เมื่อปรากฏตัวอีกครั้ง สภาพแวดล้อมก็เปลี่ยนไปสิ้นเชิง
โหยวเสี่ยวโม่ขยี้ตาเสร็จจึงพบว่าตัวเองมาอยู่ในห้วงมิติของหลิงเซียวแล้ว ท้องฟ้าสีคราม บนเท้านั้นเป็ผืนหญ้าเขียวขจี ต้นหญ้าสูงถึงหัวเข่า พลังปราณในห้วงมิติหนาแน่นมาก เขารู้สึกได้ว่าอากาศที่หายใจเข้าออกล้วนเป็พลังปราณ หากนักฝึกตนได้ฝึกวิชาในนี้ ฝีมือคงก้าวะโแน่นอน
กำลังจะเอ่ยถามว่าเขาพามาที่นี่ทำไม ไกลออกไปโหยวเสี่ยวโม่ก็เห็นกลุ่มคนที่ยืนหดตัวอยู่
ในกลุ่มนั้นมีคนที่โหยวเสี่ยวโม่คุ้นหน้า ดีที่เวลาผ่านไปไม่นานนัก พอโหยวเสี่ยวโม่ลองนึกดูก็นึกออก
ภายนอกดูาุโสุด เคราดำแซมขาว ใบหน้าหวาดกลัวจ้องมองพวกเขา นั่นใช่ผู้ช่วยาุโที่ขายหญ้าเซียนในโรงคลังโอสถเมืองฮุยจี๋ใช่ไหม?
แต่ไม่น่าใช่ เขามีเหตุผลอะไรต้องคอยตามพวกเขา เขาจำได้ว่าเื้ัของโรงคลังโอสถคือเ้าเมืองฮุยจี๋ สามารถพัฒนาเมืองฮุยจี๋ให้เจริญรุ่งเรืองได้เพียงนี้ เ้าเมืองก็น่าจะเป็คนที่มีคุณธรรมสูงส่งสิ? แต่ความจริงเหมือนกำลังจะบอกเขาว่าไม่ใช่เช่นนั้น
เมื่อคิดเช่นนี้ โหยวเสี่ยวโม่สมองคิดเป็พัลวัน ไม่แน่ใจว่าใช่อย่างที่เขาคิดรึเปล่า
เมื่อคิดไม่ออกก็ได้แต่ส่งสายตาเว้าวอนหาคำตอบจากหลิงเซียว “ศิษย์พี่หลิง พวกเขามีเื่อะไรกันแน่?”
“ก็อย่างที่เ้าเห็น คนที่สูงส่งแค่ไหนเมื่อเห็นลาภก็เกิดความโลภ” หลิงเซียวจ้องไปทางผู้ช่วย หัวเราะมีความหมายแฝง อีกฝ่ายผวากับเสียงหัวเราะของเขา ใบหน้าตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด
“เราจะทำไงกันล่ะทีนี้?” เมื่อพูดถึงความโลภ เขาก็เข้าใจทันที
เื้ัของโรงคลังโอสถก็คือเ้าเมือง และเขาซื้อหญ้าเซียนมากมายจากโรงคลังโอสถ ทั้งยังประมูลซื้อไข่อ่อนสัตว์ปีศาจและประมูลขายน้ำปราณมากมาย ดังนั้นคนพวกนี้จึงเกิดความโลภ อยากฆ่าชิงทรัพย์ เมื่อคิดเช่นนี้ เขาตัวสั่นเทิ้ม คิดไม่ถึงว่าขายของแค่นี้ก็เกิดอันตรายเพียงนี้ เห็นทีอีกหน่อยจะขายของอะไรคงต้องมีหลิงเซียวอยู่ด้วย
“ศิษย์น้องเล็ก” จู่ๆ หลิงเซียวก็ยิ้มเ้าเล่ห์ “แปลงหญ้าเซียนเ้าขาดแคลนคนงานไม่ใช่หรือ? งั้น…ข้าจับพวกเขาทำหุ่นเชิดเป็ไง?”
