ครึ่งเดือนผ่านไป วันสอบเข้ามหาวิทยาลัยก็มาถึง เย่เฟิงเดินเข้าห้องสอบด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม ไม่สนใจสายตาดูถูกจากนักเรียนบางคน ตอนนี้เขาสามารถสอบได้คะแนนสูงเช่นเดียวกับซูเมิ่งหาน ไม่ว่าใครก็รู้ว่าซูเมิ่งหานมักได้คะแนนเป็อันดับหนึ่งของชั้นและแม้กระทั่งเป็อันดับหนึ่งของโรงเรียน ยิ่งตอนนี้เธอเป็ถึงผู้ฝึกวิถีเซียน ทำให้ความจำของหญิงสาวดีขึ้นกว่าเดิม ฉะนั้นการสอบให้ได้คะแนนสูงๆ เพื่อเข้าคณะศิลปศาสตร์จึงไม่เป็ปัญหาสำหรับเธอ และตอนนี้ความสามารถของเย่เฟิงเองก็ไม่ต่างจากซูเมิ่งหานเลยแม้แต่น้อย!
หากอาศัยความสามารถในการจำเพียงอย่างเดียว เย่เฟิงไม่มีทางพัฒนาก้าวะโได้ภายในครึ่งเดือน แต่เพราะซูเมิ่งหานและเขาใช้เวลาติวเข้มบทเรียนนั่นเอง หากคะแนนสอบของเขายังออกมาไม่ดี ให้เย่เฟิงไปะโน้ำฆ่าตัวตายเสียดีกว่า
ทางมหาวิทยาลัยดำเนินการสอบเป็เวลาสองวัน เย่เฟิงเดินผ่านสายตาดูถูกของคนอื่น เพราะคนเ่าั้ไม่คิดว่าเย่เฟิงจะทำคะแนนสอบได้ดี ไม่ว่าใครต่างรู้ว่าผลการเรียนของเย่เฟิงอยู่อันดับสุดท้ายของชั้นเรียน หรือแม้กระทั่งเกือบเป็อันดับสุดท้ายของโรงเรียนเลยด้วยซ้ำ! ซึ่งคนที่สอบได้อันดับสุดท้ายของโรงเรียนยอมแพ้กับการสอบเข้ามหาวิทยาลัยไปแล้ว เมื่อพวกเขาเห็นเย่เฟิงมาเข้าสอบจึงประหลาดใจกันถ้วนหน้า
แน่นอนว่าคะแนนต่ำเตี้ยเรี่ยดินของเย่เฟิงเป็เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะที่จริงพวกเขาอิจฉาเย่เฟิงมากกว่าที่ได้อาศัยในบ้านหลังเดียวกับดาวโรงเรียนอย่างซูเมิ่งหาน ทั้งยังมีสัญญาหมั้นหมายกับคุณหนูตระกูลหลินแห่งเมืองเยี่ยนจิงอีกด้วย หากพวกเขาเปลี่ยนเป็เย่เฟิงได้ ถึงต้องสอบได้ศูนย์คะแนนก็ยินดี!
แน่นอนว่าเย่เฟิงไม่สนใจมองกลุ่มคนเ่าั้แม้แต่น้อย
หลังการสอบวิชาสุดท้ายสิ้นสุดลงใน่บ่าย เย่เฟิงก็ออกจากห้องสอบพร้อมซูเมิ่งหานที่อยู่ห้องสอบถัดไป ชุดสีชมพูทำให้เธอดูสวยสดใสสวย กลายเป็ทัศนียภาพที่สวยงามน่ามองของสนามสอบไปทันที
“เย่เฟิง!” ซูเมิ่งหานโบกมือทักทายพร้อมรอยยิ้มหวาน “สอบเป็ยังไงบ้าง?”
