เฉียวเยว่ตั้งใจมาซื้อแค่สีผึ้งหิมะกระปุกเดียวแท้ๆ แต่ใครบอกนางได้บ้างว่านี่มันเกิดเื่บ้าอะไรกัน?
นางมองกระปุกใหญ่น้อยวางเรียงอยู่เบื้องหน้าอย่างพูดไม่ออกบอกไม่ถูก
รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้อง
เฉียวเยว่นึกอยากไปแตะหน้าผากของหรงจ้านดูว่าเขามีไข้หรือไม่ มิเช่นนั้นเหตุใดจู่ๆ ซื้อของขวัญให้นางเป็บ้าเป็หลังเช่นนี้
นางใคร่ครวญครู่หนึ่งก็เอ่ยว่า "ท่าน... ท่านอยากให้ข้าช่วยเป็ที่ปรึกษา หรือว่ามอบให้ข้าโดยตรง?"
เื่นี้จำเป็ต้องถามให้ชัดเจน หากซื้อไว้ใช้เอง เขาก็จิตวิปริตแล้ว หากซื้อให้นางก็ยิ่งเพี้ยนไปใหญ่ อยู่ดีๆ จะมามอบของให้นางทำไม!
หรงจ้านชำเลืองมองนาง แล้วค่อยๆ พูดว่า "ข้าเป็บุรุษจำเป็ต้องใช้แป้งชาดเหล่านี้ด้วยรึ ตอนเ้าพูดคิดอะไรอยู่กันแน่?"
เขากระดกมุมปาก แล้วเอ่ยถาม "นี่เ้าเห็นข้ากลายเป็พวกจิตวิปริตหรืออย่างไร?"
เฉียวเยว่โบกมือทันควัน ั้แ่พบเขานางก็ต้องโบกมือตลอดเวลา จนรู้สึกว่าแขนของตนเองจะหักอยู่แล้ว
"ไม่ใช่เ้าค่ะ แต่เหตุใดท่านต้องมอบให้ข้าเล่า ข้าเพียงข้องใจ อีกอย่างอยู่ดีๆ ข้าจะรับของขวัญจากท่านได้อย่างไร ข้าซื้อเองได้"
เงินส่วนตัวของนางมีเยอะมาก
หรงจ้านทำสีหน้าเ็า "ข้าเหลือบไปเห็นกระต่ายน้อยน่ารักข้างบ้าน ก็ควรซื้อหญ้าป้อนให้มันสักกำมิใช่หรือ?"
เฉียวเยว่ถูกเขายั่วโมโหจนแทบหายใจไม่ออก คนผู้นี้มักทำให้คนรู้สึกเอือมระอาไม่รู้จะพูดว่าอย่างไร อายุเท่านี้แล้ว แต่ปากคอเราะราย ไม่รู้บ้างหรือว่าบุรุษที่อบอุ่นอ่อนโยนถึงจะเป็ที่นิยมชมชอบ แต่จะว่าไป ทัศนะเื่ความงามของแคว้นต้าฉีค่อนข้างจะมีปัญหาอยู่มาก ไม่ค่อยจะมีบุรุษคนไหนวางตัวเป็ผู้ชายอบอุ่น พวกเขาคิดจริงๆ หรือว่าว่าบุรุษทะนงองอาจแต่ปากคมเป็กรรไกรจะมีเสน่ห์น่าชมชอบมากกว่า?
โอ๊ย คิดไปเองทั้งนั้น!
เฉียวเยว่นึกเยาะหยันเป็หมื่นคำอยู่ในหัว หลังจากนั้นก็กล่าวอย่างจริงใจ "ขอบพระคุณพี่จ้านเ้าค่ะ แต่ข้าไม่้าจริงๆ"
นางชำเลืองของที่หรงจ้านเลือกให้อย่างรังเกียจ รู้สึกว่ารสนิยมของเขาก็อย่างนั้นเอง
หากบอกว่าเขาดูมีสง่าราศีอย่างหาตัวจับได้ยาก นั่นล้วนเป็เพราะหน้าตาดี แต่หากดูเพียงรสนิยม แท้จริงแล้วก็ไม่เท่าไรเลย นางส่ายหน้า "ข้าไม่อยากได้สักนิด"
หรงจ้านััถึงความเดียดฉันท์จากสายตาของนางได้ทันที เขานิ่งไปครู่หนึ่งก่อนถามว่า "เ้าไม่ชอบหรือ?"
