“แต่ว่านะ ตอนที่ข้าออกมาจากสมรภูมิ ข้าแอบได้ยินสุรเสียงของจักรพรรดิอักขระรับสั่งมาข้างหูข้า พระองค์ตรัสว่า ใครก็ตามที่อาจหาญ่ชิง ขโมยเ้าตัวเล็กนี่ลับหลัง จักได้รับคำสาปแช่งและเพลิงแค้นของอักขระแห่งพระองค์ ต้องมีอันเป็ไปทั้งตัวและวงศ์ตระกูล ถูกคำสาปแช่งกดทับอยู่ชั่วกัลปาวสาน”
เอ่ยถึงตรงนี้ เ่ิูก็คลี่ยิ้มมองบุคคลรอบทิศ เขาว่าอย่างสบายอารมณ์ “ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจริงหรือเท็จ แต่ข้าก็เชื่อนะ พวกเ้าคนไหนไม่เชื่อก็มาลองดูได้ ดูซิว่าโองการของจักรพรรดิอักขระจะเป็แค่คำขู่มนุษย์เล่นหรือเปล่า”
สายตาร้อนระอุเ่าั้พลันสว่างขึ้นมา
เื่เล่าเื่คำสาปแช่งของจักรพรรดิอักขระลัวซู่นั้นแพร่หลายในภพไทวะเป็อย่างมาก
กาลครั้งก่อนหน้านี้นั้น เื่ราวใหญ่โตที่สั่นะเืทั่วดินฟ้า มีหลายเื่นักที่ข้องเกี่ยวกับคำสาปของจักรพรรดิอักขระ มีจักรพรรดิที่ลาลับไปแล้วผู้หนึ่งที่ไม่เชื่อ กระทำการละเมิดจักรพรรดิอักขระ จนต้องคำสาป สุดท้ายแล้วก็ตายอย่างไม่ต้องเผาผี ร่างกายสลายเป็อากาศธาตุ มีมารตนหนึ่งแทบเรียกได้ว่าไร้พ่าย ปากกล้าไม่เกรงกลัว ทำเื่อุกฉกรรจ์มากมาย ทำหยาบคายในแท่นบูชาแห่งหนึ่งของพระองค์ จึงถูกสายฟ้าจากเวหาฟาดใส่ สลายเป็ผงธุลีไป...
นักยุทธ์แห่งภพไทวะล้วนมีพื้นฐานฝึกฝนจากอภินิหารในเส้นปราณวรยุทธ์อักขระ ทั้งกระบวนศึกและที่มาของพลังล้วนข้องเกี่ยวกับวรยุทธ์อักขระทั้งสิ้น ดังนั้นความศรัทธาในจักรพรรดิอักขระจึงทั้งเลื่อมใสและบูชากันแน่นหนัก ด้วยสายพระเนตรแห่งจักรพรรดิหมดจดและปรุโปร่ง ด้วยเหตุนี้เอง คำพูดของเ่ิูจึงทำให้คนมากมายสำนึกตัว ไม่กล้าคิดตุกติกอะไรอีก
แล้วยังไม่นับที่เ่ิูสำแดงเดชน่าสะพรึง ชวนลึกลับเหลือเกินก่อนหน้านี้ แม้กระทั่งภาพสะท้อนอักขระของสมรภูมิหุบเขาปัดป้องยังจับต้องเขาไม่ได้ นำสีสันแห่งความพิศวงเคลือบบนตัวเขาอีกชั้น ครั้งแล้วครั้งเล่ากลายเป็อัศจรรย์ หลายเื่เหลือเกินที่แทบจะหาคำใดมาอธิบายไม่ได้ ราวกับว่าจักรพรรดิได้คุ้มครองเขาอยู่อย่างไรอย่างนั้น
ดังนั้น เื่แบบเดียวกันนี้หากออกมาจากปากคนอื่นคงเป็เื่ตลกโป้ปดทั้งเพ แต่เมื่อคนพูดคือเ่ิู ความน่าเชื่อถือก็เพิ่มไม่รู้กี่เท่า ไม่อาจทำให้คนไม่ชั่งใจได้
เอ่ยคำเหล่านี้จบแล้ว เ่ิูก็เบาใจไปเยอะนัก
