บนถนนผู้คนพลุกพล่าน คึกคักเป็อย่างยิ่ง
หวาชิงเสวี่ยเดินดูรอบๆ หลังจากทำความคุ้นเคยกับสถานที่อยู่ครู่หนึ่ง นางก็ถามทางกับผู้คนที่เดินผ่านไปมาว่าจะหาเช่าบ้านได้ที่ใด
ผู้คนในยุคนี้มีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีผู้คนใจดีชอบช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ไม่น้อย ลุงๆ ป้าๆ หลายคนต่างก็ช่วยบอกทางให้นางอย่างกระตือรือร้น บอกว่าหาก้าเช่าบ้านต้องไปหาพ่อค้าคนกลางที่สำนักงานนายหน้า เพียงแค่จ่ายค่าตอบแทนเล็กน้อย ก็สามารถเช่าบ้านที่ถูกใจได้
หวาชิงเสวี่ยไปที่สำนักงานนายหน้า เพียงแค่ก้าวเข้าประตูไป ก็มีชายวัยกลางคนเดินเข้ามาต้อนรับ
เขายิ้มตาหยีมองมาที่หวาชิงเสวี่ย แล้วกล่าวว่า “ดูเหมือนแม่นางจะไม่ใช่คนในพื้นที่ มาที่นี่้าเช่าบ้าน หรือว่าซื้อบ้านขอรับ?”
หวาชิงเสวี่ยใเล็กน้อย คิดในใจว่าสายตาคนผู้นี้ช่างเฉียบคม มองแค่ปราดเดียวก็รู้ว่านางไม่ใช่คนในท้องถิ่น!
มันชัดเจนขนาดนั้นเลยหรือ?
“บอกตามตรง ข้ามาเช่าบ้านเ้าค่ะ”
“ข้าแซ่เกา นามว่าเฉิง [1] ความจริงใจดั่งชื่อขอรับ ไม่หลอกลวง ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ หากแม่นางเลือกข้า รับประกันไม่มีผิดหวัง” ชายวัยกลางคนแซ่เกาแนะนำตัวเองอย่างเปิดเผย แล้วถามหวาชิงเสวี่ยว่า “แม่นางแซ่อะไร ้าบ้านแบบไหนหรือขอรับ?”
“ข้าแซ่หวาเ้าค่ะ” หวาชิงเสวี่ยยิ้มอย่างเขินอาย แล้วกล่าวว่า “ขนาดบ้านไม่สำคัญ แต่อยากได้บ้านที่สะอาดหน่อย สงบ แล้วก็...ราคาถูกเ้าค่ะ”
ชายวัยกลางคนแซ่เกาไปหยิบสมุดเล่มหนาจากโต๊ะด้านหลังมาพลิกดูอย่างรวดเร็ว แล้วถามว่า “แม่นางหวาเคยมีความคิดจะเช่าบ้านอยู่ร่วมกับคนอื่นหรือไม่? หากเป็บ้านเดี่ยวๆ เกรงว่าราคาจะแพงกว่าหน่อย ไม่ทราบว่าแม่นางหวาคิดเห็นอย่างไรกับเื่ราคา...”
เช่าร่วมกับคนอื่น?
เื่นี้หวาชิงเสวี่ยยังไม่เคยคิดถึงมาก่อน...
เพราะในท้ายที่สุดแล้ว นางไม่ใช่คนในโลกนี้ หากเช่าอยู่ร่วมกับคนอื่น ก็เท่ากับว่าการใช้ชีวิตทั้งหมดของนางจะถูกจับตามองจากคนอื่น ลึกๆ แล้ว นางรู้สึกว่าสิ่งนี้อาจจะไม่ปลอดภัย อีกอย่าง...เื่การติดต่อสื่อสารกับผู้อื่น นางก็ค่อนข้างหวาดกลัว
ในชั่วขณะนี้เองหวาชิงเสวี่ยไม่ได้ตระหนักเลยว่า ตอนที่อาศัยอยู่กับฟู่ถิงเย่ นางปรับตัวได้ดีมาก!
