นายตำรวจเซี่ยผู้ที่เพิ่งกลับมาจากอเมริกานั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความยุติธรรมและความรู้ แม้แต่กล้ามท้องก็ยังเพิ่มขึ้นมาอีกสองก้อนเช่นกัน เรียกได้ว่าทั้งร่างกายและจิตใจนี้พร้อมรบ ไม่ว่าจะเป็คนดีหรือคนร้าย ไม่ว่าจะเป็ใครในโลกนี้ หากใครกล้าแตะต้องเขาแม้เพียงนิดเดียว เขาจะกัดไม่ปล่อยและถอนขนจนเกลี้ยง
ชย่าลิ่วอีไม่อยากจะเชื่อเลยว่ายังมีนายตำรวจที่ ‘ใสซื่อ’ ขนาดนี้อยู่ในฮ่องกง เขากับชุยตงตงคิดแล้วคิดอีกก็ยังคิดวิธีและหาช่องโหว่เพื่อจัดการกับคนที่แข็งแกร่งขนาดนี้ไม่ได้เลย— ติดสินบนก็ไม่ได้ ฆ่าก็ไม่ได้ แม้แต่แผนการร้ายธรรมดาก็ยังใช้ไม่ได้ผลกับเขา
โชคดีที่แม้หมอนี่จะเก่งกาจแค่ไหนก็เป็เพียงสารวัตราุโตัวเล็กๆ เท่านั้น ด้วยยังมีเหล่า ‘สารวัตร’ ที่คอยดูแลและเอาใจใส่พวกมาเฟียอยู่มากมาย การเดินในเส้นทางแห่งความยุติธรรมของเซี่ยเจียหัวจึงเป็ไปอย่างยากลำบาก เขาจึงยังไม่สามารถทำอะไรชย่าลิ่วอีได้ชั่วคราว
สายตาของเซี่ยเจียหัวไม่ได้หยุดอยู่ที่ชย่าลิ่วอีนานนัก เป้าหมายแรกที่ถูกกำจัดคือหัวหน้าใหญ่ซาผู้ซึ่งไร้การป้องกันและมีองค์กรที่ไม่เข้มแข็ง แก๊งซาภายใต้การนำของเขามีต้นกำเนิดจากเมืองกำแพงเจียวหลงเช่นเดียวกันกับแก๊งเซียวฉี พวกเขามีสายการผลิตและค้าขายยาเสพติดหลายสาย เซี่ยเจียหัววางแผนอย่างรอบคอบเป็เวลาหลายเดือน ก่อนจะบุกเข้าจับกุมหัวหน้าใหญ่ซากับพ่อค้ายาชาวเมียนมาระหว่างการซื้อขายยาเสพติดของพวกเขา พ่อค้ายาชาวเมียนมาถูกยิงเสียชีวิตระหว่างการต่อสู้ ส่วนหัวหน้าใหญ่ซาถูกเซี่ยเจียหัวยิงขาทั้งที่เพิ่งวิ่งหนีไปได้ไม่ถึงห้าร้อยเมตรและถูกจับกุมด้วยมือของเขาเอง
หลังจากหัวหน้าใหญ่ซาถูกจับ แก๊งซาก็ตกต่ำลงอย่างรวดเร็ว เฝยชีเห็นว่าอดีตพันธมิตรรายนี้หมดหนทางที่จะกอบกู้ จึงฉวยโอกาสเข้ายึดครองดินแดนทั้งหมดของแก๊งซา แถมยังรับภรรยาน้อยที่สวยราวกับดอกไม้ของเขาไปเป็ของตัวเองอีกด้วย เมื่อหัวหน้าใหญ่ซาที่อยู่ในคุกได้ยินเื่นี้ก็โกรธจนแทบกัดฟัน เขาจึงอาสาเป็พยานให้การซัดทอดเฝยชี เปิดโปงเื่ไม่ชอบมาพากลหลายเื่ แม้ว่าจะไม่สามารถสั่นคลอนรากฐานของเฝยชีได้แต่ก็ทำให้เฝยชีต้องระมัดระวังตัวอยู่พักใหญ่
