“คนที่เ้าเลือกหรือ?” จั๋นอวี่นิ่งอึ้ง มองมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ด้วยสีหน้าพิกล จากนั้นดวงตาก็ฉายแววยิ้มแย้ม
เห็นจั๋นอวี่มองสีหน้าของตน จู่ๆ มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ก็นึกอะไรขึ้นได้ หน้าแดงก่ำไปหมดทันที เอ่ยเสียงโกรธๆ “ไม่ใช่อย่างนั้นนะ ความหมายของข้าคือ ข้าบอกว่าเขาเป็คนที่ข้าเลือกมาจากการคัดเลือกในเมืองอวิ๋นไห่ ท่านคิดไปถึงไหนน่ะ”
จั๋นอวี่มีสีหน้าแบบข้าเข้าใจดีน่า ทำให้มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์อยากร้องไห้แต่ไร้น้ำตา
ใจกลางสำนักใน มีหอคอยวิเศษเก้าชั้นตั้งตระหง่านสูงเสียดฟ้า สภาวะโอ่อ่า ที่นี่เป็หนึ่งในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในการฝึกวิชาของสำนักในแห่งสถานศึกษาชางหวง หอฝึกวิชาโชคชะตา!
สถานที่ซึ่งศิษย์สำนักในทุกคนอยากมาฝึกวิชา
ฝึกวิชาที่นี่เหนือกว่าฝึกวิชาข้างนอกหลายเท่า
เซียวเฉินก็ไม่ใช่ข้อยกเว้นในเื่นี้
เวลานี้ เซียวเฉินยืนอยู่นอกหอฝึกวิชาโชคชะตา เขามองหอวิเศษที่สูงเทียมเมฆแล้วอดถอนหายใจไม่ได้
“นี่หรือคือหอฝึกวิชาโชคชะตา...ไร้เทียมทานสมกับที่ได้ยินมา”
ว่าแล้วก็เดินเข้าไปในนั้นช้าๆ
เข้าสู่ชั้นที่หนึ่ง เห็นเก้าอี้นอนที่อยู่ด้านข้าง มีชายชราคนหนึ่งนอนอยู่ สวมเครื่องแบบสถานศึกษา ดูท่า ต้องเป็คนเฝ้าหอฝึกวิชาโชคชะตาแน่นอน
“ผู้าุโ ข้าอยากเข้าหอฝึกวิชา”
เซียวเฉินพูดกับชายชราที่นอนอยู่คนนั้นอย่างเคารพ
เขามองแล้วพลิกร่างโบกมือให้
“ไปเถอะ ไปเถอะ”
เซียวเฉินอึ้งงัน แค่นี้ก็เข้าไปได้แล้วหรือ?
ดังนั้น เขาจึงส่งเสียงถามอีกครั้ง “ผู้าุโ ผู้เยาว์เข้าไปได้โดยตรงหรือ?”
ชายชรากล่าวอย่างหงุดหงิดหน่อยๆ “อยากไปก็รีบไป ไม่ไปก็กลับไป อย่ามารบกวนเวลานอนของข้า” ว่าแล้วก็ส่งเสียงกรนคร่อกๆ แล้วหลับไป
เซียวเฉินอดหัวเราะไม่ได้ จากนั้นหันกายไปย่างเข้าสู่ชั้นที่หนึ่ง
เพิ่งเข้าสู่หอฝึกวิชา สีหน้าของเซียวเฉินก็แปรเปลี่ยนทันควัน
แรงกดดันอันหนักหน่วงขุมหนึ่งกดทับกระดูกทั้งหมดของเซียวเฉินจนลั่นกรอบแกรบ ร่างโค้งงอลง อ้าปากกว้างหอบหายใจ ระหว่างที่สูดหายใจไม่กี่ครั้ง เขาก็เหงื่อออกจนชุ่มเสื้อ
“เป็แรงกดดันที่แกร่งกร้าวนัก” เซียวเฉินส่งเสียงอย่างยากลำบาก อยู่ที่นี่ แม้แต่พลังเสวียนก็โคจรช้าลงอย่างน่าประหลาด พลังใดๆ ก็เผชิญกับการกำราบ
เซียวเฉินมองดูโดยรอบ ชั้นนี้มีห้องว่างมากมาย และมีคนเช่นตนเองอยู่เยอะแยะ เขาอดยิ้มไม่ได้
ไม่เสียทีที่เป็หนึ่งในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของการฝึกวิชาแห่งสถานศึกษาชางหวง สมฉายานามจริงๆ ว่าแล้ว เซียวเฉินก็ก้าวช้าๆ เดินไปทางห้องที่ใกล้ที่สุด
หนึ่งก้าวหนึ่งรอยเท้า เห็นได้ถึงระดับความยากลำบาก
เดิมทีเซียวเฉินนึกว่าตนเองเหมาะกับแรงกดดันของที่นี่ แต่เขาคิดผิด หลังจากเขาเข้าห้องฝึกวิชา แรงกดดันในนั้นเหนือกว่าภายนอกลิบลับ แรงกดดันแข็งแกร่งยิ่งกว่า!
