เสียงนกร้องกังวานดังขึ้น อินทรีทองขยับปีกพุ่งสูงขึ้นมาจากหุบเขาลึก
ในพื้นที่สาบสูญนี้ ท้องฟ้าก็ยังคงเป็สีฟ้าครามแหล่งน้ำอยู่คู่กันกับหมอกเขา มีร่มเงาเขียวชอุ่มของต้นไม้โบราณ มีธารน้ำไหลผ่านไปกวางดื่มน้ำ เสือไล่จับแกะ ทุกอย่างช่างดูสงบและงดงาม
เมื่อมองทุกอย่างจาก้าลงไปก็เห็นทิวทัศน์อันสวยงามและยิ่งใหญ่ของูเาและแม่น้ำ...ความฝันของคนเราต่างก็หนีไม่พ้นการมีปีกแล้วออกโบยบินไปดวงดาวแสนเจิดจรัสและดูลึกลับนั้นก็เพื่อดึงดูดความสนใจดังนั้นเหล่าเทพที่สามารถเดินทางด้วยเมฆหมอกได้ จึงทำให้ผู้คนต่างพากันอิจฉา
เครื่องบินก็เคยนั่งมาก่อนแล้วแต่ว่ากลับมีความรู้สึกที่ไม่เหมือนกันกับตอนนี้เลยสักนิด
ในระหว่างที่หลินลั่วหรานมองลงไปจากหลังของเสี่ยวจินเธอก็รู้สึกว่าช่างให้ความรู้สึกของการเป็ผู้ฝึกศาสตร์จริงๆ ฝึกศาสตร์ ฝึกศาสตร์ฝึกอะไรกันนะ หรือว่ามันจะไม่ใช่การทำความเข้าใจธรรมชาติได้อย่างลึกซึ้งกันนะ?
หลีซีเอ๋อร์ส่งเสียงร้องขึ้น หากไม่ใช่ว่าตัวของเธออยู่บนที่สูงเธอก็อยากจะลุกขึ้นมาะโไปมาไม่อย่างนั้นคงไม่พอที่จะแสดงความตื่นเต้นในใจของเธอออกมาได้มากพอ
เธอเป็เพียงเด็กสาวจากตระกูลธรรมดาตอนอายุเจ็ดขวบก็ถูกอาจารย์พบว่ามีพื้นฐานพลังธาตุทองบริสุทธิ์จึงพากลับมายังสำนักเพื่อฝึกศาสตร์ในป่าลึกน้ำใสนั้น เธอถูกเลี้ยงดูให้เติบโตมาดั่งผ้าขาว ไร้สีแต่งแต้มทุกสิ่งที่สำนักจัดให้ต่างก็นำมาให้เด็กมีพร์อย่างเธอก่อน ดังนั้นในการฝึกศาสตร์ของหลีซีเอ๋อร์จึงไม่เคยรู้เลยว่าการดิ้นรนคืออะไรและก็ไม่รู้ความอันตรายของจิตใจคน เธอไม่ต้องดิ้นรนพยายามเลยแม้แต่น้อยอาจารย์เพียงขอให้เธอตั้งใจฝึก พ่อและแม่ในโลกธรรมดานั้นก็จะมีชีวิตที่สุขสบายและตัวเธอเองก็จะมีอนาคตที่ดี
แน่นอนว่าจิตใจแบบนี้เหมาะสมแก่การฝึกศาสตร์มันเพียงพอสำหรับการรักษาระดับเอาไว้ แต่กลับไม่มากพอที่ขยับพัฒนาขึ้นไปได้!
หลีซีเอ๋อร์มีพื้นฐานพลังธาตุทองบริสุทธิ์ที่หาได้ยากความหวังที่อาจารย์มีต่อเธอนั้น ไม่ใช่เพียงแค่ระดับพื้นฐานและธาตุทองเป็ธาตุที่เน้นการโจมตีเป็หลักคนที่ฝึกศาสตร์ควรจะมีความรวดเร็วและเด็ดเดี่ยวในใจร่วมด้วยไม่อย่างนั้นความแตกต่างของกายและใจ อาจจะกลายเป็อุปสรรคขึ้นมาก็เป็ได้
แต่ว่าตลอดเส้นทางของหลีซีเอ๋อร์นั้น เมื่อเทียบกันกับคนในวัยเดียวกันแล้วมันราบรื่นเกินไป! เธอไม่เคยรู้ว่าการเป็ฝ่ายออกตัวก่อนคืออะไรการพยายามคืออะไร จนกระทั่งหลินลั่วหรานปรากฏตัวขึ้นคนหนึ่งคือนักฝึกระดับฝึกลมปราณกลางๆ อีกคนอยู่ในระดับตอนปลาย เพียงแค่ขอบเขตเล็กๆที่ต่างกันเท่านั้น แต่กลับมีความสามารถที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงอีกทั้งหลินลั่วหรานนั้นสามารถใช้เวทธาตุน้ำได้ และก็เคยปล่อยเวทผูกมัดของธาตุป่าแบบนั้นก็แปลว่าอย่างน้อยเธอต้องมีพื้นฐานพลังมากกว่าสองธาตุผสมอยู่แล้ว!
