เนื่องจากสกุลลั่วคือคนนอก เลยไม่สะดวกให้รับรู้สิ่งใดมากมาย จึงหลบอยู่ในห้อง แต่ก็มีพี่หลิวกับฝูอันมาเยี่ยมเยียนที่บ้านพวกเขา
“ปล่อยไว้เช่นนี้ก็ไม่ใช่ทางออก ไม่ว่าสกุลจ้าวจะเป็อย่างไร อย่างไรเสียจ้าวจือชิงก็ไม่ควรอยู่บ้านเ้าต่อไป” พี่หลิวกลับไปทานอาหารเช้าที่บ้านและกลับมาอีกครั้ง เขามองดูประตูห้องตะวันตกที่ปิดแน่นและโน้มน้าวชีเหนียง
ชีเหนียงรู้ว่านางหวังดีกับตนเอง อันที่จริงก็เหมือนสิ่งที่นางคิด เมื่อวานมีคนมุงดูมากมายเช่นนี้ คนที่ปากพล่อยก็ต้องมีเื่ให้ซุบซิบเป็แน่
“ข้าเองก็คิดเช่นนี้ เพราะถึงอย่างไรเขาเป็บุรุษ การอยู่ที่นี่คงไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก” เมื่อวานฝูอันออกจากบ้านสกุลลั่วก็ได้ยินคนในหมู่บ้านกระซิบกระซาบกัน
คุยกันว่า ไฉนจ้าวจือชิงถึงเกิดเื่ แต่กลับดื้อดึงจะไปบ้านสกุลลั่วและไม่ยอมไปที่อื่น คงต้องมีสัมพันธ์ไม่ชัดเจนกับสกุลลั่วแน่ แล้วยังมีบางคนบอกว่า เื่เหล่านี้เป็ฝีมือคนสกุลลั่ว ยิ่งกว่านั้นยังมีการนำเื่ราวในอดีตหลายปีกลับมาพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่า บอกว่าก่อนที่ลั่วจิ่งไหลจะเกิด ได้เห็นจ้าวจือชิงมักจะมาบ้านสกุลลั่วบ่อยครั้ง และที่ไร้เหตุผลกว่านั้น ยังบอกว่า…
ฝูอันไม่มีแก่ใจฟังด้วยซ้ำ เขาไม่อยากทำให้หูของเด็กๆ และปากของตนต้องแปดเปื้อนไปด้วย
ในใจของชีเหนียงก็เข้าใจเื่เหล่านี้ดี แต่หากจ้าวจือชิงย้ายออกจากบ้านสกุลลั่วจริง คงปล่อยให้เขาไปอาศัยอยู่บนเขาไม่ได้อีก หากไม่ได้จริงๆ นางจะจ้างเขาเอง นางกำลังคิดจะเหมาซื้อเชิงเขาด้านหลังในหมู่บ้านเอาไว้ ถึงเวลาจะได้เพาะปลูกผลไม้ ดอกไม้และเลี้ยงวัว แกะและไก่สักหน่อย สามารถลดต้นทุนในร้าน วัตถุดิบที่ใช้ในร้านก็วางใจได้บ้าง
ขณะที่นางบอกเล่าความคิดจะซื้อเขาให้แก่ฝูอัน ฝูอันถึงขั้นไม่กล้าเชื่อ
สกุลลั่วเพิ่งจะต่อเติมบ้านและใช้เงินไม่น้อย เหตุใดจึงมีเงินอีก? แต่คำพูดนี้ไม่ใช่สิ่งที่ตนควรถาม
“ได้น่ะได้ เพียงแต่การซื้อเขาหรือที่ดินต้องให้บุรุษออกหน้า จิ่งเฉินบ้านเ้า ต่อไปจะเดินเส้นทางบัณฑิตสอบเคอจวี่ ทางที่ดีที่สุดไม่ควรข้องแวะกับเื่นี้ แต่เมื่อเป็เช่นนี้ ก็ไม่มีผู้ใดรับหน้าที่ได้”
ชีเหนียงยังไม่รู้ว่าที่นี่มีกฎเช่นนี้อยู่ด้วย นางจึงหันไปขอคำชี้แนะจากผู้ใหญ่บ้าน “เช่นนั้นควรทำอย่างไรดี? จะให้จิ่งเฉินออกหน้าคงไม่ได้”
ฝูอันสูบยาสูบและสูดลึกๆ สองที “หากไม่ได้ก็ใส่ชื่อที่ดินภายใต้ชื่อเ้าเอง ถึงเวลาหากมีคนถามก็บอกว่านี่คือสินเ้าสาวที่เ้าสรรหาให้ตนเอง”
“อะไรนะ?”
