“เขาเป็คนทำลายการบ่มเพาะของข้า พี่ถงต้องล้างแค้นให้ข้า!” เจิ้งเชาเห็นถงตงกับเจินเหลียงเดินมา เขาก็มีความหวังขึ้นมาและกล่าวเช่นนั้นพลางชี้นิ้วไปที่เย่เฟิง ถงตงกับเจินเหลียงจึงหันไปมองเย่เฟิง
“ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 8!” ถงตงอุทาน เขาไม่เข้าใจว่าเจิ้งเชาไปทำอีท่าไหนถึงทำให้สวะขั้นบ่มเพาะกายาที่ 8 ทำลายการบ่มเพาะของตนได้ แต่ตอนเจินเหลียงเห็นเย่เฟิง รูม่านตากลับหดแคบลง ตัวอดสั่นเทาไม่ได้ ราวกับเกิดความกลัวจากจิติญญา
“เป็เขา!” เจินเหลียงพึมพำในใจ เขาจำใบหน้าเย่เฟิงได้ไม่มีวันลืม เมื่อสามวันก่อนที่ถ้ำร้างแห่งนั้น เย่เฟิงมอบความอัปยศอดสูให้กับเขา ทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจ แม้จะจำเย่เฟิงได้ แต่เขาก็ไม่พูดออกไป เขาอยู่ขั้นรวมชี่ หากเื่นี้แพร่งพรายออกไป เขาคงไม่มีหน้าให้อยู่ที่สำนักยุทธ์แห่งนี้อีก
“เ้าน่ะหรือทำลายการบ่มเพาะของเจิ้งเชา?” ถงตงเดินมาที่ด้านหน้าเย่เฟิงแล้วเอ่ยถามเสียงเย็น
“แล้วเกี่ยวอะไรกับเ้าด้วย?” เย่เฟิงตอกกลับ เขาเห็นถงตงมาด้วยเจตนาไม่ดี เช่นนั้นก็ไม่จำเป็ต้องเกรงใจ
“ฮ่า ๆ ๆ เ้าช่างใจกล้ามาก ข้าไม่สนว่าเ้าจะใช้วิธีอะไร แต่ต่อหน้าข้าถงตง เ้าต้องยอมศิโรราบ” ถงตงตอบกลับพลางแสยะยิ้ม เขาเชิดหน้ามองเย่เฟิงด้วยความหยิ่งผยอง เขานั้นไม่คิดว่าเย่เฟิงที่อยู่ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 8 จะเอาชนะเขาได้
“ข้าี้เีทะเลาะกับเ้า เ้าหักแขนข้างหนึ่ง แล้วไสหัวไปซะ!” ถงตงกล่าวต่อ การที่เขาให้เย่เฟิงหักแขนตัวเองราวกับว่าเป็พระคุณอันยิ่งใหญ่
“ถงตงสมกับเป็ผู้ฝึกยุทธ์อันดับที่ 8 ในรายนามขั้นบ่มเพาะกายา เพิ่งมาถึงก็สั่งให้ชายคนนั้นหักแขนตัวเอง ดูแล้วถงตงคงจะล้างแค้นให้เจิ้งเชา” ผู้คนคิดในใจ ถงตงนั้นแข็งแกร่งกว่าเจิ้งเชาและไม่มีใครคิดว่าเย่เฟิงเป็คู่ต่อสู้ของถงตง แต่เจินเหลียงได้ยินคำพูดของถงตง เขากลับตัวสั่นเทา อยากจะห้ามอีกฝ่าย แต่ก็ไม่ได้ทำ เพราะไม่งั้นหากเขาเข้าร่วมด้วยเื่ที่เกิดขึ้นเมื่อสามวันก่อนก็จะถูกเปิดเผย
“หักแขนตัวเอง?” เย่เฟิงชะงักไปเล็กน้อย คนตรงหน้าก็เป็อีกคนที่มั่นใจนักหนาและไม่สนใจคนอื่น
“ทำไม หรือเ้ากล้าไม่เชื่อฟังข้า?” ถงตงได้ยินช่นนั้นก็เผยสีหน้าเย็นเยียบ พร้อมปลดปล่อยพลังปราณเข้ากดดันเย่เฟิง ทว่าเย่เฟิงกลับเฉยเมย ไม่สะทกสะท้านกับพลังของถงตงแม้แต่นิดเดียว
“คนโง่เง่า” เย่เฟิงแสยะยิ้ม ราวกับมองถงตงเป็คนโง่ ทำให้ถงตงเผยสีหน้าไม่สู้ดีเล็กน้อย เขารู้ว่าคนโง่เง่าที่เย่เฟิงพูดหมายถึงใคร จึงอดโกรธไม่ได้
“ในเมื่อเ้ามันดื้อดึงมาก งั้นข้าจะสั่งสอนมารยาทเ้าให้เป็อย่างดี!” ถงตงกล่าว จากนั้นเห็นถงตงกระทืบเท้าอย่างแรง พลันพื้นดินสั่นไหว ราวกับมีพลังไร้รูปร่างเยือนเย่เฟิง บรรยากาศเปลี่ยนไปตึงเครียดฉับพลัน ประหนึ่งวันสิ้นโลกมาเยือนอย่างไรอย่างนั้น
“นี่มัน...” ผู้คนเห็นฉากนี้ต่างอดไม่ได้ที่จะใจเต้นรัว พลางคิดกันในใจ “ถงตงสมแล้วที่เป็ผู้ฝึกยุทธ์รายนามขั้นบ่มเพาะกายา ลงมืออย่างไม่ลังเล เขาปลุกิญญาาพิภพ ยามต่อสู้มักจะพึ่งพิงพลังจากผืนดิน พลังจึงทรงอานุภาพ แล้วชายผู้นี้จะต่อต้านได้อย่างไรกัน?”
