ตอนที่1
ข้าไม่ได้เพี้ยน ทำไมต้องเรียกข้าว่ายัยเพี้ยนด้วย?
ราชวงศ์ถัง ราชวงศ์ที่มีราชธานีเมืองฉางอัน มีผู้นำแคว้นฮ่องเต้ลี่เฉินที่เก่งกล้าสามารถอันเป็ที่เลื่องลือทั่วราชอาณาจักร เพราะได้รับชัยชนะเด็ดขาดจากแคว้นอื่นๆ นานับไม่ถ้วน จนเป็ที่เคารพและยำเกรงของผู้คนไม่น้อย ผู้นำแคว้นไม่เพียงเก่งกาจด้านการนำรบอย่างเดียว แต่ยังมีความรุ่งเรืองด้านศิลปะ การค้า การทหาร และอื่นๆอีกมากมาย แม้ว่าบ้านเมืองดูภายนอกแล้วนั้น แกร่งกล้า แต่ไม่มีใครอาจรู้เบื้องลึก เื้ัที่แท้จริงของฉางอัน เมืองที่อำนาจของฮ่องเต้ถูกครอบงำด้วยฮองไทเฮาผู้ทรงอำนาจ ประชาชนมิอาจล่วงรู้ หากแต่รู้เพียงอำนาจทั้งสองนั้นยิ่งใหญ่และควรค่าแก่การเคารพ แม้ความจริงจะถูกปกปิดและบิดเบือนไปบ้าง ในฐานะของประชาชนนั้นแค่เพียงได้มีชีวิตอย่างอิสระกับครอบครัวก็นับเป็ความสุขมากล้นเหลือคณานับ
ในเมืองฉางอันอันแสนยิ่งใหญ่ เต็มไปด้วยผู้คนมากมายต่างดำเนินชีวิตในแบบแผนของตนเอง บ้างก็เพาะปลูกพืชสวน พืชไร่ นำมาบริโภค ส่วนที่เหลือนำออกขาย บ้างก็เลี้ยงสัตว์ ทำประมง ค้าขาย แลกเปลี่ยนสินค้า มีเหล่าพ่อค้าแม่ขายจากต่างเมืองหาบเร่สินค้าของตน ทำให้แต่ละวันช่างวุ่นวายจนทำให้ผู้คนเอาแต่หมกมุ่นอยู่แต่กับหน้าที่ของตน เพราะเมืองฉางอันที่เพิ่งผ่านามา ภัยาทำให้ผู้คนเอาแต่ตั้งหน้าตั้งตากอบโกยเงินทองให้ได้มากที่สุดจนทำให้ลืมไขว่คว้าหาความสุขมาสู่ตน กระทั่งมีเด็กสาวผอมสูง ใบหน้ายิ้มกว้างสดใส แก้มสีแดงสด ด้วยใบหน้าที่ขาวเรียวยาวยิ่งทำให้แก้มสีแดงของเธอยิ่งเด่นชัดขึ้นไปอีก เธอวิ่งเล่นไม่ประสีประสาตามวัยไปทั่วเมืองฉางอาน ผมยาวที่ถูกมัดรวบครึ่งศีรษะไว้อย่างดี บัดนี้กลับชุ่มฉ่ำไปด้วยเหงื่อพล่าน เครื่องประดับดอกไม้สีชมพูสะพรั่งเกือบจะหลุดล่วงหล่นลงมาเต็มที
“คุณหนู รอเดี๋ยวสิคะ อย่าวิ่งไปไหนไกล ข้าวิ่งตามไม่ทันนะ” หญิงคนหนึ่งร้องเรียกผู้เป็นายของตนอย่างหอบเปรี้ยเพลียแรง
“ข้าไปก่อนล่ะนะ เสี่ยวผิง ฝากบอกท่านพ่อและท่านแม่ด้วยว่า ข้า--เยว่ซินจะไปเรียนหนังสือ” หญิงสาวหันมาตอบกลับสาวใช้ของเธออย่างใสซื่อ