เฉียวเยว่ยกยิ้มเล็กน้อย
"ไม่ว่าชอบหรือไม่ ข้าก็ไม่้าให้เพื่อนบ้านซื้อหญ้ามาป้อน"
โม่หลันตามอยู่ข้างกายนางตลอดเวลา รู้สึกอดขบขันไม่ได้จริงๆ นางก้มหน้าต่ำ แสร้งทำเป็เดินออกไปสองสามก้าวมองดูสิ่งของอย่างอื่น แต่กลับไหล่สั่นอย่างน่าสงสัย
แต่คนที่อยากรู้อยากเห็นจึงติดตามมาด้วยยังมีฉินอิ๋งสองพี่น้อง ไม่น่าแปลกใจที่ฉินอิ๋งมักรู้ไปทุกเื่ เพราะนางสอดรู้สอดเห็นเช่นนี้เอง ส่วนหร่วนหลีกลัวว่าญาติผู้น้องจะก่อปัญหาถึงตามมาดูสถานการณ์อย่างสงวนท่าทีและวางตัวเ็าห่างเหิน แต่ถึงกระนั้นสายตาของนางกลับทรยศเ้าตัว คอยชม้ายมองอวี้อ๋องตลอดเวลา มีความคิดอยากจะลองเชิงเขาดู
หรงจ้านไหนเลยจะไม่สังเกตเห็นสายตาของหร่วนหลี แต่กลับไม่สนใจนางเท่าไรนัก เขามองเฉียวเยว่ แล้วยิ้มเยาะ "กระต่ายโง่"
"ถึงอย่างไรข้าก็ไม่เอา" เฉียวเยว่ทำปากยื่น
นางหันไปหาเถ้าแก่ร้าน "มีสีผึ้งหิมะของหลิวหลีไถหรือไม่?"
ั้แ่โบราณถึงปัจจุบัน ไม่ว่าเวลาไหนล้วนต้องเลือกของอย่างพิถีพิถัน ตราการค้าหลิวหลีไถประกันได้ว่าเป็ของชั้นเลิศ เพียงแต่ขวดเล็กๆ ก็ราคายี่สิบกว่าตำลึง หลายคราแม้เงินจะมีก็ไม่อาจหาซื้อได้ เฉียวเยว่ใช้ทาทั้งใบหน้าและลำคอเพียงเดือนกว่าก็หมดขวดแล้ว หมดเร็วจนน่าใ
"ย่อมมี ย่อมมี" เถ้าแก่ตอบ
"ข้าเอาสามขวด จะได้ไม่ต้องมาซื้อบ่อย"
โม่หลันบ่นพึมพำ "เฉียวเยว่ เ้าใช้เร็วเกินไปแล้ว ข้ารู้สึกเหมือนเ้าเอาไปกินมากกว่า"
เถ้าแก่ "คุณหนูซู สามขวดเกรงว่าจะไม่ได้ พวกเราเหลืออยู่เพียงสามขวด มีขวดหนึ่งถูกคุณหนูจวนอัครเสนาบดีจองไว้ล่วงหน้าแล้วขอรับ"
เฉียวเยว่ไม่นำพา "เช่นนั้นสองขวดก็ได้ คราวหน้าต้องช่วยเก็บไว้ให้ข้าสองสามขวดด้วยเล่า"
เถ้าแก่ตอบด้วยรอยยิ้ม "ได้ขอรับ"
หรงจ้านเห็นรอยยิ้มของนางก็เหม่อลอยไปชั่วขณะ ไม่รู้อย่างไร่นี้รู้สึกว่านางโตขึ้น ไม่เหมือนตอนเด็กๆ สักเท่าไรแล้ว แต่เวลาเห็นนางเสแสร้งทำอย่างโน้นทีอย่างนี้ที ก็รู้สึกว่านางยังคงเป็เ้าตัวน้อยคนเดิม
พอมองดูแป้งชาดเ่าั้บนโต๊ะ ก็รู้สึกว่าเป็การลดทอนคุณค่าของนางจริงๆ
ของไร้รสนิยมเช่นนี้ไหนเลยจะคู่ควรกับนาง
นางเป็น้องสาวตัวน้อยของเขา แม้ว่าจะเ้าเล่ห์ซุกซนไปบ้าง แต่ก็เป็กระต่ายแสนดี เพียงชั่วพริบตาหรงจ้านก็รู้สึกว่าตนเองไม่จำเป็ต้องทำอะไรยุ่งยาก เพียงเห็นว่านางเป็น้องสาวก็พอ
พอคิดได้เช่นนี้ เขาก็ยื่นมือไปลูบศีรษะของนาง "ไม่เอาก็ไม่เอา แต่เ้าต้องให้พี่จ้านช่วยออกเงินให้ เอ๋ ทำไมผมของเ้าถึงมันเช่นนี้ เช็ดเสีย สกปรก"
คนรักความสะอาดไม่อาจทนได้
เฉียวเยว่อายุยังไม่มาก ซ้ำยังเป็แม่นางน้อยคนหนึ่ง ถูกคนทำท่ารังเกียจเช่นนี้ นางก็หน้าแดงก่ำ หลังจากนั้นก็แก้ต่างไปว่า "เมื่อเช้าข้าเพิ่งสระผมมาเอง"
หรงจ้านล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดมือ "ไม่มอบให้เ้าแล้ว"
เฉียวเยว่บ่นพึมพำ "ผู้อื่นไม่ได้้าให้ท่านมอบของขวัญให้เสียหน่อย"
หรงจ้าน "มีน้ำหรือไม่?"