“สินเ้าสาว?”
“ท่านแม่จะแต่งงานหรือ?”
สิ้นเสียงของฝูอัน เด็กทั้งสามมีปฏิกิริยาต่างออกไป คนเดียวที่ต่างออกไปคือลั่วจิ่งเฉินที่ขมวดคิ้วแน่นไม่พอใจ ส่วนลั่วจิ่งซีตกตะลึงและมีเพียงไหลไหลน้อยที่ตื่นเต้นดีใจ
ชีเหนียงเห็นปฏิกิริยาของพวกเขาทั้งหมดอยู่ในสายตา สุดท้ายก็มีเพียงเด็กที่รู้สึกว่าการแต่งงานคือเื่น่ายินดี
“แม่ไม่ได้แต่งงาน ความหมายของผู้ใหญ่บ้านคือแกล้งทำเป็ว่าของสิ่งนี้คือสินเ้าสาวของแม่”
ฝูอันเองก็คิดไม่ถึงว่าเด็กๆ สกุลลั่วจะมีปฏิกิริยาตอบสนองกับการแต่งงานครั้งที่สองของแม่รุนแรงเช่นนี้ จึงรีบคล้อยตามคำพูดของชีเหนียง “นั่นสินะ แกล้งทำเป็สินเ้าสาวของแม่เ้า เช่นนี้แม่ของพวกเ้าก็จะซื้อูเาได้”
“การซื้อที่ดินูเาเป็เื่ใหญ่ ข้าจะต้องแจ้งเื่กับทางอำเภอก่อน ถึงเวลาถ้าต้องใช้เงินเท่าใด ข้าค่อยบอกรายละเอียดกับเ้าอีกที”
ฝูอันพูดขณะรีบออกจากบ้านสกุลลั่ว พี่หลิวเห็นท่าทางร้อนรนหนีไปของเขา ถึงกับหัวเราะจนหุบปากไม่ลง
ใครใช้ให้เ้าพูดจาไปเรื่อย ตอนนี้รู้จักความร้ายกาจแล้วสินะ
“ทว่าชีเหนียง สิ่งที่เหล่าฝูพูดก็เป็ความจริง อายุในวัยของเ้าจะแต่งงานอีกครั้งก็ไม่ใช่เื่ยาก เ้ารูปร่างหน้าตาดี ทั้งยังหาเงินเก่ง การจะหาคู่ครองที่รู้ใจก็เป็เื่ดียิ่งนัก”
เหมือนพี่หลิวจะมองไม่ออกว่าลั่วจิ่งเฉินไม่เห็นด้วย กลับกลายเป็โน้มน้าวชีเหนียงให้แต่งงานใหม่
ชีเหนียงกลับส่ายหน้าปฏิเสธ “เหยียบเข้าไปในกองไฟหนึ่งครั้งก็เพียงพอแล้ว ตอนนี้ข้าไม่อยากแต่งงานอีกแล้ว”
“เอาล่ะพี่หลิว ท่านไม่ต้องโน้มน้าวข้าแล้ว ข้าคิดดีแล้ว รอเด็กๆ เติบใหญ่และมีครอบครัวมีการงาน ข้าก็เบาใจได้เปลาะหนึ่ง ถึงเวลานั้นคงสนใจแค่ใช้ชีวิตบั้นปลายยามเกษียณก็พอ พวกเขาจะกล้าไม่เลี้ยงดูข้าหรือ?”