ซึ่งเป็อย่างที่ผู้คนคิดเช่นนั้น พลังของถงตงแกร่งกว่าเจิ้งเชามาก ิญญาาพิภพก็ร้ายกาจจนน่าหวาดกลัว ทว่าการเผชิญหน้ากับเย่เฟิงยังไม่เพียงพอ เย่เฟิงนั่นเอาชนะผู้ฝึกยุทธ์อันดับที่ 2 และอันดับที่ 4 ในรายนามขั้นบ่มเพาะกายามาแล้ว แล้วนับประสาอะไรกับถงตง
เย่เฟิงเหยียดยิ้มอย่างเ็า เขาอยู่ใจกลางความสั่นะเืมากที่สุด แต่เขากลับยืนมั่นคง สองมือไพล่หลัง เสื้อคลุมปลิวสะบัด นี่ทำให้ผู้คนตะลึงงัน
“ไม่นึกว่าหมอนี่จะใจกล้าแม้เผชิญหน้ากับิญญาาพิภพของถงตง ข้าอยากเห็นนักว่าเขาจะตายยังไง” มีผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งกล่าว เมื่อเห็นความน่ากลัวของิญญาาพิภพ เขาก็ตัดสินว่าเย่เฟิงต้องแพ้แน่นอน
“หือ?” ถงตงประหลาดใจ เย่เฟิงดูไม่สะทกสะท้านกับการโจมตีของเขาสักเท่าไร
“หินผาั์!” ถงตงแผดเสียงะโ เห็นเขาสะบัดมือ จากนั้นหินก้อนมหึมาก็ปรากฏ ก่อนจะเข้าโจมตีเย่เฟิง
“การโจมตีน่ากลัวมาก ชายผู้นั้นไม่มีทางรับมือไหวแน่!” ผู้คนต่างใจเต้นรัว การโจมตีเช่นนี้ไม่ใช่ใครที่ไหนจะต่อต้านได้ เย่เฟิงต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!
