การประลองระหว่างแคว้นครั้งที่88 ในรอบสุดท้ายกำลังจะเริ่มขึ้นในอีกไม่กี่อึดใจนี้ แน่นอนว่าตัวแทนของผู้ฝึกตนทั้งสองราชทินนามจำนวนทั้งสิ้นห้าคน ถือได้ว่ารุ่นเยาว์เหล่านี้ล้วนเป็หนึ่งในเสาหลักแห่งยุทธภพรุ่นเยาว์ทั้งสิ้น แต่ถึงอย่างไรแล้วการประลองยังคงต้องดำเนินต่อไปเพื่อค้นห้าผู้ชนะอันดับหนึ่ง ผู้ที่ได้ซึ่งตำแหน่งฐานะเ้าแห่งยุทธภพรุ่นเยาว์นั่นเอง
หนิงอ้ายเมื่อเปิดเผยตัวตนฐานะที่แท้จริงแล้ว จึงตัดสินใจชวนลู่ซีกลับไปยังที่นั่งของตระกูลหวังที่อยู่ไม่ห่างไปเท่าไหร่นัก อย่างไรแล้วหลังจากจบงานประลอง ท่านตาหวังจิ่งหลงคงประกาศฐานะที่เเท้จริงของเขาทั้งคู่ ดังนั้นหากไปยังที่นั่งดังกล่าวในตอนนี้ก็คงไม่ส่งผลอะไรมากมายเท่าไหร่นัก
"ในที่สุดเ้าก็ทำได้เเล้วนะหนิงเอ๋อร์..." หวังเยว่ซินเอ่ยขึ้นด้วยความสุข พร้อมกับดึงเด็กหนุ่มเข้ามากอดด้วยความภูมิใจ
"พวกเ้าทั้งสองคนเก่งมาก ไม่เสียชื่อลูกหลานตระกูลหวังของพวกเรา"
"หนิงเอ๋อร์ เพลงกระบี่ของหลานกล่าวว่าเหนือชั้นอย่างแท้จริง ทั้งพริ้วไหวและดุดันแข็งแกร่งเป็อย่างยิ่ง หากนับไปแล้วในหมู่ฝึกตนรุ่นเยาว์ใน่วัยเดียวกัน ถือว่าเ้าแข็งแกร่งและมากด้วยพร์ยิ่งนัก..." หวังจิ่งหลงเอ่ยขึ้นอย่างชื่นชม เพลงกระบี่ของเด็กหนุ่มที่ถูกเรียกใช้ออกมานั้น ต่อให้คู่ต่อสู้เป็ผู้เชี่ยวชาญในเพลงกระบี่สักกะดารารายของตระกูลหวัง ก็ไม่อาจตั้งรับได่โดยง่าย
"ข้ายังต้องฝึกฝนอีกมากขอรับ..." หนิงอ้ายตอบกลับไป
"แล้วลู่เอ๋อร์เล่าเป็อย่างไรบ้างเ้า บทเวทย์เขตแดนที่ถูกบัญชาการเรียกใช้ด้วยผู้ฝึกตนราชทินนามขุนนางิญญาขั้นสูงเช่นนี้ ย่อมกลืนกินลมปราณไปไม่น้อยเป็แน่..."