“ข้าเลี้ยงท่านแม่เอง ไหลไหลจะเรียนรู้ความสามารถจากท่านตา ต่อไปจะหาเงินมากมายให้ท่านแม่ใช้”
ไหลไหลน้อยตบหน้าอกรับประกันทำเอาพี่หลิวกับชีเหนียงหัวเราะร่า
ลั่วจิ่งซีเองก็รีบแสดงท่าที บอกว่าต่อไปตนเองจะกตัญญูต่อนางให้มากแน่นอน
มีเพียงลั่วจิ่งเฉินที่ได้ยินว่านางจะไม่แต่งงานอีก ใบหน้าถึงอ่อนโยนอย่างชัดเจนกว่าเดิมมาก เพียงแต่เขาไม่ได้พูดอะไรมากมาย แต่แอบสาบานในใจว่าต่อไปจะต้องไขว่คว้ายศตำแหน่งมาให้นางได้ภูมิใจแน่
ระหว่างที่ทั้งครอบครัวพูดคุยหัวเราะกัน กลับได้ยินเสียงกระแทกดังสนั่นมาจากห้องตะวันตก จากนั้นได้ยินเสียงอุทานใและเสียงมือไม้ซุ่มซ่าม ไม่ทันรอให้พวกนางลุกขึ้น ก็เห็นมือปราบหามศพร่างหนึ่งออกจากห้องตะวันตก มุมหนึ่งที่เปิดให้เห็นศพกลับเป็ใบหน้าของหลี่ชุนฮัวที่โผล่ออกมา
ชีเหนียงรีบขวางเด็กๆ ไว้ด้านหลังทันที จากนั้นสบตากับพี่หลิวแวบเดียวก็รู้ว่าเกิดเื่ไม่ดีขึ้นแล้ว
“พี่หลิว ท่านกลับไปก่อน”
“ได้ มีเื่อะไรให้เรียกข้า”
หลี่ชุนฮัวตายที่บ้านสกุลลั่ว ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุอะไร ก็ต้องมีข่าวลือเสียหาย พี่หลิวเข้าใจว่าชีเหนียงไม่้าให้นางพลอยติดร่างแหด้วย จึงให้นางจากไปก่อน
......
ภายในห้องตะวันตก หลังจากเสียงพ่นลมหายใจอย่างเ็าหลายครั้งของเฉียนจี้หวั่ง จ้าวเหลยก็ถูกสวมโซ่ตรวนและส่งไปชายแดน ส่วนจ้าวจือจุ่น แน่นอนว่าต้องตามไปด้วยกัน นับแต่นี้ไปอย่าว่าแต่เส้นทางขุนนางเลย การจะกลับมาได้อีกครั้งก็ยากดั่งขึ้น์
เพียงแต่ตอนที่จ้าวจือจุ่นจากไป กลับโพล่งวาจาเสียสติ “นางสำส่อนยั่วยวนเ้าทึ่ม คิดทำลายสกุลจ้าวของเรา! ทำลายสกุลจ้าวของเรา!”
