“รอจนข้าน้อยจับเด็กหนุ่มบ้านหลี่มาได้ ก็จะอัดมันสักยกเพื่อเค้นถามเคล็ดวิธีทำเต้าหู้ แล้วค่อยจับพวกมันกรอกยาพิษให้เป็ใบ้และขายให้ไปขุดแร่ที่ทางใต้ ให้พวกมันตายเสียดีกว่าอยู่ทีเดียวขอรับ! ท่านหัวหน้ามือปราบโปรดวางใจเป็พอขอรับ ข้าน้อยทำเื่เช่นนี้มาไม่ใช่เพียงหนเดียว ต้องไม่มีทางพลาดแน่นอนขอรับ” ยามที่ชายร่างอ้วนพูดแต่ละประโยครอยย่นข้างแก้มก็จะกระตุกครั้งหนึ่ง เมื่อผสานกับแววตาชั่วร้าย หน้าตาช่างอัปลักษณ์สิ้นดี
ที่แท้เด็กหนุ่มคนนี้ก็คือ หม่าเหลียงฮุย ที่ถูกจางซิ่วไฉตะเพิดออกจากเรือน
หม่าจาวปรามไม่ให้หม่าเหลียงฮุยไปแก้แค้นบ้านจางซิ่วไฉ
หม่าเหลียงฮุยทนรับความคับแค้นใจนี้ไม่ไหว จึงเอาโทสะไปลงที่สกุลหลี่ เตรียมจะส่งคนไปลักพาตัวเด็กหนุ่มสกุลหลี่ทั้งสี่คน เมื่อได้เคล็ดวิธีทำเต้าหู้ของสกุลหลี่แล้ว จากนั้นค่อยกำจัดเด็กหนุ่มสกุลหลี่ทั้งสี่คนเสีย ศรเดียวได้นกสองตัว
ชายร่างอ้วนมีชื่อว่า ว่านซื่อ เป็หัวหน้าพวกอันธพาลของอำเภอซั่งมานานแล้ว ทำเื่ฆ่าคนและวางเพลิงอยู่ไม่ขาด
ก่อนนี้ว่านซื่อทำงานร่วมกับหม่าจาว เวลานี้จึงมาติดตามหม่าเหลียงฮุย เป็คนสนิทของหม่าจาวสองพ่อลูกที่ไม่เปิดเผยต่อภายนอก
“หมู่บ้านหลี่เป็พื้นที่ของอำเภอฉางผิง ครานี้เ้าออกไปทำงานต่างพื้นที่ ต้องระวังตัวให้มาก”
พ่อลูกสกุลหม่าเรียกได้ว่าเป็ใหญ่ในอำเภอซั่ง แต่ที่อำเภอฉางผิงกลับไม่มีอำนาจใดๆ ทั้งนั้น
นายอำเภอห้าวแห่งอำเภอฉางผิง แม้นมิได้เป็บัณฑิตชั้นสูง กระทั่งจวี่เหรินก็ยังไม่ได้เป็ แต่ทำงานมานานจึงมีเส้นสายกว้างขวาง ได้ยินว่าเป็คนของรัฐทายาทเยี่ยนอ๋อง แม้แต่นายอำเภอซั่งได้พบเขายังต้องก้มหัวให้
หากมิใช่ว่าเคล็ดวิธีทำเต้าหู้ของสกุลหลี่ยั่วยวนใจนัก หม่าเหลียงฮุยก็จะไม่เสี่ยงส่งว่านซื่อไปทำงานข้ามเขตเช่นนี้
“ขอรับ”
“ตัวข้าหัวหน้ามือปราบจะรอข่าวดีจากเ้า เมื่อการสำเร็จ ข้าจะเปิดร้านขายเต้าหู้และให้เ้าเป็เถ้าแก่ดูแลร้าน วันหน้าก็จะมีเงินทองให้ใช้ไม่มีวันหมด” หม่าเหลียงฮุยมองแผ่นหลังอวบอ้วนของว่านซื่อยามจากไปพร้อมเผยแววตาแสนชั่วร้าย
ในใจคิดไว้ว่าเมื่อได้เคล็ดวิธีทำเต้าหู้อยู่ในมือแล้ว เขาก็จะกำจัดว่านซื่อเสีย แล้วเอาเคล็ดวิธีทำเต้าหู้นี้ไปขายที่ดินแดนทางใต้
กระทำการชนิดเทพไม่รู้ผีไม่ัั[1] ผู้ใดจะคิดว่าเื่นี้เป็ฝีมือเขา
จนเมื่อเขาได้เงินก้อนโตแล้วก็จะไปสวามิภักดิ์กับผู้สูงศักดิ์ วันคืนที่จะได้เลื่อนตำแหน่งพรวดพราดกำลังรออยู่ ถึงยามนั้นก็จะมีทั้งอำนาจทั้งกำลัง และทำให้จางซิ่วไฉหัวโบราณผู้แล้งน้ำใจเป็ที่สุดผู้นั้นต้องสำนึกเสียใจ
เพียงแต่น่าเสียดายที่เขาไม่ได้ลูกผู้น้องจางอวิ๋นมาครอง
หม่าจาวสามพี่น้องมีบุตรชายรวมกันทั้งสิ้นเก้าคน หม่าเหลียงฮุยกับลูกผู้พี่และลูกผู้น้องอีกแปดคนล้วนชื่นชอบจางอวิ๋น ซึ่งเป็ลูกผู้น้องหญิงเพียงคนเดียว
