สิ่งนี้มีสีเขียวมรกต เปล่งประกายแสงอ่อน ๆ และมีปราณลึกลับแผ่ออกมาจากในนั้น
“เหล็กนิลหยก!”
เมื่อวิไลคู่ไฟน้ำแข็งเห็นของสิ่งนี้ก็ดวงตาสั่นไหวชั่ววูบ และอดอุทานออกมาไม่ได้ เหล็กนิลหยกเป็สมบัติล้ำค่าที่หานิและเฟิงชาได้รับมาจากหนึ่งในภารกิจลอบสังหาร แต่บังเอิญว่าหานิได้มันไป เฟิงชาจึงไล่ตามมาที่นี่เพื่อ้าของสิ่งนี้
หานิเผยสีหน้าปวดใจขณะส่งเหล็กนิลหยกไปให้เย่เฟิง
“ก่อนหน้านี้เ้าลอบโจมตีข้า ซ้ำยังยุยงเฟิงชาให้ลงมือฆ่าข้าอีก เดิมทีข้า้าชีวิตเ้า แต่โชคดีที่เ้าให้ความร่วมมือ เช่นนั้นข้าจะไว้ชีวิตเ้าสักครั้ง ไสหัวไปซะ!” เย่เฟิงรับเหล็กนิลหยกมาก่อนจะขึ้นเสียงใส่หานิเช่นนั้น
ดวงตาของหานิสั่นไหวเล็กน้อยและในใจเต็มไปด้วยความขัดขืน เขาเป็ใคร เขาคืออัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งพันธมิตรชาเซวี่ย บัดนี้กลับถูกชายขั้นยุทธ์แท้ที่ 4 เหยียดหยามในเขาเฉียนคุนแห่งนี้ ไม่เพียงแต่ทำร้ายเขา แต่ยังพรากเหล็กนิลหยกไปจากเขา ทั้งยังอับอายต่อหน้าวิไลคู่ไฟน้ำแข็ง
อย่างไรก็ตามเย่เฟิงแข็งแกร่งกว่าเขามาก ตอนนี้เขารักษาชีวิตไว้ได้ก็ดีแล้ว
หานิได้ยินคำพูดของเย่เฟิง เขาก็เหลือบมองเย่เฟิงแวบหนึ่งก่อนจะหมุนตัวออกไปจากที่นี่
หลังจากหานิออกไป เย่เฟิงก็หันไปมองหญิงสาวสองคนนั้นก่อนกล่าวว่า “พวกเ้าสองคนก็ไปเสียเถอะ!”
พวกนางได้ยินเช่นนั้นก็เผยสีหน้าลำบากใจ จากนั้นหญิงธาตุไฟกล่าวกับเย่เฟิงว่า “หานิคิดมิดีมิร้ายกับเราสองคน หากเราสองคนไปตอนนี้ เกรงว่าต้องตกอยู่ในกำมือของหานิ”
“งั้นพวกเ้า้าอะไร?” เย่เฟิงเอ่ยถามพลางขมวดคิ้ว
“เ้าตระหนักรู้ในสระน้ำต่อเถอะ เราสองคนจะไม่รบกวน เ้าอย่าไล่เราสองคนไปเลย ได้หรือไม่?” หญิงธาตุไฟกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน
“แล้วแต่พวกเ้า!”