"เ้าไม่เห็นต้องฝืนถึงเพียงนี้เสียด้วยซ้ำ ด้วยฝีมือความสามารถของเ้า ไม่ใช่เื่ยากที่จะเอาชนะเ้าเด็กแซ่จางคนนั้น" ซ่งเหมยฮวาเอ่ยขึ้นด้วยความเป็ห่วง ก่อนจะสำรวจทั่วทั้งร่างกายของเด็กหนุ่มว่าได้รับาเ็ในส่วนอื่นอีกหรือไม่
"ข้าเพียงอยากจบการประลองโดยเร็วเพียงเท่านั้น ต้องขออภัยท่านยายที่ทำให้เป็ห่วงนะขอรับ..." ลู่ซีตอบกลับไปพร้อมให้เหตุผล
"เอาเถอะ ยายเพียงเป็ห่วงเ้าเท่านั้น นี่คือโอสถฟื้นฟูลมปราณระดับสูง หลานทั้งสองจงดูดกลืนโอสถเม็ดนี้ แล้วอย่าลืมเดินพลังลมปราณชักนำเข้าสู่ร่างกายด้วยเล่า" ซ่งเหมยฮวาเอ่ยขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะยื่นโอสถให้เด็กหนุ่มทั้งสองคน
"ขอบคุณท่านยายขอรับ!!!" หนิงอ้ายกับลู่ซีประสานมือโค้งคำนับด้วยความซาบซึ้ง
นอกจากตระกูลหวังสายหลักทุกคนที่อยู่ในสนามประลองแห่งแล้ว บรรดาผู้าุโในตระกูล ตระกูลสายรอง สายย่อยต่างพากันยินดีมีความสุขกันทั้งสิ้น อีกทั้งยังชื่นชมหนิงอ้ายกับลู่ซีเป็อย่างมากเนื่องจากว่าตอนนี้ เด็กหนุ่มทฝทั้งสองคนได้ชื่อว่าเป็หนึ่งในห้าของเสาหลักเเห่งยุทธภพรุ่นเยาว์
"การเเข่งขันในรอบห้าคนสุดท้ายนี้ ตาเชื่อว่าพวกเ้าทั้งสองคนคงต่อสู้อย่างถึงที่สุด อย่างไรหากว่าต้องประลองกันเองจงเเสดงฝีมือของตนให้เต็มที่ให้สมกับเป็ลูกหลานของตระกูลหวังสายหลักเเห่งแคว้นเต่าดำ!!" หวังจิ่งหลงเอ่ยขึ้นด้วยความภูมิใจเป็อย่างมาก
แม้ทั้งสองคนนั้นขึ้นชื่อว่าเป็พี่น้องร่วมแซ่เดียวกัน เเต่อย่างไรการประลองที่ต่อสู้ด้วยความเต็มที่ไม่ออมฝีมือนับได้ว่าเป็การให้เกียรติทั้งแก่ตนเองและคู่ต่อสู้ที่พึงกระทำตามมารยาทของผู้ฝึกตนในมหาพิภพ
"เข้าใจแล้วขอรับ!!!" หนิงอ้ายและลู่ซีเอ่ยขึ้นพร้อมกัน
หวังจิ่งหลงชื่นชมความสามารถของหนิงอ้ายเป็อย่างยิ่ง ทั้งที่อีกฝ่ายพึ่งเข้าสู่วิถีฝึกตนได้เพียงหนึ่งปีเท่านั้น เเต่กลับมีระดับฝึกตนถึงระดับจักรพรรดิิญญาได้เช่นนี้ ทอดสายตาไปทั่วยุทธภพแล้วนับได้ว่าเป็อัจฉริยะเหนือผู้คนเสียด้วยซ้ำ
รวมไปถึงลู่ซีเองที่แม้จะพึ่งฝึกเคล็ดวิชาตระกูลหวังได้เพียงไม่นานเเต่ก็สามารถพัฒนาฝีมือความเข็งแกร่งเทียบเท่ากับรุ่นเยาว์มากฝีมืออันดับต้น ๆ ของตระกูลใหญ่ของแคว้นได้ เขามั่นใจว่าทั้งสองคนนั้นในวันข้างหน้าคงเป็ผู้ฝึกตนระดับแถวหน้าของยุทธภพอย่างแน่นอน...
เสียงโห่ร้องยังคงดังก้องไปทั่วทั้งสนามประลอง เพราะการประลองในรอบต่อไปย่อมมีความดุเดือดและตื่นเต้นอย่างมากเป็แน่ ด้วยเพราะผู้ที่ผ่านเข้ารอบทั้งห้าคนนั้นกล่าวได้ว่าเป็สุดยอดรุ่นเยาว์ที่มากไปด้วยความสามารถที่แท้จริง พวกเขาต่างเฝ้ารอกันเป็อย่างยิ่ง
'สัตว์อสูรของคุณชายหนิงอ้ายช่างน่าเกรงขาม ถึงจะสังกัดเป็สัตว์อสูรธาตุพฤกษาเเต่ก็สามารถจัดการสัตว์อสูรของคุณชายจางได้อย่างง่ายดายยิ่งนัก ความสามารถในการต่อสู้ไม่สามารถดูเบาได้เลยทีเดียว...'
'สัตว์อสูรพฤกษานั้นขึ้นชื่อว่าเป็นายเเห่งสัตว์อสูรอยู่เเล้ว น่าเเปลกใจคือสัตว์อสูรสังกัดปราณพฤกษานั้นไม่ปรากฎตัวในยุทธภพนี้หลายร้อยปีเเล้ว ไม่รู้ว่าคุณชายหนิงอ้ายประสบพบโชควาสนาใดถึงสามารถมีในครอบคองได้กัน??'
