เตาปาและจ้าวอี้เปยต่างไม่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างเย่เฟิงและจูไป่เหนี่ยว และคิดว่าทั้งคู่คงมาจากที่เดียวกัน ด้วยเหตุนี้พวกเขาก็โล่งใจขึ้นเล็กน้อย
เพียงไม่นานรถฮัมเมอร์ก็เข้ามาในย่านที่มีคนพลุกพล่าน หลังจากนั่งในรถมาตลอดทั้งคืน ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงเมืองหลินเจียง
“หาที่จอดรถก่อน เตาปา เ้าเปย พวกนายสองคนหาโรงแรมกันก่อน” เย่เฟิงสั่งก่อนพูดต่อ “ฉันกับผู้าุโจูจะไปทำธุระก่อนสักสองสามวัน”
“ครับ” เตาปาผงกหัวแต่ในใจกังวล หากผ่านเวลานั้นไปแล้วเย่เฟิงยังไม่กลับมา เขาจะไม่ตายเพราะยาพิษนั่นเหรอ?
รถฮัมเมอร์สีดำค่อยๆ จอดตรงข้างทาง
“นายไม่ต้องกังวล” เย่เฟิงกระซิบข้างเตาปาขณะลงจากรถ “ก่อนออกเดินทางฉันจะช่วยระงับพิษให้นายก่อน หากผ่านไปหนึ่งอาทิตย์แล้วฉันยังไม่กลับมา เวลาที่พิษกำเริบ นายแค่กินสิ่งนี้เข้าไปก็ไม่เป็อะไรแล้ว”
หลังพูดจบชายหนุ่มก็แอบโยนยาเม็ดเล็กที่เตรียมไว้ให้เตาปา มันจะช่วยระงับพิษในร่างกายของเตาปาได้นานถึงครึ่งเดือน
“ครับ” เตาปารับยาเม็ดนั้นไว้ก่อนผงกหัว จากนั้นถามอย่างลังเล “ผมไม่จำเป็ต้องไปกับลูกพี่เย่เหรอครับ?”
“ไม่ต้อง นายรอฉันอยู่ที่นี่ก็พอแล้ว แล้วทำเหมือนฉันพักอยู่ที่โรงแรมตลอด จำได้ใช่ไหม?” เย่เฟิงกำชับ นี่เป็จุดประสงค์หลักที่เขาพาเตาปาและจ้าวอี้เปยมาด้วย
ข่าวการออกจากเมืองเยี่ยนจิงของเขาต้องแพร่สะพัดถึงผู้คนจำนวนมากแน่ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหายุ่งยากที่จะตามมา ชายหนุ่มจำต้องให้เตาปาและจ้าวอี้เปยอยู่ที่เมืองหลินเจียง แสร้งทำว่าพวกเขาอยู่กับเย่เฟิงตลอด ด้วยวิธีที่ง่ายมาก ทุกวันตอนออกไปซื้ออาหาร ไม่ว่าจะซื้ออะไรก็ตาม ต้องซื้อสำหรับคนสามคน เขาเชื่อว่าเตาปาต้องทำได้ดีแน่
“รับทราบครับ!” เตาปาตอบด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม ตอนนี้เขาพอเข้าใจความหมายที่อีกฝ่าย้าสื่อบ้างแล้ว
“โอเค ไปกันเถอะ” เย่เฟิงขยับห่างจากชายหน้าบาก เมื่อเหลือบตามองจูไป่เหนี่ยว ก็พบว่าฝ่ายนั้นไม่สนใจบทสนทนาและการกระทำของพวกเขาเลยสักนิด กลับเอาแต่จ้องที่ไหนสักแห่งบนถนน
เย่เฟิงมองตามสายตาของอีกฝ่าย ทว่าเห็นเพียงด้านหลังของคนสองคนใส่เสื้อสีเทาสวมหมวกฟาง พวกเขาแบกห่อผ้าใบกันน้ำทรงยาวไว้บนหลัง อีกทั้งหันหลังให้กลุ่มคน ขณะเดินไปตามถนน แม้การเคลื่อนไหวของเท้าจะดูไม่เร็ว แต่กลับเคลื่อนที่ได้เร็วมาก ทั้งคู่เป็ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง การแต่งกายไม่เหมือนคนมหานครในยุคปัจจุบัน
“ขึ้นรถฮัมเมอร์ ห้ามให้พวกเขาเจอเราเด็ดขาด” หลังจากเห็นทั้งสองคนจากระยะไกล จูไป่เหนี่ยวที่เพิ่งลงจากรถก็เอ่ยปาก ก่อนเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถทันที
“ทำตามที่ผู้าุโจูบอก” เมื่อเย่เฟิงเห็นเตาปาและจ้าวอี้เปยต่างมองมาที่ตนก็ผงกหัวให้สัญญาณ เขารู้ได้ทันทีว่าทั้งสองคนที่สวมหมวกฟางคงจัดการไม่ง่ายแน่
หลังจากขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว รถฮัมเมอร์ก็ตรงไปข้างหน้าผ่านสองคนดังกล่าวไปอย่างรวดเร็ว เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหายุ่งยากที่จะตามมา เย่เฟิงจึงเลือกที่จะไม่หันมองคนทั้งคู่ เพราะรู้ดีว่าหากบ่มเพาะพลังจนถึงระดับหนึ่ง พวกเขาจะรับรู้สายตาของผู้อื่นได้อย่างรวดเร็ว
่เช้าตรู่มีผู้คนสัญจรบนถนนบางตา พวกเขาต่างมองสองคนที่สวมหมวกฟางด้วยสายตาประหลาดใจ แต่รถฮัมเมอร์ที่โผล่มากะทันหันกลายเป็เื่น่าอิจฉามากกว่า คนที่สามารถขับรถแบบนี้ได้มีแต่คนรวยเท่านั้น!