หวาชิงเสวี่ยแอบลูบก้อนเงินที่อยู่ด้านในเสื้อ
นางมีเงินติดตัวอยู่บ้าง เป็ค่าตอบแทนจากการซักผ้าที่ฉีเหลียนเชิงให้กับนางก่อนหน้านี้ ถึงแม้ว่าตอนนี้จะดูมีเงินเหลือเฟือ แต่นางก็ไม่สามารถนั่งกินนอนกินไปวันๆ ได้ นางต้องคิดวิธีหาเงิน ดังนั้น...การเช่าบ้านย่อมต้องประหยัดให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
“หากเช่าร่วมกับคนอื่น...มันจะเสียงดังหรือไม่เ้าคะ?” หวาชิงเสวี่ยถามอย่างกังวลใจ
ชายวัยกลางคนแซ่เกายิ้ม พูดอย่างเข้าอกเข้าใจ “หากแม่นางหวา้าบ้านที่เงียบสงบ ตอนนี้ก็มีหลังหนึ่งที่ไม่เลว อยู่ภายในเรือนของตระกูลเหอที่ตรอกถงหลิง มีห้องแฝดทางทิศตะวันตกให้เช่า ลานเรือนกว้างขวาง ห้องพักทางทิศตะวันตกไม่ได้ติดกับห้องโถงใหญ่ ไม่รบกวนกัน ตอนนี้ในบ้านมีแค่ป้าเหออาศัยอยู่คนเดียว เป็คนใจดีด้วยขอรับ”
เขาพูดไปพลางพลิกเปิดสมุดแนะนำบ้านหน้านั้นให้หวาชิงเสวี่ยดู
นี่เป็ครั้งแรกที่หวาชิงเสวี่ยได้เห็นสมุดเช่าซื้อบ้านในสมัยโบราณ รู้สึกแปลกใจมาก ในสมุดไม่เพียงแต่บันทึกข้อมูลของเ้าของบ้านและสภาพบ้านอย่างชัดเจน แต่ยังมีภาพมุมสูงด้วย ถึงแม้ว่าภาพจะค่อนข้างหยาบและเรียบง่าย แต่โครงสร้างของบ้านก็มองเห็นได้ชัดเจน และมีข้อมูลทั้งหมดครบถ้วน
หลังจากที่หวาชิงเสวี่ยดูจบ นางก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวั่นไหวนิดหน่อย
ชายวัยกลางคนแซ่เกาทำหน้าที่ของตนต่อไป “แม่นางหวา ความจริงท่านเป็สตรีตัวคนเดียว อาศัยอยู่คนเดียวกลับจะยิ่งไม่ปลอดภัย ถึงแม้ว่าคนในเมืองผานสุ่ยของเราจะมีนิสัยใจคอที่เรียบง่าย แต่ก็ไม่แน่ว่าอาจจะมีพวกขี้ขโมยอยู่บ้าง หากเช่าอยู่ร่วมกับคนอื่น นอกจากจะประหยัดเงินแล้ว ในชีวิตประจำวันก็ยังมีคนคอยดูแลอีกด้วย ป้าเหอมีลูกชายคนเดียว อยู่ในค่ายชิงโจวซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ หากแม่นางหวาเช่าบ้านของตระกูลเหอ รับประกันได้ว่าจะไม่มีใครกล้ารังแก”
หวาชิงเสวี่ยครุ่นคิด หากสิ่งที่ชายวัยกลางคนแซ่เกาพูดเป็ความจริง บ้านหลังนี้ก็ดูไม่เลวเลยจริงๆ
นางถามว่า “ข้าสามารถไปดูบ้านตอนนี้ได้หรือไม่เ้าคะ?”
ชายวัยกลางคนแซ่เกายิ้มพลางเก็บสมุด “ได้ขอรับ ข้าจะพาแม่นางไปดู!”
ทั้งสองคนออกมาข้างนอก เดินไปตามถนนเรื่อยๆ เลี้ยวไปเลี้ยวมา แล้วก็เข้าไปในตรอกหนึ่ง เดินตรงไปข้างหน้าอีกไม่นานนัก ชายวัยกลางคนแซ่เกาก็หยุดฝีเท้า ยืนอยู่หน้าประตูเรือนหลังหนึ่งแล้วะโว่า “ป้าเหอ ข้าพาคนมาดูบ้าน!”