แม้จางอวิ๋นจะไม่ได้งดงาม ไม่น่าชมเช่นนางโลมในหอคณิกาอำเภอซั่ง แต่ก็มีเพียงผู้เดียว เหตุที่หม่าเหลียงฮุยอยากแต่งกับนาง ก็เพราะ้าให้ฝันในวัยเด็กเป็จริงและทำให้ลูกผู้พี่ผู้น้องทั้งแปดต้องอิจฉา
ครานี้กลับเลวร้ายนัก นอกจากจะไม่ได้แต่งกับจางอวิ๋นแล้ว ยังจะถูกจางซิ่วไฉตัดญาติขาดมิตรอีกด้วย
หม่าเหลียงฮุยนึกมาถึงตรงนี้ ก็ซัดหมัดชกต้นไม้ไปหลายครั้ง “สกุลหลี่ พวกเ้าก็รอรับโทสะจากหัวหน้ามือปราบเช่นข้าเสียเถิด”
เดือนสองกำลังจะมาถึง ์เทหิมะลงมาอีกคราแล้ว น้ำจากหิมะลงมาชะล้างความแห้งแล้งในรัศมีหลายร้อยลี้ของเมืองเยี่ยน
หิมะซาฟ้ากระจ่าง แต่ความเหน็บหนาวยิ่งทวีขึ้น อากาศเย็นะเืเหมือนเดือนสิบสอง ท่ามกลางอาการเช่นนี้หลี่หรูอี้จึงต้องใส่เสื้อผ้าอาภรณ์อย่างแน่น และไปตรวจรักษาซ้ำให้กับแม่ทัพทั้งหลาย
เจียงชิงอวิ๋นไปกับนางด้วยทุกครั้งและครั้งนี้ก็เป็เช่นนั้น
วันนี้หลี่หรูอี้จะผ่าตัดเอาหัวศรที่หน้าอกของแม่ทัพติงออก
เพื่อการผ่าตัดครั้งนี้ หลี่หรูอี้ต้องเตรียมของที่ต้องใช้ในการผ่าตัด ทั้งเหล้ายา ยาจิน่[2] เครื่องมือแพทย์ต่างๆ และยังทำยาชามาเพื่อการนี้โดยเฉพาะด้วย
แคว้นต้าโจวนั้นยังไม่เคยมีเหล้ายา ยาจิน่ และยาชามาก่อน
เหล้ายาที่เอ่ยในทีนี้ก็คือ เหล้ายาที่ใช้ทางการแพทย์[3] ใช้ในการฆ่าเชื้อโรค
ชาวแคว้นต้าโจวมีแต่สุราที่หมักจากข้าวและผลไม้ ซึ่งมีความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ไม่เพียงพอ และในสุราก็ยังมีสิ่งปนเปื้อนมากมายอีกด้วย
หลี่หรูอี้จึงต้องนำเหล้าขาวมากลั่นให้ได้ความเข้มข้นตามมาตรฐานของแอลกอฮอล์ที่ใช้ทางการแทพย์
ยาจิน่เรียกโดยทั่วไปว่า ยามีดคม ใช้สำหรับรักษาาแจากการถูกทำร้ายหรือต่อยตี เมื่อทายานี้ลงไปแล้วก็จะระงับอาการปวด ห้ามเื และทำให้แผลไม่เป็หนอง (ค้นคว้าจากอินเทอร์เน็ต : ผู้แต่ง)
ในโลกก่อนมีตำรับยาจิน่อยู่หลายชนิดและมีฤทธิ์ต่างกันออกไปด้วย หลี่หรูอี้เลือกตำรับที่มีตัวยาน้อยที่สุด ราคาถูกที่สุด แต่กลับออกฤทธิ์ได้ดี
ส่วนยาชายิ่งไม่เคยมีในประวัติศาสตร์ของแคว้นต้าโจวมาก่อน หลี่หรูอี้ใช้ตำรับผงหมาเฟ่ย[4]ของฮวาถัว[5] ที่รู้จักในโลกก่อนเป็พื้นฐานในการทำยาชาออกมา
เป็ที่รู้กันดีว่า ตำรับยาที่แท้จริงของผงหมาเฟ่ยนั้นสาบสูญไปแล้ว ส่วนที่ยังเหลือและสืบทอดกันมานั้นไม่ทำให้ออกฤทธิ์หมดความรู้สึกได้
ส่วนผสมหลักของผงหมาเฟ่ยคือ ดอกลำโพง หลี่หรูอี้จึงใส่ตัวยาสมุนไพรอีกหลายชนิดและปรุงจนได้ยาชาออกมา
บุตรชายคนโตของแม่ทัพติงกล่าวด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าว่า “ท่านหมอเทวดาน้อยขอรับ แพทย์หลวงสองท่านนี้ได้ยินว่า วันนี้ท่านจะมาผ่าตัดเอาหัวศรออกให้ท่านพ่อข้า จึงรีบมาจากตัวเมืองเยี่ยนั้แ่เช้าเพื่อขอร่วมดูด้วยขอรับ ท่านคิดว่า...?”