ในเมื่ออีกฝ่ายกล่าวเช่นนี้ เย่เฟิงก็ไม่จำเป็ต้องสนใจอีกฝ่าย แม้หญิงสองคนนี้จะมีใจอยากฆ่าเขาก่อนหน้านี้ แต่ตอนที่หานิยุยงให้เฟิงชาลงมือฆ่า พวกนางกลับขวางทางเฟิงชาไม่ให้ฆ่าเขา เห็นชัดว่าหญิงสองคนนี้ไม่ได้มีนิสัยเลวร้าย ดังนั้นเย่เฟิงจึงไม่เอาผิดกับหญิงทั้งสอง อีกอย่างก่อนหน้านี้ในสระน้ำก็เป็่เวลาสำคัญในการตระหนักรู้ของเย่เฟิง เขาจึงไม่คิดจะไปจากที่นี่ตอนนี้
จากนั้นเย่เฟิงเดินลงสระน้ำต่อโดยไม่สนใจหญิงทั้งสอง ไม่นานก็เข้าสู่สภาวะตระหนักรู้
ขณะที่หญิงทั้งสองมองเงาร่างเย่เฟิง ในใจของพวกนางก็รู้สึกสับสน
“ศิษย์พี่ พวกเรารับภารกิจนั่นมาแล้ว หากทำไม่สำเร็จ กลับไปจะอธิบายว่าอย่างไร?” หญิงธาตุไฟเอ่ยถาม
“หากพวกเราถอนตัว อย่างมากก็เสียหินหยวนที่เป็หลักค้ำประกัน เช่นนี้คนระดับสูงของพันธมิตรชาเซวี่ยก็ก้าวก่ายพวกเราไม่ได้แล้ว” หญิงธาตุน้ำแข็งกล่าวเช่นนั้น หากนักฆ่าของพันธมิตรชาเซวี่ยรับภารกิจระดับสูงจะต้องทำการประมูล เมื่อประมูลเสร็จสิ้น ผู้ชนะก็ต้องจ่ายค่าค้ำประกันจำนวนหนึ่งให้กับพันธมิตรชาเซวี่ย
หลังจากทำภารกิจเสร็จสิ้น ค่าค้ำประกันจะถูกส่งคืนให้กับนักฆ่า แต่หากทำภารกิจล้มเหลว ค่าค้ำประกันนั้นจะถูกหักออกไปทันที
การแข่งขันของนักฆ่าในพันธมิตรชาเซวี่ยจึงดุเดือดมาก เช่นเดียวกับวิไลคู่ไฟน้ำแข็งสองคนนี้ พวกนางถือว่าอยู่ระดับกลางในพันธมิตรชาเซวี่ย
ดังนั้นภารกิจครั้งนี้จึงสำคัญกับพวกนางสองคนมาก หากฆ่าเย่เฟิงสำเร็จ เช่นนั้นสถานะของพวกนางในพันธมิตรชาเซวี่ยจะถูกยกระดับ หากไม่สำเร็จก็จะส่งผลกระทบต่อสถานะของพวกนางเช่นกัน
“ข้าไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าเหตุใดถึงมีคนมากมาย้าฆ่าเขา เป็ผู้ชายที่มีเืมีเนื้อแท้ ๆ หรือเขาจะไปล่วงเกินใครเข้า?” หญิงธาตุไฟกล่าว หลังจากรู้จักมาหลายชั่วยาม เย่เฟิงก็ได้สร้างความประทับใจให้กับพวกนางไม่มีลืม จึงอดรู้สึกชื่นชมเย่เฟิงไม่ได้
“อะไรกัน? ผ่านมาไม่ถึงครึ่งวัน ศิษย์น้องก็ชื่นชมคนคนนี้แล้วหรือ? หากได้รู้จักกันนานกว่านี้ ศิษย์น้องคงไม่ตกหลุมรักเขาแล้วหรือ”
หญิงธาตุน้ำแข็งได้ยินเช่นนั้นก็เผยรอยยิ้มอันอ่อนโยนพร้อมเอ่ยปากหยอกล้อ
“เปล่าสักหน่อย ว่าแต่ศิษย์พี่เถอะ สายตาที่มองคนอื่นดูเหมือนจะเปลี่ยนไปนะ!” หญิงธาตุไฟกล่าวอย่างร้อนรนด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ
“เ้านี่นะ พูดอะไรไร้สาระ!” หญิงธาตุน้ำแข็งหน้าแดงก่อนจะพูดจาเช่นนั้น