ส่วนชย่าลิ่วอีนั้นเฝ้ามองเหตุการณ์อยู่ห่างๆ แม้เื่นี้จะไม่เกี่ยวข้องกับเขาโดยตรง แต่เขาก็ยังคงได้กลิ่นอันตรายที่ลอยมาตามลม เขาจึงสั่งให้ลูกน้องทุกคนเตรียมพร้อม ระมัดระวังคำพูดและการกระทำ รวมถึงสั่งว่าอย่าไปหาเื่ใส่ตัวกับท่านเซี่ยโดยไม่จำเป็
ใน่เวลาที่วุ่นวายเช่นนี้ พริบตาเดียวก็ถึงเดือนมิถุนายน ฤดูกาลที่เหยี่ยวออกบินและหญ้างอกงามอุดมสมบูรณ์ ลมทะเลพัดพาความอบอุ่นเข้ามาหา เทศกาลแห่งความสนุกสนานของเหล่าผู้บริหารแก๊งเซียวฉี—— วันเกิดของหัวหน้าใหญ่ชย่า—— ก็มาถึงอีกครั้ง
ทุกคนยังคงมารวมตัวกันที่ไนต์คลับเดียวกันกับที่มาเมื่อปีที่แล้ว เหล่าลูกน้องต่างดื่มกินกันอย่างสนุกสนานอยู่ในดงสุราและอาหารอันโอชะกันตลอดทั้งคืน ทุกคนดื่มกันเมามายจนแทบหาทางออกไม่เจอ
ชย่าลิ่วอีตามชุยตงตงไปเข้าห้องน้ำก่อนเวลางานเลี้ยงเลิกราโดยอ้างว่าปวดท้อง พร้อมกับพาลูกน้องคนสนิทที่เป็เฉ่าเสียไปด้วย ทั้งสามคนขึ้นไปยังห้องทำงานบนชั้นสอง เมื่อสร่างเมาพวกเขาก็วางแผนเื่สำคัญ จากนั้นชย่าลิ่วอีก็ไล่เฉ่าเสียออกไปจากห้องทันทีที่เสร็จธุระ แล้วคุยกับชุยตงตงเป็การส่วนตัวต่ออีกเล็กน้อย
“ฉันมองไม่เห็นข้อผิดพลาดของไอ้หัวบากเลย แต่เขาก็เป็คนที่ผู้เฒ่าเก๋อแนะนำมา ฉันไม่ค่อยเห็นด้วยที่นายจะให้ความสำคัญกับเขา” ชุยตงตงส่ายหัว
“ถ้าสงสัยก็อย่าใช้ ถ้าใช้ก็อย่าสงสัย” ชย่าลิ่วอีพูด “่ครึ่งปีที่ผ่านมาเขาก็ทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่นะ”
ชุยตงตงยักไหล่ “นายเป็หัวหน้า ตัดสินใจเองก็แล้วกัน ยังไง่นี้สถานการณ์ก็ยังตึงเครียดอยู่ ลุงหยวนเป็ห่วงมาก เขาแอบกำชับฉันด้วยว่าให้เตือนนายให้ระมัดระวัง อย่าทำตัวเด่นเกินไป และอย่าไปหาเื่ตำรวจอีก”
ชย่าลิ่วอีสบถ “ฉันทำตัวเด่นตรงไหน? แม่ง! ทำตัวสงบเสงี่ยมเจียมตัวขนาดนี้ยังไม่พออีกหรือ?”
“พวกผู้าุโอยากให้เราระมัดระวังตัวมากหน่อย” ชุยตงตงพูด “เขาไม่ค่อยพอใจที่นายกับเฝยชีมีเื่กันใหญ่โตจนทำให้สารวัตรลำบากใจ ตอนนี้หน่วย OCTB ก็กำลังจับตามองเราอยู่ แล้วนายยังจะทำธุรกิจใหญ่โตอีก เขาเป็ห่วงว่ากิจการของแก๊งเซียวฉีจะพังทลายลงตอนอยู่ในมือนาย”
“เขาจะไปรู้เื่อะไร!” ชย่าลิ่วอีสบถ “แก่จนกระดูกจะเปื่อยอยู่แล้ว ฉันไม่อยากเถียงกับเขาหรอก! เอาเงินสามแสนใส่ซองแดงให้เขาไป แล้วให้เขาไปใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างสงบเถอะ!”
“ต่อให้นายจะใจกว้างกับเขาแค่ไหน เขาก็อาจจะไม่เข้าใจความหวังดีของนายหรอก”
“หืม?”
