คนของทั้งห้าตระกูลยังไม่ได้ออกเดินทางแต่อย่างใด หลังจากที่กลับไปถึงยังค่ายที่พักของตนเองต่างก็เร่งตระเตรียมเสบียงอาหารและน้ำดื่มเป็จำนวนมาก ส่วนเสว่อู๋เหินกับกองกำลังของเขากลับนิ่งสงบหมกตัวอยู่แต่ในค่ายตลอดโดยไม่ยอมโผล่หน้าออกมา ราวกับว่าจะหยุดพักอยู่อย่างยาวนานไม่มีทีท่าที่จะเดินทางเข้าไปภายในป่ามายาพิศวงแต่อย่างใด
เย่ชิงหานและเย่ชิงอู่ถูกเฟิงจื่อเรียกมายังค่ายป่าไผ่ภายในค่ายที่พักของเขา โดยบอกว่ามีเื่สำคัญอยากจะปรึกษาหารือด้วย พอมาถึงก็เห็นฮวาเฉ่าและเยว่ชิงเฉิงอยู่ที่นี่ก่อนแล้ว เห็นทุกคนมองมายังเขาด้วยสีหน้ายิ้มกรุ้มกริ่มเย่ชิงหานนั่งลงอย่างแปลกใจ จากนั้นเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย “ทุกท่าน เรียกมาอย่างเร่งด่วนเช่นนี้ไม่ทราบว่ามีเื่สำคัญอันใด?”
“เื่ดี! เื่ใหญ่น่ายินดี!” เฟิงจื่อหัวเราะแหะๆ กล่าวออกมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
ลักษณะท่าทางของฮวาเฉ่าก็แสดงออกถึงความดีใจไม่ต่างกัน ดวงตาที่สวยงามของเขากะพริบปริบๆ พร้อมกับเอ่ยสำทับขึ้น “แน่นอนว่าเป็เื่น่ายินดี เื่นี้น่าสนุกแน่นอน!”
ดวงตาของเยว่ชิงเฉิงจ้องมองเย่ชิงหานอยู่ชั่วครู่จึงเอ่ยปากอธิบายขึ้น “เมื่อสักครู่พวกเราทั้งสามตระกูลเพิ่งจะตัดสินใจเกี่ยวกับบางเื่เสร็จสิ้น พวกเราแต่ละตระกูลจะคัดเลือกสุดยอดฝีมือระดับหัวกะทิที่ฝีมือดีที่สุดจำนวนห้าสิบคนเข้าร่วมกับกองกำลังของเ้า แน่นอนว่าคะแนนที่ได้จากการฆ่าศัตรูทั้งหมดยกให้เ้า!”
หืม? มีเื่ดีงามเช่นนี้ด้วยรึ?
เย่ชิงหานอึ้งไปชั่วครู่ ตระกูลเยว่ช่วยเหลือตนเองนั้นเขาพอจะเข้าใจเหตุผล แต่ความสัมพันธ์ของตนเองกับเฟิงจื่อและฮวาเฉ่ายังไม่ถึงขั้นที่ทั้งสองจะกระทำเพื่อตนได้ขนาดนี้แน่? เพราะต่างก็มีผลประโยชน์ของตระกูลตนเองค้ำคอไว้อยู่ ดังนั้น เขาจึงมองไปยังเฟิงจื่อและฮวาเฉ่าด้วยความงุนงงสงสัย เย่ชิงอู่เองก็มองไปยังทั้งสองด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่มรู้สึกแปลกใจในการกระทำของทั้งสองคน
“นายน้อยหาน ไม่ใช่ว่าข้าอยากจะตำหนิเ้าหรอกนะ! เ้า้าคะแนนเพื่อนำไปแลกยาิญญาเทวะทำไมไม่บอกพวกข้าั้แ่แรก? หากเ้าบอกก่อนข้าคงสั่งให้กองกำลังระดับหัวกะทิในตระกูลทั้งหมดมาช่วยเ้ากวาดล้างเกาะแห่งความมืดมิดนี้ให้ราบเป็หน้ากลองอย่างแน่นอน” เฟิงจื่อมองเย่ชิงหานด้วยสายตาตำหนิ เอามือตบอกพูดออกมาอย่างอาจหาญ