“เห้อ..ให้ตายเถอะ บอกแบบนั้นทุกทีไป ใช้มุกนี้อ้างตลอด คิดว่านายท่านและนายหญิงจะเชื่อหรอ คุณหนู” สาวใช้พูดพลางหอบไปด้วย เสี่ยวผิง เด็กสาวที่ถูกชุบเลี้ยงเข้ามาดูแลคุณหนูในตระกูลขุนนางถึงกับเข่าอ่อนแรงกับการวิ่งไล่จับนายหญิงสุดป่วน “โอ๊ย--นี่ข้ายังต้องวิ่งไล่จับคุณหนูไปอีกนานแค่ไหนกันนะ ผ่านมาก็สิบปี คุณหนูก็ยังวิ่งไม่เลิกสักที แย่ชะมัด กงกรรมกงเกวียนอะไรของข้ากันแน่นะ” เสี่ยวผิงได้แต่บ่นอุบลูกสาวคนเล็กของขุนนางใหญ่ในราชสำนัก
“แปะหัว สวัสดีตอนเช้านะคะ” เสียงแหลมแจ่มแจ้วมาแต่ไกล พร้อมกับรอยยิ้มหวาน ใบหน้ายื่นมาใกล้ๆ เถ้าแก่ประจำร้านอาหารเช้าในตลาดเพื่อสำรวจดูว่าเถ้าแก่กำลังทำอะไรอยู่
“เออ ไปเถอะไป ไปไหนก็ไปเลยนะ ยัยเพี้ยน” เถ้าแก่พูดด้วยน้ำเสียงรำคาญเพราะเขากำลังเตรียมข้าวของสำหรับทำกับข้าวมื้อเช้าสำหรับขาย
“ข้าบอกกี่ครั้งกี่หนแล้วว่าข้าไม่ได้เพี้ยน ทำไมต้องเรียกข้าว่ายัยเพี้ยนด้วยล่ะอาแปะ ข้ามีชื่ออันไพเราะ ว่า เยว่ซินนะ” หญิงสาวพูดอย่างยืดอกเพราะแสนจะภูมิใจกับชื่อของเธอที่พ่อและแม่ของเธอตั้งให้อย่างตั้งใจ
“เ้านั่นแหละ เพี้ยน! --อ้างว่าพูดกับสัตว์ได้ เ้าบ้าหรือไงกัน คนที่ไหนเค้าจะพูดกับสัตว์ได้” เถ้าแก่เถียงกลับตอบหญิงสาวขณะที่กำลังช้อนกระดูกหมูต้มขึ้นจากน้ำซุปที่กำลังเดือดพล่าน “แล้วก็--เ้าจะไปเล่นที่ไหนก็ไปเถอะ ไปให้พ้นๆ หน้าร้านข้าเดี๋ยวนี้” หัวโจวชุ่น เถ้าแก่ประจำร้านอาหารเช้าขายประจำตลาดฉางอัน ร้านที่ขายอาหารมาแต่ช้านานนัก ไม่เคยพบเจอหญิงสาวแสนแสบเช่นนี้มาก่อน เขาเริ่มหน่ายเต็มทนอยากให้เด็กสาวจอมเพี้ยนและแก่นกล้านี่ออกไปจากร้านเขาเต็มที
“เดี๋ยวสิ อาแปะ…เยว่ซินขอเจอลูกหมูหลังร้านแปะหัวได้ไหมล่ะ?” เด็กสาวทำตาใสซื่อเพื่อขอร้องอ้อนวอนยังคงกวนใจหัวโจวชุ่นไม่เลิกลา
“ไม่ได้!!” เถ้าแก่ตอบกลับอย่างไม่รั้งรอ“หน้าใสซื่อเช่นเ้านี่ทำชาวบ้านแถวนี้ เดือดร้อนวุ่นวายกันไปหมดแล้ว!!” หัวโจวชุ่นอารมณ์ครุกรุ่นกับการทำแววตาใสซื่อ และคำขอร้องของเยว่ซิน เพราะเมื่อสองวันก่อน ที่ร้านค้าฝั่งตรงข้ามเขาก็ถูกหลอกเพราะความใจอ่อนของเ้าของร้าน ทำเอาเป็ดและไก่ที่เลี้ยงไว้ถูกปล่อยจนวุ่นวายไปทั่วตลาด สร้างความเดือดร้อนไปทั่วเมือง