พูดจบ ก็หันหน้าไปอธิบายกับหวาชิงเสวี่ย “ที่นี่ปกติมีแค่ป้าเหออาศัยอยู่แค่คนเดียว ลูกชายของนางคนนั้นจะกลับมาเดือนละครั้งสองครั้ง ทุกครั้งที่กลับมาก็ไม่ได้อยู่นานขอรับ”
หวาชิงเสวี่ยพยักหน้าอย่างเข้าใจ
ผ่านไปครู่หนึ่ง ก็มีหญิงวัยกลางคนเดินออกมาจากห้องโถงใหญ่ อายุของนางประมาณห้าสิบปี หางตามีรอยตีนกาจางๆ ดูใจดีและเป็มิตรเหมือนอย่างที่ชายวัยกลางคนแซ่เกาบอกจริงๆ
ชายวัยกลางคนแซ่เกาพาหวาชิงเสวี่ยเข้าไปในเรือน แล้วแนะนำตัวกับป้าเหอ “นี่คือแม่นางหวา นาง้าหาที่อยู่ที่สะอาดและเงียบสงบ พอข้าลองคิดดู ก็คิดถึงเรือนของท่านขึ้นมา! เรือนของท่านทั้งกว้างขวางและสะอาด อยู่ไม่ไกลจากตลาด พักอาศัยอยู่ที่นี่สบายที่สุดแล้ว!”
หวาชิงเสวี่ยอดไม่ได้ที่จะอมยิ้ม คิดในใจว่าชายวัยกลางคนแซ่เกาผู้นี้ช่างพูดเก่งเหลือเกิน พูดแต่สิ่งดีๆ ให้ฟัง แต่ก็ไม่ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าเกินจริง
ป้าเหอยิ้มจนตาหยีแล้วพยักหน้า มองไปที่หวาชิงเสวี่ย ถามว่า “แม่นางหวาเป็คนแถวไหนหรือ ตอนนี้อายุเท่าไรแล้ว? มาที่นี่จะอยู่เป็หลักแหล่งเลย หรือว่าแค่มาพักอยู่ชั่วคราว?”
การเช่าบ้านเป็เื่ของคนสองฝ่าย ผู้เช่าต้องถูกใจเ้าของบ้าน และเ้าของบ้านก็ต้องถูกใจผู้เช่าเช่นกัน เช่นนั้นจึงจะตกลงกันได้
การที่ป้าเหอถามถึงที่มาที่ไปของผู้เช่าถือว่าเป็เื่ปกติ แต่หวาชิงเสวี่ยกลับลำบากใจ เพราะนางไม่รู้จะตอบอย่างไร...
หรือว่าจะ...กุเื่ขึ้นมาดี?
“ข้า...มาจากเมืองเหรินชิวเ้าค่ะ” หวาชิงเสวี่ยพูดความจริงครึ่งหนึ่งโกหกครึ่งหนึ่ง “ที่บ้านเหลือแค่ข้าคนเดียว จึงจะมาตั้งรกรากที่เมืองผานสุ่ย หากไม่มีอะไรผิดพลาด...ก็น่าจะอยู่ที่นี่ไปอีกนานเ้าค่ะ”
หลังจากที่หวาชิงเสวี่ยพูดจบ ใบหน้าของคนทั้งสองตรงหน้าก็ปรากฏแววตาเห็นใจขึ้นมา
ชายวัยกลางคนแซ่เกาถอนหายใจ “ตอนนี้เมืองเหรินชิวตกอยู่ในความวุ่นวาย! พบเห็นคนตายได้ทุกวัน ไม่กี่วันก่อนมีคนมากมายหนีตายจากเมืองเหรินชิวมาที่นี่ แม่นางหวา ท่านหนีรอดออกมาได้ถือว่ามีบุญหนุนนำแล้ว”
ป้าเหอเองก็ถอนหายใจยาว มองหวาชิงเสวี่ยด้วยความสงสาร “สบายใจได้ ถัดไปจากเมืองผานสุ่ยของเราก็มีค่ายชิงโจวตั้งอยู่ มีแม่ทัพฟู่อยู่ประจำการ ที่นี่จะไม่เกิดเื่อะไรขึ้น อยู่ที่นี่อย่างสบายใจเถอะ หากมีค่าเช่าไม่พอ ก็จ่ายช้าหน่อยก็ได้”
วาจาเห็นอกเห็นใจของพวกเขาทั้งสองคนทำให้หวาชิงเสวี่ยรู้สึกเขินอาย ใบหน้าของนางจึงขึ้นสีแดงระเรื่อ
นางเพียงแค่อยากกุเื่ขึ้นมาเท่านั้นเอง ไม่ได้อยากจะทำตัวน่าสงสาร...