“แหะๆ ยอดฝีมือระดับหัวกะทิที่ฝีมือดีที่สุดของทั้งสี่ตระกูลมารวมกันจัดตั้งขึ้นเป็สุดยอดกองกำลังระดับหัวกะทิ ตระกูลฮวาของข้ารับหน้าที่สำรวจเส้นทางและลอบสังหาร ตระกูลเยว่รับหน้าที่โจมตีทางิญญา ตระกูลเฟิงรับหน้าที่เป็กองกำลังสนับสนุน ตระกูลเย่รับหน้าที่กองหน้าบุกทะลวงโจมตี สุดยอดกองกำลังระดับหัวกะทิที่แข็งแกร่งเช่นนี้ใครจะต้านทานไหว? เพียงพอที่จะตะลุยกวาดล้างไปได้ทั่วทั้งเกาะแห่งความมืดมิด” ฮวาเฉ่ายิ้มออกมาอย่างชั่วร้ายราวกับว่าได้เห็นภาพเหตุกาณ์ในจินตนาการนั้นเกิดขึ้นจริงๆ
อืม! คำพูดของฮวาเฉ่าทำให้ภายในใจของเย่ชิงหานรู้สึกเร่าร้อนขึ้นมาทันที ไม่ต้องสงสัยเลยว่า! หากทั้งสี่ตระกูลรวมกันได้อย่างที่กล่าวมาย่อมต้องเป็สุดยอดกองกำลังระดับหัวกะทิที่แข็งแกร่งอย่างน่ากลัวแน่นอน ความสามารถในการพรางตัวและลอบสังหารของตระกูลฮวา การโจมตีทางิญญาของตระกูลเยว่ที่สามารถทำให้ศัตรูตกอยู่ในห้วงของภาพลวงตา จากนั้นตระกูลเย่บุกทะลวงโจมตีเข้าไป ตระกูลเฟิงคอยบังคับกระบี่บินสนับสนุนอยู่ด้านหลัง กองกำลังที่แข็งแกร่งเช่นนี้ใครจะสามารถรับมือได้? ที่สำคัญที่สุดคือบุคคลทั้งหลายที่อยู่ที่นี่ล้วนเป็ดั่งสมบัติล้ำค่าของตระกูล ข้างกายย่อมต้องมียอดฝีมือระดับขอบเขตจ้าวนักรบไม่น้อยกว่าหนึ่งถึงสองคนติดตามอารักขา หากยอดฝีมือเหล่านี้มารวมตัวกัน ทั้งด้านความปลอดภัยและด้านประสิทธิภาพในการเข่นฆ่าสังหารย่อมต้องบรรลุถึงระดับที่เกินกว่าคำว่าแข็งแกร่งอย่างแน่นอน
เย่ชิงหานลุกขึ้นยืนพร้อมกับโค้งตัวลงคำนับครั้งหนึ่ง ใบหน้าเคร่งขรึมพร้อมกับพูดออกมาจากใจจริง “ในเมื่อทุกท่านมีไมตรีจิตและน้ำใจที่ลึกล้ำเช่นนี้ ชิงหานไม่มีสิ่งใดจะตอบแทน คำพูดเกรงใจต่างๆ คงไม่จำเป็อีกต่อไป ครั้งนี้ถือว่าตระกูลเย่ติดค้างน้ำใจของทุกท่านครั้งหนึ่ง และรวมถึงตัวข้าที่ติดค้างน้ำใจของทุกท่านด้วยเช่นกัน...”
“ฮ่าๆ อย่าได้เกรงใจขนาดนั้น ครั้งก่อนที่เกาะแห่งทะเลสาบแห่งความเงียบสงบพวกข้าติดค้างน้ำใจของเ้าเช่นกัน ตอนนี้พวกข้าแค่ทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้เพียงเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งภรรยาเ้ามอบสาวงามระดับพระกาฬแห่งทะเลสาบแห่งความเงียบสงบแก่พวกข้าทั้งสองคนแล้ว หากจะขอบคุณก็ขอบคุณภรรยาเ้าเถอะ แต่ถ้าเ้ายินดีที่จะติดค้างน้ำใจข้า ข้าก็ยินดีที่จะรับมันไว้ แหะๆ...” เฟิงจื่อเอามือลูบใบหน้าของตนเอง สายตาชำเลืองมองไปยังเยว่ชิงเฉิงด้วยความรู้สึกเกรงใจพร้อมกับพูดออกมา
ฮวาเฉ่าก็หัวเราะแหะๆ พูดสำทับขึ้น “เย่ชิงหานติดค้างน้ำใจนั้นถือเป็ของดีที่หายากโดยแท้ แหะๆ!”
