เยว่เฟิงเกอเดินอาดๆ นำหน้า โดยยึดเอาท่าทางเสเพลของพี่รองของนางมาใช้
เมื่อคนทั้งสองเดินไปถึงใจกลางตลาดอันครึกครื้น ห่างไปไม่ไกลก็มองเห็นโรงน้ำชาพอดี เยว่เฟิงเกอเองก็รู้สึกคอแห้ง จึงเดินไปที่โรงน้ำชาแห่งนั้น
“คุณชายทั้งสองเชิญด้านในขอรับ” เสี่ยวเอ้อในร้านเห็นคุณชายสูงศักดิ์และเด็กรับใช้เดินมาทางตน ก็รีบเข้าไปต้อนรับ
เยว่เฟิงเกอนั่งลงแถวที่นั่งข้างหน้าต่าง ให้เสี่ยวเอ้อยกชาหลงจิ่งมากาหนึ่ง
เสี่ยวเอ้อยกน้ำชาขึ้นมาอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งรินน้ำชาให้เยว่เฟิงเกอและชิงจื่อคนละถ้วย
หลังจากเสี่ยวเอ้อจากไปแล้ว หน้าประตูก็มีชายสวมอาภรณ์สีขาวคนหนึ่งเดินเข้ามา เขาเห็นเยว่เฟิงเกอในทันที จึงเดินก้าวยาวๆ มาที่โต๊ะของนาง
“คงจะไม่รังเกียจใช่หรือไม่ขอรับ หากข้าจะขอนั่งที่โต๊ะตัวนี้ด้วย? ” ชายชุดขาวยิ้มบางๆ ให้เยว่เฟิงเกอ
เยว่เฟิงเกอที่กำลังเป่าใบชาที่ลอยอยู่เหนือน้ำได้ยินเสียงต่ำๆ เอ่ยถามก็อดเงยหน้าขึ้นมองไม่ได้
สิ่งที่ปรากฏสู่สายตาคือใบหน้างามราวเทพเซียนที่อยู่เหนือโลกีย์ทั้งปวง
เยว่เฟิงเกอรู้สึกคุ้นเคยกับชายผู้นี้อย่างประหลาด เพียงแต่จะคิดอย่างไรก็คิดไม่ออกว่าเคยพบเขาที่ใด
ชายแปลกหน้ายังคงประดับรอยยิ้มเต็มใบหน้า รอให้เยว่เฟิงเกอพยักหน้าอนุญาต
เยว่เฟิงเกอไม่คิดอิดออดอีกต่อไป นางผายมือทำทีเป็เชื้อเชิญ “ข้าไม่รังเกียจ เชิญนั่ง” นางกดเสียงให้ต่ำ พอฟังแล้วก็ให้รู้สึกเหมือนเสียงของหนุ่มน้อยคนหนึ่ง
“ขอบใจคุณชาย” ชายคนนั้นยิ้มบางๆ แล้วนั่งลง
เยว่เฟิงเกอให้ชิงจื่อรินน้ำชาให้ชายคนนั้น เขายกถ้วยชาใบนั้นขึ้นแล้วเอ่ยปากขอบใจเยว่เฟิงเกออีกครั้ง
เยว่เฟิงเกอเพียงยิ้มน้อยๆ โดยไม่ได้สนใจชายตรงหน้าอีก นางหันศีรษะไปมองนอกหน้าต่าง
ถึงแม้ชายคนนี้จะหน้าตางดงามมาก แต่บนร่างกลับมีบรรยากาศเช่นคนเ้าเล่ห์แผ่ออกมา
อย่าเห็นแค่ว่าเขายิ้มอยู่ เพราะรอยยิ้มเ่าั้ไปไม่ถึงดวงตา
ถึงแม้เยว่เฟิงเกอจะชอบมองคนหล่อ แต่ชายตรงหน้านี้กลับไม่ใช่คนที่นางอยากจะมองอีกแม้เสี้ยวนาที
ชายคนนี้ดูเ้าเล่ห์มาก ทำให้เยว่เฟิงเกอรู้สึกไม่สบายใจ นางคิดว่าหากดื่มชาถ้วยนี้หมดแล้วจะไปจากโรงน้ำชาทันที เช่นนี้จะได้ไม่ต้องนั่งประจันหน้ากับเขาต่อไป