'คุณชายหนิงอ้ายนั้นมากไปด้วยความสามารถและพร์ ดังนั้นอสูรรับใช้คงได้รับประโยชน์จากนี้ไปไม่น้อยเลยทีเดียว เ้าอย่าลืมว่าแม้จะเป็สัตว์อสูรระดับใดก็ตาม หากว่านายเเห่งพันธะไม่มีความสามารถในพลังิญญาก็ไม่สามารถเพิ่มพลังิญญาเช่นนี้ได้... '
การประลองที่พึ่งจบไปนั้นต่างเป็หนึ่งในหัวข้อสนทนาของผู้รับชมโดยทั่วสนามประลองที่ต่างเเลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันระหว่างที่รอการประลองในรอบห้าคนสุดท้ายของเสาหลักเเห่งยุทธภพรุ่นเยาว์ในปีนี้...
ทางด้านผู้เข้าประลองร่วมอีกสามคนที่เหลือนั้นที่ต้องลงเเข่งขันกับหนิงอ้ายและคุณชายลู่ซี ในรอบสุดท้ายนี้ แม้ว่าทั้งสามคนจะรู้สึกกังวลเเค่ไหนแต่การประลองของทั้งสองคนก่อนหน้าทำให้พวกเขาต่างลอบคิดกันในใจว่าหากตนไม่เรียกสัตว์อสูรรับใช้ของตนออกมาดูเเล้วคุณชายทั้งสองคนก็คงไม่มีทางเรียกอสูรรับใช้ออกมาก่อนอย่างแน่นอน ดังนั้นควรประลองด้วยทีกษะเชิงยุทธและบทเวทย์ที่มีอยู่และรีบจบการประลองเสียยิ่งจบเร็วเท่าไหร่จะเป็ทางที่ดีที่สุด
ทางผู้าุโที่ดำเนินการประลองได้ให้เวลาผู้เข้าเเข่งขันห้าคนสุดท้าย ที่ตอนนี้นับว่าทั้งห้าคนคือเสาหลักแห่งยุทธภพรุ่นเยาว์เเล้ว เพื่อ่ชิงอันดับหนึ่งของผู้ชนะในการประลองครั้งนี้ จึงจำเป็ต้องดำเนินการประลองต่อไปเพื่อหาผู้ชนะ นอกจากจะมีการเสริมแกร่งของเกราะป้องกันในสนามประลองเวทย์เพิ่มขึ้นหลายชั้นเลยทีเดียว
ตอนนี้ได้เวลาเเข่งขันในรอบสุดท้ายของการประลองครั้งที่แปดสิบแปด (88) ครั้งนี้เเล้ว แน่นอนว่าทั้งห้าคนนี้ย่อมถูกเรียกขานชื่อว่าเป็เสาหลักเเห่งยุทธภพรุ่นเยาว์อันขึ้นตรงต่อวิหารเทพยุทธ์โดยตรงนั่นเอง ได้แก่
คนเเรกคุณชายหวังหนิงอ้ายจากตระกูลหวังแห่งแคว้นเต่าดำ
คนที่สองคุณชายลู่ซีแห่งแคว้นเต่าดำ
คนที่สามคุณชายจงเสวียนคุณจากตระกูลจงแห่งแคว้นัเขียว
คนที่สี่คุณชายโม่เหรินจากตระกูลโม่แห่งแคว้นเสือขาว
และคนสุดท้ายคุณชายหลิวอี้จากตระกูลหลิวแห่งแคว้นัเขียว
"การเเข่งขันประลองเวทย์ในรอบห้าคนสุดท้ายของเสาหลักแห่งยุทธภพรุ่นเยาว์คู่ประลองเเรกได้แก่คุณชายหวังหนิงอ้ายจากตระกูลหวังแห่งแคว้นเต่าดำและคุณชายโม่เหรินจากตระกูลโม่แห่งแคว้นเสือขาว เชิญทั้งคู่ลงสนามประลองได้!!! " ผู้าุโที่เป็ผู้ดำเนินการประลองได้ประกาศออกมาด้วยเสียงดังกึกก้องเมื่อถึงเวลาอันสมควรเเล้ว เมื่อสิ้นเสียงประกาศผู้คนโดยรอบสนามประลองเวทย์เเห่งนี้ต่างพากันส่งเสียงเชียร์กระหึ่มดังไปทั่วบริเวณ
'เ้าจักลงพนันฝั่งใด??'