เยว่ชิงเฉิงไม่ได้ใส่ใจแต่อย่างใด ดวงตาทอประกายแสงวูบวาบไปมาแต่ไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมา เพียงแต่รอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้านั้นเด่นชัดมากขึ้นยิ่งดว่าเดิม
เย่ชิงหานก็ไม่ได้พูดสิ่งใดอีก สายตามองไปยังเยว่ชิงเฉิงอย่างลึกซึ้งคราหนึ่งจากนั้นยิ้มราบเรียบออกมา ส่วนเย่ชิงอู่ที่อยู่ข้างๆ ทำท่าทางบุ้ยปากออกมาอย่างชัดเจน ั์ตามีประกายความรู้สึกแปลกประหลาดวาบผ่าน จากนั้นจึงกลับมาเป็ปกติก่อนจะยิ้มแล้วพูดขึ้น “ความปรารถนาดีของทุกท่านข้าจะรายงานให้ท่านหัวหน้าตระกูลทราบอย่างแน่นอน วันหน้าจะต้องตอบแทนให้เป็อย่างดี”
ยิ่งพูดเช่นนี้พวกเฟิงจื่อยิ่งรู้สึกเกรงใจมากยิ่งขึ้นไปอีก เอาแต่เกาหัวแล้วพูดขึ้น “แม่นางชิงอู่กล่าวหนักเกินไป เดิมทีพวกข้ามาเข้าร่วมงานประลองก็แค่เพื่อเล่นสนุกๆ และเก็บเกี่ยวประสบการณ์เพียงเท่านั้น และยิ่งตระกูลใหญ่ทั้งหลายร่วมเดินทางไปด้วยกันก็จะปลอดภัยมากยิ่งขึ้น”
ฮวาเฉ่าลุกขึ้นยืนพูดออกมาอย่างตื่นเต้นดีใจ “พวกเราไม่ควรจะชักช้า ทุกท่านกลับไปคัดเลือกคนออกมา ส่วนที่เหลือที่ไม่ได้ถูกคัดเลือกก็จัดให้เป็กองกำลังขนาดเล็กเหลือทิ้งไว้รักษาการณ์ที่ค่ายแห่งนี้ เพราะพวกที่ไม่ได้ออกเดินทางไปกับพวกเราอยู่ที่นี่ก็มีความเสี่ยงไม่ต่างจากพวกเราเช่นเดียวกัน จากนั้นนำสุดยอดฝีมือที่คัดเลือกออกมาเ่าั้มาฝึกซ้อมการร่วมมือสอดประสานให้เข้ากันสักหน่อย ตอนนี้ข้าแทบจะทนรอไม่ไหวที่จะเข้าไปเปิดฉากสังหารภายในป่ามายาพิศวงที่อยู่เบื้องหน้านี้เสียแล้ว!”
เฟิงจื่อและฮวาเฉ่าเดิมทีเพียงแค่จะมาฝึกฝนและเก็บเกี่ยวประสบการณ์เพียงเท่านั้น ส่วนเื่การฆ่าคนเพื่อเก็บคะแนนอะไรพวกนี้สำหรับพวกเขาไม่ได้สนใจแต่อย่างใด เนื่องจากฐานะอย่างพวกเขาเงินทองสาวงามล้วนไม่ขาดแคลน เมื่อเยว่ชิงเฉิงเสนอแิขึ้นมาทำให้ทั้งสองรู้สึกแปลกใหม่และน่าสนใจ ตระกูลใหญ่ทั้งสี่คัดเลือกยอดฝีมือระดับหัวกะทิที่แข็งแกร่งที่สุดออกมารวมกันเป็สุดยอดกองกำลังระดับหัวกะทิ ไม่เพียงความปลอดภัยของพวกตนเองจะได้รับการรับประกันมากยิ่งขึ้น พลังในการสู้รบยังแข็งแกร่งขึ้นเป็ประวัติการณ์อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน เพื่อเื่นี้แล้วเยว่ชิงเฉิงยังได้มอบสาวงามระดับพระกาฬจากทะเลสาบแห่งความเงียบสงบให้พวกตนทั้งสองคนอีกด้วย แถมตอนนี้เย่ชิงหานยังติดค้างน้ำใจของพวกตนเอง แน่นอนว่าพวกเขาย่อมต้องดีใจและยินดีเป็อย่างมาก
.................................