ชายแปลกหน้าเอาแต่มองเยว่เฟิงเกอตาไม่กะพริบ ทำเอาชิงจื่อที่นั่งอยู่ข้างกายเยว่เฟิงเกอรู้สึกอึดอัดตามไปด้วย
“นี่ เ้ามองอะไรพระชา...บนใบหน้าคุณชายข้าหาได้มีดอกไม้งอกออกมาเสียหน่อย มีอะไรให้มองหนักหนา” ชิงจื่อกล่าวเสียงเ็ากับชายตรงหน้า
ทว่า เขาไม่สนใจคำพูดของชิงจื่อแม้แต่น้อย บนใบหน้ายังคงประดับรอยยิ้มน้อยๆ ในที่สุดก็เอ่ยปากขึ้นว่า “ขอถามคุณชาย ท่านเพิ่งเคยมาดื่มชาที่โรงน้ำชาแห่งนี้เป็ครั้งแรกหรือ? ”
เยว่เฟิงเกอหันหน้ามามองชายตรงหน้านาง ไม่กล่าวอะไร แต่กลับเป็ชิงจื่อที่อยู่ด้านข้างที่กล่าวขึ้น “แล้วเกี่ยวอันใดกับเ้า? ”
ชิงจื่อรู้สึกว่าชายตรงหน้าเ้าเล่ห์ยิ่งนัก นางรับรู้ได้ถึงบรรยากาศเ็าที่แผ่กำจายออกมาจากร่างเขา
แม้แต่ในฤดูร้อนเช่นนี้ยังทำให้นางรู้สึกหนาวเหน็บ
ชายแปลกหน้ายังคงไม่แม้แต่จะมองชิงจื่อ สายตาจับจ้องเยว่เฟิงเกอตาไม่กะพริบ
เยว่เฟิงเกอกระแอมแล้วกล่าวว่า “เป็ครั้งแรกที่ข้ามาดื่มชาที่โรงน้ำชาแห่งนี้จริงๆ ปกติแล้วข้าชอบไปดื่มสุราที่โรงเตี๊ยมมากกว่า”
“อ้อ? ดูจากใบหน้าของคุณชายแล้วไม่คล้ายคนที่ชมชอบการดื่มสุราเลย” ชายคนนั้นพูดขึ้นราวกับได้ฟังเื่ใหม่ๆ ที่น่าสนใจก็ไม่ปาน รอยยิ้มกดลึกขึ้น แต่ยังคงไปไม่ถึงดวงตา
เยว่เฟิงเกอเองก็มีรอยยิ้มบางๆ บนใบหน้า แต่ไปไม่ถึงดวงตาเช่นกัน “คุณชายท่านนี้อยากจะดื่มกับข้าสักจอก? ”
“ไม่รู้ข้าน้อยจะมีวาสนานั้นหรือไม่? ” ชายแปลกหน้าลองถามขึ้น
ชิงจื่อมองเยว่เฟิงเกอด้วยความกังวล นางเห็นเพียงว่าเมื่อเยว่เฟิงเกอดื่มชาในถ้วยจนหมดก็ยืนขึ้นโบกพัดสองสามที
“เราสองเพียงพบกันโดยบังเอิญ ดื่มชาร่วมกันก็มากพอแล้ว สุราคงไม่ต้อง” เยว่เฟิงเกอพูดจบ ก็หยิบเศษเงินออกมาจากแขนเสื้อ วางไว้บนโต๊ะแล้วเดินอาดๆ ออกไปจากโรงน้ำชา
ชิงจื่อรีบร้อนตามออกไป เมื่อเดินออกมานอกโรงน้ำชาแล้วถึงได้รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอีกครั้ง
“คุณชาย เมื่อครู่ข้าใแทบตาย เหตุใดคนผู้นั้นถึงได้ดูเ้าเล่ห์เพียงนั้น” ยามที่ชิงจื่อเอ่ยประโยคนี้ ยังอดหันศีรษะกลับไปมองทางโรงน้ำชาอีกครั้งไม่ได้
ทว่า เพียงชั่วครู่ที่หันไปนางกลับบังเอิญได้สบตากับชายคนนั้น จึงตกอกใ รีบหันหน้ากลับ ไม่กล้าหันไปมองอีก
เยว่เฟิงเกอยังคงก้าวเดินไปข้างหน้าโดยไม่ได้หันหลังกลับ “ชายคนนี้อันตรายมาก จะสมาคมกับเขาลึกซึ้งมากไม่ได้”