จู่ ๆ เสียงหัวเราะคิกคักก็ดังขึ้นไม่หยุด
เย่เฟิงนั้นจมอยู่ในสภาวะตระหนักรู้พลังฟ้าดิน จึงไม่รู้เื่ของพวกนางสองคน
ครั้งนี้เย่เฟิงตัดสินใจว่าหากอำนาจฟ้าดินไม่บรรลุขั้นกายา่กลาง เขาจะไม่ออกจากสระน้ำแห่งนี้ ดังนั้นการตระหนักรู้ครั้งนี้จึงผ่านไปเกือบครึ่งเดือน ร่างเย่เฟิงแช่อยู่ในสระน้ำ พร้อมร่างเรืองรองแสงอ่อน ๆ
วิไลคู่ไฟน้ำแข็งยังคงไม่ไปไหน พวกนางเข้าสู่สภาวะตระหนักรู้โดยอาศัยพลังฟ้าดินจากสระน้ำเช่นกัน เพียงแต่เทียบเคียงกับเย่เฟิงไม่ได้
วันที่ 20 ร่างเย่เฟิงรายล้อมไปด้วยพลังแห่งอำนาจ แฝงด้วยกลิ่นอายโบราณและเรียบง่าย
วันที่ 25 แสงแห่งอำนาจที่รายล้อมร่างเย่เฟิงแกร่งกล้าขึ้น และภายใต้แสงนั้นทำให้เย่เฟิงราวกับเทพเ้าก็ไม่ปาน
วันที่ 30 พลังปราณที่แผ่ออกจากร่างเย่เฟิงแข็งแกร่งขึ้น แสงแห่งอำนาจก็เพิ่มพูนขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงระดับสูงสุด
บัดนี้เย่เฟิงที่ไม่ขยับเขยื้อนตัวมาเป็เวลา 30 วันก็ได้เคลื่อนไหวฉับพลัน
สองฝ่ามือร่ายไปมาด้านหน้าพลันก้อนเมฆมารวมตัวที่กลางอากาศ และไหลเวียนไปด้วยอำนาจฟ้าดินที่น่าหวาดกลัว
“เปรี้ยง!” เสียงฟ้าผ่าดังสนั่น พลังฟ้าดินที่ไหลเวียนบนก้อนเมฆนั่นพลันกลายเป็สายฟ้าเล็กใหญ่ ก่อนจะผ่าลงมาที่ร่างเย่เฟิง
สายฟ้าที่แล่นไปทั่วร่างเย่เฟิงนั้นแฝงไปด้วยพลังฟ้าดิน เย่เฟิงกัดฟันอดทน ก่อนจะปล่อยเคล็ดวิชาฝ่ามือออกไปยังสายฟ้าที่อยู่เหนือหัว เมื่อพลังเคล็ดวิชาผสานกับสายฟ้านั่น จู่ ๆ พลังก็เพิ่มพูนขึ้นฉับพลัน
“เปรี้ยง ๆ ๆ!”
ฟ้าผ่าลงมาพร้อมกันสามครั้ง ซึ่งผ่าลงที่ร่างเย่เฟิงทั้งหมด ทุกสายฟ้าทำให้ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้สูงสุดสามารถสลายเป็ผุยผงได้เลย
เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นที่หน้าผากของเย่เฟิง เขานั้นยังคงกัดฟันอดทน เพราะเขารู้ว่าหากเขาอดทนไม่ไหว เช่นนั้นก็ไม่ต้องเอ่ยถึงการเลื่อนขั้นของพลังแห่งอำนาจ และเย่เฟิงก็จะต้องประสบกับเื่ร้ายแรงบางอย่าง
ทันใดนั้นเย่เฟิงลืมตาขึ้นพร้อมแสงปะทุออกจากดวงตา ขณะเดียวกันอำนาจฟ้าดินของเขาก็ถูกปลดปล่อยออกมา ส่วนอำนาจฟ้าดินในสายฟ้าแทรกซึมเข้ารูขุมขนสู่ร่างกาย ก่อนจะผสมผสานกับพลังของเย่เฟิง
จู่ ๆ ลมปราณของเย่เฟิงเปลี่ยนไปแกร่งกล้าขึ้นฉับพลัน เืในกายเดือดพล่านอย่างบ้าคลั่ง นาทีนี้เขารู้สึกว่าอำนาจฟ้าดินของตนได้มาถึงจุดที่แน่นอนของขั้นกายา่ต้นอย่างแท้จริง
“เปรี้ยง!”