“อือๆ พวกเ้ามันน่าสมเพช…อือๆ ชู้รักน่าสมเพช”
จ้าวจือจุ่นถูกปิดปากไปทั้งอย่างนั้น ก่อนจากไปยังถูกทหารเล่นงานไปหลายครั้งเพราะไม่ให้ความร่วมมือ
เฉียนจี้หวั่งทิ้งเงินไว้ “นี่คือเงินชดเชยจากราชสำนักที่ให้แก่จ้าวจือชิง ข้าได้รู้มาจากหัวหน้าแพทย์หลิงว่าค่ารักษาที่ผ่านมา่นี้มีสกุลลั่วเป็ผู้รับผิดชอบ ซึ่งถือเสียว่านี่คือค่ายารักษา แล้วก็ตอนนี้พิษในกายจ้าวจือชิงยังกำจัดไม่หมด เกรงว่าคงยังต้องรบกวนไปอีกสักพักหนึ่ง ส่วนที่เหลือถือเป็ค่าใช้จ่ายกินอยู่และค่ายาใน่เวลานี้”
คนเขาพูดเช่นนี้แล้ว ชีเหนียงจึงได้แต่รับปาก
จวบจนคนทั้งหมดจากไป พวกเขาถึงล่วงรู้เื่ราวภายในจากหลิงชางไห่ ที่แท้ยาพิษชนิดออกฤทธิ์ช้าบนตัวจ้าวจือชิงนั้นเป็ฝีมือของหลี่ชุนฮัว กระทั่งสมองที่ไม่สมประกอบของจ้าวจือชิงก็เกี่ยวข้องกับยานั่น เดิมทีาแภายนอกของเขาแค่เพียงพักฟื้นให้ดีก็ยังมีโอกาสหายได้ แต่ตอนนี้แม้จะถอนพิษได้แล้ว แต่ระบบภายในก็ได้รับความเสียหาย หาก้าให้หายขาดคงยาก
หลี่ชุนฮัวเห็นว่าเื่ราวถูกเปิดเผย ยังคิดจะดิ้นรน แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดจู่ๆ ก็ไม่ยอมแก้ตัวและบอกว่าเื่นี้เป็ฝีมือของนางเพียงผู้เดียว แม้ว่าจ้าวจือชิงจะช่วยประหยัดเงินให้ครอบครัวจากการยกเว้นภาษี แต่ทุกครั้งที่ตนออกไปก็ยากจะเลี่ยงถูกคนติฉินนินทา
นางเป็หญิงชาวบ้านที่มีลูกชายสติไม่ดี ในสายตาคนนอกนี่คือบาปกรรมใหญ่หลวง จ้าวเหลยเองก็มิใช่คนดี มักจะปฏิบัติกับตนเองเยี่ยงทาส ตนเองจึงเกิดความคิดชั่วร้ายอยากสังหารจ้าวจือชิงให้จบเื่
ตอนนี้เื่ราวถูกเปิดเผย นางจึงพุ่งชนเสาปลิดชีพตนเองไปทั้งอย่างนั้น ส่วนเื่ที่มาของยาพิษ กลับไม่มีคำใดออกจากปากนางเลย
หลี่ชุนฮัวคิดว่าขอเพียงตนเองตายไปก็สามารถทำให้สกุลจ้าวกับจ้าวจือจุ่นหลุดพ้นข้อสงสัย แต่เฉียนจี้หวั่งมิใช่คนประเภทที่ให้ผู้อื่นจูงจมูกง่ายๆ
เมื่อคืนที่เขาจากไปกลางดึกและตรวจดูสถานการณ์อำเภอต่างๆ รอบข้างอำเภอเฉา เื่ราวดีร้ายของครอบครัวอื่นล้วนปะปนกันไป มีเพียงเื่ของจ้าวจือชิงที่ถูกคนกลบเกลื่อนจนหมด เขาเคยหยั่งเชิงหยางหนิง หยางหนิงมาประจำการห้าปีที่แล้ว นี่เป็ครั้งแรกที่เจอกับการเยี่ยมเยียนทหารผ่านศึก จึงไม่ค่อยทราบเื่มากนัก ยิ่งเป็เช่นนี้เขาจึงยิ่งรู้สึกว่าเื่น่าประหลาดนัก
โดยเฉพาะใน่ระหว่างการสอบสวน เขารับรู้ได้ถึงความคุ้นเคยจากตัวจ้าวจือชิงรางๆ ได้อย่างน่าประหลาด
-----