“ทำไมล่ะ ข้าแค่ขอเจอเ้าเฟ่ยกับเ้าเชิ่น สักนิดเถอะนะ อาแปะมันบ่นตลอดเลยนะ ว่ามันเบื่อ อยากออกไปวิ่งเล่นแบบข้าบ้างน่ะสิ…” แววตากลมโตสีดำประกายของหญิงสาวยังคงจ้องตาขอร้องหัวโจวชุ่นอย่างไม่ลดละ
“อะไรนะ!!” หัวโจวชุ่นลั่นใกระดูกหมูชิ้นใหญ่ในกระบวยเกือบหล่น หันหน้ามาตอบกลับ “นี่เ้าคุยกับมันรู้เื่--แล้วนี่ยังเรียกเ้าหมูสองตัวนั่นว่า..ปอด กับ ไต งั้นหรือ?” แปะหัว เ้าของร้านยังไม่ทันได้ประหลาดใจกับการตั้งชื่ออันประหลาดและความเข้าใจภาษาสัตว์ของเยว่ซิน ขณะที่แปะหัวยังยืนอึ้งตะลึงงันอยู่นั้น เขาไม่ทันระวัง
“ใช่เลย อาแปะ” เด็กสาวรีบวิ่งแจ้นไปหลังร้านอย่างไม่รั้งรอ พลางพูดไล่หลังให้หัวโจวชุ่นฟัง “ลูกหมูพวกนี้น่าสงสาร แล้วข้าก็ชอบพวกมันมากจริงๆ จนคิดว่าลูกหมูเป็เหมือนปอดเหมือนไตของข้าไงล่ะ อาแปะ-- ถ้าขาดพวกมันไป ข้าก็เหมือนขาดใจตาย แล้วชื่อของมันเพราะใช่ไหมล่ะ คงจะจะชอบล่ะสิ อาแปะ ถึงได้ยืนค้างตกตะลึงแบบนั้นได้น่ะ” เยว่ซินรีบวิ่งไปหลังร้านอย่างรวดเร็ว
“หยุดนะ!! ยัยเพี้ยน” หัวโจวชุ่นวิ่งตามไปด้วยความโกรธ โต๊ะและเก้าอี้ที่จัดไว้เป็ระเบียบ ล้มอย่างไม่เป็ท่า “ข้าไม่ได้สนใจชื่อพวกลูกหมูนั่นหรอกนะ ข้าอุตส่าห์เลี้ยงมันมาตั้งนาน เพื่อว่าจะได้มาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องของข้า แล้วดูเ้าสิ คนดีๆที่ไหนเข้าจะทำกันแบบนี้…” หัวโจวชุ่นหอบหนักเพราะด้วยร่างกายของเขาที่เริ่มก้าวเขาสู่วัยชรา
ยังไม่ทันที่แปะหัวจะพูดจบ เยว่ซินที่ไปถึงคอกหมูก่อน ไม่รั้งรอ รีบเปิดประตูคอกหมูที่ลงกลอนไว้อย่างทันทีทันใด
“ขอบใจนะ พี่เยว่” ลูกหมูสีชมพูตัวจ้อยทั้งสองตัว เปรอะเลอะไปด้วยดินโคลนร้องตอบอย่างยินดีปรีดาออกมาจากคอกหมูที่ทั้งสองตัวถูกขังไว้นานเต็มที