เขาชำเลืองมองเี๋เี่าอีกครั้ง
“ผู้หญิงเช่นเ้า จิตใจคับแคบ หยิ่งทะนงไร้สาระ ทำความอับอายให้ข้า วางแผนชั่วต่อข้าครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ใช่เพื่อนเล่นสมัยเด็กของข้าเช่นเมื่อก่อนอีกต่อไป คิดว่าข้าคงโกรธเ้าไม่เป็ คงตอบโต้เ้าไม่ได้ เช่นนั้นข้าก็จะบอกเ้าตอนนี้เลยว่า จากวันนี้เป็ต้นไป เื่แต่ก่อนทั้งหมดทุกอย่างข้าจะปล่อยมันหายไปกับกลีบเมฆ เ้ากับข้าไม่เคยและไม่มีวันข้องเกี่ยวกันอีก...หากเ้ากล้าวางแผนสกปรกอะไรข้า ทำร้ายสหายของข้า พวกข้าจะไม่ปล่อยไว้แน่”
เี๋เี่าตัวสั่นงันงก
นางมองเ่ิูอย่างอึ้งๆ พลันรู้สึกว่าบางสิ่งที่งดงามยิ่งนักลาจากกายตนไป
เ่ิูที่พูดกับนางตอนนี้ คือคนแปลกหน้า
“จากวันนี้ต่อไป หากเ้าริคิดแผนชั่ว ก็อย่าโทษที่ข้าลงมือไม่ปรานีแล้วกัน” เ่ิูเอ่ยดั่งประกาศิต จากนั้นก็พินิศหน้าขาวซีดของเี๋เี่าแล้วนิ่ง “ดูท่าข้าน่าจะทำให้เ้าเจ็บหัวใจแล้วสินะ...อื้ม ที่จริงข้าก็อยากพูดเื่ที่ทั้งโเี้ทารุณมากกว่านี้ ตัดอาภรณ์ตัดเยื่อใยให้มากกว่านี้ล่ะนะ แต่พอดีอาภรณ์ข้ามันแพง พื้นที่นี่มันก็แข็งเกินไปเสียด้วย ไม่ค่อยคุ้มค่าเท่าไร เห็นท่าทางน่าสมเพชของเ้าเช่นนี้แล้ว...ก็พอแล้วปะไร เ้าไปทางไหนก็ไปเถอะไป”
เี๋เี่าสั่นเทิ้มไปทั้งตัว
ซ่งชิงหลัวที่อยู่ไกลออกไปพอเห็นภาพนี้แล้วก็อดเห็นใจนางไม่ได้
ศิษย์พี่ที่ก่อนหน้ายังหัวเราะครึกครื้นกับนางอยู่เลยนั้น ความจริงแล้วเป็นางที่เก่งกาจมาก ไม่ว่าจะด้วยฝีมือหรือพลังล้วนสามารถเป็หนึ่งในสิบของรั้วสำนักนี้ได้ ถือไพ่เหนือกว่าในเื่มากมาย ทว่าในยามนี้ เมื่ออยู่ต่อหน้าเ่ิู กลับตกเป็รอง เสมือนเปลวเทียนไร้เรี่ยวแรงกลางสายลม
าามารไม่เพียงฝีมือร้ายกาจ แต่ฝีปากยังกล้าอีกด้วย
ซ่งชิงหลัวถอนหายใจเงียบๆ
“เอาล่ะ เื่ที่ข้าควรพูดก็พูดหมดแล้ว เื่ที่ควรทำก็ทำหมดแล้ว...ข้าไปล่ะ” เ่ิูปัดป่ายมือแล้วหันหลังจะเดินออกจากศาลาขึ้นฟ้า
เี๋เี่าก้มหน้างุด ั์ตางามอุดมด้วยความคลั่งแค้นและโกรธเกรี้ยว
ร่างกายสั่นไหวบางเบา มือกำหมัดแน่น ราวกับูเาไฟใกล้ะเิ นางถามตัวเองในใจซ้ำแล้วซ้ำอีก ว่าทำไมเขาถึงกล้าพูดเื่แบบนี้กับนาง เด็กชายที่ต้องแอบรักนางอยู่แน่นอนคนนี้ กล้าพูดคำพรรค์นี้กับนาง กล้าดีอย่างไร?
