“ท่านยาย พ่อข้าสอบติดถงเซิงแล้ว วันนี้เชือดไก่กินเถิด!” ตอนนี้หลิวเต้าเซียงมีงานอดิเรกใหม่อีกอย่างก็คือ ไม่เพียงแค่ชอบกินปลา แล้วยังชอบกินไก่บ้าน ไก่บ้านที่ไร้สารปนเปื้อนแบบนี้ รสชาติดีและกลิ่นหอม ต่างจากรสชาติไก่ที่เคยกินในโลกยุคปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง
เพียงแค่กัดเข้าไปคำเดียว เนื้อไก่ที่แน่นและหอม เคี้ยวแล้วนุ่มนิ่ม กระทั่งอยากกลืนลิ้นลงไปด้วย
เฉินซื่อรับปากอย่างเต็มคำ “ดีๆๆ โชคดีที่ก่อนหน้านี้ข้าซื้อไก่จากป้าหวงมาเลี้ยงไว้ ล้วนเป็ไก่อายุหนึ่งปีครึ่ง รสชาติกำลังดี ไก่บ้านเราเสียดายที่อายุเพียงแค่แปดเดือนกว่า อยากกินคงต้องรออีกหนึ่งถึงสองเดือน”
นางมองไปที่ท่าทีชื่นมื่นของทั้งครอบครัวจึงมิได้เอ่ยปาก เพราะไม่อยากทำลายความสุขของทุกคน แต่ในใจกลับพึมพำ ไม่น่าเร็วเพียงนั้นหรอก!
ครอบครัวของหลิวเต้าเซียงเริ่มยุ่งเพราะข่าวดีนี้ จางกุ้ยฮัวจึงให้หลิวเซียงไปเชิญหลี่เจิ้งกับฮูหยินมาร่วมทานอาหารค่ำ จากนั้นเอาเงินให้นางสามสิบอีแปะไปซื้อเหล้าชั้นดีตรงปากทางหมู่บ้านมา
ท่านย่าหวงมาอย่างรวดเร็วและถือตะกร้าเข้ามาหนึ่งใบ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าต้องเป็บรรดาผักผลไม้แน่นอน
“ซานกุ้ย ขอแสดงความยินดีด้วย!”
ท่านย่าหวงยิ้มหน้าระรื่น นางเป็คนหลักแหลม หลิวซานกุ้ยเล่าเรียนเพียงไม่ถึงสองปีก็สอบติดถงเซิง นับว่าเก่งกว่าบุตรชายทั้งสามของหลิวต้าฟู่นัก
“ท่านป้า แค่ความพยายามในอดีตได้รับการยอมรับเสียที ถึงอย่างไรก็นับว่าเป็ลูกศิษย์ที่ได้รับการยอมรับในราชวงศ์โจว แต่ก็เพียงเท่านั้น ต่อไปยังต้องพยายามให้มากกว่านี้”
หลิวซานกุ้ยมีความสุข แต่ปากก็ยังคงถ่อมตน
ท่านย่าหวงยิ่งฟังก็ยิ่งพอใจ รู้สึกเพียงว่าสายตาของหลานชายคนโตเฉียบแหลมไม่เบา!
ครอบครัวหลิวฝั่งสาม เห็นทีจะผงาดได้แล้ว!
“ใช่แล้ว หลานชายคนโตของข้าส่งจดหมายมาว่า ปีนี้เขาจะกลับมาที่บ้านพร้อมกับแม่ ส่วนพ่อเขาต้องเตรียมสอบชุนเหวยปีหน้า”
หลังจากการสอบชุนเหวยจะเป็การตัดสินว่าเป็ัหรือแค่ปลา หากสอบผ่าน บุตรชายคนโตของหลี่เจิ้งก็จะสามารถเข้าสู่สำนักศึกษาเพื่อเล่าเรียน คนที่จบออกมาแม้ว่าแย่สุดก็ยังสามารถเป็ขุนนางระดับล่างได้
“เช่นนั้นก็ขอแสดงความยินดีกับท่านป้าด้วย พี่ต้าเม่าต้องได้อันดับที่ดีแน่นอน”
“สมพรปากเถิด” เมื่อท่านย่าหวงเห็นว่ามีเพียงนางเท่านั้นที่มา จึงเอ่ยถามเสียงค่อย “เ้าสอบติดถงเซิง คงยังไม่ได้บอกกับพ่อของเ้าสินะ!”