'ข้าต้องลวพนันฝั่งคุณชายหวังหนิงอ้ายอยู่เเล้ว อย่างไรเสียงานประลองครั้งนี้อันดับหนึ่งต้องเป็ของแคว้นเต่าดำอย่างแน่นอน'
'เ้าช่างพูดจาถูกใจข้ายิ่งนัก ข้าว่างานประลองครั้งนี้คุณชายหวังหนิงอ้ายต้องเป็ผู้ชนะ!!'
'รีบไปลงพนันเร็วเข้า ข้าได้ยินว่าโตะพนันจะปิดรับแทงฝั่งคุณชายหวังหนิงอ้ายเเล้ว!!!'
'โอ้!!! ปิดรับแทงแล้วงั้นรึ เหตุการณ์นี้เท่าที่ข้ารู้มาไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน คุณชายหวังหนิงอ้ายผู้นี้ช่างทำให้ข้ารู้สึกตื้นเต้นยิ่งนัก'
'พวกเ้าไม่คิดลงเดิมพันฝั่งคุณชายโม่เหรินงั้นรึ ข้าได้ยินมาเหมือนกันว่าผู้ใดลงแทงฝั่งตรงข้ามคู่ประลองของคุณชายหวังหนิงอ้ายจะได้รับเพิ่มเงินห้าเท่าเชียว...'
'ใครอยากเสี่ยงก็เเล้วเเต่เถิด ข้าไม่เอาด้วยละ ดูสัตว์อสูรของคุณชายหวังหนิงอ้ายที่เป็ถึงสัตว์อสูรสังกัดปราณพฤกษา ยังไม่นับรวมไปถึงการออกบทเวทย์พร้อมกันถึงสองบทเวทย์ในเวลาเดียวกันความสามารถเช่นนี้ต่อให้เป็ผู้ฝึกตนระดับเทวะ ก็ใช่ว่าจะสามารถรับมือคุณชายหวังหนิงอ้ายได้โดยง่าย'
เสียงของผู้คนต่างพูดคุยกันอย่างคึกคัก ดูเหมือนว่างานประลองเวทย์ครั้งนี้นั้นผู้ชนะคงไมแคล้วเป็คุณชายหน้าใหม่ทั้งสอง นั่นคือคุณชายหวังหนิงอ้ายและคุณชายลู่ซีแห่งแคว้นเต่าดำ แน่นอนว่าในตอนนี้นั้นโตะรับพนันต่างมีผู้คนรุมล้อมอยู่อย่างเนืองเเน่นที่หลั่งไหลเข้ามาเดิมพันผลการประลองครั้งนี้ ส่วนมากมักจะวางเดิมพันลงในฝั่งของคุณชายหวังหนิงอ้ายเป็ส่วนมาก เพราะทุกคนนั้นได้ประจักษ์เห็นถึงความสามารถด้วยตาของตนเองเเล้ว
หลังจากนั้นเพียงไม่กี่เค่อโตะพนันจะปิดรับแทงฝั่งคุณชายหวังหนิงอ้ายพากันให้วุ่นทั้งสนามประลอง เเต่สำหรับผู้ที่ได้ทันลงเงินพนันไปก่อนหน้าต่างพากระซิบคนที่เหลือให้มาลงพนันกับตนโดยที่มีสัดส่วนเเบ่งตามที่ทั้งสองฝ่ายพึงพอใจและตกลงกันได้นั่นเอง....
สิ้นเสียงของาุโผู้ดำเนินการประลองเวทย์ครั้งนี้กล่าวจบลง ทางฝั่งของหนิงอ้ายยิ้มรับคำอวยพรจากท่านตาหวังจิ่งหลง ท่านยายเหมยฮวา ท่านแม่เยว่ซิน ท่านลุงจางปิน ท่านน้าหรันหรูและลู่ซีรวมไปถึงทุกคนในตระกูลหวังพร้อมกับบอกทุกคนว่าไม่ต้องห่วงตนจะทำให้ดีที่สุด จากนั้นจึงใช้เคล็ดวิชาย่างก้าวทะยานหมื่นลี้ พุ่งทะยานตัวลงมาตรงกลางสนามประลองในทันที พร้อมกับหันตัวยืนประจันหน้ากับคุณชายโม่เหรินจากตระกูลโม่แห่งแคว้นเสือขาวที่ยืนรออยู่ก่อนเเล้ว กล่าวได้ว่าทั้งสองคนนั้นเป็คู่ประลองในรอบสุดท้ายคู่เเรกนั่นเอง
"คู่ประลองแรกในรอบห้าคนสุดท้าย ฝั่งซ้ายมือนั่นคือคุณชายหวังหนิงอ้าย อัจฉริยะเหนืออัจฉริยะที่มากไปด้วยความสามารถอย่างแท้จริง ราชทินนามจักรพรรดิิญญาขั้นต้น ิญญายุทธ์สายโจมตี ระดับพลังิญญา32 ตัวแทนจากแคว้นเต่าดำ!!!"