ต้องอยากใช้วิธีนี้เรียกร้องความสนใจนางเป็แน่?
ต้องเป็เพราะอยากให้นางจำเขาไปจนวันตายด้วยวิธีเช่นนี้
ต้องเป็แบบนี้แน่
เี๋เี่าขมขื่นนัก นางเงยหน้าอ้าปากจะพูดบางอย่าง ทว่าไม่รู้เพราะอะไร เมื่อมองเห็นแผ่นหลังของเขาแล้ว แม้พลังของตนจะมากกว่าเขา แต่กลับพูดไม่ออกเลยแม้แต่คำเดียว
“ฮึ!” อาจารย์ชั้นสูงตัวก่อเหตุว่าเสียงเย็น ั์ตาวาววามด้วยรังสีสังหาร “หมาบ้าไม่รู้ประสา ข้าจะคอยดูว่าเ้าจะกำแหงไปได้สักกี่น้ำ อัปลักษณ์ต้องแดดิ้น”
เ่ิูได้ยินแล้วก็หันกลับมายิ้ม
“ท่านผู้เฒ่า ปากมากจริงนะ อย่ามาทำเป็อวดเก่งตอนจนตรอกหน่อยเลย ข้าแค่จะถามเ้าอีกครั้ง เ้ากล้าฆ่าข้าไหม? ไม่กล้าก็หุบปากซะ...ในเมื่อหน้าแตกยับเยินถึงเพียงนี้ ทำปากเก่งแล้วจะมีประโยชน์อะไร ชาติชั่วทั้งยังแก่ไม่ยอมตายอีกต่างหาก เฮอะๆ เ้าแก่กะโหลก ข้ารอเ้ามาฆ่าข้าอยู่นะ มีปัญญาก็หาทางมาเสียล่ะ”
ว่าพลางทำท่าเชือดคอใส่ จากนั้นก็กลับหลังหัวเราะร่าเดินจากไป
คณาจารย์สูงศักดิ์ตัวสั่นเทิ้ม
การกระทำแบบนั้น ไหนจะเสียงหัวเราะ เหมือนดาบคมกริบกรีดหน้าเขาแผลแล้วแผลเล่า
ตอนนั้นเองที่เขาใคร่จะกระโจนเข้าไปฟาดฝ่ามือสังหารใส่เ้ากากเดนที่ยั่วยุเขาอย่างอุกอาจให้ตายคามือ ทว่าเมื่อนึกถึงคำเตือนอันเยือกเย็นของเ้าสำนักแล้ว ทั้งยังรู้สึกถึงอาการาเ็สาหัสและกำลังภายในที่ปั่นป่วนรวนเร สุดท้ายก็ทำได้แต่อดกลั้น เกือบจะกระอักเืออกมา
เขาไม่เคยพบเคยเห็นศิษย์ที่กำแหงไร้เหตุผลเช่นนี้มาก่อน
หมู่ชนในศาลาขึ้นฟ้าล้วนถูกความอาจหาญและยโสของาามารทำตะลึงไปอีกรอบ
อาจารย์ชั้นสูงท่านนี้มีอิทธิพลลึกล้ำนักในสายตาคนมากมาย ชอบถือเอาความาุโและอิทธิพลเที่ยวกลั่นแกล้งประชาชนไปทั่ว ถึงอยู่เฉยๆ ก็ทำคนอื่นลำบากได้อยู่ดี ทว่าไม่มีใครเลยที่กล้าแข็งข้อต่อหน้าเขาถึงขนาดนี้ คนที่ไม่พอใจการกระทำของเขามีเยอะแยะ รวมถึงอาจารย์ส่วนหนึ่งด้วย แต่ทั้งหมดก็ทำได้แค่ก่นด่าสาปแช่งในใจเท่านั้นเอง
ทว่าเหมือนคนที่กล้าฉีกหน้าต่อต้านเป็การใหญ่ที่ชัดเจนที่สุด เห็นจะมีแต่เ่ิูนี่แหละคนแรก
พริบตานั้น เด็กหนุ่มที่หัวเราะยิ่งยโสพลันมีเสน่ห์ที่ยากจะจำกัดความได้