ค่ายที่พักของตระกูลเสว่ เสว่อู๋เหิน ใบหน้าปราศจากอารมณ์ใดๆ นั่งหลับตาอยู่ภายในที่พักของตนเอง ผู้เฒ่าสือและผู้เฒ่าม่อครั้งนี้ไม่ได้ติดตามมาด้วยแต่เปลี่ยนเป็ชายหนุ่มสองคนที่ยืนอารักขาอยู่ซ้ายขวา
“นายน้อยใหญ่ ท่านตัดสินใจจะไม่ร่วมเดินทางไปกับทั้งสี่ตระกูลใหญ่จริงๆ รึ?” ชายหนุ่มเสื้อขาวที่อยู่ด้านซ้ายเอ่ยถามขึ้นด้วยความห่วงกังวล สีหน้ามีความกลัดกลุ้มเล็กน้อย
ชายหนุ่มเสื้อเขียวที่อยู่ด้านขวาก็ขมวดคิ้วแล้วพูดสำทับขึ้น “ถูกต้อง ตระกูลทั้งห้ามีสายสัมพันธ์ราวกับพี่น้อง กระทำเช่นนี้จะดูเป็การละเมิดเจตนารมณ์ของท่านบรรพบุรุษไปหน่อย”
เส่วอู๋เหินได้ฟังคำกล่าวของชายหนุ่มทั้งสองมุมปากยิ้มขึ้นอย่างเย้ยหยันพร้อมกับกล่าวออกมา “เื่บางอย่างพูดไปพวกเ้าก็ไม่เข้าใจ ข้าจะบอกอะไรให้พวกเ้าฟัง ทวีปัเพลิงไม่ต่างอะไรกับบ่อน้ำบาดาล พวกเราล้วนเป็กบที่อยู่ภายในบ่อ แตกต่างกันเพียงแค่ใคระโได้สูงกว่าต่ำกว่าเพียงเท่านั้นเอง สิ่งที่ข้าต้องทำในตอนนี้มีเพียงอย่างเดียวคือพยายามะโออกไปให้พ้นจากบ่อน้ำบาดาลแห่งนี้ เื่อื่นๆ นอกเหนือจากนี้ล้วนไม่มีความสำคัญใดๆ พวกเ้าออกไปได้แล้วข้าจะฝึกยุทธ์! กองกำลังทั้งหมดให้อยู่พักภายในค่ายพักชั่วคราวแห่งนี้จนกว่าจะสิ้นสุดงานประลองาระหว่างเขตปกครอง”
เฮ้อ...!
ชายหนุ่มทั้งสองถอนหายใจส่ายหัวออกมาพร้อมกันแล้วเดินออกมา ทุกคนต่างรู้ดีว่าภายนอกทวีปัเพลิงยังมีสถานที่ที่กว้างใหญ่ไพศาลรอคอยอยู่ เพียงแต่หลายพันปีมานี้ยังไม่เคยมีใครที่สามารถะโออกไปได้แม้สักคนเดียว สำหรับท่าทีดื้อรั้นของนายน้อยเช่นนี้เป็ที่น่าแปลกใจว่าทางตระกูลกลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ไม่ต่อต้านและไม่สนับสนุนใดๆ คล้ายกับปล่อยให้ทำตามอำเภอใจไปอย่างนั้น พวกเขาเองก็อับจนด้วยปัญญาจึงปล่อยให้เสว่อู๋เหินทำตามใจของเขาไป
.................................