เฮ!!!
"และทางฝั่งขวามือนั่นคือคุณชานโม่เหริน ฉายาอัจริยะประตจำตระกูลที่โด่งดังเป็ที่รู้จักไปทั่ว ราชทินนามจักรพรรดิิญญา ิญญายุทธ์สายโจมตี ระดับพลังิญญา33 ตัวแทนจากแคว้นเสือขาว!!!"
เฮ!!!!
"การประลองเริ่มได้!!!!" สิ้นเสียงของผู้ดำเนินการประลอง เสียงะโดังขึ้นด้วยความตื่นเต้นสะท้อนไปทั่วทั้งสนามประลอง
"ยินดีที่ได้ประลองกับคุณชายหวังหนิงอ้าย ข้ามีนามว่าโม่เหริน..." คุณชายโม่เหรินประสานมือขึ้นพร้อมกับโค้งตัวเล็กน้อยอย่างผู้มีมารยาท
"ข้าเองก็ยินดีที่ได้ประลองกับท่านเช่นกันคุณชายโม่เหริน ข้าหวังหนิงอ้ายขอรับ..."
หนิงอ้ายตอบกลับไปและทำการประสานมือยกขึ้นพร้อมกับโค้งตัวลงเล็กน้อยตามมารยาทที่ดีของผู้ฝึกตนเช่นกัน
"ขอคำชี้แนะด้วย!!!" เสียงของหนิงอ้ายและคุณชายโม่เหรินดังขึ้นพร้อมกันซึ่งทั้งสองเองก็ไม่รอช้าชักกระบี่ออกมาเเล้วเริ่มการประลองในทันที
ชิ้ง! ชิ้ง!
การประลองในครั้งนี้ระหว่างหนิงอ้ายกับคุณชายโม่เหรินนั้นเริ่มจากการประลองแลกเปลี่ยนเคล็ดวิชากระบี่ประจำตัวของทั้งคู่ ทางฝั่งของคุณชายโม่เหรินได้สำเเดงความสามารถเคล็ดวิชากระบี่ของตระกูลโม่ได้อย่างงดงามและเเข็งแกร่งดุดัน เเต่ถึงอย่างไรแล้วทางฝั่งของหนิงอ้ายเองก็ใช้กระบี่วารีพิสุทธิ์เหมันต์ตั้งรับ และสวนกลับไปได้อย่างทันท่วงทีพร้อมกับลอบวิเคราะห์จังหวะของการตวัดกระบี่ของอีกฝ่าย
ว่ากันว่าต่อให้เคล็ดวิชากระบี่จะมีความเเข็งแกร่งมากเพียงใดเเต่สุดท้ายเเล้วนั้นย่อมมีจุดอ่อนที่ซ่อนอยู่เสมอแน่นอนว่าย่อมขึ้นอยู่กับผู้ใช้เคล็ดวิชากระบี่เองว่าจะสามารถดึงศักยภาพของเคล็ดวิชาออกมาได้มากน้อยเพียงใด นอกจากนี้ยังต้องอาศัยประสบการณ์และพละกำลังของร่างกายที่เเข็งแกร่งรวมไปถึงระดับพลังิญญาก็ส่งผลต่อการได้เปรียบเสียเปรียบในการใช้เคล็ดวิชากระบี่เหล่านี้ได้เช่นกัน...