เถ้าแก่ชำเลืองไปที่ศีรษะของคุณหนูเจ็ด ก็ไม่เห็นจะผิดปรกติตรงไหน แต่คนทั้งเมืองล้วนรู้ว่าอวี้อ๋องเป็คนพิถีพิถันเื่ความสะอาด ก็ไม่กล้ารอช้า รีบไปเตรียมน้ำให้เขาทันที
"ซูเฉียวเยว่ เ้าดู เ้าดู ข้าไม่ชอบเ้าแล้ว ข้า..."
ซูเฉียวเยว่ฉุนจัดตอกกลับไปทันที "ท่านมีโรคประจำตัวไยมาโยนความผิดใส่ข้า?"
นางแค่นเสียงหึ "คนคลั่งความสะอาด"
หลังจากนั้นก็พูดต่ออีก "เถ้าแก่ คิดเงินสีผึ้งหิมะให้ข้าก่อน พวกเราจะกลับจวนแล้ว"
นางถลึงตาใส่หรงจ้าน แล้วดึงโม่หลันเดินจากไป โม่หลันเบิกตากว้างพูดไม่ออก ไม่นึกว่ากระต่ายตัวนี้จะมีความกล้ามากมายเพียงนี้
โอ้ไม่สิ เฉียวเยว่ต่างหาก!
นางถาม "เฉียวเยว่ เช่นนี้... เช่นนี้ไม่ดีกระมัง?"
เฉียวเยว่เดินลงฝ่าเท้าหนักๆ เลิกม่านเดินขึ้นรถ นางแค่นเสียงเยาะ "เช่นนี้ไม่ดีตรงไหน เขากล้าแสดงท่าทีรังเกียจข้าต่อหน้าธารกำนัล คนที่ไม่รู้จะอาจคิดว่าข้าเป็คนสกปรกโสโครก อ้อ จริงสิ เขายังด่าข้าว่ากระต่ายโง่อีกด้วย ข้าโง่ตรงไหน? เข้าทั้งน่ารักและเฉลียวฉลาด เขานี่ช่าง... เสร็จกันๆ โม่หลัน เมื่อครู่ข้าขวัญกล้าล่วงเกินเขาไปได้อย่างไร ทำอย่างไรดีล่ะทีนี้!"
เฉียวเยว่ยิ่งพูดใบหน้าก็ยิ่งเผือดสี ล้มตัวเข้าหาโม่หลัน
นางทำแก้มป่องด้วยความโกรธ แต่หลังจากนั้นก็ทำท่าหมดอาลัยตายอยากซ้ำแล้วซ้ำเล่า
นางจบเห่แล้ว
เฉียวเยว่เอานิ้วชนกัน "เ้าว่าข้ารนหาที่ตายหรือไม่?"