หลังจากผ่านการปรับเปลี่ยนปรับปรุงอยู่ตลอดทั้งบ่าย ในที่สุดสุดยอดกองกำลังระดับหัวกะทิที่รวบรวมเอาผู้มีพลังฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดจากทั้งสี่ตระกูลมารวมกันก็สำเร็จเป็รูปเป็ร่างขึ้นมา พลังฝีมือในการสู้รบแข็งแกร่งเป็ประวัติการณ์อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
สุดยอดกองกำลังระดับหัวกะทิขนาดเล็กนี้ประกอบไปด้วยคนของทั้งสี่ตระกูล ตระกูลละห้าสิบคน ภายในประกอบไปด้วยผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตจ้าวนักรบเจ็ดคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งอยู่ในระดับขั้นที่สองขอบเขตจ้าวนักรบถึงหกคน รองลงมาคือผู้ที่อยู่ในระดับขอบเขตนักรบถึงหนึ่งร้อยห้าสิบคน และสุดท้ายในระดับขั้นที่สามขอบเขตเยี่ยมยุทธ์อีกห้าสิบคน รวมพวกเย่ชิงหานเข้าด้วยอีกห้าคนเป็ทั้งหมดสองร้อยสิบสองคน ภายนอกพลังฝีมือของเย่ชิงหานต่ำที่สุดคือระดับขั้นแรกขอบเขตเยี่ยมยุทธ์
ตกตอนเย็นพวกเย่ชิงหานรวมตัวกันอีกครั้งเพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับรูปแบบการโจมตีและการป้องกันที่ต้องทำงานสอดประสานกัน จนกระทั่งดึกดื่นถึงค่อยกลับห้องใครห้องมันเพื่อพักผ่อน
วันที่สองฟ้าเพิ่งจะเริ่มสาง สุดยอดกองกำลังระดับหัวกะทิที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรเริ่มออกเดินทางอย่างเป็ระเบียบ เดินทางลงจากค่ายพักชั่วคราวข้ามธารน้ำแล้วมุดหายเข้าไปภายในป่ามายาพิศวง
หลังจากปรึกษาหารือและตกลงกันเป็ที่เรียบร้อย สุดยอดกองกำลังระดับหัวกะทิทั้งหมดเปลี่ยนเป็ชุดนักรบสีดำ เมื่อพบเจอกับศัตรูที่อยู่ภายในป่ามายาพิศวงทุกคนเพียงแค่ปิดหน้าไว้ก็เพียงพอ บนร่างกายทาด้วยน้ำหอมที่ทำขึ้นพิเศษของตระกูลเยว่เพื่อป้องกันศัตรูปลอมเป็พวกเดียวกัน ส่วนพวกเย่ชิงหานปักลายที่แตกต่างกันไว้บนหน้าอกเสื้อเพื่อง่ายต่อการแยกแยะ
“หน่วยฮวาอี แยกย้ายกันออกไปลาดตระเวนและเฝ้าสังเกตการณ์ระวังภัย!” เมื่อเริ่มเข้ามาภายในป่ามายาพิศวงฮวาเฉ่าก็เริ่มสั่งการในทันที สั่งคนของตระกูลฮวาจำนวนครึ่งหนึ่งแยกย้ายกันออกไปลาดตระเวนและเฝ้าสังเกตการณ์ระวังภัย คนยี่สิบคนแยกย้ายกันออกไปตามทิศทางต่างๆ แล้วมุดหายเข้าไปในป่าที่หนาทึบและรกรุงรัง จากนั้นไม่นานคนชุดดำคนหนึ่งนำข่าวสารกลับมารายงาน เสร็จแล้วก็หายกลับเข้าไปในป่าดังเดิม
กองกำลังเดินหน้าไปอย่างช้าๆ แม้จะเพิ่งเริ่มเข้ามาภายในป่ามายาพิศวงแต่ก็ไม่มีใครกล้าประมาท เพราะเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนล้วนปรากฏตัวได้ทุกเมื่อ หากยังไม่สามารถแน่ใจในภูมิประเทศด้านหน้าได้อย่างชัดเจนไม่มีใครรับประกันได้ว่าจะปลอดภัยอย่างแน่นอน
เย่สือซานกับผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตจ้าวนักรบอีกหกคนโอบล้อมพวกเย่ชิงหานไว้ตรงกลาง สายตาระแวดระวังภัยสอดส่องดูสภาพแวดล้อมโดยรอบทั้งสี่ทิศ การเข้าร่วมงานประลองาระหว่างเขตปกครองในครั้งนี้เป็ครั้งแรกของพวกเขาเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังมีภารกิจที่สำคัญในการปกป้องนายน้อยและคุณหนูของตระกูลตนเองด้วย สำหรับการเอาตัวรอดของพวกเขาที่นี้นั้นไม่มีปัญหา แต่ถ้าจะให้ปกป้องเ้านายของตระกูลตนเองโดยไม่ให้มีรอยขีดข่วนนั้นพวกเขายังไม่กล้ารับประกัน เพราะป่ามายาพิศวงแห่งนี้มีความแปลกประหลาดจนเกินไป...