'เคล็ดวิชากระบี่ของคุณชายโม่เหรินนั้นนับได้ว่าเเข็งแกร่งยิ่งนักสมกับตระกูลนักรบประจำแคว้นเสือขาว อีกทั้งเพลงกระบี่ที่เเสดงออกมานั้นช่างดุดันรวดเร็วยากที่จะเข้าจู่โจมประชิดตัวได้โดยง่าย...' หนิงอ้ายเอ่ยขึ้นในใจของตนหลังจากได้ประลองเคล็ดวิชากระบี่ไปสักครู่
"คาดไม่ถึงเลยว่าเคล็ดวิชากระบี่ของคุณชายหนิงอ้ายจะเเข็งแกร่งเช่นนี้อีกทั้งยังสามารถตั้งรับและจู่โจมกลับเคล็ดวิชากระบี่ตระกูลโม่ของข้าได้นั้นย่อมไม่ใช่เคล็ดวิชากระบี่ที่สามัญอย่างแน่นอนใช่หรือไม่??" โม่เหรินเอ่ยออกมาด้วยสายตาชื่นชมในตัวของหนิงอ้ายไม่น้อย
คาดไม่ถึงว่าภายใต้รูปร่างที่บอบบางราวกับสตรีรวมไปถึงใบหน้าที่งดงามเกินกว่าผู้ใดจะอาจเทียบ รวมไปถึงเส้นผมสีขาวเงินบริสุทธิ์ที่พริ้วไหวเปล่งประกายหยอกล้อไปกับเเสงอาทิตย์ในสนามประลองเวทย์ภาพตรงหน้าของเขานั้นไม่ต่างกับอะไรกับนางเซียนสูงศักดิ์ในตำนานเื่เล่าทั้งหมดนี้ยังไม่นับถึงการที่อีกฝ่ายนั้นมีอายุน้อยกว่าเขาหลายปีเเต่กลับมีความสามารถที่มากมายเพียงนี้นับได้ว่าคุณชายหนิงอ้ายนั้นเต็มไปด้วยพร์ยิ่งนัก
"คุณชายโม่เหรินกล่าวชมเกินไปแล้วขอรับ ข้ายังต้องขอคำแนะนำจากคุณชายโม่เหรินอีกมาก..." หนิงอ้ายเอ่ยตอบกลับไปด้วยความถ่อมตน
การประลองเวทย์ได้ดำเนินไปด้วยความดุเดือดคุณชายทั้งสองคนต่างเคลื่อนไหวไปมาอย่างรวดเร็วด้วยวิชาตัวเบาเฉพาะที่ประสานไปกับเคล็ดวิชาการต่อสู้รวมไปถึงการใช้เคล็ดวิชากระบี่ได้อย่างงดงาม ผู้คนโดยรอบสนามประลองต่างพากันลุ้นระทึกว่าท้ายที่สุดเเล้วผู้ใดกันจะเป็ฝ่ายชนะบ้างก็ส่งเสียงให้กำลังใจ บ้างก็ะโชื่อออกมาเสียงดัง เเต่หนิงอ้ายยังคงตั้งมั่นอยู่ในสมาธิและการใช้เคล็ดวิชาสยบอัสนีเมฆาอย่างสมดุล พร้อมกับดึงพลังลมปราณบริสุทธิ์ของฟ้าดินเข้ามาใช้อย่างต่อเนื่องเพื่อเสริมพลังปราณในร่างกาย
'คุณชายหวังหนิงอ้ายผู้นี้ช่างเป็รุ่นเยาว์ที่มากฝีมือยิ่งนัก สามารถใช้เคล็ดวิชากระบี่ตั้งรับและจู่โจมกลับได้อย่างไม่มีท่าทีเหนื่อยล้าไม่รู้ว่าด้วยเคล็ดวิชาพิศดารอันใดช่างน่าสนใจเสียจริง...' โม่เหรินคิดอยู่ในใจด้วยความชื่นชมตัวของเขาตั้งเเต่ปลุกพลังิญญาได้ตั้งเเต่เจ็ดขวบปีก็ฝึกฝนอย่างหนัก
ด้วยเพราะตระกูลโม่ของตนเป็ถึงตระกูลนักรบที่คอยปกป้องดูเเลแคว้นเสือขาวมายาวนานหลายร้อยปี แน่นอนว่าเขาที่เป็บุตรชายคนโตย่อมได้รับการส่งเสริมทั้งทรัพยากรในการฝึกตนรวมไปถึงการฝึกร่างกายเพื่อความเเข็งแกร่ง จนทำให้มีร่างกายสูงใหญ่สมกับชายชาตินักรบเเต่กับการประลองนี้ทำเอาเขานั้นรู้สึกว่าพลังกายและพลังิญญาลดลงไปบางส่วนซึ่งส่งผลไปถึงความเร็วในการโจมตี การใช้เคล็ดวิชากระบี่ให้อ่อนกำลังลงไปบ้างเเต่คุณชายหนิงอ้ายผู้นี้ทั้งที่มีร่างกายบอบบางเช่นนั้นกลับมีพลังกายเเข็งแกร่งจนน่าเหลือเชื่อเลยทีเดียว