ทางด้านซ่างกวานม่อิ เขาไม่รู้เลยว่าเยว่เฟิงเกอจะรีบร้อนจากไปเช่นนี้ทำไม เพราะเขายังอยากจะสนทนากับนางให้มากขึ้นอีกสักหน่อย
ดูเหมือนว่าหลังจากแต่งให้จั้นอ๋องม่อหลิงหานแล้ว เยว่เฟิงเกอในตอนนี้จะมีจิตใจระแวดระวังกว่าเมื่อก่อน
ซ่างกวานม่อิยิ้มอย่างชั่วร้าย แหงนหน้าขึ้นดื่มชาจนหมดถ้วย ถึงได้เดินก้าวยาวๆ ไปจากโรงน้ำชาแห่งนี้
เขาหลบมายังตรอกเงียบๆ แห่งหนึ่งที่ไม่มีใคร หยิบหน้ากากหนังมนุษย์ออกมาจากในแขนเสื้อแล้วแนบไปบนใบหน้าของตน
เพียงไม่นานชายหล่อเหลาราวเทพเซียนก็กลายเป็ม่อหลิงหานทันที
ซ่างกวานม่อิเดินไปในตลาดด้วยใบหน้าของม่อหลิงหาน ราษฎรที่ขวักไขว่อยู่บนถนนจึงพากันเข้าใจผิดว่าเป็ม่อหลิงหานตัวจริง
พวกเขาต่างพร้อมใจกันแซ่ซ้องสรรเสริญแด่จั้นอ๋อง ทั้งยังมีบางคนถึงขั้นมอบรากไม้ที่ตนเพิ่งขุดได้ให้เขา
หลังจากซ่างกวานม่อิยิ้มบางๆ ปฏิเสธราษฎรเ่าั้ไปแล้ว ก็รีบร้อนเดินไปยังสถานที่ที่เยว่เฟิงเกออยู่
ยามที่เขาเดินผ่านร้านตัดเสื้อแห่งหนึ่ง จึงเข้าไปซื้ออาภรณ์ตัวใหม่ เพื่อผลัดเปลี่ยนอาภรณ์สีขาวบนร่างเป็ชุดอื่น
เมื่อเดินออกจากร้าน ก็เห็นว่าเยว่เฟิงเกอกำลังยืนเล่นปิ่นหยกอยู่ที่หน้าร้านแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกล
เ้าของร้านเข้าใจว่าเยว่เฟิงเกอ้าซื้อเครื่องประดับให้สตรีในดวงใจจึงรีบแนะนำของดีในร้านของตนทันที
“คุณชายท่านนี้แค่ดูก็รู้แล้วว่าเป็คนสายตาเฉียบแหลม ปิ่นหยกในมือท่านเป็ผลงานชั้นดีของร้านเราเลยนะขอรับ หากซื้อกลับไปมอบให้นางในดวงใจของท่านละก็ ข้าขอรับประกันเลยว่าจะต้องยิ่งเสริมให้นางงดงามยิ่งขึ้นไปอีกเป็แน่ขอรับ”
เ้าของร้านเอ่ยชมสินค้าในร้านตนเองอย่างโอ้อวดจนน้ำลายลอยฟ่อง ทำเอาชิงจื่อที่ยืนอยู่อีกด้านยังถึงกับต้องกลอกตามองบน
เยว่เฟิงเกอใช้พัดในมือปิดบังใบหน้าตน เพื่อป้องกันน้ำลายที่กระเด็นมา
ชิงจื่อดึงแขนเสื้อของเยว่เฟิงเกอ กระซิบที่ข้างหูผู้เป็นาย “คุณชาย พวกเราไปกันเถอะ เ้าของร้านเป็เช่นนี้ ดูก็รู้ว่าขายของปลอม”
คำพูดของชิงจื่อทำให้เยว่เฟิงเกอรู้สึกสนใจขึ้นมาด้วยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายสามารถแยกของจริงของปลอมได้ด้วย
“เ้ามองออกได้อย่างไร? ” เยว่เฟิงเกอถามชิงจื่อเสียงเบา