พรวด!
เซียวเฉินรู้สึกทรวงอกร้อนผ่าว จึงกระอักโลหิตสดออกมาคำหนึ่งแบบกลั้นไม่อยู่
หน้าตาแดงก่ำไปหมด
หากรับแรงกดดันนี้ต่อไป เซียวเฉินรู้สึกว่าตนเองต้องถูกกดจนกลายเป็เนื้อเละๆ ภายใต้แรงกดดันนี้
“ซู้ด...”
เซียวเฉินสูดลมหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่ง เขาพยายามปรับให้ร่างกายเข้ากับแรงกดดันของที่นี่ จากนั้นโคจรคัมภีร์หงสาานิรวาณในร่างและเริ่มฝึกวิชา
สามวันต่อมา เซียวเฉินค่อยๆ ปรับตัวเข้ากับแรงกดดันของที่นี่ได้ แต่ยังเดินเหินลำบากดังเดิม เทียบกับสภาพตอนที่เขาเพิ่งเข้ามา เห็นได้ชัดว่าสบายขึ้นไม่น้อย
วิ้งวิ้ง!
ห้าวันต่อมา เซียวเฉินบรรลุขั้นตานฟ้าสองชั้นฟ้าที่ชั้นหนึ่งของหอฝึกวิชาโชคชะตา พลังเสวียนอันไพศาลห่อหุ้มเขาไว้ หล่อเลี้ยงร่างกายของเขาอย่างต่อเนื่อง
“ฝึกวิชาที่นี่เร็วกว่าจริงๆ ด้วย มิน่าเล่าคนของสำนักนอกจึงอยากเข้าสำนักใน ส่วนคนของสำนักในต่างอยากเข้าหอฝึกวิชาโชคชะตา” เซียวเฉินหัวเราะ
รู้สึกว่าร่างกายของตนเองกำลังฟื้นฟูช้าๆ เซียวเฉินอดครุ่นคิดเหลวไหลไม่ได้
“หอฝึกวิชามีทั้งหมดเก้าชั้น แค่ชั้นแรกก็แทบทนไม่ไหว แล้วชั้นที่เก้าจะน่ากลัวเพียงไร คงกดทับให้คนะเิตายทั้งเป็!”
ขณะที่เซียวเฉินกำลังเหม่อลอย ทันใดนั้น ประตูห้องฝึกวิชาก็ถูกแรงมหาศาลกระแทกเปิด เซียวเฉินเงยหน้าขึ้นมองไป เห็นสาวน้อยวัยกำดัดมองตนเองอย่างโมโหโทโส
“เ้าออกไปเลยนะ”
จี๋เสวี่ยมองเซียวเฉินพลางเอ่ยอย่างเดือดดาล
เดิมทีเซียวเฉินยังมีความรู้สึกดีๆ ต่อจี๋เสวี่ยอยู่บ้าง ถึงอย่างไรก็เป็สาวงาม แต่ขณะนี้ ความรู้สึกดีๆ หายไปจนหมด
คนที่สามารถเข้ามาที่นี่ได้ต้องเป็ผู้ฝึกยุทธ เช่นนั้นเป็ไปไม่ได้ที่นางจะไม่รู้ว่าหากผู้ฝึกวิชาถูกรบกวนจะทำให้าเ็สาหัส
ดังนั้น สีหน้าของเซียวเฉินจึงไม่ค่อยน่ามอง
“เ้าเข้าใจหรือไม่ว่าสิ่งใดเรียกมารยาท เ้าจะทำให้ผู้ฝึกวิชาาเ็สาหัสนะ รู้หรือไม่?” เซียวเฉินเอ่ยด้วยสีหน้าเ็า
โชคดีที่เขาไม่ได้ฝึกวิชา ไม่เช่นนั้นอาจจะเืลมย้อนกลับ เกิดอาการาเ็แน่นอน
“เ้าออกไป ก็ใช้ได้แล้ว”
จี๋เสวี่ยบอกกับเซียวเฉินอย่างมีเหตุผลเต็มที่ เื่นี้ทำให้ดวงตาของเซียวเฉินเปล่งประกายเย็นเยียบ
“มีสิทธิ์อะไร”
จี๋เสวี่ยเอ่ย “เพราะห้องฝึกวิชานี้เป็ของข้า”
ประโยคนี้ทำให้เซียวเฉินขมวดคิ้ว เขามองจี๋เสวี่ยแล้วเอ่ยถาม “นี่คือหอฝึกวิชาของสถานศึกษาชางหวง เหตุใดจึงกลายเป็ของเ้าได้ เ้าวางอำนาจเกินไปกระมัง”
จี๋เสวี่ยมองเซียวเฉินที่ไม่มีเจตนาจะขยับเขยื้อน อดมีโทสะยิ่งกว่าเดิมไม่ได้
“ข้าฝึกวิชาที่นี่มาตลอด แต่ก่อนหน้านี้ออกไปทำธุระ ตอนนี้ข้ากลับมาแล้ว ย่อมต้องกลับมาที่นี่ เ้ารีบออกไปเลยนะ ไม่เช่นนั้นอย่าโทษว่าข้าไม่เกรงใจ”