สายฟ้าพลันผ่าลงมาที่ร่างเย่เฟิงอีกครั้ง ด้วยพลังอันแกร่งกล้าที่อัดแน่นอยู่ในสายฟ้า ในที่สุดอำนาจฟ้าดินของเย่เฟิงก็ทะลวงกำแพง และเข้าสู่ขั้นกายา่กลาง
นาทีนี้ลมปราณของเย่เฟิงเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง อำนาจฟ้าดินพลุ่งพล่านทั่วร่างเย่เฟิงคล้ายเชื่อมโยงกับฟ้าดิน
หญิงสาวสองคนนั้นที่อยู่ไกลออกไปต่างเห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ดวงตาของพวกนางก็ต้องสั่นไหวด้วยความใ
“ศิษย์พี่ อำนาจฟ้าดินของเขาเลื่อนขั้นแล้ว!” หญิงธาตุไฟกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเหลือเชื่อ
“อืม ก่อนหน้านี้อำนาจฟ้าดินของเขาอยู่ขั้นกายา่ต้น บัดนี้ใช้เวลาแค่หนึ่งเดือน อำนาจฟ้าดินของเขาก็บรรลุขั้นกายา่กลางด้วยการอาศัยพลังฟ้าดินจากสระน้ำแห่งนี้ ช่างน่าทึ่งมาก!” หญิงธาตุน้ำแข็งกล่าวด้วยความใ นางรู้สึกว่าหัวใจของตนเต้นเร็วจนจะะโออกมา และเป็เวลานานกว่าจะสงบจิตสงบใจได้
“อำนาจฟ้าดินขั้นกายา่กลาง ตอนนี้พลังของเขาแกร่งขึ้นกว่าเดิมแล้ว!” หญิงธาตุไฟกล่าวด้วยสีหน้าเลื่อมใสศรัทธา แม้แต่อาจารย์ของพวกนางที่อยู่ขั้นยุทธ์เทวะ พลังแห่งอำนาจของเขาก็อยู่แค่ขั้นกายา่ต้นเท่านั้น
ก่อนหน้านี้ในศึกปะทะของเย่เฟิงกับเฟิงชา เย่เฟิงใช้อำนาจหอก เขาจึงฆ่าอีกฝ่ายได้สำเร็จ
ด้วยพลังของพวกนางมิอาจมองออกได้ว่าอำนาจหอกของเย่เฟิงอยู่ระดับไหนแล้ว แต่พวกนางกลับรู้สึกว่าระดับของอำนาจหอกไม่มีทางต่ำกว่าระดับอำนาจฟ้าดินของเขาแน่นอน มิเช่นนั้นคงไม่มีทางทำให้ผู้ฝึกยุทธ์อย่างเฟิงชาไร้ทางหนีทีไล่
“อืม”
หญิงธาตุน้ำแข็งพยักหน้าพลางตัวสั่นเทาเล็กน้อย นางไม่รู้ว่าจะหาคำอธิบายใดมาใช้กับผู้ที่มีพลังแห่งอำนาจขั้นกายาคู่
ด้วยความช่วยเหลือจากค่ายกลธรรมชาติที่รวบรวมพลังฟ้าดินมาอยู่ในรูปแบบสระน้ำ ทำให้อำนาจฟ้าดินของเย่เฟิงบรรลุขั้นกายา่กลาง
อย่างไรก็ตามทางด้านจ้าวซินอี๋และคนอื่น ๆ ที่อยู่จวนในเมืองโยวโจวกลับเจอเื่ที่คาดคิดเข้า
หญิงสาวผู้หนึ่งสวมเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง แต่กลับมีหน้าตาสะสวย นางมาที่นอกประตูจวนและถามหาเย่เฟิงอย่างตรงไปตรงมา
หลังจากทหารยามซักถามอย่างละเอียด ไม่นานหญิงผู้นั้นก็เป็ลมหมดสติไป เื่นี้ทำให้จ้าวซินอี๋ใมาก ด้วยจิตใจอันดีงามของจ้าวซินอี๋ นางจึงสั่งคนให้พาหญิงผู้นั้นเข้ามาในจวนและดูแลเป็อย่างดี
หากเย่เฟิงอยู่ที่นี่ เขาต้องจำได้อย่างแน่นอน ซึ่งหญิงผู้นี้ก็คือหลันเซียงศิษย์จากเทียนเซียงหลินแห่งจักรวรรดิจิ่วโยว