หลิวซานกุ้ยตอบว่า “ท่านป้า ข้าเพิ่งกลับมา ยังไม่ได้บอกท่านพ่อ”
จางกุ้ยฮัวเชิญครอบครัวหลี่เจิ้งมาทานอาหารค่ำ หลิวซานกุ้ยเข้าใจถึงความซับซ้อนของเื่ราวทั้งหมดที่ไม่มีวันสะสางจบสิ้น เขาจึงตั้งใจว่าวันรุ่งขึ้นจะไปที่บ้านเก่าเพื่อบอกเื่ถงเซิงให้แก่ท่านทั้งสอง
“ยังไม่ได้ไปหรือ ไม่ไปสิดี เ้าอย่าโทษป้าที่พูดตรงไปตรงมาเลยนะ แม่เ้ากลับมาแล้ว นางอยู่ด้วย เฮอะ เื่ดีก็คงถูกนางอาละวาดจนเสียเื่”
นับั้แ่หวงเสียวหู่ หลานชายคนโตของนางหมั้นหมายกับหลิวชิวเซียง นางก็ปฏิบัติกับครอบครัวนี้อย่างใส่ใจมากขึ้น
หลิวซานกุ้ยใในตอนแรกแล้วพูดว่า “บ้านใหม่คงกำลังใกล้จะเสร็จ แม่ข้าสมควรกลับมาแล้ว”
“หากจะพูดก็เป็เช่นนั้นจริง แต่เ้าก็อย่าเพิ่งให้แม่เ้ารู้เลยจะดีกว่า ป้าขอพูดตามตรง เ้าฟังแล้วอาจจะรู้สึกแย่ แต่ก่อนแม่เ้ามักจะบอกว่าเ้าเรียนไม่ได้เื่ ข้าว่าตอนนี้เ้าอยู่ในเส้นทางของบัณฑิต เกรงว่าคงจะสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง”
หลิวซานกุ้ยไม่ใช่คนที่กตัญญูอย่างโง่เขลาอีกต่อไป
“ท่านป้า ข้าเข้าใจ”
ท่านย่าหวงเห็นว่าเขายอมฟังจึงไม่ได้เอ่ยให้มากความ เมื่อเห็นหลิวชิวเซียงกำลังเด็ดต้นหอมอยู่หน้าประตูห้องครัว จึงยิ้มแล้วเอ่ย “ชิวเซียง เสียวหู่ส่งจดหมายมาด้วยล่ะ บอกว่าต้องส่งให้ถึงมือของเ้าเอง”
ท่านย่าหวงยิ้มในขณะที่หยิบเอาจดหมายออกมาจากอ้อมอก จากนั้นก็ปลื้มใจกับสายตาแหลมคมของหลานชายคนโตอีกหน นางเคยได้ยินตาเฒ่าพูดจากปากว่า บุตรสาวคนโตของตระกูลหลิวนั้นเขียนอักษรได้สวยงามยิ่งนัก
หลี่เจิ้งมาทันเวลาอาหารพอดี หลิวซานกุ้ยเชิญเขานั่งลงที่โต๊ะแล้วเรียกให้หลิวชิวเซียงไปหยิบเหล้ามา จากนั้นก็กินถั่วลิสงคั่วกับเหล้าและพูดคุยกันไปพลางๆ
จางกุ้ยฮัวกำลังนั่งพูดคุยกับท่านย่าหวงตรงหน้าระเบียงไปเรื่อยเปื่อย ส่วนเฉินซื่อกำลังพาสองพี่น้องยุ่งกับการทำอาหารในครัว
“มาสิ ชิมดูว่ารสชาติเข้าเนื้อหรือยัง?”
เฉินซื่อใช้ตะหลิวเลือกเนื้อหนาติดกระดูกขึ้นมา เป่าจนเย็นแล้วเอาใส่ปากน้อยๆ ของหลิวเต้าเซียงที่รอกินอยู่
“อร่อย!”