การประลองเคล็ดวิชากระบี่นี้ของทั้งคู่ผ่านไปได้ถึงประมาณสองเค่อ หนิงอ้ายนั้นเริ่มจับทางเคล็ดวิชากระบี่และการเคลื่อนไหวของคุณชายโม่เหรินได้เเล้วหลายส่วนจึงผสานเข้ากับเคล็ดวิชากระบี่ของตนในทันที
"เคล็ดวิชากระบี่เจ็ดดาวเหนือพิฆาตเป็วิชากระบี่ที่มีความเป็มาลึกลับเมื่อประสานใช้ไปกับกระบี่วารีหมอกรุ้งพิสุทธิ์เหมันต์เเล้วย่อมทำให้เพลงกระบี่มีความสามารถในการพลิกแพลงพิศดารไปได้ไม่น้อย ไม่ทราบว่าคุณชายโม่เหรินได้สังเกตหรือไม่ว่าพลังลมปราณในร่างกายนั้นลดลงอย่างรวดเร็วอย่างผิดปกติทั้ง ๆ ที่เวลาผ่านไปเพียงไม่กี่เค่อเท่านั้น??" หนิงอ้ายเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบปกติ
ทางฝั่งของโม่เหรินเมื่อได้ยินดังนั้นจึงลอบตรวจสอบพลังลมปราณของตนก็พบว่าเป็ดั่งที่หนิงอ้ายเอ่ยมาทั้งสิ้น าแที่ถูกกระบี่วารีหมอกรุ้งพิสุทธิ์เหมันต์ของอีกฝ่ายฟาดฟันนั้นเกิดเป็แผลน้อยใหญ่ให้ความรู้สึกเย็นเยือกราวกับว่าต้องพิษเหมันต์อ่อน ๆ เมื่อเป็เช่นนั้นโม่เหรินเองไม่รอช้าหยิบโอสถรักษาระดับสูงขึ้นมากินในทันที
"เป็ข้าเองที่ประมาทคุณชายหนิงอ้ายมากเกินไปทำให้คุณชายต้องหัวเราะเสียเเล้ว!!!" โม่เหรินเอ่ยตอบกลับไปก่อนพุ่งเข้าโจมตีหนิงอ้ายอีกครั้งในทันที
หนิงอ้ายตั้งรับการโจมตีและสวนกลับด้วยความรวดเร็ว ท่วงท่าเคล็ดวิชากระบี่ที่หนิงอ้ายใช้อยู่ในตอนนี้ผู้คนในสนามประลองต่างสามารถดูออกได้ว่าคล้ายคลึงกับเคล็ดวิชาของคุณชายโม่เหรินไปเสียเเล้วหกส่วน แตกต่างตรงที่เคล็ดวิชากระบี่ของหนิงอ้ายนั้นจะมีความพริ้วไหวมากกว่าและแผ่กลิ่นอายความเย็นเยือกออกมาจนเห็นได้ชัดด้วยตาเปล่า
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่อานุภาพของเคล็ดวิชากระบี่ของโม่เหรินยิ่งเเสดงความอ่อนด้อยให้เห็นเท่านั้น ทั่วไปทั้งร่างกายเขาในตอนนี้เต็มไปด้วยาแน้อยใหญ่หลังจากที่เข้ารุกเร้าโจมตีอย่างหนักเเล้วโม่เหรินไม่สามารถที่จะเข้าถึงตัวและสร้างาแกับหนิงอ้ายได้เลยสักนิด เพราะเขานั้นถูกเคล็ดวิชากระบี่ของอีกฝ่ายที่ผสมประสานกับเคล็ดวิชากระบี่ประจำตระกูลโม่ของเขาคอยขัดขวางและจำกัดการเคลื่อนไหว แน่นอนว่าหากเขาฝืนประลองต่อไปนั้นเขาคงเป็ฝ่ายเสียเปรียบไปยิ่งกว่านี้และคงพ่ายแพ้ลงไปในที่สุด...