ตราบจนเ่ิูเดินจากไปไกลลิบนั่นแล้ว ศาลาขึ้นฟ้าก็ยังตกอยู่ในความเงียบงัน
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นวันนี้ราวกับภาพฝันในสายตาศิษย์หลายคน
“เอาล่ะ ในเมื่อทุกคนไม่มีกงการอะไรกันแล้ว เช่นนั้นพวกเราก็มาเริ่มเสนอชื่อตัวแทนเถอะ” ประธานาุโจัวอวิ๋นเปิดเปลือกตาที่หลับมาตลอดขึ้น ราวกับว่าไม่ได้รู้เห็นเื่ราวที่เกิดขึ้นเลย เขาเอ่ยช้าและขยี้ทุกจุด “ไม่รู้ว่าทุกคนจะมีข้อเสนออะไรงามๆ หรือเปล่า พูดออกมาเถอะ!”
...
...
“การแข่งขันที่ทั้งสับสนวุ่นวายนี่จบลงเสียที เื่ที่เหลือก็ไม่เกี่ยวกับข้าแล้ว”
เ่ิูเอามือรองท้ายทอย บนไหล่มีหัวโตนั่งอยู่ เดินออกมาจากศาลาขึ้นฟ้า
แสงสุริยันลอดผ่านชั้นเมฆา แสงสีทองทำให้เ่ิูต้องหรี่ตา
เมืองลู่ิค่อยๆ ต้อนรับเหมันต์อันยาวนาน อากาศเริ่มหนาวเย็นขึ้นบ้าง หลายวันมานี้ท้องฟ้ามืดปิดและมืดครึ้ม พบพานเพียงลมแรงพัดมาเท่านั้นถึงจะสว่างขึ้นมาได้บ้าง แต่ก็ได้เพียงครู่เดียวก็มีชั้นเมฆมาแทนที่ กระแสลมเย็นที่ไกลมาจากทิศอุดรแห่งเทือกเขากวางตัดทำให้อากาศอุ่นๆ หลายพันลี้ค่อยๆ เย็นลงขึ้นทุกที
ที่สุดเมื่อแสงอาทิตย์สาดส่องมา เ่ิูยังกลับไม่ถึงเขตปีสองก็มีเมฆสีเทาครึ้มมาบดบังไว้อีกครา
หัวโตเห่าบ๊อกๆๆ อยู่บนลาดไหล่ ท่าทีร้อนรน
เ่ิูพลันรู้สึกคิดถึงอาหารของโรงอาหารปีหนึ่ง
ดังนั้นจึงไม่ได้กลับเขตปีสองแต่เดินตรงไปทางเขตปีหนึ่งแทน
ยังคงมีลูกศิษย์มากมายหลั่งไหลมารวมตัวกันอยู่ที่ลานแสดงยุทธ์ ชัยชนะแห่งการประลองที่ยิ่งใหญ่รังให้เหล่านักเรียนปีหนึ่งทั้งหมดใกล้จะะเิเต็มที บรรยากาศตลบด้วยความครึกครื้นและเปรมปรีดิ์
มีศิษย์ปีหนึ่งสองคนที่ดีใจเป็พิเศษ คอยคุยโวเื่ความสนิทสนมของตนกับาามาร เดินผ่านไหล่เ่ิูไปแหมบๆ แต่กลับไม่รู้จักเขา
“เฮ้ย? จำอะไรผิดหรือเปล่าน่ะ...ข้าเ่ิูไง ข้าคือวีรบุรุษคนนั้นนะ พวกเ้ากลับไม่เห็นข้าเสียอย่างนั้น...” เ่ิูบ่นกระปอดกระแปด ก่นด่าในใจอย่างเดือดดาล
ข้าโด่งดังถึงเพียงนี้ ทำไมไอ้เวรสองคนนี่ถึงไม่รู้จักกันนะ ไม่เคยมากราบกรานข้าหรือไร?