ป้าเหอเป็คนใจกว้าง พอรู้ว่าหวาชิงเสวี่ยมาจากเมืองเหรินชิว นางก็สมัครใจลดค่าเช่าให้ทันที เดิมทีเดือนละสองร้อยยี่สิบอีแปะ ตอนนี้เหลือเพียงสองร้อยอีแปะ
ถึงแม้ว่าหวาชิงเสวี่ยจะยังไม่รู้ราคาสินค้าที่นี่ แต่พอได้ยินราคานี้ก็รู้ทันทีว่าตนเองช่างโชคดีเหลือเกิน!
หากพักที่โรงเตี๊ยมทั่วไป แม้แต่ห้องพักราคาถูกที่สุด อย่างน้อยก็ต้องเสียวันละสามสิบอีแปะ คิดเป็เดือนก็เก้าร้อยอีแปะ เกือบหนึ่งตำลึงเงิน!
แต่ถ้าหากเช่าบ้านของตระกูลเหอ เดือนละแค่สองร้อยอีแปะ ในห้องพักมีโต๊ะ เก้าอี้ เตียง ตู้ ครบครัน ลานเรือนก็กว้างขวาง ทั้งยังมีห้องครัวให้ใช้ด้วย ถือว่าคุ้มค่ายิ่งนัก!
หวาชิงเสวี่ยจ่ายค่าเช่าล่วงหน้าจำนวนครึ่งปีทันที และลงนามในสัญญากับชายวัยกลางคนแซ่เกาพร้อมกับประทับลายนิ้วมือ
นางมองสัญญาเช่าแล้วหัวเราะอย่างมีความสุขอยู่นาน การเช่าบ้านเป็ไปอย่างราบรื่น คิดไม่ถึงว่าจะหาที่อยู่ได้เร็วขนาดนี้ หวังว่าต่อไปนี้ทุกอย่างจะเป็ไปด้วยดี
เพียงแต่ว่ากว่านางจะเสร็จธุระต่างๆ ฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว
นางเช่าบ้านได้แล้ว แต่ยังมีของอีกหลายอย่างที่ยังไม่ได้ซื้อ
หวาชิงเสวี่ยไปซื้อเครื่องนอนที่ตลาด ได้แก่ผ้าปูนอนและผ้าห่ม แต่ในยุคนี้ ผ้าห่มเป็ของฟุ่มเฟือย ทุกบ้านล้วนซื้อใยฝ้ายกลับมาทำผ้าห่มและที่นอนเองทั้งนั้น การซื้อสำเร็จรูปจึงมีราคาแพงมาก!
แต่ต่อให้แพงก็ต้องซื้อ! ไม่อย่างนั้นจะนอนอย่างไรในหน้าหนาว? ครอบครัวของป้าเหอก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร เพิ่มของใช้ภายในห้องมาให้นางก็ไม่ใช่น้อยแล้ว จะไปเอาเปรียบเขาอีกได้อย่างไร
หวาชิงเสวี่ยกัดฟันซื้อที่นอนกับผ้าห่มนวมหนาๆ และปลอบใจตัวเองว่า ถึงแม้จะแพง แต่ก็ใช้ได้หลายปี...
ระหว่างทางกลับบ้านนางท้องร้องเพราะความหิว จึงซื้อเกี๊ยวน้ำร้อนๆ ชามหนึ่งข้างทาง ใช้เงินไปสามอีแปะ เพื่อแก้ปัญหาเื่อาหารเย็น
เมื่อกลับมาถึงที่พัก หวาชิงเสวี่ยก็ไม่คิดจะหยุดพัก นางรีบทำความสะอาดห้อง จัดของให้เรียบร้อย จากนั้นจึงปูเครื่องนอน
ป้าเหอกลัวว่านางจะหนาวตอนนอนในยามค่ำคืน จึงยกเตาผิงมาให้ พร้อมกับถ่านไฟที่กำลังลุกโชนเต็มที่ ทำให้หวาชิงเสวี่ยซาบซึ้งใจอย่างมาก
ยามราตรี หวาชิงเสวี่ยนอนพลิกตัวไปมาในผ้าห่มนวมผืนใหม่
ในความมืดสลัว แสงไฟสีเหลืองจากเตาผิงส่องสว่าง นางมองแสงไฟนั้นแล้ว คิดในใจว่าเมื่อทุกอย่างลงตัวแล้ว จะนำ ‘บัตรประจำตัว’ ที่หลี่จิ่งหนานให้ไว้ ไปที่ศาลาว่าการเพื่อทำเื่ลงทะเบียนบ้าน...