หลิวเต้าเซียงยิ้มตาพริ้ม
ส่วนหลิวชิวเซียงนั่งอยู่หน้าเตาและก่อไฟ มองดูท่าทางอดอยากของน้องรอง จึงยิ้มแล้วเอ่ย “ท่านยาย นางน้ำลายสออยู่นานแล้ว”
“ท่านพี่ มันอร่อยจริงๆ นะ เ้ารีบเอาตะเกียบมาชิมเร็ว”
หลิวเต้าเซียงวิ่งไปหยิบตะเกียบ จากนั้นก็ได้ยินเสียงทุบประตูจากด้านนอก
ปังๆๆ!
เฉินซื่อขมวดคิ้วเล็กน้อย “ใครมากัน? ทำไมต้องทุบแรงปานนั้น?”
ผู้มาเยือนนั้นอันธพาลเกินไป เคาะประตูจนเสียงดังสนั่นหวั่นไหว
เฉินซื่อพูดกับหลิวเต้าเซียงที่กำลังถือตะเกียบว่า “หลานรัก ไปดูว่าผู้ใดมา?”
“เข้าใจแล้วท่านยาย!” นางหยิบตะเกียบและไปที่ห้องโถงก่อน จากนั้นจัดตะเกียบอย่างช้าๆ
เสียงเคาะประตูดังไม่ขาดสาย จางกุ้ยฮัวฟังแล้วหงุดหงิดจึงเรียกให้หลิวเต้าเซียงรีบไปเปิดประตู
หลิวเต้าเซียงเดินไปที่ประตูบ้านอย่างอ้อยอิ่ง
ใครจะสนว่าคือพระเ้าหน้าไหน!
อย่างไรก็ตาม คนที่เคาะประตูก็ไม่ใช่ตัวนางเอง
“มาแล้วๆ!” หลิวเต้าเซียงรีบเปิดประตูขณะตอบ
วันนี้หลิวเต้าเซียงสวมเสื้อผ้าฝ้ายเนื้อละเอียดลายกล้วยไม้สีแดง ด้านล่างเป็กางเกงผ้าฝ้ายเนื้อละเอียดสีดำ ตรงขากางเกงมีเย็บขอบสีสันประดับไว้ ตรงเอวรัดเข็มขัดผ้าฝ้ายละเอียดสีดำ บนศีรษะมัดสองจุกประดับด้วยเครื่องประดับลายดอกสีแดงสดและห้อยด้วยไข่มุก ตรงหน้าอกมีสร้อยอิ๋นสั่วราบรื่นปลอดภัย
ใบหน้าสวยพร้อมกับความคาดหวังของหลิวจูเอ๋อร์ปรากฏขึ้น สีหน้าของนางฉายแววประหลาดใจและริษยา
“นางตัวดี เหตุใดถึงเพิ่งมาเปิดประตู” ผู้มาเยือนคือหลิวจูเอ๋อร์ เมื่อเห็นหลิวเต้าเซียงเปิดประตูชักช้า ไฟริษยาในใจก็ยิ่งปะทุ
หลิวเต้าเซียงกลอกตาอย่างระอา แล้วปรายตามองอย่างเ็า “คนที่ไม่ชอบขี้หน้า ข้าย่อมไม่อยากเปิดประตูให้”
“เ้า...” หลิวจูเอ๋อร์โกรธมากจนใบหน้าซีดขาว ก่อนหน้านี้อยากขโมยไก่แต่ไม่สำเร็จ แล้วยังต้องเสียข้าวไปหนึ่งกำ
“ข้าอะไร คิดจะแย่งว่าที่สามีของพี่ข้า แล้วยังมีหน้ามาที่บ้านข้าอีก หลิวจูเอ๋อร์ เหตุใดเ้าจึงหน้าด้านยิ่งกว่าูเาด้านหลังหมู่บ้านเราเสียอีก!”
หลิวเต้าเซียงไม่เคยคิดจะเรียกหลิวจูเอ๋อร์ว่าเป็พี่สาวหรือน้องสาว ลับหลังผู้ใหญ่นางจึงเรียกเพียงชื่อ
หลิวจูเอ๋อร์กัดฟันด้วยความโกรธจัดแล้วสะบัดผ้าเช็ดหน้า “ฮึ หากไม่ใช่เพราะท่านย่าให้ข้ามา เ้าคิดว่าข้าอยากมาหรือ ก็แค่บ้านผุพัง มีอะไรน่าอวดดี?”