“ผู้าุโจู สองคนนั้นเป็ใครกัน?” เมื่อเย่เฟิงเห็นระยะห่างไกลขึ้นเรื่อยๆ จึงรีบถามเสียงเบา
“เป็คู่หูประหลาดจากวิหารดาบ์ อย่าไปยุ่งเกี่ยวหรือยั่วยุพวกเขาเชียว” จูไป่เหนี่ยวพยายามปรับสีหน้าให้เป็ปกติ ทว่าส่วนลึกในแววตาเผยให้เห็นร่องรอยความตึงเครียด แม้แต่เย่เฟิงก็มองออก
“อ่า” เย่เฟิงแสร้งทำเป็ไม่ติดใจสงสัย เขาเพียงพยักหน้ารับโดยไม่ถามอะไรต่อ เพียงแต่คำพูดนี้ของจูไป่เหนี่ยวทำให้เตาปาที่นั่งอยู่ข้างหน้าถึงกับสั่นสะท้านไปทั้งตัว เหมือนนึกถึงอะไรบางอย่าง
เย่เฟิงมองเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่ายพลางคิดในใจว่าตัวเองคิดถูกแล้ว วิหารดาบ์อาจเป็สถานที่ที่สอนใช้มีดดาบในการต่อสู้? เป็ไปได้ไหมว่าบุคคลที่ฝากรอยแผลเป็น่ากลัวบนหน้าเตาปาจะเป็คนจากวิหารดาบ์?
เย่เฟิงไม่ถามมากความ แม้จะรู้สถานะของอีกฝ่าย แต่ก็ยังไม่สามารถช่วยล้างแค้นให้เตาปาได้ กำลังที่มีอยู่ตอนนี้ยังห่างชั้นกันเกินไป คนพวกนั้นคงฝึกพลังลมปราณไปแล้วไม่น้อยกว่ายี่สิบปี…
รถฮัมเมอร์เข้าเขตเมือง ตลอดเส้นทางดึงดูดสายตาคนจำนวนมาก จูไป่เหนี่ยวค่อนข้างระวังตัวจากสายตาเหล่านี้ และส่งสัญญาณให้เย่เฟิงหาที่จอดรถ
รถฮัมเมอร์เลี้ยวเขาโรงแรมไปลานจอดรถชั้นใต้ดิน ทั้งหมดทยอยลงจากรถ ขณะนั้นเองโทรศัพท์ล้าสมัยของจูไป่เหนี่ยวก็สั่น หลังจากหยิบขึ้นมาดู สีหน้าของเขาพลันเปลี่ยนไป
“ซากสุสานโบราณอยู่ที่ไหน ตอนนี้เราต้องรีบไปที่นั่น” เย่เฟิงหันไปพูดกับจูไป่เหนี่ยว เมื่อสังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของอีกฝ่ายก็อดระวังตัวขึ้นมาไม่ได้
ั้แ่เห็นวิธีที่จูไป่เหนี่ยวฆ่าเซวี่ยนเฟิงฝู หัวขโมยแอบขุดสุสานคนนี้ลงมือได้อำมหิตมาก เย่เฟิงเองก็ต้องคอยระวังอีกฝ่าย
“ขอโทษด้วยนะ ฉันคงไปกับนายไม่ได้แล้ว” จูไป่เหนี่ยวกุมบัตรธนาคารที่มีเงินสิบล้านแน่น พลางพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นขึ้น “ฉันไม่ได้ตั้งใจผิดสัญญา แต่มีเื่สำคัญต้องไปทำจริงๆ”
พูดจบก็ก้าวเท้าไปทันที
“อย่าคิดหนีนะ ไม่งั้นผมจะบอกคุณปู่เื่ที่คุณโกงเงินผมไปสิบล้าน รับรองว่าคุณเจอดีแน่!” เย่เฟิงพูดเสียงเ็าพร้อมข่มขู่อย่างหนัก!
