ชีเหนียงรีบโน้มตัวหลบมือของชายชรา “ท่ายตาท่านช่างไร้มารยาทนัก ข้าช่วยท่านจ่ายเงินและไม่ทวงกับท่านก็นับว่าดีมากแล้ว เหตุใดท่านจึงยังมาแย่งของของข้าอีก?”
นางปั้นสีหน้าบึ้งตึง เดิมทีกำลังเ็ปใจกับเงินสามตำลึง คิดไม่ถึงว่าดันไปช่วยชายแก่ที่ไม่น่าเคารพ นางไม่อาจวางสีหน้าดีงามต่อไปได้อีก
หลิงชางไห่เองก็รู้ว่าตนเองทำเกินเหตุ เพียงแต่เขาไม่ได้ทานอาหารดีๆ มาสามวันแล้ว เขาหิวนี่นา!
เขาชักมือกลับอย่างเชื่องช้า “แม่นางน้อย ข้าหิวแล้ว ของในตะกร้าของเ้าช่างหอมน่ากินนัก เ้าสงสารคนแก่อย่างข้าเถอะ ให้ข้ากินสักคำนะ?”
ชีเหนียงมองหลิงชางไห่อย่างเคลือบแคลงสงสัย ชายชราผู้นี้แม้จะแต่งกายธรรมดา แต่กลับแลดูสะอาดสะอ้านั้แ่หัวจรดเท้า ดูออกว่าการดำรงชีวิตพอใช้ได้ น่าจะไม่ถึงกับไม่มีเงินทานข้าวหรอกนะ?
ช่างเถอะ เงินสามตำลึงก็จ่ายไปแล้ว จะอะไรกับแค่ชานมหนึ่งแก้ว ถือเสียว่าจ่ายเงินซื้อความสบายใจก็แล้วกัน
“นับว่าท่านจมูกดี”
ชีเหนียงคว้าชานมหนึ่งแก้วจากในตะกร้าอย่างระมัดระวัง หลิงชางไห่คว้ามาทันใดและเริ่มยกแก้วขึ้นดื่ม
ขณะดื่มก็เคี้ยวถูกบางสิ่งที่ให้ความรู้สึกเหนียวนุ่มและมีรสหวาน “เอ๊ะ ในนี้มีถั่วแดงด้วย รสชาติเยี่ยมยอด!” เขาดื่มและวิจารณ์ไปพลาง “เนื้อััให้ความรู้สึกลื่นคอ หวานแต่ไม่เลี่ยน ไม่ทราบว่าของสิ่งนี้คืออะไร? เหตุใดไม่เคยเจอมาก่อน”
“ใช่แล้วๆ เหตุใดของสิ่งนี้จึงมีกลิ่นหอมเพียงนี้?”
เมื่อหลิงชางไห่ดื่ม กลิ่นหอมของชานมก็ลอยออกไป จึงดึงดูดคนมามุงดูไม่น้อย
“แก้วนี้ก็ประณีตสวยงามเป็พิเศษ ไม่ทราบว่าแก้วนี้ราคาเท่าใดหรือ?”
ลั่วชีเหนียงเห็นมีคนสอบถาม จึงวางตะกร้าลง “นี่คือชานม เป็สูตรพิเศษของครอบครัวข้า แก้วนี้ไม่เพียงแต่ไว้บรรจุชานม ยามปกติก็สามารถใช้ในบ้านได้ รับประกันคุณภาพ อีกทั้งแก้วยังอิงจากสิบสองนักษัตร มีครบชุด หากผู้ใดสามารถสะสมได้ครบทั้งสิบสองแบบ สามารถมาแลกของกินเลิศรสในแผงร้านค้าสกุลลั่วของเราได้ นี่คือของกินหนึ่งเดียวที่หาที่ไหนไม่ได้แน่นอน!”
นางจงใจไม่บอกราคาก่อน เพราะกลัวคนจะหวาดกลัวและถอยหนี ทว่าผู้ที่มาใช้จ่ายในโรงเตี๊ยมได้นั้น ชัดเจนว่าต้องเป็คนมีเงิน
“แก้วละเท่าใดหรือ?”