ทันทีที่นางคิดว่าในอีกหนึ่งเดือนครอบครัวของตนจะสามารถอาศัยอยู่ในบ้านเอ้อร์จิ้นย่วนหลังใหม่ แล้วคิดว่าตนเองจะมีเด็กรับใช้คอยปรนนิบัติ จึงรู้สึกเหนือกว่าสองพี่น้องหลิวเต้าเซียงไม่น้อย
“ฮึ ดูสภาพจนๆ ของเ้าสิ ข้าไม่ได้อยากมาที่บ้านเ้านักหรอก” หลิวจูเอ๋อร์กล่าวต่อ
หลิวเต้าเซียงเกลียดรูปลักษณ์ที่ดูถูกของนางมากที่สุดและอดไม่ได้ที่จะประชดประชัน “เ้าน่ะ้าเพียงลูกเขยชาวบ้าน ถึงกับรีบเสนอตัว”
“เ้า!” หลิวจูเอ๋อร์พ่ายแพ้อีกครั้ง
นางนึกเสียใจทีหลังอยู่นาน แต่ก็เก็บความอัดอั้นนี้ไว้ไม่ได้ หวงเสียวหู่อยู่ไกลจากหมู่บ้านสามสิบลี้ นางแตะต้องไม่ได้ จึงจดบัญชีแค้นของหลิวเต้าเซียงไว้ รอวันใดวันหนึ่งจะกัดคืนสักที
“เ้าอะไร มีอะไรก็รีบพูด!” หลิวเต้าเซียงรำคาญที่จะพูดพล่ามกับนางต่อ
“เ้า นับว่ากล้านัก ท่านย่ากลับมาแล้ว บอกให้ครอบครัวเ้าไปที่บ้านตอนค่ำ!”
หลิวจูเอ๋อร์ยืนอยู่ที่หน้าประตู เมื่อได้กลิ่นเนื้อไก่โชยออกมาและเห็นหลี่เจิ้งกับท่านย่าหวง จึงฉุกคิด แล้วเริ่มมีแผนชั่วในใจอีก
นางเด็กตัวดีดูสวยและดูดีกว่าแต่ก่อน!
นางทั้งอิจฉา ทั้งริษยาตาร้อนจนแทบบ้า
หลิวจูเอ๋อร์นั้นภายนอกดูเจิดจรัส แต่ภายในกลับไม่ได้ดั่งใจสักอย่าง หลิวเหรินกุ้ยตกงาน อาศัยที่นาสามสิบไร่เลี้ยงชีวิต แล้วก็ซื้อเด็กรับใช้ไม่กี่คนเพื่อมารักษาหน้าตา น้องชายทั้งสองของนางก็กำลังเล่าเรียน สิ้นเปลืองเงินยิ่งนัก เพื่อประหยัดเงิน สองสามีภรรยาจึงลดเงินค่าขนมของนางลง หากว่างานเย็บปักของนางใช้ได้ ก็อาศัยงานเย็บปักเหล่านี้ไปแลกเงินใช้ เกรงว่าชีวิตของนางคงจะลำบากยากเย็น ครอบครัวมิได้รุ่งเรืองเท่าในอดีตแล้ว
“เข้าใจแล้ว มีอะไรอีกไหม?” หลิวเต้าเซียงเอ่ยถาม
หมดธุระก็ไสหัวไป!
ครอบครัวหลิวฝั่งสามไม่ต้อนรับฝั่งรอง
“นางตัวดี ไม่เคยได้ยินหรือว่าหักกระดูกแล้วยังมีเส้นเอ็นเชื่อมอยู่? เ้าไม่อยากรับลุงรองแล้วหรือ?”
หลิวจูเอ๋อร์เป็คนชอบก่อปัญหา ก่อนหน้านี้โมโห คราวนี้เมื่อได้สติจึงสบตาหลิวเต้าเซียง
“ฮึ เ้าเอาตาข้างไหนมอง? เดือนหกลุงรองก็มาบ้านข้าทุกวัน บ้านข้าไม่ต้อนรับเมื่อไร?”