ในระหว่างที่นั่งซึมซับความสวยงามอยู่บนแผ่นหลังของเสี่ยวจินในใจของเธอก็เกิดความรู้สึกฮึดสู้ขึ้นมา รุ่นพี่หลินไม่ใช่คนที่มีพื้นฐานพลังบริสุทธิ์ก็ยังสามารถฝึกศาสตร์ได้เก่งกาจถึงเพียงนี้หลังจากนี้ตัวเธอเองก็คงจะต้องตั้งใจฝึกดูบ้างแล้วใช่ไหม?
หลีซีเอ๋อร์ไม่ได้อยากเป็ที่หนึ่ง แต่ก็ไม่อยากจะถูกทิ้งอยู่ข้างหลังตัวเองนั้นได้แต่ทำอะไรถูกแล้วยังติดอยู่ที่หน้าผากว่าสามวัน รอให้รุ่นพี่หลินออกมาช่วย...
แน่นอนว่าหลินลั่วหรานไม่ได้รู้เลยว่าการปรากฏตัวของเธอจะสามารถสร้างแรงผลักดันที่มากมายขนาดนี้ให้กับสาวน้อยที่ไร้เดียงสาคนนี้ได้หรือต่อให้รู้ เธอก็คงจะถือว่ามันเป็เื่ดีเส้นทางของการฝึกศาสตร์นั้นแสนยาวนาน หากเธอเป็นักปราชญ์คนสุดท้ายของโลกใบนี้นั่นคงเป็เื่ที่น่าเศร้าเสียใจมาก
“รุ่นพี่ ดูทางนั้นเร็ว!”
หลีซีเอ๋อร์ชี้ไปยังที่แห่งหนึ่ง ก่อนจะส่งเสียงเรียกขึ้นมา
หลินลั่วหรานมองไปยังจุดที่เธอชี้ไป ก่อนจะพบว่ามันเป็ป่ากลุ่มหนึ่งจาก้าแบบนี้ พวกเขามองเห็นเพียงแค่บนกิ่งก้านของต้นไม้เ่าั้เต็มไปด้วยผลไม้ที่มีหน้าตาเหมือนกัน แต่กลับไม่ได้เห็นชัดเจนว่ามันคือผลอะไรแต่ก็เป็บริเวณกว้างทีเดียวราวกับว่าจะปกคลุมไปทั่วูเาลูกน้อยทั้งลูกอย่างไรอย่างนั้น
ดูจากสีหน้าของหลีซีเอ๋อร์แล้ว หลินลั่วหรานจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าสาวน้อยคนนี้อยากจะกินมันจนไม่อาจจะเก็บซ่อนอาการได้มิดเธอมักจะทำให้หลินลั่วหรานคิดถึงคนที่น่าจะพักผ่อนดูอาการอยู่ที่เขาชิงเฉิงอย่างเป่าเจียขึ้นมาบ่อยๆเธอส่ายหน้าพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาแน่นอนว่าเธอไม่อาจจะใจแข็งกับความปรารถนาของหลีซีเอ๋อร์ได้
อีกทั้งเสี่ยวจินเองก็กำลังแผดเสียงออกมาต้องอดทนรับมือรับพวกเธอมากว่าครึ่งวันแล้วเสี่ยวจินเองก็น่าจะคอแห้งแล้วเหมือนกัน
หลินลั่วหรานจึงสั่งให้เสี่ยวจินหาที่ลงพักในตอนที่ปีกของเสี่ยวจินกางออกอย่างเต็มที่ ด้านหลังมีความกว้างกว่าสองเมตร ปีกทั้งสองยาวเจ็ดถึงเมตรดังนั้นแม้ว่าจะแบกทั้งสองคนไว้บนหลัง ก็ยังคงขยับปีกบินได้ในเวลานี้เมื่อ้าจะลงจอด ก็คงจะ้าสถานที่ที่กว้างเสียหน่อย