“เธอคิดว่าไงล่ะ?” เย่เฟิงยิ้มบาง แน่นอนว่าเขาพยายามทำข้อสอบเต็มที่
วันนี้นักเรียนมัธยมปลายเกือบทั่วประเทศได้หลุดพ้นจากห้วงแห่งความทุกข์ทรมาน และในที่สุดมันก็สิ้นสุดลงเสียที อย่างไรก็ตามคนที่ทำข้อสอบไม่ได้ต่างร้องไห้โฮด้วยความเสียใจ ส่วนคนที่ทำข้อสอบได้ก็ยิ้มแย้มอย่างมีความสุข
่เวลาที่ผ่านมาเหมือนพวกเขาเวียนว่ายจากขุมนรกหนึ่งไปอีกขุมนรกหนึ่ง ในที่สุดวันนี้พวกเขาจะได้ขึ้น์หรือไม่ ยังต้องรอคะแนนการสอบเท่านั้นจึงจะสรุปได้
“พวกเรากลับบ้านกันเถอะ” เย่เฟิงจูงมือเล็กนุ่มนิ่มของซูเมิ่งหานพร้อมส่งยิ้มให้เธอ ก่อนก้าวเดินไปด้วยกัน วันนี้พวกเขารู้สึกยินดีเป็อย่างยิ่ง เพราะชีวิตการเรียนที่แสนทรมานสิ้นสุดลงเสียที ในที่สุดเขากับซูเมิ่งหานก็จะได้...
เมื่อเห็นรอยยิ้มมีเลศนัยของเย่เฟิง ซูเมิ่งหานก็รู้ทันทีว่าชายหนุ่มกำลังคิดอะไร ใบหน้าสวยของเธอเห่อแดงอย่างห้ามไม่อยู่
เหตุการณ์นี้ตกอยู่ในสายตาของชายหนุ่มที่อยู่รอบๆ ทุกคนในที่นั้นได้แต่ลอบถอนหายใจ ความงดงามแสนบริสุทธิ์ ทั้งยังน่าหลงใหลของซูเมิ่งหาน กลายเป็เย่เฟิงที่ได้ โลกนี้ช่างไม่ยุติธรรม
แน่นอนว่าเย่เฟิงไม่สนใจว่าคนอื่นคิดเห็นอย่างไร เขาเดินเคียงคู่ซูเมิ่งหานออกจากสนามสอบ เตรียมกลับบ้านพักผ่อน
เย่เฟิงหันมองบริเวณโดยรอบ เขาไม่รู้เลยว่าเย่เวิ่นเทียนซ่อนตัวอยู่ที่ไหน แต่ยังไม่อยากคิดมากเกินไป รอถึงพรุ่งนี้เช้า เมื่อเสร็จสิ้นการพิจารณาคดีของเซี่ยิ่และเซี่ยเฉิงเย่ เขาค่อยหาวิธีหลุดจากการติดตามของชายชราเพื่อมุ่งหน้าไปทะเลตะวันออก
่ครึ่งเดือนมานี้ เย่เฟิงรู้สึกได้ว่าหลินเหรินเทียนกำลังเผยแพร่คดีของเซี่ยิ่ให้คนทั่วไปรู้ ไม่ใช่เพียงในโรงเรียนเท่านั้น เพราะมีคนในสังคมจำนวนมากรู้เกี่ยวกับคดีนี้ ผู้มีอิทธิพลหลายคนแสดงความเห็นในเื่นี้ว่า พี่น้องตระกูลเซี่ยมีหลินเหรินเทียนหนุนหลังอยู่ เป็ไปได้ว่าคนที่ฟ้องร้องตระกูลเซี่ยอาจจบไม่สวยนัก
แน่นอนว่าเย่เฟิงไม่กลัวเลยสักนิด เพราะอย่างไรเขาก็มีซูซิ่นชางเป็พยานปากเอกที่มีผลสำคัญต่อรูปคดีเพื่อใช้ในการตัดสินขั้นสุดท้ายในศาล ต่อให้ซูซิ่นชางรับเงินใต้โต๊ะ ชายหนุ่มก็สามารถสะกดจิตให้เขาพูดความจริงได้ หรือแม้กระทั่งให้เซี่ยิ่เผยความจริงทุกอย่างด้วยตัวเอง เขาก็ทำได้!
