เซี่ยโม่คร้านจะสนใจอีกฝ่าย สะพายตะกร้าเดินต่อไป
เด็กข้างบ้านะโไล่หลังด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง “ไม่ต้องให้เธอสอน ฉันก็สามารถเก็บสมุนไพรเองได้”
เธอมีสีหน้ามึนงง อีกฝ่าย้าจะสื่ออะไรกันแน่ ้าอวดหรือ้าจะบอกว่า เจออาจารย์ที่จะสอนเื่สมุนไพรให้แก่ตัวเองแล้ว?
ก็แค่เธอไม่ยอมขึ้นเขามาด้วย เกี่ยวอะไรกับเก็บสมุนไพรด้วย? หรืออีกฝ่าย้าให้เธอสอนเื่สมุนไพร?
เธอเองก็อยู่ในขั้นกำลังเรียนรู้เช่นกัน เช่นนั้นแล้วจะเอาอะไรไปสอน
ไว้กลับถึงบ้านค่อยถามคุณตาว่า อีกฝ่ายหมายความว่าอย่างไร คิดได้ดังนั้นเธอก้าวเท้าเดินต่อไป
เด็กข้างบ้านมองตามหลังเซี่ยโม่อย่างโกรธจัด ก่อนจะลงมือเก็บผักต่อ
ขณะใกล้กลับถึงบ้าน เซี่ยโม่นำหนูอ้น เห็ดเยื่อไผ่ เนื้อหมู ซี่โครงหมู และกระดูกหมูที่ซื้อออกมาถือเอาไว้ จากนั้นค่อยเดินเข้าไปในบ้าน
คุณยายกับเฉินเฟิงอยู่บ้าน ครั้นเห็นเธอกลับมา น้องชายตัวน้อยรีบวิ่งเข้ามาหา ก่อนจะเอ่ยถามตาโตด้วยความสงสัย “พี่ครับ เอาอะไรกลับมาด้วยเหรอครับ เยอะแยะเลย”
คุณยายได้ยินเช่นนั้นก็เดินเข้ามาหาเธอ
“โม่โม่ หลานซื้ออะไรกลับมาเหรอ”
“คุณยายคะ ตอนหนูผ่านป่าไผ่ หนูเจอหนูอ้น คุณยายว่ามันโง่ไหมคะ วิ่งหนีหนูจนไปชนต้นไม้สลบไป หนูก็เลยจับมันกลับมาด้วย”
คุณยายรับของไปช่วยถือ “หลานนี่โชคดีจริงๆ เป็เพราะ์กำลังช่วยเหลือพวกเราอยู่แน่”
เธอเอ่ยต่อ “วันนี้หนูขึ้นเขาเก็บสมุนไพรหายากได้ เอาไปขายได้เงินมาก็เข้าไปในตำบลไปซื้อผ้ากับเนื้อ แล้วก็ของพวกนี้ด้วยค่ะ”
คุณยายนึกอะไรขึ้นมาได้ เอ่ยถามออกมาว่า “โม่โม่ หลานไปในตำบลได้ไปหาคุณปู่จ้าวมาหรือเปล่า พรุ่งนี้เขาจะยังมาอยู่ไหม”
เธอส่ายศีรษะ “คุณปู่จ้าวไม่ได้พักอยู่ในตำบลค่ะ แล้วหนูก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอยู่กองการผลิตไหน
ถ้าพรุ่งนี้ไม่ติดธุระ หนูมั่นใจว่าเขาต้องมาแน่นอน ใช่แล้ว หนูต้องรีบไปอ่านหนังสือ เวลาเหล่าจ้าวทดสอบหนู หนูจะได้สอบผ่าน”
“โม่โม่ ต่อหน้าเขาหลานเรียกว่าปู่ แต่ลับหลังเรียกว่าเหล่าจ้าวแบบนี้มันไม่ถูก”
เธอแลบลิ้นอย่างซุกซน “ต่อไปหนูจะระวังค่ะ จะไม่เรียกพล่อยๆ อีกแล้ว”
เก็บของเสร็จเธอรีบไปอ่านหนังสือ
แม้หลายวันที่ผ่านมาจะอ่านจนจำสมุนไพรในหนังสือได้หมดแล้ว แต่เมื่อคิดถึงว่าพรุ่งนี้คุณปู่จ้าวจะมาทดสอบเธอ เซี่ยโม่จึงอยากอ่านอีกครั้งให้แน่ใจว่าจำทั้งหมดได้แม่นแล้วจริงๆ
หลังจากอ่านจบหนึ่งรอบ เธอรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาก เซี่ยโม่เดินเข้าครัวเพื่อทำอาหาร นำกระดูกหมูไปล้างแล้วนำไปต้มน้ำแกง
เมื่อน้ำแกงเข้มข้น เธอตักออกมาแล้วใส่เห็ดเยื่อไผ่ลงไป ตุ๋นได้ไม่นานกลิ่นหอมพลันลอยโชยขึ้นมาจากหม้อ