ชุยตงตงหยุดไปครู่หนึ่ง “พวกผู้าุโแค่อยากให้แก๊งแข็งแกร่งและอยู่รอด ใครจะเป็หัวหน้าไม่สำคัญหรอก ตอนนั้นที่เขาสนับสนุนนายแทนที่จะเป็สวี่อิง ฉันคิดว่าเพราะเขามองว่านายยังเด็ก ควบคุมง่าย แต่ถ้าวันหนึ่งนายไม่เชื่อฟังเขาขึ้นมา...”
ชย่าลิ่วอีขมวดคิ้ว ก่อนจะพูดต่อด้วยรอยยิ้มเ็า “ถ้าวันหนึ่งฉันไม่เชื่อฟัง เขาคิดจะเปลี่ยนตัวฉันอย่างนั้นหรือ?—— เขาก็ต้องดูด้วยว่าตัวเองมีความสามารถพอหรือเปล่า”
ชุยตงตงดีดซิการ์เบาๆ เธอไม่ได้พูดอะไร ทว่ากลับคิ้วขมวดแสดงสีหน้าลังเลให้เห็นเล็กน้อย
“ว่าไง? เธอก็คิดว่าฉันทำไม่ถูกต้องเหมือนกันหรือ?”
ชุยตงตงส่ายหัว “นอกจากชิงหลงแล้ว ฉันก็ยอมรับนายเป็หัวหน้าเพียงคนเดียว นายมีวิสัยทัศน์ ไม่ว่าจะทำอะไรก็มีเหตุผลของตัวเองอยู่เสมอ แถมนายยังเป็พี่น้องของฉันด้วย ทั้งเหตุผลและความรู้สึก ไม่ว่านายจะทำอะไร ฉันก็จะสนับสนุนนาย แต่มีเื่หนึ่งที่เขาพูดถูก ตำรวจกำลังจับตามองนายอยู่ ฉันเป็ห่วงความปลอดภัยของนาย”
ชย่าลิ่วอีเกาหัวด้วยความหงุดหงิด “โอเค รู้แล้ว ฉันจะระวังตัว”
เขากดโทรศัพท์บนโต๊ะ “เอาบะหมี่เกี๊ยวน้ำสองชามมาให้หน่อย”
ไม่นานก็มีคนมาเสิร์ฟบะหมี่เกี๊ยวน้ำ เป็อาหย่ง บอดี้การ์ดของเขาที่โผล่ศีรษะเข้ามาอย่างระมัดระวัง “หัวหน้าครับ”
“มีอะไร?”
“เมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนมีคนนำของขวัญมาให้พี่ครับ แต่พี่สั่งไว้ว่าไม่ให้รบกวน ผมเลยวางไว้หน้าห้องก่อน”
“เอาเข้ามา”
อาหย่งถือกล่องของขวัญขนาดใหญ่ที่ห่ออย่างหลวมๆ เข้ามา เห็นได้ชัดว่ามันถูกแกะเพื่อตรวจสอบก่อนหน้านี้แล้ว
อาหย่งวางกล่องลงบนโต๊ะแล้วเดินออกไป ชย่าลิ่วอีมองกล่องที่ห่ออย่างไม่ประณีตด้วยความสงสัย ริบบิ้นที่ผูกไว้อย่างสวยงามบนฝากล่องถูกคนที่ตรวจสอบดึงจนกระจัดกระจายไม่เป็ทรง เมื่อเขาเปิดกล่องออกดูก็พบว่าข้างในเป็เค้กผลไม้
บนเค้กมีรอยมีดแทงหลายแห่งและมีร่องรอยว่าถูกคนตัดออกไปชิมเล็กน้อยด้วย—— น่าจะเพราะกังวลว่าอาจมีะเิหรือยาพิษซ่อนอยู่ข้างใน ผลไม้บนเค้กถูกกดจนเบี้ยวเสียรูป ทำให้เค้กดูไม่สวยงามเท่าที่ควร
ชย่าลิ่วอีหยิบการ์ดอวยพรที่ติดอยู่บนกล่องของขวัญขึ้นมาเปิดดู ข้างในมีตัวอักษรสี่ตัวที่ถูกเขียนอย่างเป็ระเบียบว่า ‘สุขสันต์วันเกิดลิ่วอี’ และ้าก็ยังคงมีรูปเค้กวันเกิดที่ถูกวาดขึ้นอย่างง่ายๆ เหมือนเช่นเคย
—— ผมอยากซื้อเค้กวันเกิดที่ก้อนใหญ่ขนาดนี้ให้พี่ แต่ว่าผมไม่มีเงินพอ ตอนนี้เลยส่งเค้กที่ทำจากกระดาษไปให้ก่อนนะ รอปีหน้าพอผมทำงานแล้วจะซื้อเค้กชิ้นใหญ่ให้พี่เป็การชดเชย
“ใครส่งมา?” ชุยตงตงโน้มตัวเข้ามาใกล้เพื่อดูการ์ดอวยพร แต่ชย่าลิ่วอีกลับรีบเก็บมัน เขากำการ์ดใบนั้นไว้แน่น
ชย่าลิ่วอีไม่ทันได้ตอบหรือแม้แต่จะใส่ใจว่าชุยตงตงพูดอะไร เขาลุกขึ้นยืนอย่างกะทันหันโดยที่แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่รู้ตัว! แล้วก้าวเท้าวิ่งออกไป!