เย่ชิงหานไม่ได้รู้สึกกังวลแม้แต่น้อย กลับรู้สึกผิดหวังและหงอยเหงามากกว่า ก่อนที่จะเข้าร่วมงานประลองเขายังจินตนาการถึงการต่อสู้ที่ดุเดือดเร่าร้อนที่จะได้พบเจอ คิดไม่ถึงว่าตอนนี้กลับกลายมาเป็แจกันดอกไม้ที่ถูกคนประคองอย่างระมัดระวังกลัวจะหล่นลงไปแตก ความรู้สึกเช่นนี้ไม่ค่อยน่าอภิรมณ์เท่าใดนัก แต่เขาไม่มีทางเลือก รู้สึกเบื่อๆ จึงทำการปล่อยพลังปราณรบออกจากฝ่าเท้าเริ่มฝึกฝนท่าเท้าเคลื่อนย้ายไร้รูปลักษณ์ขึ้น
“หน่วยฮวาอีส่งข่าวกลับมา ระยะทางยี่สิบกิโลเมตรข้างหน้าตรวจสอบเรียบร้อย พบค่ายกลเคลื่อนย้ายล่องหนขนาดเล็กเจ็ดแปดแห่งและได้ทำเครื่องหมายไว้เรียบร้อยแล้ว ไม่มีมารอสูรระดับสูงสามารถเดินทางรุดหน้าไปอย่างรวดเร็วได้” ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงหน่วยข่าวกรองของตระกูลฮวาก็ส่งข่าวกลับมา เส้นทางด้านหน้าถูกตรวจสอบและได้รับการยืนยันแล้วว่าปลอดภัยไม่มีอันตรายใดๆแอบแฝงอยู่
“อืม...ตรวจสอบต่อไป อีกสองชั่วโมงให้หลังค่อยเปลี่ยนเวรกับหน่วยฮวาเอ้อ” ฮวาเฉ่าพยักหน้าพอใจกับการทำงานคนของตนเอง โบกมือเป็สัญญาณบอกว่าได้รับรู้แล้ว
ทุกคนเริ่มเพิ่มระดับความเร็วในการรุดไปข้างหน้า ตามที่ปรึกษาหารือกันเมื่อคืนวาน เป้าหมายของพวกเขาในวันนี้คือเคลื่อนไปข้างหน้าให้ได้ห้าสิบกิโลเมตร จากนั้นเสาะหาสถานที่ที่มีค่ายกลเคลื่อนย้ายล่องหนซ่อนอยู่เป็จำนวนมากแล้วดักซุ่มรอในละแวกนั้น ซุ่มรอจัดการกับเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนที่ไม่ระวังถูกค่ายกลเคลื่อนย้ายล่องหนเคลื่อนย้ายมา จากนั้นศึกษารูปแบบการโจมตีและความสามารถพิเศษของพวกมันให้เข้าใจมากที่สุด เมื่อต่อไปพบเจอกับกองกำลังระดับหัวกะทิของทั้งสองเผ่าพันธุ์จะได้เตรียมการรับมือได้ถูกต้องทันท่วงที
กองกำลังเคลื่อนตัวไปอย่างเงียบๆ ไม่ได้ทำให้เหล่ายอดฝีมือชายหนุ่มทั้งหลายรู้สึกเบื่อหน่ายขาดรสชาติแต่อย่างใด แต่ตรงกันข้ามกลับรุดหน้าไปด้วยท่วงท่าองอาจห้าวหาญรวดเร็วดุจสายลม เพราะว่าภายในกองกำลังแห่งนี้มียอดฝีมือที่เป็สาวงามของตระกูลเยว่รวมอยู่ด้วย เหล่ายอดฝีมือชายหนุ่มบางครั้งก็เล่นหูเล่นตาไปมากับสาวงามของตระกูลเยว่ ชายหญิงร่วมด้วยช่วยกันทำการงานสิ่งใดล้วนไม่รู้สึกเบื่อหน่ายและเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า
“รายงาน ค่ายกลเคลื่อนย้ายด้านหน้าตรวจพบนักรบเผ่าปีศาจคนหนึ่งปรากฏตัวออกมา กลุ่มที่หนึ่งกำลังสะกดรอยอย่างลับๆ เป้าหมายยังไม่รู้ตัว!”
หลังจากครึ่งชั่วโมงผ่านไป หน่วยลาดตระเวนของตระกูลฮวาคนหนึ่งกลับมารายงาน ทุกคนที่ได้ฟังรู้สึกมีชีวิตชีวาและตื่นตัวขึ้นมาทันที เฟิงจื่อเอามือถูกันไปมาด้วยความตื่นเต้นราวกับมองเห็นของเล่นที่แปลกใหม่มหัศจรรย์ จากนั้นเขาโบกมือไปครั้งหนึ่งพร้อมกับพูดขึ้น “แล้วจะรออะไรอยู่เล่า ตามไปแล้วจัดการกับมันเสีย!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้