“ข้ามีเื่ต้องเข้าเฝ้าองค์ชายสามจริงๆ รบกวนพวกเ้าไปรายงานให้ที”
องครักษ์ขมวดคิ้วรำคาญ “ข้าก็บอกไปแล้วว่าองค์ชายสามไม่พบแขก เชิญท่านกลับไปเถิด”
ซูิเยว่ถอนหายใจยาว เหตุใดจี๋โม่หานถึงได้พบยากพบเย็นเช่นนี้
“มีอะไร? เกิดเื่อะไรขึ้น?”
ในตอนที่สถานการณ์ไม่รู้จะไปในทางไหน ด้านในประตูก็มีเสียงคุ้นเคยดังออกมา ซูิเยว่พลันรู้สึกดีใจขึ้นมา นางไม่สนใจสิ่งใดแล้วจึงะโออกไป “หลิงชวน”
หลิงชวนที่อยู่ภายในประตูก็ชะงักไป พอเห็นว่าเป็ซูิเยว่ก็รีบออกมารับพร้อมรอยยิ้ม
“ใต้เท้า” องครักษ์ที่อยู่ด้านข้างหลายคนต่างพากันหันไปทำความเคารพหลิงชวน ซึ่งคนที่ถูกทำความเคารพก็ไม่มองพวกเขาเลยสักนิด แต่กลับพุ่งตรงไปยังซูิเยว่
“คุณหนูซู ท่านมาได้อย่างไร มีเื่อะไรจะสั่งหรือ?”
ซูิเยว่ยิ้มตาหยีแล้วพูด “พี่หลิงชวน เ้ามาได้เวลาพอดีเลย ข้ามีเื่อยากจะพบองค์ชายสาม ไม่ทราบว่าองค์ชายสามอยู่หรือไม่ สะดวกพบหรือไม่”
“องค์ชายสามอยู่ขอรับ ข้าจะพาท่านไปพบ”
“ขอบคุณเ้าค่ะ” ซูิเยว่ยกกระโปรงเดินตามหลังหลิงชวนเข้าจวนไป
โชคดีที่หลิงชวนมาทันเวลาพอดี ไม่เช่นนั้นวันนี้นางคงไม่ได้เจอจี๋โม่หานแล้ว
หลิงชวนเดินไปได้หนึ่งก้าวก็คิดอะไรขึ้นมาได้จึงหันกลับไปบอกองครักษ์ที่อยู่เฝ้าหน้าประตูว่า “ต่อไปถ้าเห็นคุณหนูซูมาก็ไม่ต้องขวาง ให้เข้าไปได้เลย”
“ขอรับ!”
จนกระทั่งหลิงชวนพาซูิเยว่เดินไปไกลแล้ว องครักษ์หลายคนต่างมองหน้ากันด้วยสีหน้าใมาก
หลิงชวนพาซูิเยว่ไปเรือนหลังโดยใช้เส้นทางเมื่อคืน ตอนที่มาเมื่อคืนฟ้ามืดเกินไปทำให้มองไม่ชัด ตอนนี้ฟ้าสว่างแล้วจึงได้เห็นอีกครั้ง ทิวทัศน์ในจวนหวังนั้นไม่เลวเลย ดูแล้วจี๋โม่หานก็มีอารมณ์สุนทรียะไม่เบา
ขณะที่ซูิเยว่กำลังมองไปรอบๆ อยู่นั้น หลิงชวนที่เดินอยู่ด้านหน้าก็เดินช้าลงแล้วเอ่ยปาก “ที่คุณหนูซูมาในวันนี้เป็เพราะว่าอาการป่วยขององค์ชายสามมีการเปลี่ยนแปลงหรือขอรับ?”
นางชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะรีบเอ่ย “อ๋อ ไม่ใช่หรอก ตอนนี้ดวงตาขององค์ชายสามยังอยู่ใน่การรักษาขั้นแรกอย่างที่ข้าบอกให้เ้าฟังเมื่อคืน วันนี้ที่ข้ามาหาองค์ชายสามก็เพราะมีเื่ส่วนตัวอยากจะปรึกษา”
“อ๋อ” หลิงชวนถึงได้ถอนหายใจ
“จริงสิ” พูดถึงตรงนี้ซูิเยว่ก็คิดขึ้นมาได้ “สูตรยาที่ข้าเขียนให้เ้าเมื่อคืน ยา้าพวกเ้าหาไปถึงไหนกันแล้วหรือ ถึงแม้ยาตัว้าจะไม่ได้มีค่ามากนัก แต่ก็มียาสองตัวที่หาค่อนข้างยาก อีกทั้งต้องเตรียมมาเยอะหน่อยเพื่อใช้ทุกๆ สามวัน แถมยังต้องทำติดต่อกันเป็เวลานานด้วย”
“หามาได้พอสมควรแล้วขอรับ ส่วนมากมีอยู่ในคลังยาของจวนหวัง มีหลายอย่างที่วันนี้ิจิ่วกับจื๋อหลันได้ส่งคนออกไปหาขอรับ”
“เช่นนั้นก็ดี”
ระหว่างที่ทั้งสองคนคุยกันก็เดินมาถึงเรือนหลังที่มีเรือนเก่าคั่นไว้อยู่ ซูิเยว่เห็นคนคนหนึ่งนั่งอยู่ตรงศาลาภายในเรือน ด้านข้างศาลามีต้นมู่ฝูหนึ่งต้น เมื่อมีลมพัดผ่านกลีบดอกไม้สีขาวเล็กๆ ก็จะลอยกระจายไปตามลม ช่างงดงามอย่างยิ่ง
ซูิเยว่ตามอยู่ด้านหลังหลิงชวน วันนี้จี๋โม่หานสวมชุดสีขาวทั้งตัว ด้านนอกสวมชุดคลุมสีดำไล่สีไปขาว ตรงสีดำเริ่มั้แ่ตรงส่วนชายเสื้อด้านล่างไล่ขึ้นไปเหมือนกับหยดหมึกที่ย้อมกระจายอยู่บนชายเสื้อ ผมสีดำเองก็ใช้เพียงผ้ามัดผมสีขาวมามัดเอาไว้ด้านหลังหลวมๆ
ตอนที่เขาก้มหน้าดื่มชา ปอยผมข้างหูก็ร่วงลงมา ขับให้สีหน้าของเขาราวกับหยกมากยิ่งขึ้น
หลิงชวนก้าวเข้าไปทำความเคารพแล้วกล่าว “องค์ชายสาม คุณหนูซูมาขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ ข้าจึงพานางเข้ามาเลย”
จี๋โม่หานวางแก้วชาลงแล้วหันมาทางซูิเยว่เล็กน้อย ถึงแม้ดวงตาเขาจะมองไม่เห็น แต่ว่าซูิเยว่ก็รู้สึกว่าเขาจับตำแหน่งการยืนและการเคลื่อนไหวของคนได้อย่างแม่นยำ
“องค์ชายสาม” นางเองก็ก้าวขึ้นมาด้านหน้าหนึ่งก้าว “หม่อมฉันมีเื่อยากจะขอเข้าเฝ้าเพคะ”
มุมปากของจี๋โม่หานยกขึ้นเล็กน้อย ดูออกเลยว่าวันนี้คงอารมณ์ดีไม่ใช่น้อย จากนั้นเขาก็ชี้ไปยังตำแหน่งตรงข้ามเขา “นั่ง”
“ขอบคุณองค์ชายสามเพคะ” ซูิเยว่เองก็ไม่ได้ติดใจอะไร นางเดินตรงไปนั่งตรงข้ามจี๋โม่หาน
เขาไม่ได้เอ่ยถามว่าที่ซูิเยว่มาวันนี้มีเื่อะไร เพียงแต่หยิบแก้วใบหนึ่งจากในถาดน้ำชามาวางไว้ตรงหน้าซูิเยว่ “วันนี้มีใบชาลิ่วอันกวาเพิ่งมาใหม่ รสชาติไม่เลวเลย ลองชิมดู”
ซูิเยว่ยิ้ม “หม่อมฉันทำเองก็ได้เพคะ”
พูดจบนางก็ยกมือไปหยิบกาน้ำชามา แต่จี๋โม่หานกลับจับที่หูจับกาน้ำชาก่อนนาง มือของซูิเยว่จึงไปแตะโดนหลังมือของจี๋โม่หานอย่างไม่ทันได้ระวัง
เย็นมาก
นี่เป็ความรู้สึกแรกของซูิเยว่ จากนั้นนางก็รู้สึกเหมือนมีไฟฟ้าสถิตจึงรีบดึงมือกลับทันที ตอนนี้รู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย แต่โชคดีที่จี๋โม่หานมองไม่เห็นอะไร
จี๋โม่หานทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขารินน้ำชาให้ซูิเยว่ก่อนจะวางกาน้ำชากลับไปยังเตาเล็ก
นางยกแก้วชาขึ้นมาจิบ รสชาติไม่เลวจริงๆ
แต่ว่ามือของจี๋โม่หานนั้นเย็นมากจริงๆ ไม่ได้เย็นแบบธรรมดา
นางอดที่จะมองมือของจี๋โม่หานไม่ได้ มือของเขาสวยมาก เรียวยาวข้อกระดูกชัดเจน แถมยังขาวมากอีกด้วย ไม่ใช่ขาวปกติ แต่เป็ขาวแบบไม่มีสีเื แม้แต่เส้นเืบนหลังมือก็ยังมองเห็นไม่ชัด
ซูิเยว่ขมวดคิ้ว ตอนที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น จี๋โม่หานที่อยู่ตรงข้ามก็เอ่ยปากออกมา “คุณหนูซูกำลังคิดอะไรหรือ?”