……
ชย่าลิ่วอีผลักคนเมาที่ขวางทางเดินออกอย่างรีบร้อน ใบหน้าของเขายังคงสงบนิ่ง แต่ฝีเท้ากลับก้าวเร็วขึ้นเรื่อยๆ ไม่กี่นาทีต่อมาเขาก็มาหยุดอยู่หน้าประตูใหญ่ของไนต์คลับ ด้านหลังของเขาคือแสงสีเสียงและผู้คนที่กำลังสนุกสนานกับงานเลี้ยง ขณะที่ด้านหน้ากลับมีผู้คนบางตาท่ามกลางแสงไฟสลัว
เมื่อไม่เห็นเหอชูซาน เขาจึงคว้าคอพนักงานรักษาความปลอดภัยแล้วถามว่า “คนที่เอาของขวัญมาให้เมื่อกี้นี้อยู่ไหน?”
“ฮะ? หะ หัว... หัวหน้าใหญ่!”
“คนที่เอาของขวัญกล่องใหญ่มาให้หัวหน้าใหญ่เมื่อกี้นี้น่ะ นายไม่ใช่คนที่รับกล่องไว้ให้หรือ?!” อาหย่งที่วิ่งตามมาะโด่า
“อ้อ เขา” พนักงานรักษาความปลอดภัยตอบอย่างร้อนรน “เขาเอาของมาให้แล้วก็รีบร้อนกลับไปเลย!”
ชย่าลิ่วอีผลักเขาออกไปแล้วเกาหัวด้วยความหงุดหงิด เขายืนอยู่ที่เดิม หยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบหนึ่งมวน แล้วพูดกับอาหย่ง “โทรศัพท์”
อาหย่งยื่นโทรศัพท์มือถือขนาดใหญ่เท่าก้อนอิฐให้ ชย่าลิ่วอีคาบบุหรี่ เขาขมวดคิ้วขณะกดหมายเลขโทรศัพท์หนึ่งชุด
หลังจากรอคอยอย่างยาวนาน ในที่สุดปลายสายก็รับโทรศัพท์
“พี่ลิ่วอี” ไอ้เด็กเ้าปัญหาที่อยู่ปลายสายเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคารพนอบน้อม
“นายอยู่ไหน?”
“สุขสันต์วันเกิดครับ”
“นายอยู่ไหน?”
“เค้กอร่อยไหมครับ?”
“แม่งเอ๊ย! ฉันถามว่านายอยู่ที่ไหน!”
“...กำลังจะถึงบ้านแล้วครับ”
“ทำไมไม่เข้ามาหาฉัน?”
“ไม่ดีกว่าครับ พี่คงยุ่งอยู่ ผมไม่อยากรบกวน”
ทันทีที่เ้าเด็กนั่นพูดจบ เพลงในไนต์คลับด้านหลังของชย่าลิ่วอีก็เปลี่ยนจากเพลงรักหวานซึ้งเป็เพลงที่มีจังหวะกลองหนักแน่น ชย่าลิ่วอีขมวดคิ้วทันที—— เพราะเขาได้ยินเสียงเพลงเดียวกันนั้นจากอีกด้านของสายโทรศัพท์อย่างชัดเจน
“เหออาซาน! ออกมาเดี๋ยวนี้นะ!” เขาะโใส่เงาของคนคนหนึ่งที่กำลังทำลับๆ ล่อๆ อยู่ตรงหัวมุมถนนฝั่งตรงข้าม