"เคล็ดวิชากระบี่ของคุณชายหนิงอ้ายนั้นช่างลึกล้ำโดดเด่นยิ่งนัก ทำเอาเคล็ดวิชากระบี่ประจำตระกูลโม่ของข้ายังอ่อนด้อยไปเสียหลายส่วน คงต้องรบกวนคุณชายอีกครั้งเเล้ว!!" เมื่อเอ่ยจบโม่เหรินจึงเรียกพลังิญญาของตนออกมาใน
ด้านหลังพลันปรากฎเป็วงเเหวนสีเหลืองเข้มซ้อนกันหนึ่งวงเวทย์ ด้วยรัศมีแสงเข้มข้นประกาย เป็ที่รับรู้ได้ว่าคุณชายโม่เหรินผู้นี้เป็ผู้ฝึกตนราชทินนามจักรพรรดิิญญาขั้นต้น่ปลายผู้หนึ่งแล้ว นับได้ว่าเป็รุ่นเยาว์อีกคนที่มากไปด้วยฝีมือที่น่าชื่นชมยิ่ง
"คุณชายโม่เหรินอย่าได้เกรงใจ..." หนิงอ้ายตอบกลับไปและใช้พลังิญญาของตน ด้านหลังของหนิงอ้ายพลันปรากฎวงเเหวนเวทย์สีเหลืองเข้มหนึ่งชั้นอันเป็สัญลักษณ์ของผู้ฝึกตนราชทินนามจักรพรรดิิญญาขั้นต้นเช่นกัน
'โอ้!!!ถึงกับประลองด้วยบทเวทย์กันต่อเลยงั้นรึ '
'ไม่ต้องคาดเดาเเล้วว่าผู้ใดจะเป็ผู้ชนะในการประลองครั้งนี้ ระดับพลังิญญาของคุณชายทั้งสองหาใช่อยู่ในขั้นเดียวกันดังนั้นย่อมเป็คุณชายโม่เหรินเป็ผู้ชนะอย่างแน่นอน... '
'คุณชายโม่เหรินอายุมากกว่าคุณชายหนิงอ้ายตั้งหลายปี อีกทั้งรัศมีวงเเหวนด้านหลังนับว่าเข้มข้นยิ่งนักเเสดงว่าขอเพียงใช้เวลาไม่นานหรือพบวาสนาเพียงเล็กน้อยคุณชายโม่เหรินคงจะทะลุพลังจักรพรรดิิญญาขั้นกลางแล้วกระมัง...'
เสียงของผู้คนในสนามประลองต่างพูดคุยเเลกเปลี่ยนความเห็นในการประลองครั้งนี้อย่างคึกคัก
ตู้ม!
อัญเชิญบทเวทย์โจมตีอนันตะพิภพพิฆาต!
โม่เหรินไม่รอช้าที่จะประลองบทเวทย์และร่ายออกมาในทันที
อัญเชิญบทเวทย์ป้องกันปราการวารีอหังการ!
ตู้ม!
หนิงอ้ายร่ายบทเวทย์ป้องกันตั้งรับอย่างไม่รอช้าเช่นกัน
การประลองเวทย์ของคุณชายทั้งสองต่างสลับกันร่ายบทเวทย์โจมตีและบทเวทย์ป้องกัน ด้วยความที่เป็การประลองด้วยบทเวทย์ระดับสูงทั้งคู่จึงทำให้เกิดแรงสั่นะเืของม่านการประลองปริแตกบางส่วนจนผู้ควบคุมสนามประลองต่างรีบเร่งร่ายบทเวทย์เสริมความเเข็งแกร่งของม่านพลังอีกหลายบทเลยทีเดียว
อัญเชิญบทเวทย์โจมตีอัสนีบาศสังหาร!
ตู้ม!
อัญเชิญบทเวทย์โจมตีมหาบุปผชาติเหมันต์จำแลงลักษณ์!
ตู้ม!
'เเข็งแกร่งยิ่งนัก...ไม่คิดเลยว่าเวลาผ่านไปหนึ่งชั่วยามพลังลมปราณของคุณชายหนิงอ้ายจะไม่ลดลงเลยเช่นนี้...' โม่เหรินที่ในตอนนี้มีอาการเหนื่อยล้าหอบหายใจเข้าออกอย่างหนักอานุภาพของบทเวทย์ที่คุณชายหนิงอ้ายใช้กับตนนั้นนับได้ว่าสามารถเเก้ต่างบทเวทย์ของเขาได้ในทุกครั้ง
แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ถึงกับร่ายบทเวทย์ออกมาสองบทพร้อมกันเหมือนการประลองก่อนหน้าเเต่โม่เหรินก็ััได้ว่าหนิงอ้ายนั้นใช้พลังิญญารีดเค้นบทเวทย์ต่าง ๆ ออกมาเพียงเเค่หกส่วนเท่านั้นหากอีกฝ่ายสำเเดงอานุภาพของบทเวทย์ออกมาทั้งสิบส่วนการประลองคงจบลงตั้งเเต่บทเวทย์เเรกเลยเสียด้วยซ้ำ...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้