“ไว้ชีวิตด้วยเถิด นายท่าน ข้า…ข้ายินดีช่วยพวกท่านทำทุกอย่าง ได้โปรดอย่าทำพวกข้าเป็หุ่นเชิดเลย” ท่าทางกลัวตายช่างน่าสมเพช
“เ้ายอมทำทุกอย่างจริงรึ?” หลิงเซียวเม้มปากมองต่ำ
“แน่นอน ขอแค่นายท่านพูดออกมา ข้าน้อย ฟู่ทัง แม้ต้องฝ่าดงไฟก็จะทำสำเร็จให้ได้” ผู้ช่วยโค้งหัวคำนับรัวๆ กังวลจากใจว่าหลิงเซียวจะจับเขาทำหุ่นเชิดจริง
เพราะหากเป็หุ่นเชิดจริง นั่นหมายถึงไม่มีชีวิต ไร้ความคิดและจิติญญา ทั้งชาติเป็ได้แค่เพียงผู้ทำตามคำสั่ง แต่ที่สำคัญที่สุดคือ ดวงิญญาจะหายไปทั้งในแดนมนุษย์และ์ มิอาจเกิดใหม่ได้ ทรมานกว่าความตายเสียอีก
คนที่เหลือเห็นหลิงเซียวท่าทีใจอ่อน รีบคลานมาอ้อนวอนด้วย แสดงความยินยอมภักดีต่อเขา
หลิงเซียวเผยสีหน้าลำบากใจ “แต่ข้า้าแค่คนเดียว พวกเ้ามีกันตั้งห้าคน งั้นต้องทำไงดี?”
คำพูดประโยคเดียวเล่นเอาทั้งห้าคนเปลี่ยนท่าทีทันใด สายตาจ้องมองกันและกันด้วยรังสีเหี้ยมโหด ไม่ว่าที่หลิงเซียวพูดจะจริงหรือไม่ แต่นี่ก็เป็หนทางรอดเดียว
หากว่าในห้าคนนั้นรอดได้เพียงคนเดียว พวกเขาต่างก็หวังว่าจะเป็ตัวเอง ความเห็นแก่ตัวเป็สันดานของพวกเขาแต่แรก ในยามที่ถูกขู่บังคับ ไม่มีใครยังให้ความสำคัญกับความภักดีและคุณธรรม
ผู้ช่วยโรงคลังโอสถมีอายุมาจนถึงปูนนี้ ย่อมตระหนักดีที่สุด สี่คนที่เขาพามาด้วยไม่มีทางยอมตายตามคำสั่งแน่ ดังนั้นเมื่อหลิงเซียวเอ่ยเพียงไม่ถึงสามวินาที ผู้ช่วยก็ลงมือทันที
เห็นเพียงกรงเล็บทั้งห้า ตะปบไปยังหน้าอกคนด้านข้างเขาอย่างเืเย็น ความโเี้นั้นราวกับจะคว้าหัวใจของชายคนนั้นออกมาให้ได้ หารู้ไม่ว่า ชายคนนั้นก็เตรียมป้องกันตัวไว้ก่อนแล้ว ก่อนที่มือผู้ช่วยจะถูกตัวเขาก็รีบถอยออกทันควัน
ชายชุดดำอีกสามคนรีบปลีกตัวออกห่างจากผู้ช่วยให้ไกลที่สุด เพราะพวกเขารู้ว่า ในห้าคนนี้ฝีมือผู้ช่วยแข็งแกร่งที่สุด หากไม่กำจัดเขาก่อน คงหนีไม่พ้นเป็พวกเขาสี่คนที่ต้องตาย
ผู้ช่วยก็เหมือนเดาทางพวกเขาออก สีหน้านิ่งขรึม ในใจก็ก่นด่าพวกกินบนเรือนขี้บนหลังคา แต่ก็ระวังตัวมากขึ้น เขาเองก็เดาได้แต่ทีแรกแล้ว