โม่หลันเห็นทางท่าน่าสงสาร ก็อดขำไม่ได้ แต่ก็รู้การหยอกล้อผู้อื่นตอนนี้คือสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ได้แต่ถอนหายใจ "เฉียวเยว่ เ้าเป็คนน่ารักมาก"
"ล่วงเกินใครไม่ล่วงเกินดันไปล่วงเกินท่านพี่จ้าน แล้วจะทำอย่างไรดี เ้าว่าข้าลงจากรถม้าไปขอขมาตอนนี้ เขาจะให้อภัยข้าหรือไม่?" เฉียวเยว่ทำแก้มป่องน้อยๆ ก่อนเอ่ยอย่างจริงจัง
โม่หลันเบิกตากว้างมองเฉียวเยว่อย่างไม่คาดคิด นางถามตะกุกตะกัก "จะ... จะ... เ้ายังคิดจะกลับไปขอขมาอีกหรือ?"
เช่นนี้จะไม่ถูกอวี้อ๋องซึ่งกำลังหัวร้อนบีบคอตายเอาหรือ? นึกถึงคู่หมั้นสองคนนั้นของเขาที่ตายอย่างเป็ปริศนา โม่หลั่นก็ไหล่สั่น รู้สึกกลัวขึ้นมา เพียงแต่ยังไม่ทันพูด ก็ได้ยินเฉียวเยว่ออกคำสั่ง "กลับรถ"
ส่วนอวี้อ๋องหลังจากเห็นเฉียวเยว่ลากโม่หลันออกไปอย่างฉุนเฉียว ก็มองเครื่องหอมนับไม่ถ้วนบนโต๊ะพลางส่ายหน้าอย่างจนใจ ถึงบอกว่ากระต่ายโง่ยังคงเป็กระต่ายโง่วันยังค่ำ
นางถึงกับลืมของเหล่านี้ไปแล้ว
อวี้อ๋องนั่งอยู่บนเก้าอี้ เอานิ้วเคาะไปบนเครื่องหอม รอดูว่าเฉียวเยว่จะกลับมาเมื่อไร
ฉินอิ๋งดึงหร่วนหลีเบาๆ แล้วกล่าวว่า "ญาติผู้พี่ พวกเราไปกันเถอะ"
ในใจของหร่วนหลีเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองริษยา ทั้งที่เป็หญิงสาวรุ่นราวคราวเดียวกัน ผู้อื่นสามารถซื้อสีผึ้งหิมะคราละสองขวดโดยไม่ต้องคิดมาก แต่นางเล่า อย่าว่าแต่เครื่องบำรุงผิวแบบนี้ แม้แต่พู่กัน หมึก แท่นฝนหมึกอย่างดีก็ยังเป็ไปไม่ได้
คนเหมือนกัน เหตุใดจึงแตกต่างกันนัก!
นางทั้งสวยทั้งปราดเปรื่อง ไม่คู่ควรกับของดีเ่าั้หรือ?
"ญาติผู้พี่" ฉินอิ๋งรู้สึกหวาดกลัวอวี้อ๋อง หญิงสาวในเมืองหลวงคนไหนบ้างไม่กลัวเขา นางดึงญาติผู้พี่หร่วนหลีให้ไป
หร่วนหลีพยักหน้า หมุนตัวกลับแสร้งทำผ้าเช็ดหน้าหล่น
อวี้อ๋องมองผ้าเช็ดหน้าปลิวมา ก็ยกมุมปากแสดงความเหยียดหยัน แต่ทำเมินไม่สนใจ
"คุณหนูท่านนี้โปรดรอสักครู่" เถ้าแก่กลับมองเห็น
หร่วนหลีหันไป แสร้งทำสีหน้าประหลาดใจ "ไม่ทราบว่าเถ้าแก่เรียกข้า... มีเื่อันใด?"