...
หวาชิงเสวี่ยหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า
นางกำลังฝัน ในฝันนั้น นางยืนอยู่บนตึกที่สูงมากๆ เมื่อมองลงไปข้างล่าง ก็รู้สึกวิงเวียนเพราะระดับความสูงนั้น
ความรู้สึกเช่นนี้อันตรายมาก นางถอยหลังโดยไม่รู้ตัว แต่ถอยไปได้เพียงสองก้าวก็ถอยต่อไม่ได้อีกแล้ว
นางหันหน้ากลับไปมอง ก็เห็นว่ามีคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้า! อีกฝ่ายยื่นมือออกมาบีบคอของนาง!
อ๊า! ...
หวาชิงเสวี่ยถูกบังคับให้ถอยไปจนถึงรั้วระเบียง นางเบิกตากว้างเพราะความใ อยากจะดิ้นรน แต่กลับพบว่าร่างกายแข็งทื่อไปหมด ขยับไม่ได้แม้แต่นิดเดียว! และคนตรงหน้าก็เหมือนถูกปกคลุมด้วยหมอกสีขาว ไม่ว่านางจะพยายามมองอย่างไร ก็มองไม่เห็นใบหน้าของคนผู้นั้น!
ใครกัน?!
ใครกันที่อยากฆ่านาง?!
ในชั่วขณะที่ถูกผลักลงไป หวาชิงเสวี่ยในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกขมขื่น! นางกำลังจะตายงั้นเหรอ? นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฆาตกรคือใคร นางจะตายทั้งแบบนี้เลยหรือ?
จู่ๆ ความทรงจำก็เชื่อมต่อกันอย่างกะทันหัน
ในชั่วขณะที่ร่วงหล่นลงมา โลกหมุนคว้าง ในอากาศมีแรงดึงดูดมหาศาล! ดูดนางเข้าไปในวังวนที่ปรากฏขึ้นเพียงในพริบตาเดียว!
ภาพตรงหน้าเปลี่ยนไปอีกครั้ง ปรากฏเป็ผืนป่าที่ปกคลุมด้วยหิมะสีขาวโพลน ที่นั่นก็คือูเาพานหลง
...
หวาชิงเสวี่ยตื่นขึ้นมา
นางลืมตาขึ้น เบนสายตาไปมองเตาผิงในห้องพัก ถ่านไฟในเตาใกล้จะมอดดับแล้ว ภายนอก ได้ยินเสียงไก่ขันและสุนัขเห่ามาแต่ไกล
ถึงแม้ว่าท้องฟ้าด้านนอกจะยังมืดครึ้ม แต่หวาชิงเสวี่ยก็รู้ว่าฟ้าสางแล้ว
นางลูบหน้าผากตัวเอง มือเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็น เมื่อนึกถึงความฝันเมื่อครู่ ที่ทั้งสมจริงและเลือนราง...หรือว่าที่จริงนาง ‘ตาย’ ไปแล้ว เพราะถูกคนผลักตกลงมาจากตึก จากนั้นก็มาโผล่ที่นี่โดยบังเอิญ และได้พบกับหลี่จิ่งหนาน...
แต่...คนที่ผลักนางลงมาคือใคร? ...ทำไมนางถึงนึกไม่ออก?
ยิ่งนางพยายามนึกเท่าไร ก็ยิ่งรู้สึกสับสนในหัว...
...ช่างเถอะ สักวันนางจะต้องนึกออก นางจะต้องรู้ให้ได้ว่าเื่ทั้งหมดนี้เป็มาอย่างไร
หวาชิงเสวี่ยลุกขึ้นนั่ง ได้ยินเสียงบางอย่างมาจากข้างนอก เหมือนจะมาจากห้องทางทิศตะวันออก เสียงไม่ดังนัก แต่ในยามเช้าที่เงียบสงบเช่นนี้ยิ่งได้ยินชัดเจน
ป้าเหอหรือ? ...เหตุใดถึงตื่นเช้าขนาดนี้...
หวาชิงเสวี่ยสวมเสื้อผ้า แล้วเปิดประตูห้องพักออกไปข้างนอก...
————————————————————————————————————
[1]เฉิง(诚)มาจากคำว่า เฉิงสือ(诚实)หมายถึงซื่อสัตย์ ไม่โกหก