ตักใส่ถ้วย ลงมือตุ๋นมะเขือต่อ ไม่เพียงแค่นั้นยังทำเมี่ยนปิ่ง[1]จากแป้งข้าวโพดเพิ่มอีกหนึ่งอย่าง กลิ่นหอมของอาหารลอยโชยออกไปถึงนอกห้องครัว
คุณตาที่เพิ่งกลับมาถึงบ้านได้กลิ่นหอม อดไม่ได้ที่จะเดินมาถาม “โม่โม่ หลานกำลังทำอาหารอะไรอยู่”
“หนูซื้อเนื้อหมูกับซี่โครงหมูกลับมาค่ะ แถมคนขายยังแถมกระดูกหมูให้มาอีกด้วย หนูเลยเอามาต้มน้ำแกง”
“หลานไปเอาคูปองซื้อเนื้อหมูมาจากไหน” คุณตาถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“หนูเอาสมุนไพรหายากไปขาย พอได้เงินมาก็เอาไปซื้อคูปองซื้อเนื้อหมูกับซื้อผ้าค่ะ รอให้คุณยายมีเวลา หนูจะให้ท่านตัดเสื้อให้คุณตาชุดหนึ่งนะคะ”
คุณตาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “โม่โม่ หลานเจอสมุนไพรหายากอะไร เกิดเป็คนต้องซื่อสัตย์รู้ไหม”
เธอแอบเครียดอยู่ในใจ คุณตาไม่ใช่คนที่จะหลอกได้ง่ายๆ เลย
เซี่ยโม่เรียบเรียงประโยคในหัวก่อนจะเอ่ยว่า “คุณตาคะ หนูเก็บเห็ดหลินจือได้ เลยนำไปขาย ได้เงินมาก็ไปแลกคูปองสำหรับซื้อเนื้อกับเสื้อผ้า หนูถึงได้มีเงินกับคูปองไปซื้อเนื้อหมูแล้วก็ผ้าพวกนี้กลับมาค่ะ”
ได้ฟังดังนั้นคุณตาถึงได้เชื่อ “ในเมื่อซื้อมาแล้วก็แล้วไปเถอะ ต่อไปเวลาเข้าไปในป่าบนเขาก็อย่าเข้าไปลึกละ”
เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง เธอก็ไม่คิดจะเข้าไปในป่าลึกเช่นกัน
เธอพยักหน้าพร้อมกับเอ่ย “คุณตาคะ วันนี้ตอนหนูเดินผ่านป่าไผ่ หนูเจอหนูอ้นตัวอวบอ้วนตัวหนึ่งด้วยละค่ะ”
“ดีแล้ว พรุ่งนี้ตอนเหล่าจ้าวมาจะได้นำมาทำอาหารให้เขากิน”
“ค่ะ!”
เวลานี้เอง คุณยายเดินเข้ามาในห้องครัว พูดด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยจะพอใจนัก “ตาแก่นี่ กลับมาก็บ่นนั่นบ่นนี่ สั่งสอนนั่นสั่งสอนนี่ รีบไปล้างมือแล้วมากินข้าวได้แล้ว”
คุณตาหันไปยิ้มประจบเอาใจคู่ชีวิต ก่อนจะเดินไปล้างมือ
ตอนกินข้าว เฉินเฟิงตัวน้อยดื่มน้ำแกงกระดูกหมูเข้าไปถึงสองถ้วยใหญ่ “พี่ครับ น้ำแกงนี้อร่อยจัง ในน้ำแกงมีกลิ่นเนื้อด้วย”
เซี่ยโม่พลันรู้สึกแสบร้อนที่จมูก ในโกดังสินค้าที่ตามเธอกลับมาเกิดใหม่มีเนื้อเก็บเอาไว้มากมาย พอให้น้องชายตัวน้อยของเธอกินได้เป็สิบๆ ปีเลย
แต่เธอไม่คิดจะบอกเื่โกดังสินค้าให้คุณตาคุณยายทราบ พวกท่านอายุมากแล้ว เธอกลัวพวกท่านจะรับเื่นี้ไม่ไหว
“เฉินเฟิง รอให้พรุ่งนี้คุณปู่จ้าวมาที่บ้าน พี่จะทำหมูน้ำแดงให้กิน รับรองว่าเรากินแล้วต้องอยากกินอีกแน่นอน”
เด็กชายฟังแล้วน้ำลายไหล “พี่ครับ พรุ่งนี้คุณปู่จ้าวจะมาตอนไหนเหรอครับ”
เธอส่ายหน้า “พี่เองก็ไม่แน่ใจ พรุ่งนี้่เช้าตอนที่เราอยู่บ้าน ถ้ามีชายแก่ๆ มา เราก็ถามเขาดูว่าเขาแซ่อะไร”
“ถ้าแซ่จ้าวที่รู้วิชาแพทย์แสดงว่าคือแขกของเรา”
“เฉินเฟิงของพี่ฉลาดที่สุด พี่ให้รางวัลเป็ไขกระดูกอ่อนทั้งหมดเลย” เธอชมเชยน้องชาย