เสี่ยวจินบินวนรอบ ก่อนจะพบกับสถานที่ที่ค่อนข้างกว้าง มันจึงพุ่งตัวลงไปทำเอาหลีซีเอ๋อร์ใจับเข้าที่ขนของมันแม้แต่หลินลั่วหรานเองก็ต้องจับคอของมันเอาไว้แน่นไม่อย่างนั้นก็อาจจะถูกสะบัดตกลงไปได้
เสี่ยวจินส่งเสียงร้องออกมา ก่อนจะลดความเร็วให้ช้าลงหลินลั่วหรานััได้ถึงอารมณ์ของมัน มันมีความรู้สึกน่าขันอยู่ไม่น้อยท่าทางการกระทำของมัน ดูราวกับกำลังเอาคืนสิ่งที่หลีซีเอ๋อร์ทำกับมันบนหน้าผาช่างเป็นกที่ฉลาดหลักแหลมเสียจริง
เมื่อค่อยๆ เข้าใกล้ขึ้นพวกเธอก็สามารถมองเห็นได้ว่ามันเป็ป่าลูกท้อนั่นเอง ้าของต้นท้อเตี้ยๆเต็มไปด้วยลูกท้อลูกใหญ่สีชมพูสด ส่งกลิ่นหอมออกมาแต่ไกล
เมื่อสูดกลิ่นเข้าไป ก็ต้องยอมรับว่าเป็กลิ่นที่หอมดึงดูดคนเสียจริง!
หลินลั่วหรานลงมาจากหลังของเสี่ยวจินอย่างสบายๆพร้อมยังรับหลีซีเอ๋อร์ลงมาด้วยกันด้วย
เสี่ยวจินไม่รอคำสั่งจากผู้เป็นายความสูงของต้นท้อเตี้ยมีเพียงแค่ครึ่งตัวคนเท่านั้น เพียงแค่ะโขึ้นสักหน่อยมันก็สามารถเก็บได้ถึงแล้ว แต่ว่าอินทรีโง่ตัวนี้กลับมีวิธีที่ดีกว่ามันกลางปีกขึ้น สร้างแรงลมโบกสะบัด ปีกที่แม้แต่ “เวทมีดทอง”ก็ไม่อาจจะผ่านไปได้ ตอนนี้ได้แสดงผลที่ดีเยี่ยมออกมาแล้วลูกท้อเ่าั้บอบบางราวกับถูกแปะเอาไว้กับกิ่ง มันร่วงหล่นลงมายังพื้นดินทันทีเสี่ยวจินเลือกลูกท้อลูกใหญ่คาบขึ้นมา ก่อนจะส่งมันให้กับหลินลั่วหรานคนที่คอยมองเสี่ยวจินอยู่ตลอดเวลาอย่างหลีซีเอ๋อร์ สุดท้ายก็โดนมันมองข้ามไป...
หลีซีเอ๋อร์อยากจะเข้าไปเก็บลูกท้อที่ตกลงมา มันเบิกตามองตามเธอไปก่อนจะกางปีกขึ้นกันไม่ให้เธอเก็บ...เป็คนเหมือนกัน แต่ก็ไม่เหมือนกันสินะหลีซีเอ๋อร์เม้มปากแน่นก่อนที่จะไปหาลูกท้อที่ใหญ่ที่สุดและแดงที่สุดมาจากต้นท้อข้างๆก่อนจะกัดลงไปด้วยความโมโห!
ใครจะรู้ว่าลูกท้อที่ภายนอกดูบางกรอบ ภายในนั้นจะสุกงอมจนกลายเป็น้ำลูกท้อเมื่อหลีซีเอ๋อร์กัดลงไป จึงทำให้น้ำลูกท้อกระจายออกมาเต็มหน้าของเธอจนต้องกระทืบเท้าระบายความโมโห!
เมื่อเห็นว่าเธอส่งเสียงร้องโหยหวนออกมา เสี่ยวจินก็ขยับปีกไปตามด้วยทำเอาหลินลั่วหรานเกือบจะหลุุดขำออกมา เ้าอินทรีตัวนี้นี่นะแบบนี้ดูเหมือนว่ามันกำลังแกล้งหลีซีเอ๋อร์อยู่เลย...