ตาถั่วเช่นนี้ไม่รู้เข้าเป็ศิษย์กวางขาวมาได้เยี่ยงไร?
ที่ผ่านมาเ่ิูนึกมาตลอดว่าตนควรเสแสร้งเสียบ้าง หลีกเลี่ยงสายตามหาศาลเหมือนูเากรีดร้อง ทว่าพอมาดูตอนนี้เห็นทีจะไม่จำเป็เสียแล้ว เพราะว่าความสนใจของทุกคนไปรวมอยู่กันตรงกระจกศิลาเสียหมด รอการแข่งรอบสุดท้ายจบสิ้นลง ล้วนแล้วแต่ไม่รู้จักเลยว่าชายเดินผ่านมาผู้มีหมานั่งอยู่บนไหล่ ก็คือเ่ิูวีรบุรุษในสายตาพวกเขานั่นเอง
าามารเย่ผู้จิตฟุ้งเฟ้อไม่ได้รับการเติมเต็ม เดินเข้ามาในโรงอาหาร พร้อมอาการคิดแค้นของท้อง
“ก่อนอื่นก็กินให้จุใจเสียก่อนล่ะ”
เขาทักทายพวกพ่อครัวแม่ครัวในโรงอาหารทีหนึ่งก็ฟาดข้าวไปชามใหญ่เต็มๆ แล้วก็ยกอีกสองชามเล็กมาวางไว้บนตำแหน่งเดิมที่เขาโปรดปราน วางหัวโตไว้บนเก้าอี้ตัวข้างกัน จากนั้นก็หันกลับไปเติมแกง...าามารเย่ ล้วนกินข้าวก่อนดื่มแกงเสมอ เขาคิดอย่างเหนียวแน่นว่านี่เป็กรรมวิธีการกินที่ถูกต้อง
ทว่าตอนที่เขายกแกงเนื้อชามโตกลับมานั่นเอง...
“เฮ้ย? เฮ้ยๆๆ? บ้าอะไรกันเนี่ย? ข้าวข้าล่ะ? กับข้าวข้า?” เ่ิูมองชามใหญ่หนึ่งและชามเล็กสองบนโต๊ะอย่างตะลึงสุดขีด แล้วก็มองไปยังหัวโตเ้าหมาเปิ่นที่โดดขึ้นโต๊ะหอบแฮ่กๆ ไปเรียบร้อย เขาไม่เข้าใจแน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้น
“บ๊อกๆ...แฮ่กๆ!” มันส่ายหางอย่างคุ้นเคย
มันมองเ่ิูอย่างอบอุ่น
ไม่ ความจริงแล้ว มันมองแกงในมือเ่ิูต่างหาก
เ่ิูมองมันกลับ ว่าอย่างอึ้งๆ “หัวโต เ้าอย่าบอกข้านะว่าเ้ากินอาหารข้าหมดแล้วน่ะ...แม่เ้าโว้ย เ้าเป็หมูหรือเปล่าถึงกินเยอะขนาดนี้ แล้วยังกินเร็วอีก...เ้าหมาโง่ เ้าคงไม่ใช่สัตว์เซียนที่กินเถ้าควันของมนุษย์หรอกนะ? กินเยอะกว่าข้าอีกจริงๆ เรอะ?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้