เซียวเฉินยังไม่ขยับเหมือนเดิม
เขามองจี๋เสวี่ย และเอ่ยว่า “ในเมื่อเ้าจากไป จึงเป็เื่ธรรมดาที่จะมีคนเข้ามา หากเ้าไม่มีสถานที่ฝึกวิชา ข้าแบ่งให้ครึ่งหนึ่งได้ แต่หากยังมีสถานที่ฝึกวิชาอื่น เช่นนั้นเชิญเ้าออกไปเสีย อย่ามารบกวนเวลาฝึกวิชาของข้า”
ว่าแล้ว เซียวเฉินก็ฝึกวิชาต่อโดยไม่สนใจจี๋เสวี่ยอีก
เขาไม่มีเวลามาพัวพันกับนาง
เขามาที่นี่เพื่อฝึกวิชา ไม่ใช่มาปะทะคารม
การทะเลาะกันของทั้งสองคนทำให้คนจำนวนไม่น้อยใ
“นั่นใครน่ะ กล้าแย่งพื้นที่ของจี๋เสวี่ย เขาไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วสินะ”
“นั่นสิ จี๋เสวี่ยเป็อันดับที่ยี่สิบหกบนผังชางหวง มีความสามารถขั้นตานฟ้า เ้าหนูนั่นกินดีหมีหัวใจเสือมาสินะ”
“ข้าเดาว่า อีกสักครู่เขาคงถูกจี๋เสวี่ยโยนออกมา”
“ข้าก็ว่างั้น ฮ่าฮ่าฮ่า”
จี๋เสวี่ยถูกคนเชิดชูจนเคยชิน เคยมีใครกล้าเถียงกับนางบ้าง ส่วนคนตรงหน้ามิเพียงไม่ฟังตนเองอย่างเดียว กลับขัดแย้งกับตนเองอย่างคาดไม่ถึงด้วย เื่นี้ทำให้สีหน้าของจี๋เสวี่ยเยียบเย็น
ป้าบ!
จู่ๆ ก็มีแส้หนังสีแดงชาดเพิ่มมาในมือ
สีหน้าของเซียวเฉินแปรเปลี่ยนโดยสมบูรณ์
“ข้าไม่สนว่าเ้าเป็ใคร อย่ามารบกวนเวลาฝึกวิชาของข้า ไสหัวไป!” หากบอกว่าก่อนหน้านี้เซียวเฉินยังอดกลั้นได้ เวลานี้เขามีโทสะเต็มที่ เดิมทีเขาไม่ชอบรังแกผู้หญิง แต่กับคนเช่นนี้ เขาก็ไม่รังเกียจที่จะแหกกฎ
“เ้าไม่ไป ข้าก็จะตีจนเ้าไป!” จี๋เสวี่ยเอ่ยอย่างเดือดดาล แส้หนังในมือสะบัดพกพาเสียงลมตรงเข้าใส่เซียวเฉิน เซียวเฉินดูออกว่า แส้หนังนี้ต้องมิใช่ของธรรมดา หากโดนตัว เกรงว่าด้วยความสามารถของตนเองคงรับไม่ไหว
ดังนั้น จึงไถลเท้า ไหวร่างหลบ จากนั้นสายตาแฝงแววตักเตือน
“ข้ายอมให้ครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ใช่เพราะข้ากลัวเ้า แต่เพราะข้าไม่คิดจะทุบตีผู้หญิง หากเ้ายังบีบคั้นข้าอีก เ้าจะเป็สตรีคนแรกที่ข้าทุบตี”
จี่เสวี่ยสีหน้าแปรเปลี่ยน
นางคือผู้เข้มแข็งบนผังชางหวง ไฉนจะเกรงกลัวการข่มขู่ของเซียวเฉิน
นางเอ่ยยิ้มๆ “ข้าอยากรู้นักว่าเ้าจะทุบตีข้าได้อย่างไร” ว่าแล้ว แส้หนังก็แฝงพลังเสวียน โจมตีมาทางเซียวเฉินราวกับสะเก็ดไฟ ยังไม่ทันประชิดตัว กลางอากาศก็มีเสียงดังเปรี๊ยะๆ
“ข้าจะให้เ้าได้ลิ้มรสชาติความร้ายกาจของแส้ัชาด!”
พลังเสวียนในมือของเซียวเฉินเรืองโรจน์ เขาไม่ใช่คนบ้าอำนาจ แต่เมื่อมีคนยั่วยุ เขาก็จะไม่นั่งรอความตาย พลังเสวียนห่อหุ้มฝ่ามือเร่งเร้าหงสาานิรวาณ เขาใช้มือคว้าแส้หนังที่ลอยมาไว้และออกแรงกระชาก จี๋เสวี่ยทรงกายไม่อยู่ ถลามาทันที
เซียวเฉินใช้มือโอบเอว ดึงนางเข้าสู่อ้อมอก!
“วันนี้ ข้าจะสั่งสอนเ้าสักหน่อย!”