ชีเหนียงมองหญิงมีอายุที่ถาม จากนั้นยกยิ้มมุมปาก “แก้วละห้าสิบอีแปะ”
ดังคาด พอบอกราคาไป คนทั้งหมดถึงกับมีหวังแต่ท้อแท้ใจ กระทั่งหญิงมีอายุก็ขมวดคิ้ว
“ราคาของเ้าช่างแพงนัก”
“แพงตรงไหนกัน?” หลิงชางไห่กลืนน้ำลายเสียงดังจั๊บๆ “ในนี้มีถั่วแดงเหนียวนุ่มรสชาติดี ดูก็รู้ว่าใส่ใจในรายละเอียด ลำพังแค่ต้มถั่วแดงให้นุ่มและหอมหวานได้เช่นนี้ เดาว่าจำต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่าสองวัน นอกจากนี้ชานมก็ยังเลิศรสหาที่ไหนไม่ได้ จากที่ข้าดู ราคาหนึ่งร้อยอีแปะก็ไม่เกินไป”
ขณะพูด เขามองลั่วชีเหนียงอย่างภาคภูมิใจและแฝงด้วยความเอาอกเอาใจ
“แม่สาวน้อย นอกจากถั่วแดงยังมีอย่างอื่นหรือไม่?”
“ยังมีชานมไข่มุกกับชาดอกไม้ ทว่าอยู่ที่แผง ตรงนี้ไม่มี” แน่นอนว่าชีเหนียงน้อมรับน้ำใจจากเขา ตอบจบก็มองไปทางหญิงมีอายุเมื่อครู่
“พี่สาว วันนี้เราเพิ่งปล่อยขายชานมสู่ภายนอกเป็วันแรก ด้วยเหตุนี้ หากซื้อชานมวันนี้จ่ายเพียงสี่สิบอีแปะ หากซื้อสามแก้วข้ายังจะแถมให้อีกแก้วนึงด้วย รับรองว่าคุ้มค่าแน่นอน”
พูดจบ นางก็ไม่มองหญิงมีอายุคนนั้นอีก แล้วแสร้งทำเป็จะแบกตะกร้าจากไป
หญิงมีอายุคนนั้นคำนวณในใจ สี่แก้วก็สองร้อยอีแปะ ตอนนี้ซื้อสามทั้งยังได้แถมอีกแก้วนึง จ่ายเพียงหนึ่งร้อยยี่สิบอีแปะ ตนเองยังประหยัดได้ถึงแปดสิบอีแปะ
“ช้าก่อน!” นางเรียกชีเหนียงไว้ จากนั้นเลือกแก้วที่ลวดลายต่างกันสี่ใบและนับเงินอย่างฉับไว
ชีเหนียงยิ้มแย้มและยื่นชานมไป เมื่อรับเงินมา ก็เริ่มสบายใจ
ขณะที่กำลังจะเดินจากไป ก็มีบ่าวของโรงเตี๊ยมสุ่ยชิ่งเดินออกมาซื้อไปสี่แก้ว ตอนนี้ของในตะกร้าลดลงไปครึ่งหนึ่ง ซึ่งเป็การเริ่มต้นที่ดี นางอดไม่ได้ที่จะยิ้ม
“แม่นางน้อย บ้านเ้ายังมีของอร่อยอะไรอีกหรือไม่?”
“ปากของข้าผู้นี้เกิดมาก็มีรสนิยมดี ขอเพียงเป็สิ่งที่เข้าปากข้าได้ ล้วนต้องเป็ของดี เ้ายังมีสิ่งใดที่้าให้ข้าวิจารณ์หรือไม่?”