เย่เฟิงและซูเมิ่งหานเดินมาถึงประตูโรงเรียนก็เห็นรถยนต์และร่างคุ้นตารออยู่ คนนั้นคือหลินซือฉิงนั่นเอง หญิงสาวสวมเสื้อเชิ้ตลายดอกไม้แขนยาวทำให้ดูมีสง่าและงดงาม เช่นเดียวกับครั้งที่แล้ว หญิงสาวกลายเป็จุดสนใจของผู้คนโดยรอบ เมื่อเธอเห็นเย่เฟิงและซูเมิ่งหานเดินจับมือกันออกมาก็รีบเข้าไปหาทันที
“สอบเป็ยังไงบ้างเสี่ยวเย่?” หลินซือฉิงยิ้ม เป็รอยยิ้มที่ทำให้ผู้ได้เห็นรู้สึกสดชื่นราวอยู่ท่ามกลางสายลมแห่งวสันตฤดู
“ก็พอได้ครับ” เย่เฟิงไม่วางใจผู้หญิงตรงหน้า อันที่จริงหลินซือฉิงมักมาหาเขาใน่ครึ่งเดือนที่ผ่านมาเพื่อชวนเขาไปกินข้าวบ่อยครั้ง แต่เขาก็อ้างเื่การสอบเข้ามหาวิทยาลัยเพื่อปฏิเสธเธอ
“วันนี้ว่างแล้วใช่ไหม? พี่สาวอยากชวนพวกเธอไปกินข้าวด้วยกันสักหน่อยเป็อย่างไร?” หลินซือฉิงไม่ยอมแพ้ เธอพูดต่อขณะมองซูเมิ่งหาน
“ขอโทษนะครับ แต่การสอบเหนื่อยมากเลย พวกเราคงต้องขอตัวกลับบ้านไปพักผ่อนก่อนครับ” เย่เฟิงส่ายหน้าเชิงปฏิเสธก่อนจับมือซูเมิ่งหานเดินออกมาขึ้นรถ BMW สีเงินทันที
ชายหนุ่มไม่รู้ว่าทำไมหลินซือฉิงถึงชวนตนไปกินข้าวด้วย ว่ากันตามตรง เขาไม่อยากเข้าไปพัวพันกับอีกฝ่าย เื่ของไช่เฉ่าหงก็ถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว สาวงามอันดับหนึ่งแห่งเมืองเยี่ยนจิงคนนี้ไม่จำเป็ต้องระลึกถึงเขาขนาดนี้ก็ได้
เมื่อหลินซือฉิงเห็นทั้งสองคนเดินจากไป ใบหน้าสวยก็แสดงสีหน้าจนปัญญาพลางคิดในใจ เด็กคนนี้มีบุคลิกค่อนข้างชัดเจน ขอโทษนะเสียวฉี่ ฉันช่วยนัดเขาให้เธอไม่ได้ จึงถามเบาะแสของโม่จิ่วเกอไม่ได้สักที...
ทันใดนั้นหญิงสาวก็อดยิ้มมุมปากไม่ได้ เมื่อนึกขึ้นได้ อีกแค่สองเดือน รอเย่เฟิงเข้ามหาวิทยาลัยเยี่ยนจิงก่อนเถอะ มันต้องมีเื่น่าสนใจมากแน่
เด็กคนนี้ ดูท่าจะไม่ธรรมดาอย่างที่แสดงออกเลยสักนิด
…………
วันถัดมา เย่เฟิงตื่นแต่เช้าเพื่อไปศาลประชาชนแห่งเมืองเยี่ยนจิงกับซูเมิ่งหาน แม้เมื่อคืนพวกเขาจะกลิ้งกันไปมาในห้องนอนทั้งคืน แต่ทั้งคู่ก็ยังเต็มเปี่ยมด้วยพลังงานและสีหน้าสดชื่น ผู้มีวรยุทธ์ช่างแตกต่างจากคนทั่วไปเสียจริง
เมื่อเย่เฟิงเปิดประตูรถ BMW สีเงินก็พบซูซิ่นชางที่เตาปาพามา ชายวัยกลางคนนั่งอยู่บนเบาะผู้โดยสาร เย่เฟิงจึงถามเสียงเบา “รู้ใช่ไหมครับว่า วันนี้ควรพูดยังไง?”