ไม่เพียงเท่านั้น เสี่ยวจินยังทำท่าทางจิกลงไปยังลูกท้อลูกหนึ่งจนเกิดเป็รูเล็กๆ แล้วดูดน้ำภายในออกมาจนหมดยิ่งทำให้หลีซีเอ๋อร์ต้องกระทืบเท้าลงไปหนักขึ้นอีก
หลินลั่วหรานรู้สึกว่าคนหนึ่งคนกับนกหนึ่งตัวนี่ดูราวกับตัวตลก ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงดื้อดึงอยู่ที่หน้าผากันได้ถึงสองวัน เธอแกะลูกท้อที่เสี่ยวจินส่งมาให้ออกกัดลงไปหนึ่งคำ รสชาติและกลิ่นหอมละมุนอีกทั้งยังไม่ต้องเสียแรงเลยแม้แต่น้อย...หากว่าได้รับการดูแลจากพื้นที่ลึกลับผ่านไปหลายๆ ปี จะสามารถเปลี่ยนไปเป็เหมือนกับลูกท้อเซียนวิเศษของราชินีมารดร1ได้ไหมนะ?
แม้ว่าอาจจะคิดไกลไปเสียหน่อย แต่ว่าปลูกเอาไว้สักหน่อยก็คงจะได้หลินลั่วหรานจึงเก็บเมล็ดลูกท้อใส่เข้าไปยังถุงจักรวาลเล็กน้อย
ท่านเทพป๋ายจึงส่งเสียงแสดงความไม่พอใจขึ้นมา “เ้านี่ช่างกล้านักต่างโยนอะไรต่อมิอะไรเข้ามาไว้ข้างตัวข้า!”
หลินลั่วหรานเห็นว่าหลีซีเอ๋อร์กำลังทะเลาะเล่นกันอยู่กับเสี่ยวจินข้างๆมองดูมีความสุขดี และไม่ได้ให้ความสนใจอะไรทางนี้นักเธอจึงใช้จิตความคิดในการสื่อสารกับท่านเทพป๋าย
“ข้ายังไม่ได้ขอบคุณท่านเลยหากว่าท่านไม่ได้สอนศาสตร์การบังคับสัตว์ไว้ให้ข้าเสี่ยวจินที่มีพลังมากมายขนาดนั้นคงไม่อาจจะเก็บกลับมาได้” แม้ว่าจะบังคับดาบได้ แต่ว่าการเก็บเสี่ยวจินที่ดูดุร้ายแต่กลับมีท่าทางน่ารักมานั้น หลินลั่วหรานก็รู้สึกดีใจมากอยู่ดี
“เ้าดวงดีเอง ที่ได้พบกับอินทรีทองวัยเด็กแบบนี้ความสุดยอดของมันคือหลังจากนี้ คอยเฝ้าดูต่อไปเถอะ!”
หลินลั่วหรานตอบกลับไป “ก็ใช่” ในใจของเธอรู้สึกขอบคุณและก็รู้สึกกลัวท่านเทพป๋ายคนนี้ตอนแรกเธอคิดว่าเพียงแค่ศาสตร์บังคับดาบก็สามารถบินออกมาได้แล้ว เพียงแค่ให้ทฤษฎีดาบกับเธอมาก็เพียงพอแต่ทำไมถึงได้ชี้นำให้เธอเก็บเสี่ยวจินมาเลี้ยงกันนะ?
หลินลั่วหรานไม่เคยคิดว่าบนโลกนี้จะมีเื่ดีๆที่เกิดขึ้นโดยไร้เหตุผลอยู่ ยิ่งตอนนี้ท่านเทพป๋ายให้เธอมามากเท่าไรสิ่งที่ท่านเทพป๋าย้าจากตัวของเธอก็ต้องยิ่งมากขึ้นไปเท่านั้นเธอจึงไม่ค่อยเชื่อนักว่าความ้าของท่านเทพป๋ายจะมีเพียงการออกไปจากหุบเขาแห่งนี้
เธอสงสัยอยู่สักพัก ก่อนจะแสดงถึงความล้ำค่าของทฤษฎีดาบออกมาในตอนนั้นท่านเทพป๋ายก็ได้แต่ส่งเสียงหัวเราะออกมา
“ล้ำค่ามาก? อย่างไรของชิ้นนั้นก็เป็ของที่ชู่ชานเขียนขึ้นมาของจากตระกูลอื่นสำหรับข้าแล้วก็เหมือนกันไปหมด ไม่ได้รู้สึกว่ามันมีค่าอะไรเ้าเองก็ไม่ต้องขอบใจอะไรข้านักหรอก”
********************
1 ลูกท้อเซียนวิเศษของราชินีมารดร คือ ลูกท้อที่มีพลังวิเศษของเทพอยู่ในเื่สามก๊ก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้