ชายชุดดำสี่คนมองหน้ากัน จากนั้นไม่ทันให้โอกาสผู้ช่วยได้หายใจ พลันพุ่งโจมตีส่วนต่างๆ อย่างโเี้
ยิ่งเป็เพราะพวกเขาคือลูกน้องของผู้ช่วย ดังนั้นจึงรู้จักตัวตนเขาดีว่าเ้าเล่ห์เพทุบาย ความอำมหิตยิ่งกว่าพวกเขาเสียอีก ขึ้นชื่อว่าเป็ที่ปรึกษาของท่านเ้าเมือง ไม่มีความสามารถเห็นทีจะเป็ไปไม่ได้ ดังนั้นคนทั้งสี่ไม่ให้โอกาสเขาพูดแม้แต่น้อย พร้อมปรี่หมายเอาชีวิตเขาทันที
แต่ผู้ช่วยก็ไม่ใช่พวกกินหญ้า การร่วมมือของสี่คนนั้นทำเขาตื่นตระหนกก็จริง แต่เพียงครู่เดียว ในเวลาอันรวดเร็วเขาก็รวบรวมสติ สมองแล่นอย่างไวคิดแผนรับมือ
เนื่องจากทั้งสองฝ่ายต่างรู้ฝีมือกัน การต่อสู้จึงยากที่จะตัดสินผลแพ้ชนะได้
โหยวเสี่ยวโม่ตะลึงงัน พริบตาเดียวทั้งห้าคนก็ต่อสู้กันขึ้น สายตาประหลาดใจมองไปยังหลิงเซียว พร้อมกลืนน้ำลาย “ศิษย์พี่หลิง ท่านจะจับพวกเขาทำหุ่นเชิดจริงหรือ?”
ในความจำเขา หุ่นเชิดก็คือสิ่งที่เดินเหินได้ปกติ เหมือนผีดิบ เมื่อคิดภาพผีดิบช่วยเขาปลูกหญ้าเซียน เขาก็รู้สึกขนลุกตั้งชัน นี่ช่างน่ากลัวเกินไปแล้ว เขายอมเหนื่อยคนเดียวดีกว่าปล่อยให้คนพวกนี้เข้าไปอยู่ในห้วงมิติของเขา เพราะสำหรับเขาแล้ว ห้วงมิติเปรียบเสมือนบ้าน เป็ทรัพย์สมบัติส่วนตัวของเขา เขาไม่ยอมให้คนพวกนี้เข้าไปแน่
“ไม่แน่นอน” หลิงเซียวเอ่ยเสียงเบา ใบหน้าเผยรอยยิ้มเย้ยหยัน
ได้ยินคำตอบที่ไม่ลังเลเช่นนี้ โหยวเสี่ยวโม่อึ้ง สักพักถึงได้สติกลับมา หรือแค่หลอกพวกเขา?
หลิงเซียวเอ่ยอย่างดูแคลน “ลำพังพลังแค่นี้ ยังกล้าคิดเป็หุ่นเชิดของข้า”
โหยวเสี่ยวโม่ “…”
ผ่านไปค่อนวัน ท่านาุโคือรังเกียจพลังพวกเขาต่ำเกินไปสินะ ช่างเลือกจริงๆ เขารู้สึกว่าหากพวกนี้รู้ความคิดหลิงเซียว เดาว่าคงอารมณ์ขึ้นตายแทนฆ่ากันตาย แต่ไม่ทำหุ่นเชิดก็ดีแล้ว
ขณะที่พวกเขาคุยกัน ด้านนั้นก็ใกล้รู้ผลแพ้ชนะแล้ว
แม้ผู้ช่วยจะพลังสูงกว่า แต่ทั้งสี่คนล้วนเป็ผู้ที่ผู้ช่วยคัดมาเองกับมือ เพราะนึกถึงพลังของหลิงเซียว ผู้ช่วยกลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นหรือถูกจับได้ ดังนั้นจึงเลือกคนที่พอมีฝีมือมา กลับกลายเป็ว่าขุดหลุมฝังตัวเองเสียได้