“ฉันรู้แล้ว” ซูซิ่นชางพยักหน้าด้วยความกังวล เขาเหลือบมองซูเมิ่งหานที่ดูสดใส ลูกสาวของเขาต้องติดยาแบบนี้เพราะเขา
เตาปาบอกว่า่นี้เธอยังทรมานกับฤทธิ์ยาตลอดเพราะยังงดใช้ยาไม่ได้ แต่ซูซิ่นชางยังนึกถึงข้อตกลงที่ตระกูลหลินเสนอแก่เขาเมื่อไม่นานมานี้ ตราบใดที่เขายืนยันต่อศาลว่าข้อกล่าวหาของซูเมิ่งหานเป็เท็จ ตระกูลหลินจะคืนหุ้นทั้งหมดของซูเซิ่งกรุ๊ปแก่เขา... ซูซิ่นชางเหมือนตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
เมื่อทุกคนพร้อม เตาปาจึงขับรถมุ่งหน้าไปศาลทันที
ระหว่างทางเย่เฟิงมองรอบด้านด้วยความหวาดระแวง ทว่ากลับไม่เห็นแม้แต่เงาของเย่เวิ่นเทียน จนเมื่อลงจากรถก็เห็นชายชรายืนสงบนิ่งอยู่อีกด้านหนึ่ง ท่าทางอีกฝ่ายคงตามเขามาตลอดทาง
สิ่งนี้ทำให้เย่เฟิงกลัดกลุ้ม ดูเหมือนการหลบหนีจากเงื้อมมือของชายชราคนนี้จะไม่ใช่เื่ง่ายเสียแล้ว
กลุ่มของเย่เฟิงมุ่งหน้าไปห้องพิจารณาคดี เย่เวิ่นเทียนเองก็เดินตามมาอย่างไม่เร่งรีบเช่นกัน เมื่อเข้ามาในศาล เพียงไม่นานเขาก็ไม่เห็นเย่เวิ่นเทียนแม้แต่เงา แม้แต่จิตหยั่งรู้ของเย่เฟิงก็ไม่อาจััตัวตนของอีกฝ่าย ชายชราคนนี้ช่างลึกลับยิ่งนัก
อย่างไรก็ตาม เย่เฟิงรู้ว่าเย่เวิ่นเทียนต้องคอยจับตามองเขาอยู่แน่นอน เพื่อไม่ให้เขาก่อความวุ่นวาย
เสียงเปิดประตูดังขึ้น ผู้คนจำนวนมากมาถึงหน้าประตูทางเข้าห้องพิจารณคดี เมื่อผลักประตูเข้าไป เย่เฟิงก็ต้องตกตะลึงกับสิ่งที่ได้เห็นในห้องนี้ทันที
พระเ้า ที่นั่งของผู้ร่วมฟังการพิจารณาคดีเกือบเต็มทุกเก้าอี้!
คดีนี้เป็เพียงคดีจ้างวานฆ่าที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อนไม่ใช่หรือ ทำไมคนถึงมากันเยอะขนาดนี้?
เย่เฟิงกวาดตามองบริเวณโดยรอบ ก่อนเห็นคนคุ้นหน้าคุ้นตามากมาย ไม่ว่าจะเป็ป้าและลุงทั้งสามคนของซูเมิ่งหานจากเมืองหลางฝาง กลุ่มคนจากตระกูลเซี่ยนับสิบคน คนจากตระกูลหลินอีกสามสี่คน และยังมีทหารอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งเป็ผู้ใต้บังคับบัญชาของเซี่ยเฉิงเย่ ซึ่งคนทั้งหมดน่าจะอยู่ฝ่ายเดียวกับหลินเหรินเทียน
เกือบทุกคนในที่นี้มองซูเมิ่งหานและเย่เฟิงราวกับกำลังชมเื่ตลกขบขัน เพราะไม่มีใครคิดว่าเธอจะสามารถชนะคดีนี้ได้!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้