ในใจกลับนึกแค้นในความจุ้นจ้านของอีกฝ่าย หากไม่ใช่เพราะเขาปากมาก บางทีผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นอาจถูกอวี้อ๋องเก็บไป แต่เวลานี้จำเป็ต้องอดทน
"ท่านทำผ้าเช็ดหน้าตกขอรับ คุณหนู"
หลังจากนั้นก็เก็บคืนให้หร่วนหลี
"ขอบคุณท่านมาก" หร่วนหลียกมุมปากอย่างหยิ่งผยอง
เถ้าแก่ส่ายหน้ายิ้ม "ไม่ต้องเกรงใจขอรับ"
ั้แ่ต้นจนจบ อวี้อ๋องไม่ชำเลืองแลหร่วนหลีแม้แต่แวบเดียว ในใจของนางพลันรู้สึกหงุดหงิด แต่ยังลอบคาดคะเนในใจว่าผู้อื่นจะแอบมองตนเองหรือไม่ อย่างไรเสียสถานะของเขาก็วางอยู่ตรงนั้น ไม่อาจแสดงให้เห็นอย่างออกหน้าออกตาได้
การไม่แสดงความปรารถนาออกมาตรงๆ คือสิ่งที่นางเข้าใจเป็ที่สุด นางยกยิ้มน้อยๆ แล้วจูงฉินอิ๋งออกจากประตูไป
เพียงแต่ขณะเพิ่งออกจากประตูก็เห็นเฉียวเยว่ย้อนกลับมา นางเบะปากข้างหนึ่งยิ้มเหยียดหยัน
ฉินอิ๋ง "พวกเ้ากลับมาได้อย่างไร"
ฉินอิ๋งเป็คนสะเพร่า ไม่เห็นว่าเฉียวเยว่ลืมของ เฉียวเยว่เองก็ไม่ทันสังเกต แต่หร่วนหลีย่อมรู้ ขณะนางคิดจะกล่าวบางอย่าง เฉียวเยว่ก็เข้าร้านไปแล้ว
แม้อยากรู้ว่าพวกเขาคุยอะไรกัน แต่ก็ไม่อาจหมุนตัวกลับเข้าไปอีกครั้งได้ จึงได้แต่เพียงเอ่ย "พวกเราไปกันเถอะ"
เฉียวเยว่เข้าไปถึง ก็ดึงชายเสื้อของตนเองอย่างประหม่า หลังจากนั้นก็ปั้นหน้ายิ้มประจบสอพลอร้อง "เมี้ยว..."
เถ้าแก่แทบจะสำลัก เขาพยายามฝืนทำเป็ว่าตนเองไม่ได้อยู่ที่นั่น
ใบหน้าบึ้งตึงของหรงจ้านพลันหายไปในพริบตา เขายกมุมปากเล็กน้อย "เ้ากลับมาทำไม?"
นิ้วยังคงเคาะอยู่บนเครื่องหอม ตอนแรกเฉียวเยว่ก็ไม่ได้นึกถึงเื่นี้ นางเอ่ยอย่างจริงจัง “ข้ารู้สึกว่าเมื่อครู่ตนเองทำความผิดอย่างมาก ดังนั้นจึงกลับมาขอขมาท่าน"
เดิมทีหรงจ้านนึกว่านางจะกลับมาหาเครื่องหอม แต่พอเป็เช่นนี้เขากลับอึ้งงัน
เฉียวเยว่กล่าวอย่างจริงจัง "ท่านพี่จ้านดีต่อข้ามากั้แ่ข้ายังเล็ก เห็นข้าเป็น้องสาวแท้ๆ พี่ชายจะต่อว่าน้องสาวอย่างไรก็ได้ ข้านิสัยแย่ ข้าใจร้อนโมโหใส่ท่าน ล้วนเป็ความผิดของข้าเอง"
ดวงหน้าน้อยๆ ของเฉียวเยว่เคร่งขรึมจริงจังมาก ทุกคำล้วนกล่าวอย่างจริงใจ
"ข้าผิดเองที่กล่าวหาว่าท่านเป็คนคลั่งความสะอาด ท่านคือพี่ชายที่ดีที่สุด แค่รักความสะอาดมากเท่านั้นเอง"
หรงจ้านจดจ้องเฉียวเยว่อยู่นาน ก่อนจะยื่นมือออกมา
เฉียวเยว่ยิ้มพลางเอื้อมมือไปตีมือของเขาเบาๆ
แล้วยิ้มอย่างร่าเริงสดใส "ข้ารู้ท่านต้องไม่โกรธข้า"
หรงจ้าน "..."
หลังสงบอารมณ์สักครู่ เขาก็เอ่ยว่า "ความหมายของข้าคือให้เ้าส่งถุงเงินออกมา"
เฉียวเยว่กุมถุงเงินของตนเองทันควัน "ท่านจะทำอันใด?"
หรงจ้านเอ่ยเสียงเนิบเบา "เ้าเพิ่งจะยั่วโทสะข้า ข้าต้องใช้เงินของเ้าซื้อของให้หมดเป็ค่าทำขวัญ"
เฉียวเยว่สำลักพรืดด้วยความโมโห
"คนเลว"
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้