แพทย์หลวงแห่งจวนเยี่ยนอ๋องสองท่านนี้คือ เฉิงอิ้งกับเฮ่อส้าวจาว ที่นับถือฝีมือแพทย์ของหลี่หรูอี้อย่างยิ่ง คราก่อนถึงกับเคยไปขอพบนางที่จวนเจียง แต่กลับถูกเจียงชิงอวิ๋นปฏิเสธอย่างอ้อมๆ เมื่อหลี่หรูอี้รู้เื่นี้ในภายหลัง จึงให้เจียงชิงอวิ๋นแจ้งพวกเขาว่าให้มาพบกันที่จวนติงในวันนี้
คนจวนติงกลับไม่รู้ว่าแพทย์หลวงทั้งสองท่านนี้ได้รับความยินยอมจากหลี่หรูอี้แล้วว่า จะให้มาร่วมดูการรักษา จึงได้ถามเช่นนี้
“พวกเขาอยากดูก็ให้ดูเถิด” เป้าหมายของหลี่หรูอี้ก็คือ ้าอาศัยแพทย์หลวงสองคนนี้เผยแพร่เื่เหล้ายาที่ใช้ในการแพทย์และยาชาไปทั่วต้าโจว
เฉิงอิ้งและเฮ่อส้าวจาวกำลังอยู่ในห้องนอนของแม่ทัพติง เมื่อได้ยินบ่าวมารายงานว่า หลี่หรูอี้มาถึงแล้ว จึงลุกขึ้นออกไปต้อนรับพร้อมกันอย่างไม่ถือตัว แม่ทัพติงอยากตามออกไปด้วย แต่กลับถูกทั้งสองคนห้ามไว้ให้อยู่บนเตียง
เฉิงอิ้งรูปร่างผอมและตัวเตี้ย ใบหน้าบึ้งตึงเหมือนเด็กถูกดุ เอ่ยเสียงดังว่า “คนเจ็บที่กำลังจะเข้าผ่าตัดอยู่เดี๋ยวนี้จะมาขยับเขยื้อนอันใด นอนรออยู่ให้ดีๆ”
เฉิงอิ้งปีนี้อายุห้าสิบสามปี เป็ศิษย์ของหมอเทวดาชื่อกระฉ่อนในใต้หล้าผู้หนึ่ง หลังจากหมอเทวดาผู้นั้นเจ็บป่วยและเสียชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อน เขาและศิษย์พี่น้องหลายคนจึงกลายเป็บุคคลสำคัญที่เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ในลำดับต้นๆ
เขามีวิชาแพทย์ที่สูงส่งอย่างยิ่ง แต่เพราะเป็คนเ้าอารมณ์และไปล่วงเกินผู้สูงศักดิ์ในสำนักแพทย์หลวงแห่งวังหลวงเข้า จึงถูกย้ายให้มาอยู่ที่ชายแดนทางเหนือ ภายหลังโจวปิงจึงย้ายเขามาประจำที่จวนเยี่ยนอ๋อง
เฮ่อส้าวจาวปีนี้อายุห้าสิบสี่ปี รูปร่างผอมสูง มีไฝดำขนาดเท่าเมล็ดถั่วเขียวหนึ่งเม็ดอยู่ที่คิ้วขวา โหนกแก้มสูงมาก เป็หน้าตาตามแบบฉบับของคนทางใต้ขนานแท้
บรรพบุรุษของเขาเป็คนทางใต้ ทั้งปู่ บิดา ลุง และอา ล้วนเป็แพทย์เลื่องชื่อทางภาคใต้ เขาถูกคัดเลือกให้เข้ามาอยู่ในสำนักแพทย์หลวง จากนั้นก็ถูกส่งมาอยู่ที่จวนเยี่ยนอ๋องในแถบทางเหนือ พอได้มาอยู่ครานี้ก็อยู่มานานถึงสิบกว่าปีแล้ว
เฮ่อส้าวจาวมีรอยยิ้มบนใบหน้าอยู่เสมอ มีอัธยาศัยดี เข้าอกเข้าใจผู้คน เขาจึงรีบบอกว่า “ท่านแม่ทัพติง เ้าเฉิงเป็คนนิสัยเช่นนี้ พูดจากระด้างยิ่งนัก ท่านไม่ต้องไปสนใจนะขอรับ”
