลังจากนั้นเป็ไง กระทู้นั่นเงียบอย่างกับกระทู้ผีสิง!”
ูเี่อันกุมขมับ “ลั่วเสี่ยวซี เธอเองก็เรียนจบจากเมืองนอก นี่กะจะไม่ทำอะไรเป็ชิ้นเป็อันหน่อยหรือไง วันๆ เอาแต่เล่นเน็ตเกาะพ่อแม่กินไปเรื่อยๆ เนี่ยนะ”
“ฉันก็เสียใจนะที่เกาะพ่อแม่กินอยู่น่ะ แต่เสียใจกว่าที่ต่อให้เกาะพวกท่านกินไปทั้งชีวิตก็กินไม่หมดนี่สิ” ลั่วเสี่ยวซีพูด “อีกอย่าง ฉันยังจีบพี่เธอไม่ติดซะที จีบพี่ชายเธอคืองานสำคัญที่สุดในชีวิตฉัน!”
ตอนม.4 ลั่วเสี่ยวซียื่นนมเปรี้ยวให้เธอแล้วพูดว่า “พวกเรามาเป็เพื่อนกันเถอะ!”
ตอนนั้นลั่วเสี่ยวซีมีจุดประสงค์อื่นคือ...ซูอี้เฉิง
เธอบังเอญเจอซูอี้เฉิงครั้งแรกก็เหมือนมีกระแสไฟฟ้าวิ่งไปทั่วร่าง เธอตกหลุมรักเขาในทันที ทว่าซูอี้เฉิงกลับเ็าเสียจนเธอไม่สามารถเข้าใกล้ได้ เธอได้ยินมาว่าซูอี้เฉิงมีน้องสาวที่เรียนอยู่โรงเรียนเดียวกับเธออยู่คนหนึ่ง จึงคิดจะอาศัยูเี่อันเพื่อจะได้มีโอกาสใกล้ชิดกับเขา ถึงตอนแรกเธอจะไม่พูดออกมา แต่เพราะเธอชอบถามเื่เกี่ยวกับซูอี้เฉิงอยู่บ่อยๆ ไม่นานูเี่อันจึงรู้สึกได้ถึงความจริงข้อนี้
ที่จริงูเี่อันควรจะตีตัวออกหาก แต่เพราะลั่วเสี่ยวซีเป็คนมองโลกในแง่ดีจนบางทีเรียกว่าซื่อบื้อ เธอดูแล้วลั่วเสี่ยวซีดีกว่าบรรดาสาวๆ ที่รายล้อมพี่ชายตัวเองในตอนนั้นอยู่เป็ไหนๆ ไปๆ มาๆ พวกเธอจึงกลายเป็เพื่อนสนิทกัน และมีหลายๆ ครั้งที่เธอคอยช่วยลั่วเสี่ยวซีจีบพี่ชายเธอ
แต่ซูอี้เฉิงก็ไม่เคยตอบรับเลยสักครั้ง จนูเี่อันคิดว่าไม่นานลั่วเสี่ยวซีก็คงจะยอมแพ้ แต่ที่ไหนได้ เธอยังคงแน่วแน่จนถึงปัจจุบัน
ผ่านไปกี่ปีแล้วนะ? ขนาดคนที่เก่งเลขอย่างเธอยังต้องใช้เวลานับดูอย่างละเอียด
“จะสิบปีแล้ว! นานกว่าเพลง ‘สิบปี’ ที่เฉินอี้ซวิ่นร้องเอาไว้เสียอีก” ลั่วเสี่ยวซีพูด “ฉันจะพยายามต่อไป ไม่มีวันที่ซูอี้เฉิงจะตกไปเป็ของผู้หญิงคนอื่น! เขาต้องเป็ของฉันเท่านั้น!”
ูเี่อันยิ้ม “ฉันก็ไม่อยากให้ผู้หญิงคนอื่นมาเป็พี่สะใภ้เหมือนกัน”
ใครกันที่บอกว่า หากเรามีความพยายามทำในสิ่งที่ชอบสักวันเื่นั้นจะสำเร็จ ถ้าอย่างนั้นคนรักอิสระอย่างลั่วเสี่ยวซีที่พยายามมาเป็สิบปี ก็คงได้รับผลตอบแทนเหมือนกันสินะ?