ชิงจื่อเห็นว่าในที่สุดก็ถึงเวลาที่ตนจะได้แสดงศักยภาพออกมา นางรีบลากเยว่เฟิงเกอไปอีกด้าน กล่าวเสียงเบา “คุณชาย ท่านลืมไปแล้วหรือว่าเมื่อก่อนข้าเคยทำอาชีพอะไร? ก่อนข้าจะมาเป็บ่าวรับใช้ บ้านข้าขายหยกมาก่อนนะขอรับ เพียงแต่ตอนหลังกิจการที่บ้านล่มจม สุดท้ายท่านพ่อไร้หนทางจึงส่งข้ามาเป็บ่าวรับใช้ ดังนั้น ข้าย่อมรู้แน่ว่าปิ่นในมือท่าน ที่จริงแล้วไม่ใช่หยก แต่ทำมาจากหินสีเขียว”
ชิงจื่อกล่าวเช่นนี้ เยว่เฟิงเกอถึงได้นึกออก ในความทรงจำของเ้าของร่างเดิม สาวใช้ประจำกายคนนี้มาจากตระกูลค้าหยก เพียงแต่ตอนหลังบิดาของชิงจื่อถูกหลอกจนล้มละลาย
โชคดีที่เขารู้จักคนในวัง จึงส่งชิงจื่อเข้าวังมาเป็สาวใช้
ดังนั้น ในเมื่อชิงจื่อบอกว่าไม่ใช่หยกจริง ก็ย่อมต้องไม่ใช่หยกจริงๆ แน่
เยว่เฟิงเกอเดินกลับมาที่ร้านค้าแล้ววางปิ่นชิ้นนั้นกลับคืน โบกมือให้เ้าของร้าน “ขออภัยด้วย ไม่ซื้อแล้ว”
เ้าของร้านเห็นว่าเยว่เฟิงเกอไม่ซื้อแล้ว สีหน้ายิ้มแย้มเมื่อครู่ก็กลายเป็พระจันทร์คว่ำในทันที “ไม่ซื้อ? แล้วมามัวยืนอยู่ที่นี่ทำไมตั้งนาน ไปๆๆ รีบไปเร็วๆ เลย อย่ามายืนเกะกะหน้าร้านข้า”
ชิงจื่อเห็นว่าเ้าของร้านถึงกับไล่เ้านายของนางอย่างไม่มีมิตรไมตรี ก็โกรธจนอยากจะด่าคน
มิคาดเยว่เฟิงเกอจะเร็วกว่าก้าวหนึ่ง นางขึ้นหน้าไปถีบร้านตรงหน้าทันที
แรงถีบของนางค่อนข้างแรงทำให้ข้าวของในร้านล้มระเนะระนาด แตกละเอียด
เ้าของร้านเห็นเช่นนั้นก็เบิกตาเท่าเมล็ดถั่วแดง ก่อนจะเดินออกมาจากหลังเพิงแล้วยื่นมือออกไปด้วยตั้งใจจะคว้าเสื้อเยว่เฟิงเกอ
“เ้าทำลูกรักของข้าแตกละเอียดไปหมดแล้ว ชดใช้มาเดี๋ยวนี้”
เยว่เฟิงเกอกำลังจะยื่นมือออกไปปัดมือของอีกฝ่ายทิ้ง แต่กลับเห็นชายคนหนึ่งยื่นมือเข้ามา และจับมือของเ้าของร้านไว้
เยว่เฟิงเกอไล่สายตาไปตามมือนั้นก็ได้เห็นว่าเป็ม่อหลิงหานที่มายืนอยู่ข้างกาย นางกำลังจะกล่าวอะไรก็เห็นเขาบิดมือของเ้าของร้านโชคร้ายจนมีเสียงดัง “แกร๊ก”
นิ้วของคนผู้นั้นถูกบิดหัก
ชายเ้าของร้านร้องออกมา เสียงของเขาดึงดูดความสนใจของคนตามท้องถนน
“ไปแจ้งทางการ ทุกคนช่วยไปแจ้งทางการให้ข้าที จั้นอ๋องทำร้ายคน” เ้าของร้านเจ็บจนหน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อ เขากุมนิ้วมือของตนไว้แล้วร้องะโเสียงดัง