“ฝ่ามือภูผาพิฆาต!” เย่เฟิงปล่อยฝ่ามือภูผาพิฆาตออกไป ตามมาด้วยเสียงดังะเิต่อเนื่อง หนึ่งฝ่ามือทำลายหินก้อนมหึมาจนกลายเป็ผุยผง
“สวบ” ขณะเดียวกันเย่เฟิงก้าวออกมา พลันเคลื่อนที่ด้วยความเร็วดุจดาวตก ก่อนจะปรากฏตัวที่เบื้องหน้าถงตง พร้อมกับแทงหอกออกไปด้วยความเร็วสูง แขนข้างหนึ่งของถงตงถูกหอกแทง เืพุ่งกระฉูดออกมา ถงตงต้องส่งเสียงร้องอย่างเ็ป ก่อนจะถอยหลังไปด้วยความรวดเร็วพลางมองเย่เฟิงตาเขม็ง
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกะทันหันนี้ทำผู้คนไม่น้อยตกตะลึง เมื่อครู่นี้ถงตงเป็ฝ่ายได้เปรียบ แต่หลังจากปล่อยเคล็ดวิชาหินผาั์ ก็ไม่คาดคิดว่าเขาจะถูกอีกฝ่ายแทงแขน เห็นชัดว่าเคล็ดวิชาหอกของอีกฝ่ายน่าหวาดกลัวเพียงใด
“อยากหักแขนข้าก็ควรไตร่ตรองให้ดีเสียก่อน ต่อหน้าข้า แขนเ้าก็ยังรักษาไว้ไม่ได้” เย่เฟิงกล่าวเสียงเย็นขณะมองถงตงที่เผยสีหน้าไม่สู้ดี
เขาไม่เข้าใจว่าทำไมคนเหล่านี้ชอบทำตัวอวดดี อยู่ดีไม่ว่าดีก็อยากหักแขนคนอื่น ไม่ก็ทำลายการบ่มเพาะ ก่อนที่เ้าจะรู้ความแข็งแกร่งของอีกฝ่าย ก็จงห้ามประมาทอีกฝ่ายเด็ดขาด
“เ้า...” ถงตงถึงกลับพูดไม่ออก ในใจของเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง เขาถงตงจะพ่ายแพ้ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 8 ได้อย่างไร นี่ต้องเป็เื่บังเอิญแน่นอน เมื่อถงตงคิดได้เช่นนี้ จู่ ๆ พลังปราณของเขาเพิ่มขึ้นอีกระดับ พื้นดินสั่นไหว ิญญาาพิภพอาละวาด หมัดถูกปล่อยออกไป หมัดนี้แฝงด้วยพลังพิภพที่น่าหวาดกลัว ทั้งยังทรงอานุภาพมาก
“รนหาที่ตาย!” เย่เฟิงกล่าวพลางดวงตาฉายแววอย่างแหลมคม พลันรังสีหอกพาดผ่านท้องฟ้า ทั้งยังแฝงด้วยพลังแห่งอำนาจขั้นผันแปร
“อ๊าก!!!” เสียงร้องโหยหวนของถงตงดังขึ้น แขนอีกข้างของถงตงถูกตัด เืพุ่งกระฉูดราวกับน้ำพุ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง เขาถูกตัดแขนทั้งสองข้าง ถึงมีพลังก็ไร้ประโยชน์ เขาคือคนไร้ค่า
“ตึกตัก!” ผู้คนเห็นฉากนี้ต่างใจเต้นแรง ถงตงผู้ฝึกยุทธ์อันดับที่ 8 ในรายนามขั้นบ่มเพาะกายา ผู้ปลุกิญญาาพิภพ เขาถูกตัดแขนสองข้าง นี่ช่างโหดร้ายยิ่งนัก
เจินเหลียงมีสีหน้าย่ำแย่ เขาเป็สหายกับถงตง แม้ถงตงถูกเย่เฟิงตัดแขนทั้งสองข้าง แต่เขากลับทำได้เพียงยืนดูอยู่เฉย ๆ
“หากยังไม่ไปอีก ข้าจะกุดหัวเ้าซะ!” เย่เฟิงตวาดใส่ถงตงด้วยเสียงแข็งกร้าว
“พี่เจินช่วยข้าด้วย!” แววตาของถงตงเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น เขาถูกตัดแขนสองข้าง ไม่ว่าอย่างไรก็มิอาจลืมความแค้นนี้ได้ เจินเหลียงคือผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ หากเจินเหลียงลงมือ เย่เฟิงก็จบเห่เป็แน่ ทว่าเจินเหลียงได้ยินเช่นนั้นกลับตัวสั่นสะท้าน และไม่รู้จะตอบกลับไปว่าอย่างไรดี
ผู้คนต่างหันไปมองเจินเหลียง หากผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ลงมือ เย่เฟิงคงยอมศิโรราบ กระทั่งชดใช้หนักกว่าถงตงหลายเท่า
แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ เจินเหลียงจำต้องออกโรงเพื่อไม่ให้ตัวเองขายหน้า เขาระบายยิ้มอย่างขมขื่นขณะมองเย่เฟิง และกล่าวขึ้น “ใต้เท้าตัดแขนสหายข้า จะไม่ทำเกินไปหน่อยหรือ?”