ขณะที่หลิวเต้าเซียงตอบก็ใช้สายตาพิฆาตจ้องหลิวจูเอ๋อร์กลับ
“เ้า!” หลิวจูเอ๋อร์ไม่กล้าถามต่อ กลัวว่าหลิวเต้าเซียงจะใช้คำพูดที่ทำให้ตนขายหน้าออกมาอีก
“ฮึ ข้าฝากคำพูดเสร็จแล้ว ครอบครัวเ้าจะไม่ไปก็เื่ของพวกเ้า” นางสะบัดผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กแล้วเดินจากไป
หลิวเต้าเซียงปิดประตูลานบ้าน ก่อนจะได้ยินพี่สาวเรียกให้ไปทานข้าว
เมื่อตอบรับก็รีบวิ่งตรงดิ่งเข้าห้องโถง นางยังพะวงถึงไก่ผัดน้ำแดงของท่านยายอยู่!
“ลูกรัก เหตุใดจูเอ๋อร์ถึงไม่เข้ามา?” จางกุ้ยฮัวยิ้มแล้วถามนาง
หลิวเต้าเซียงกะพริบตาคู่สวย ยิ้มแล้วตอบ “พี่จูเอ๋อร์แค่ฝากคำพูดมาให้ นางต้องรีบคาบข่าวกลับไปบอกท่านย่าอีก”
“ฝากคำพูดมา?”
จางกุ้ยฮัวเห็นว่าบุตรสาวของนางเฉไฉ จึงถามย้ำ
“ใช่แล้ว บอกว่าตอนค่ำให้ครอบครัวเราไปพบท่านย่า”
ทันใดนั้น หลิวเต้าเซียงก็รู้สึกว่าหลิวฉีซื่อเป็เหมือนไทเฮาที่ปรนนิบัติเอาใจยาก ทั้งยังเหี้ยมโหดอำมหิตและเ้าเล่ห์
“โอ้ ท่านย่าเ้ากลับ… กลับมาแล้วหรือ??”
จางกุ้ยฮัวประหลาดใจ แล้วหันมองไปทางมารดาของตนเอง ในใจเริ่มกลัดกลุ้ม!
หากแม่สามีหาเื่ให้มารดาของตนออกไป คนที่เป็ลูกสะใภ้อย่างนางคงไม่อาจพูดโต้เถียงได้แม้แต่คำเดียว
มารดาของนางเป็หญิงหม้าย หากเกิดปัญหา เกรงว่าคนในหมู่บ้านคงไม่มีใครช่วยนางพูดแน่นอน
หลิวเต้าเซียงเห็นเข้าจึงเกลี้ยกล่อม “ท่านยาย แม่ข้าตั้งครรภ์น้องชาย ท่านห้ามทิ้งหน้าที่ดูแลนะ”
หลิวซานกุ้ยรีบเสริมทันที “ท่านแม่ กุ้ยฮัวเชื่อฟังท่านมากที่สุด ห้ามท่านบอกจะไปก็ไป อย่างน้อยก็รอเด็กคลอดออกมา อยู่เดือนเสร็จก่อน เด็กยังเล็ก งานในบ้านก็มาก ต้องขอรบกวนท่านแม่ช่วยดูแลอีกมาก”
หลี่เจิ้งลูบเคราแพะไม่พูดไม่จา ท่านย่าหวงยิ้มและผงกศีรษะ หลิวซานกุ้ยเป็เด็กกตัญญู และเป็คนที่แบ่งแยกชั่วดีได้
นางและหลี่เจิ้งสบตาก่อนจะเอ่ยขึ้น “ข้าว่าน้องเฉินเป็คนที่คล่องแคล่วว่องไว ยิ่งไปกว่านั้นหากจะพูดจากใจ โลกนี้นั้นมีเพียงคนที่เป็พ่อแม่จึงจะดีต่อลูกสาวอย่างแท้จริง กุ้ยฮัวได้แม่มาดูแลในหลายเดือนนี้ ข้าว่าครรภ์ของนางก็โตกว่าคนท้องทั่วไปไม่น้อย แต่หมอบอกว่า ครรภ์ของนางนั้นมั่นคงนัก คำพูดของเขามีเหตุผล น้องเฉินอยู่ต่อที่นี่ดีกว่า”
เฉินซื่อเป็หญิงหม้าย ท่านย่าหวงรู้ถึงเื้ัของความลำบากจึงใกล้ชิดกับนางอยู่บ่อยครั้ง ก็ยิ่งชื่นชอบนิสัยที่อ่อนโยนของเฉินซื่อ ด้วยเหตุนี้จึงเข้ากันได้กับนาง
-----