คนหนุ่มทั้งสี่ ประสบการณ์การต่อสู้ไม่ได้น้อยกว่าผู้ช่วยแต่อย่างใด อีกทั้งเป็คนจากหน่วยเดียวกัน เมื่อร่วมมือกันจึงลื่นไหล แม้จะาเ็ แต่ผู้ช่วยก็ถูกบีบจนไม่เหลือทางหนี
เมื่อเห็นว่าตัวเองกำลังจะตายด้วยมือสี่คนนี้ จู่ๆ ผู้ช่วยก็นึกบางอย่างขึ้นได้ ราวกับว่าเป็เส้นด้ายที่ช่วยตัวเองเอาตัวรอดได้ พลันะโให้หลิงเซียวเสียงดัง “นายท่าน ข้ามีความลับทั้งหมดของเ้าเมือง…อา…”
เมื่อเขาพูดขึ้น คนที่เหลือต่างรู้สึกว่าแย่แล้ว ชายชุดดำด้านหลังพลันฟาดมือไปยังศีรษะเขา ท่าทีหมายเอาชีวิตเขาในจังหวะนี้
แต่เขาไม่ได้โอกาสนั้น ฝ่ามือนั้นถูกหยุดห่างจากศีรษะผู้ช่วยเพียงไม่ถึงนิ้ว ชายชุดดำคนนั้นหน้าดำหน้าแดง ลงแรงมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว
เดิมทีผู้ช่วยที่น่าจะตายไปแล้ว คิดไม่ถึงว่าทิศทางลมเปลี่ยนแล้ว ทันใดนั้น หน้าแก่ก็เผยสีหน้าดีใจและเืเย็นในคราวเดียว จากนั้นส่งฝ่ามือเข้าร่างชายชุดดำ ร่างนั้นาเ็หนักทันใด กระอักเืถอยหลังไปหลายก้าว ท้ายสุดก็ล้มลงพื้นจนลุกไม่ขึ้นอีก
อีกสามคนรู้ตัวว่าหลิงเซียวแทรกมือเข้ามา พลันหยุดลงมือ ได้แต่มองผู้ช่วยรีบคลานหนีไปทางหลิงเซียว หน้าตาประจบสอพลอ
แม้หลิงเซียวจะไม่ได้ลงมือต่อหน้าพวกเขา แต่คนที่มีตาเห็นก็ต้องรู้ว่าพลังของหลิงเซียวต้องสูงกว่าพวกเขาแน่นอน และที่สำคัญที่สุด พวกเขาต่างรู้สึกขวัญผวาั้แ่ถูกจับเข้ามาห้วงมิตินี้แล้ว
“นายท่าน ข้าคือที่ปรึกษาของถังฮุย รู้ความลับชั่วช้าของเขามากมาย ท่านอยากรู้อะไรข้าบอกท่านได้หมด และเื่แมลงเจ็ดดาวซ่อนกลิ่นนั่นด้วย มันเป็สัตว์ปีศาจที่ถังฮุยเลี้ยงไว้…”
ผู้ช่วยคิดไม่ถึงว่าจะจี้ได้ถูกจุดในใจปลื้มปริ่ม พูดทุกอย่างออกมาแทบไม่ต้องคิด เพื่อให้ชายคนนี้ไว้ชีวิตเขา
เวลานี้ไม่ได้คิดถึงผลลัพธ์เื่การทรยศหักหลังถังฮุยแต่อย่างใด จากที่เขาดู ถังฮุยแม้จะร้ายกาจเพียงใดแต่ก็เป็แค่จอมยุทธ์ชั้นิญญา แต่คนตรงหน้านั้นมีพลังชั้นราชันของจริง ไม่เช่นนั้นจะมีห้วงมิติกว้างใหญ่เช่นนี้ได้อย่างไร?