แพทย์หลวงทั้งสองเดินออกไปพร้อมกัน หลังจากที่ออกไปพ้นประตูวงพระจันทร์แล้ว ก็ได้ยินเสียงของบุตรชายคนโตของแม่ทัพติง ยามที่คิดว่าจะได้พบกับท่านหมอเทวดาน้อยที่เขาร่ำลือกันเดี๋ยวนี้แล้วก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อย จนคนทั้งกลุ่มที่กำลังเดินมาจากระยะไกลๆ เข้ามาถึงตรงหน้า ในกลุ่มมีเด็กหนุ่มสามคน ไม่รู้ว่าคนใดกันแน่คือหมอเทวดาน้อย
บ่าวจวนติงกระซิบบอกเบาๆ ว่า “คนที่ตัวเล็กที่สุดก็คือท่านหมอเทวดาน้อยขอรับ”
เฉิงอิ้งนึกไม่ถึงว่าท่านหมอเทวดาน้อยจะอายุน้อยเพียงนี้และตัวเล็กแค่นี้ ใบหน้าชราของเขาพลันเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
เฮ่อส้าวจาวสงสัยอยู่ในใจ แต่คนภายนอกกลับมองความคิดของเขาไม่ออก เขาเอ่ยยิ้มๆ ว่า “ท่านหมอเทวดาน้อยได้ยินชื่อมานาน วันนี้ได้พบพาน สมคำร่ำลือจริงๆ”
“คารวะแพทย์หลวงทั้งสองท่านขอรับ” หลี่หรูอี้รู้จักเฮ่อส้าวจาวและยังเคยอ่านตำราของเขาด้วย
ในหนังสือรับรองวิชาแพทย์ที่จวนเยี่ยนอ๋องมอบให้นางเมื่อปีกลาย แพทย์หลวงแห่งสำนักแพทย์หลวง ณ เมืองเยี่ยน ที่ลงชื่อบนนั้นก็คือ เฮ่อส้าวจาว นี่เอง
นางได้ยินเจียงชิงอวิ๋นบอกว่า เฮ่อส้าวจาวกำเนิดในตระกูลแพทย์ซึ่งอยู่ในชั้นตระกูลใหญ่ทางภาคใต้ ตระกูลของเขามีประวัติทำงานด้านการแพทย์มาหลายร้อยปี
ทว่าเฮ่อส้าวจาวไม่ได้มีชื่อเสียงเท่าเฉิงอิ้ง เพราะเฉิงอิ้งนั้นเป็ศิษย์ของหมอเทวดาที่มีชื่อเสียงกระฉ่อนในใต้หล้าผู้หนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นวิชาแพทย์ของเขาก็สูงส่งอย่างยิ่ง ในบรรดาแพทย์เลื่องชื่อในดินแดนทางตอนเหนือเขาถูกจัดอยู่ในสามอันดับแรก
เมื่อได้พบแพทย์หลวงทั้งสองท่านในวันนี้ หลี่หรูอี้ก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาในใจ
.............................
คำอธิบายเพิ่มเติม
[1] เทพไม่รู้ผีไม่ัั หมายถึง ทำอย่างเป็ความลับ ไม่ทิ้งหลักฐาน จึงไม่มีใครรู้ได้
[2] ยาจิน่ (金创药) จิน่ แปลตรงตัวว่า “แผลจากของมีคม” เป็ยาผงช่วยห้ามเื สมานแผล เชื่อว่าทำจากกระดูกสัตว์ป่นผสมกับสมุนไพร
[3] เหล้ายาที่ใช้ทางการแพทย์ คือ แอลกอฮอล์ล้างแผล (รับประทานไม่ได้)
[4] ผงหมาเฟ่ย (麻沸散/หมาเฟ่ยส่าน) ว่ากันว่าเป็ยาที่ทำจากดอกลำโพง ผสมกับกัญชา (บ้างก็ว่าเป็ฝิ่น) และยาสมุนไพรอื่นๆ ช่วยระงับความเ็ปได้ และเคยใช้ในการผ่าตัดขูดเอาพิษออกจากกระดูกของกวนอูในเื่สามก๊ก แต่สูตรยานี้สาบสูญไป จึงไม่มีใครรู้สูตรที่แน่นอน
[5] ฮวาถัว (华佗 ) ในไทยบ้างก็เขียนว่า ฮัวโต๋
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้