“เย่!” เฉินเฟิงตัวน้อยยิ้มกว้างอย่างดีใจ ก่อนจะเริ่มแทะไขกระดูกอ่อน
ต่อมาเซี่ยโม่นึกอะไรขึ้นได้ จึงถามคุณตาด้วยน้ำเสียงสงสัย “คุณตาคะ วันนี้ก่อนจะกลับหนูเจอเด็กข้างบ้านตรงเชิงเขา เขาะโไล่หลังหนูว่า ไม่ต้องให้หนูสอน เขาก็สามารถหาคนมาสอนเื่สมุนไพรได้ มันหมายความว่ายังไงเหรอคะ”
คุณตาชะงักก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเดือดดาล “แม่ของเด็กคนนั้นชอบเอาเปรียบ อยากให้ลูกตัวเองเรียนเื่สมุนไพรกับหลาน พอตาไม่ตกลง เธอก็ไม่พอใจ ต้องเป็เพราะเธอไปพูดอะไรให้ลูกสาวฟังแน่ เด็กคนนั้นถึงได้พูดแบบนั้นกับหลาน หลังจากนี้หลานอยู่ให้ห่างจากสองแม่ลูกคู่นั้นหน่อยก็แล้วกัน”
เธอพยักหน้า “ค่ะ หนูไม่สนใจพวกเขาอยู่แล้ว หลังจากนี้ถ้ามีคนในหมู่บ้านอยากให้หนูสอนเื่สมุนไพร คุณตาปฏิเสธไปได้เลยนะคะ หนูยังเรียนไม่แตกฉานเลย แล้วจะเอาอะไรไปสอนคนอื่น หากเกิดอะไรขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ”
“ตาก็คิดแบบนี้เหมือนกัน เลยไม่ได้ตอบตกลงสองแม่ลูกนั่น คงเพราะถูกปฏิเสธก็เลยเอาไปพูดจาเสียๆ หายๆ”
คุณยายกล่าวอย่างไม่พอใจเช่นกันว่า “โม่โม่ หลานไม่ต้องไปสนแม่ลูกสองคนนั้นหรอก คนบางคนก็เป็แบบนี้แหละ ไม่พอใจก็เอาไปพูดในทางที่ไม่ดี ทำอย่างกับว่าคนอื่นเขาติดหนี้บุญคุณตัวเองอย่างนั้นแหละ”
ความจริงแล้วเป็เพราะหมู่นี้ข้างบ้านได้กลิ่นหอมของเนื้อจากบ้านอู๋ ทั้งยังได้ยินอีกว่า หลานสาวขึ้นเขาเก็บสมุนไพรเอาไปขายได้เงินเยอะ เลยมีเงินซื้อเนื้อมากิน ตนเองก็เลยเกิดความอิจฉา
พอเกิดเื่มีคนมาดักลักพาตัวที่เชิงเขา จึงคิดอ้างเหตุผลนี้ให้ลูกสาวตัวเองขึ้นเขาไปด้วย หวังให้อีกฝ่ายสอนเื่สมุนไพร ลูกสาวตัวเองจะได้เก็บสมุนไพรไปขายแล้วได้เงินมาซื้อเนื้อกินบ้าง
กลับกลายเป็ว่าถูกปฏิเสธ ทำให้แผนที่วางเอาไว้ล้มเหลว จึงพูดกับลูกสาวด้วยความโมโห “พวกเราหาคนอื่นให้มาสอนเื่สมุนไพรก็ได้ ไม่ต้องให้หลานสาวบ้านนั้นสอนหรอก”
ลูกสาวก็เห็นดีเห็นงาม วันนี้พอเจอเซี่ยโม่ที่เชิงเขาถึงได้พูดประโยคนั้นออกมาด้วยความไม่พอใจ
เดิมทีเซี่ยโม่คิดจะผูกมิตรกับคนในหมู่บ้านของคุณตาคุณยาย ยังไม่ทันจะได้ผูกมิตร กลับไปล่วงเกินคนเข้า ทั้งยังเป็บ้านข้างๆ อีกต่างหาก
“หลานอย่าคิดมากเลย คนบางคนไม่มีค่าให้เราคบค้าสมาคมด้วยหรอก” คุณตาพูดปลอบเมื่อเห็นหลานสาวมีสีหน้าเคร่งเครียด เซี่ยโม่นึกถึงประโยคหนึ่งขึ้นมา จงเดินไปตามทางของตัวเอง และปล่อยคำพูดคนอื่นไปตามสายลม
เธอยิ้มพลางพยักหน้า “ค่ะคุณตา หนูทราบแล้วค่ะ”
—----------------------------
[1] เมี่ยนปิ่งคือชื่ออาหารที่ทำจากแป้ง นำไปทอดในกระทะ มีทั้งแบบที่เป็แป้งเปล่าและผสมไส้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้