“ในเมื่อถังฮุยเป็คนเลี้ยง งั้นเ้าคงรู้จักหญ้าเจ็ดดาวสินะ?” หลิงเซียวมองเขาแสยะยิ้ม น้ำเสียงไร้ความรู้สึก ไม่ได้มีท่าทีประหลาดใจกับสิ่งที่เขาบอกมาแต่อย่างใด
ผู้ช่วยอึ้งแล้วรีบดึงสติกลับมา พลางถูมือแล้วเอ่ย “ข้าน้อยรู้มาว่า เดิมทีถังฮุยมีหญ้าเจ็ดดาวหลายต้น แต่เขาใช้มันไปหมดเดือนก่อน แต่ข้ารู้ว่ามีอีกทีว่ามีหญ้าเจ็ดดาว เพื่อที่จะหาหญ้าเจ็ดดาว ถังฮุยคอยสืบข่าวคราวตลอดหนึ่งปีมานี้ จนครึ่งปีที่แล้วเขาก็สืบได้ความว่า หญ้าเจ็ดดาวอยู่ที่แดน์ที่จะเปิดในอีกสองเดือนกว่าที่จะถึงนี้”
“แค่นี้หรือ?” หลิงเซียวกระตุกคิ้ว
“ยังมีอีก เพื่อที่จะได้หญ้าเจ็ดดาวมาอย่างราบรื่น ไม่รู้ว่าถังฮุยไปหาแผนที่ขาดๆ มาจากที่ไหน เริ่มแรกข้าก็ไม่รู้ว่าแผนที่นั่นคืออะไรกันแน่ จนถังฮุยหลุดปากบอกออกมา ข้าน้อยจึงรู้ ว่าแท้จริงแล้ว แผนที่ขาดๆ นั่นก็คือแผนที่ของแดน์วิมาน”
ผู้ช่วยเอ่ยอย่างระมัดระวัง สายตาประกายเหลือบมองท่าทีหลิงเซียว
“เ้ามั่นใจได้อย่างไรว่าแผนที่นั่นเป็ของจริง?” หลิงเซียวเอ่ยถาม ใบหน้านิ่งเฉยไม่แสดงอารมณ์แม้แต่นิด
“ข้าน้อยไม่มั่นใจนัก แต่ถังฮุยเคยบอกกับข้าน้อยว่า เขารับประกันว่าแผนที่นั่นเป็ของจริง ข้าน้อยติดตามถังฮุยมานาน รู้ว่าเขาไม่มีทางพูดโกหกเื่สำคัญแบบนี้แน่” ผู้ช่วยยืนยัน
หลิงเซียวจ้องหน้าประหม่าของผู้ช่วยครู่หนึ่ง หัวเราะแล้วเอ่ย “ถังฮุยเป็คนแบบไหน แล้วปกติเขาปฏิบัติตัวกับพวกเ้าอย่างไร?”
ผู้ช่วยชะงักเพราะตามความคิดเขาไม่ทัน แต่ก็ตอบอย่างระวัง “ไม่ปิดบังท่าน ถังฮุยผู้นี้ไม่เพียงแต่เป็พวกเห็นแก่เงินทองทรัพย์สมบัติ ทั้งยังอำมหิต ลงมือเืเย็น อารมณ์นั้นแปรเปลี่ยนตลอดเวลา ข้าน้อยติดตามเขามาหลายสิบปี แต่ไม่เคยได้รับความเชื่อใจแม้แต่น้อย เขาเชื่อแค่ตัวเอง เมืองฮุยจี๋ดูผิวเผินจะสงบสุข แต่แท้จริงแล้วระบบภายในไม่มั่นคงแต่อย่างใด ถังฮุยอยากเพิ่มอำนาจตัวเอง จึงสั่งให้ลูกน้องไปหายาเซียนตันวิเศษมา เพราะเหตุนี้ มีพวกพ้องไม่น้อยที่ต้องตายไป ทำให้หลายคนมีความแค้นเคือง ดังนั้นก่อเกิดให้คนพวกนั้นไม่พอใจในตัวถังฮุย เพียงแต่พลังของถังฮุยนั้นเหนือกว่าทุกคน อีกทั้งเขายังมีกองกำลังที่ภักดีต่อเขา”
คำพูดนี้เผยความรู้สึกของผู้ช่วยออกมาด้วย เขาคงไม่เรียกชื่อถังฮุยเช่นนี้
โหยวเสี่ยวโม่ฟังคำสนทนาของพวกเขา ก็ยิ่งรู้สึกแปลกขึ้นเรื่อยๆ ราวกับกำลังฟังเื่ราวนายกดขี่บ่าว เมื่อคิดเช่นนี้ เขาก็เอ่ยกับพวกเขาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นอย่างปิดไม่อยู่ “แล้วพวกเ้าอยากเป็นักร้องทาสเปลี่ยนค่ายสังกัดรึเปล่าล่ะ?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้