“เ้าอยากพูดอะไร?” เย่เฟิงกล่าวพลางขมวดคิ้ว
“เห็นแก่ข้าเจินเหลียง ใต้เท้าขอโทษถงตงสหายข้าจะได้หรือไม่?” เจินเหลียงเอ่ยถามแบบหยั่งเชิง เขาไม่คิดจะล่วงเกินเย่เฟิง แต่สถานการณ์มันบีบบังคับ
“ให้ข้าขอโทษเขางั้นหรือ?” เย่เฟิงตาเผยประกายคมกริบ พร้อมกล่าวต่อ “เ้ามีสิทธิ์อะไรถึงกล้าพูดจาเช่นนี้กับข้า? หากเ้าอยากเข้ามาแทรกแซงด้วย เช่นนั้นข้าก็ไม่รังเกียจตัดแขนเ้าอีกคน”
“หมอนี่จะตัดแขนเจินเหลียงงั้นหรือ?” ผู้คนต่างตะลึงงัน เจินเหลียงคือผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ แข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นบ่มเพาะกายามาก เย่เฟิงพูดจาเช่นนี้ช่างกำเริบเสิบสานยิ่งนัก
เจินเหลียงได้ยินเช่นนั้นก็ต้องใจเต้นระรัว เหงื่อผุดขึ้นที่หน้าผาก เป็อย่างที่เขาคิดไว้ เย่เฟิงโกรธแล้ว
“พี่เจิน อย่าไปพล่ามไร้สาระกับมัน ทำลายการบ่มเพาะของมันซะ!” ถงตงดูร้อนใจมาก เขา้ากำจัดเย่เฟิง จึงยุยงเจินเหลียง ทว่าเจินเหลียงเผยสีหน้าไม่สู้ดีนัก เหงื่อออกมากกว่าเดิม เขาไม่รู้จะทำอย่างไรดี
“พี่เจิน เ้าทำอะไรน่ะ ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ? ทำลายการบ่มเพาะของเขาซะ!” ถงตงกล่าว สภาพของเจินเหลียงในเวลานี้ทำให้เขารับไม่ได้
“ใต้เท้าขอโทษถงตงไม่ได้จริง ๆ หรือ?” เจินเหลียงอ้อนวอนขณะมองเย่เฟิงด้วยรอยยิ้มขมขื่น
ผู้คนต่างประหลาดใจ ไม่รู้ว่าเจินเหลียงเป็อะไรถึงพูดจาเช่นนี้กับเย่เฟิง?
“เพียะ!” พลันเสียงหนึ่งดังกังวาน เย่เฟิงเหวี่ยงฝ่ามือตบหน้าเจินเหลียง พร้อมกับปรากฏรอยนิ้วทั้งห้าบนใบหน้าของเจินเหลียง
“นี่...” ผู้คนเห็นฉากนี้ใจนพูดไม่ออก เจินเหลียงผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ถูกผู้ฝึกยุทธ์ขั้นบ่มเพาะกายาตบหน้า ฟังไปแล้วก็เหมือนเป็เื่ไร้สาระ แต่ที่สำคัญไปกว่านั้นคือเจินเหลียงสามารถหลบฝ่ามือนี้ได้ แต่เขากลับไม่ทำและยอมโดนตบ
“ไสหัวไป!” เย่เฟิงกล่าวอีกครั้ง ทำให้สายตาของผู้คนไม่น้อยส่องประกายคมกริบ พวกเขาคิดว่าเจินเหลียงน่าจะรู้สึกอับอายและเกิดโทสะ ทว่าในความเป็จริงไม่ใช่อย่างที่พวกเขาคิดไว้เช่นนั้น เจินเหลียงไม่เพียงแต่ไม่เกิดโทสะ แต่ยังกล่าวกับถงตงว่า “เื่นี้ไม่เกี่ยวกับข้า ในเมื่อเ้าก่อเื่ เ้าก็ต้องรับผิดชอบเอง!”
เจินเหลียงพูดจบก็เดินออกไปทันที ความเป็จริงนั้นเจินเหลียงแค้นเย่เฟิงมาก แต่เขาไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม เย่เฟิงแข็งแกร่งเกินไป หากเขาลงมือ คนที่จะเสียเปรียบต้องเป็เขาแน่นอน ดังนั้นเขาทำได้เพียงอดทนและอดทน
“พี่เจินเ้า...” ถงตงเห็นฉากนี้ถึงกับไร้ซึ่งคำพูด สมองขาวโพลนไปชั่วขณะ
“เจินเหลียงไปแล้ว เขาโดนชายผู้นี้ตบหน้าและไล่คำเดียวก็ไปแล้วหรือ ทำไมผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ถึงอ่อนหัดเพียงนี้ ชายผู้นี้เป็ใครกันแน่นะ?” ผู้คนต่างใจเต้นระรัวและไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้