“ชีวิตนี้ของข้าไม่มีความชอบใด นอกจากเื่ของที่กินได้ เ้า…”
“นี่ๆ… แม่นางน้อย เ้ารอข้าก่อน…”
ระหว่างทาง ชีเหนียงฟังหลิงชางไห่พูดพล่ามจนปวดศีรษะ นางอาศัยจังหวะที่ชายชราไม่ทันสังเกต จึงรีบวิ่งหนีไป
เพียงแต่เมื่อกลับมาถึงหน้าแผง กลับพบว่ามีคนล้อมแผงลอยไว้มากมาย แล้วยังได้ยินเสียงป่าวร้องจากในกลุ่มคน
นางแทรกฝูงชนเข้าไปและเห็นเ้าทึ่มจ้าวกำลังตีฆ้องสองที จากนั้นคว้าเกาลัดกับลูกซานจาไว้ในมือ
เห็นเพียงเขาออกแรงบีบ เปลือกเกาลัดก็แตกออก นอกจากนั้นเมล็ดของลูกซานจาก็ถูกกะเทาะออกทั้งหมดเช่นกัน
ลั่วจิ่งซีอาศัยจังหวะคอยะโอยู่ด้านข้าง “ขอเพียงวันนี้ซื้อของกินจากแผงของเรา ล้วนสามารถรับบริการปอกเปลือกได้ ทุกคนดูสิ กินเช่นนี้ช่างสะดวกนัก”
เดิมทีหลายๆ คนก็เคยเผชิญกับการปอกเปลือกที่ทั้งแข็งและหนาของเกาลัด ทำให้อดรู้สึกถอดใจกับการกินสิ่งเหล่านี้มิได้ แต่ตอนนี้พวกเขาสามารถกินได้โดยไม่ต้องมาสนใจเื่เปลือกที่แข็งๆ อีกต่อไป ซึ่งนั่นถือว่าเป็เื่ที่ดีมากเลยทีเดียว
จ้าวจือชิงเริ่มขั้นตอนปอกเปลือก ส่วนลั่วจิ่งซีก็บรรจุห่ออย่างคล่องแคล่ว ไม่นานนักห่อของกินเล็กๆ ก็เริ่มเปลี่ยนเป็เงิน
มองดูการทำงานของคนทั้งสอง ลั่วชีเหนียงก็เกิดความรู้สึกประหลาดใจขึ้นมา ไฉนคนทั้งสองถึงได้ดูมีความคล้ายคลึงประหนึ่งถอดแบบมาจากพิมพ์เดียวกันอย่างไรอย่างนั้น
จากนั้นก็ส่ายศีรษะและคิดว่าตนคิดมากไป พวกเขาเป็คนจำพวกรูปร่างสูงใหญ่ ยากที่จะเลี่ยงความเหมือนกันอยู่บ้าง
“เฮ้อ แม่นางน้อย เ้าเดินเร็วเหลือเกิน ขาของข้าแทบจะหักอยู่แล้ว”
หลิงชางไห่รีบเร่งเดินกว่าจะตามชีเหนียงทัน เขาหายใจหอบและนั่งลงที่แผง
“……”
ลั่วชีเหนียงคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าคนผู้นี้ไม่เพียงแค่หน้าหนา ฝีเท้าก็ยังไม่เลวด้วย ถึงขั้นสลัดไม่หลุด
“เอาล่ะ เกาลัดกับลูกซานจาขายได้พอสมควร เหลือแค่ชานมแล้ว” ลั่วชีเหนียงหาได้สนใจหลิงชางไห่ไม่ จากนั้นจึงหยิบของที่เหลือในตะกร้ามาดื่มเองหนึ่งแก้ว และไม่ลืมที่จะให้พวกเขาดื่มด้วยเช่นกัน “พวกเ้าก็มาดื่มคนละแก้ว ครึ่งวันนี้เหนื่อยแย่แล้ว”
จ้าวจือชิงหยิบขึ้นดื่มอย่างไม่คิดปฏิเสธ แต่ลั่วจิ่งซีกลับเสียดายไม่อยากดื่ม ของเหล่านี้ล้วนคือเงิน เงินเหล่าสามารถนี้นำไปซื้อยาให้พี่ใหญ่ได้ตั้งมากมาย!
“อืม เกาลัดรสชาติไม่เลว หวานยิ่งนัก” หลิงชางไห่พักผ่อนพอแล้วก็หยิบของกินในแผงลอยอย่างไร้ซึ่งความเกรงใจ “โอ้ ด้านในชั้นสีขาวคือซานจา เปรี้ยวๆ หวานๆ ช่างเป็ความคิดที่เยี่ยมยอด!”
เมื่อได้กินเพียงไม่กี่คำ หลิงชางไห่ก็ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าจะตามติดลั่วชีเหนียง ด้วยฝีมือของสตรีผู้นี้จำไม่มีทางทำให้เขาต้องทนอดอยากแน่
“แม่นางน้อย เ้าดูสิอายุข้าก็ปูนนี้แล้ว ข้างกายไร้ซึ่งคนดูแลถามไถ่ เ้าดูอายุของเราสองช่างเข้ากันดี มิสู้ข้าจะรับเ้าไว้เป็ลูกสาวบุญธรรม เป็เยี่ยงไร?”
สิ้นเสียงของหลิงชางไห่ ลั่วชีเหนียงแทบจะสำลักชานมในปาก
นางมองหลิงชางไห่อย่างไม่เข้าใจ ชายชราแปลกประหลาดผู้นี้คิดจะทำอะไร? มีอย่างที่ไหนมาตามขอนับญาติผู้อื่น?
-----
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้