นางที่กำลังคิดอยู่ในใจก็เอ่ยถามสิ่งนั้นออกมาทันที “เหตุใดมือขององค์ชายถึงได้เย็นขนาดนี้เพคะ?”
หลังจากถามออกไปแล้วนางก็รู้สึกประดักประเดิด ตนกำลังถามอะไรออกมากัน ก่อนจะรีบอธิบายออกไป “อ๋อ หม่อมฉันไม่ได้มีความหมายอย่างอื่นนะเพคะ แค่รู้สึกว่ามือขององค์ชายเย็นผิดปกติ ดูแล้วก็ไม่ค่อยมีสีเื อีกอย่างหม่อมฉันเป็หมอนี่เพคะ ก็เลยเป็ความเคยชินของสายวิชาชีพ”
จี๋โม่หายเองก็ชะงักไปก่อนจะหัวเราะเสียงเบาออกมาแล้วตอบตามความจริง “อาจจะเพราะเปิ่นหวังนั่งอยู่บนเก้าอี้รถเข็นที่ทำจากเซวียนอวี้มาหลายปี อีกทั้งเวลานอนก็นอนบนเตียงเซวียนอวี้ก็ได้กระมัง”
มือของซูิเยว่ชะงักไป สีหน้าตกตะลึงเล็กน้อย เซวียนอวี้นั้นนางรู้จัก เซวียนอวี้ทำให้ระบบไหลเวียนดี หากคนที่ถูกพิษนอนอยู่้าก็สามารถหยุดฤทธิ์ของพิษเอาไว้ได้
สำหรับคนที่ฝึกวิทยายุทธ์แล้วเซวียนอวี้นั้นมีค่ามาก นางรู้ว่าจี๋โม่หานนอนอยู่บนเตียงเซวียนอวี้ก็เพื่อสะกดพิษที่ตาแน่นอน แต่ว่าตัวเซวียนอวี้เองก็ปล่อยไอเย็นออกมา นอนนานๆ จะไม่ดีต่อร่างกาย
ซูิเยว่วางแก้วชาลงแล้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูด “รอหม่อมฉันรักษาผ่านไปขั้นตอนหนึ่งแล้ว องค์ชายก็เปลี่ยนเตียงเปลี่ยนเก้าอี้รถเข็นเถิด ถึงแม้เซวียนอวี้จะมีค่ามาก แต่หากัักับมันนานเข้า ภายในร่างกายจะถูกไอเย็นกัดกินทำให้รากฐานภายในร่างกายไม่มั่นคงได้เพคะ”
“ได้” จี๋โม่หานเองก็ตอบรับอย่างไม่คิด
นางเองก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะตอบรับเร็วขนาดนี้
ในที่สุดจี๋โม่หานก็เข้าเื่หลัก “เช่นนั้นไม่ทราบว่าคุณหนูมาหาเปิ่นหวังในวันนี้มีเื่อะไรอย่างนั้นหรือ?”
ซูิเยว่อ้าปากกำลังจะพูด แต่ก็หันไปมองหลิงชวนที่อยู่ด้านข้าง
การชะงักไปเล็กน้อยของนางทำให้จี๋โม่หานเดาความคิดของนางออก “คุณหนูซูโปรดวางใจ หลิงชวนติดตามอยู่ข้างกายข้ามาหลายปี ไม่ใช่คนปากสว่าง เ้าพูดออกมาได้เลย”
“เพคะ” ซูิเยว่เองก็ไม่ใช่คนที่คิดเล็กคิดน้อย นางจึงเล่าเื่ที่เกิดขึ้นวันนี้ให้กับจี๋โม่หานฟังคร่าวๆ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้