จูไป่เหนี่ยวถึงกับผงะเมื่อได้ยิน เขาแสดงท่าทีหวาดกลัวชัดเจนถึงขั้นชะงักเท้า หลังจากคิดครู่หนึ่งก็เอ่ยปาก “งั้นเอาอย่างนี้แล้วกัน ฉันจะวาดแผนที่ให้นายสองผืน ผืนหนึ่งเป็เส้นทางเข้าสุสานโบราณ ส่วนอีกผืนเป็เส้นทางภายในสุสานโบราณ”
เมื่อพูดจบก็หันกลับมา ดวงตาของเขาเปล่งประกายล้ำลึกน่ากลัว “ฉันทำได้มากสุดเท่านี้ อย่าบังคับกันเกินไปเลย ฉันกำลังรีบจริงๆ”
“งั้นก็วาดแผนที่มาเถอะ เตาปา หยิบกระดาษกับปากกาออกมา” เย่เฟิงสรุปก่อนไปยืนข้างจูไป่เหนี่ยวเพื่อป้องกันไม่ให้เขาหนีไป ตอนนี้ชายหนุ่มยังไม่รู้ระดับฝีมือของอีกฝ่าย จึงไม่กล้าบีบคั้นเขามากนัก หากได้แผนที่เส้นทางสุสานโบราณก็ยังถือว่าจัดการต่อได้ง่าย
โจรปล้นสุสานมืออาชีพอย่างเขาแตกต่างจากหัวขโมยทั่วไป เพียงไม่ถึงห้านาทีก็สามารถร่างเส้นทางทั้งภายในและภายนอกสุสานได้ถึงสองผืน อีกทั้งลายเส้นยังดูราวกับมีชีวิต
“ถ้าแผนที่อันนี้เป็ของปลอม หรือว่าเกิดอะไรขึ้นกับผมล่ะก็ คุณปู่ของผมจะไม่มีทางปล่อยคุณไว้แน่” เย่เฟิงหรี่ตามองก่อนรับแผนที่ทั้งสองผืนไว้
“หึ วางใจเถอะ หลอกนายไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรหรอก” จูไป่เหนี่ยวกระซิบ จากนั้นเดินห่างออกไปสองสามก้าว ก่อนวิ่งออกจากลานจอดรถ หายไปต่อหน้าต่อตาทั้งสามคนราวกับลมกรด!
แม้ท่าร่างความเร็วของคนคนนี้จะน่ากลัวพอๆ กับเย่เฟิง ทว่าแม้แต่เย่เฟิงเองก็ยังไม่สามารถมองเห็นร่องรอยการหายไปของเขาได้เลย
‘ดูท่าระดับพลังลมปราณของเรายังต่ำเกินไป… หวังว่าการไปสุสานโบราณจะได้ของวิเศษที่คุ้มค่านะ’ เย่เฟิงคิดกับตัวเองในใจ จะดีที่สุดหากสามารถบ่มเพาะพลังลมปราณให้อยู่ในระดับห้าปีได้ เท่านี้ก็พอที่จะปกป้องตัวเองจากโลกใบนี้ได้แล้ว แต่น่าเสียดาย มันไม่ใช่เื่ง่ายที่จะได้รับสมบัติ์ ก่อนหน้านั้นจูไป่เหนี่ยวพูดถึงหญ้าหลิงซี เป็ไปได้สูงที่จะใช้มันเพื่อเลื่อนระดับพลังลมปราณ
ชายหนุ่มพลิกดูแผนที่ทั้งสองแผ่นก่อนเริ่มคิดคำนวณอะไรบางอย่าง จากนั้นเรียกเตาปาและจ้าวอี้เป้ยทั้งสามคนเดินออกจากลานจอดรถด้วยกัน
ทันทีที่ออกจากลานจอดรถใต้ดิน เย่เฟิงก็เห็นคนคุ้นหน้าปรากฏตัวขึ้นไม่ไกลนัก
นั่นมันไอ้หนุ่มหน้าหยกจากตระกูลหลงครั้งก่อนนี่!
ในงานประมูลสินค้าของตระกูลหลง เ้าหนุ่มบุคลิกตุ้งติ้งคนนี้แหละที่มีหน้าที่ตรวจจดหมายเชิญอยู่หน้าประตู เย่เฟิงจำอีกฝ่ายได้ดี ขณะนี้หนุ่มหน้าหยกกำลังถกเถียงอะไรบางอย่างกับคู่รักคู่หนึ่งตรงหน้าประตูโรงแรม สีหน้าของเขาแสดงออกถึงความหยอกล้อ
ใจเย่เฟิงสั่นสะท้าน แอบคิดว่าเมื่อเ้าหนุ่มหน้าหยกมาอยู่ที่นี่ แล้วหลงหว่านเอ๋อร์ล่ะ? เขารีบกวาดตามองบริเวณโดยรอบทันที ในใจพลันตึงเครียด!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้