“ไม่เป็ไรหรอก เ้าเฟ่ย เ้าเชิ่น” เยว่ซินตอบกลับด้วยความยินดีอย่างเป็เพื่อนที่รู้ใจและเห็นใจอย่างมากที่คอกหมูรั้งอิสรภาพที่เป็ความสุขของลูกหมูทั้งสองตัว พวกลูกหมูถึงแม้จะตัวจ้อยแต่ก็อ้วนตุบเดินอุ้ยอ้ายออกมาอย่างเชื่องช้า ขณะที่แปะหัวที่อายุมากจึงหอบเฮือกใหญ่ เข่าล้มลงแถบพื้น เนื้อตัวหย่อนย้อยอาบโชกไปด้วยเหงื่อ
“อาแปะ ข้าขอโทษจริงๆนะ แต่เ้าเฟ่ยกับเ้าเชิ่นขอให้ข้าช่วยน่ะสิ ข้าไปก่อนละนะ” เยว่ซินขณะที่อุ้มลูกหมูทั้งสองตัวอันหนักอึ้งอยู่ด้วยแล้วนั้น เมื่อได้วิ่งออกไปได้ไกลโพ้นก็ะโหันหลังมาด้วยความรู้สึกเสียใจอยู่บ้าง
“ไม่นะ อย่าเอาหมูข้าไป ยับเพี้ยน” เถ้าแก่หัวร้องโอดครวญอย่างอาลัยอาวอน
เยว่ซินวิ่งปราดไปอย่างรวดเร็ว เพราะการวิ่งของเธอกลายเป็สิ่งที่ทำเป็ประจำทุกวันอยู่แล้ว
“อาแปะ ข้าขอโทษนะ” เยว่ซินได้แต่พึมพำเบาๆลำพัง ในใจเธอเองก็รู้สึกผิด แต่ก็รู้สึกสงสารและอดใจอ่อนที่จะทำตามคำขอร้องจากลูกหมูสองตัวนั้นไม่ได้จริง เธอวิ่งพร้อมกับคิดไปพลาง แต่ก็ต้องหยุดชะงักเพราะนึกขึ้นได้ว่าได้นัดหมายกับสหายสนิทของเธอไว้ที่สวนหลังวัง ‘ตายสิ ข้านัดหรงจิ้งที่สวนหลังวังนี่ แย่แล้ว หรงจิ้งบ่นข้าตายแน่ๆ’
จวนเสนาบดีเยว่ เสนาบดีกลาโหม ขุนนางขั้นสองของราชสำนัก จวนไม้หลังใหญ่โตและโอ่อ่า มุงหลังคาลวดลายงามตายิ่งนัก แสดงฐานะที่ร่ำรวย อำนาจ และเกียรติยศอันล้นหลามยิ่งนัก แต่ถึงกระนั้นเวลานี้สาวรับใช้และทหารคุ้มกันในจวนกลับวุ่นวาย นั่นก็เพราะคุณหนูคนเล็กของบ้านหายตัวไป
“ว่าไงนะ!” ชายวัยกลางคนตะคอกใส่สาวใช้เสียงดังลั่น “--เยว่ซิน ออกไปวิ่งเล่นอีกแล้วงั้นหรอ? ทำไมไม่รั้งนางไว้เล่า เสี่ยวผิง” เขาบ่นอุบ ถามความไม่หยุดหย่อน
“ข้าขอโทษจริงๆนะ ใต้เท้า ข้าวิ่งตามคุณหนูไม่ทันจริงๆ คุณหนูวิ่งไวอย่างกับลิง…” เสี่ยวผิงเผลอหลุดปากออกมา ถูกฮูหยินใหญ่ถลึงตาใส่อย่างเคืองเล็กน้อย จนเธอไม่ได้พูดต่อ
“ใจเย็นๆ ก่อนนะ ท่านพี่” ฮูหยินใหญ่แห่งตระกูลเยว่รั้งแขนสามีไว้ให้ใจเย็นลง
“ให้ข้าเย็นได้ไงล่ะ ฮูหยิน สองสามวันมานี่ เยว่ซินก่อเื่จนเดือดร้อนกันไปทั่วฉางอันแล้ว จนทั่วทั้งเมืองต่างเรียกนางว่า ยัยเพี้ยน” เขาขมวดคิ้วและโกรธลูกสาวเป็ฟืนเป็ไฟพลางทุบโต๊ะเสียงดังลั่นจนฮูหยินใหญ่ต้องผงะ แต่เขาก็พูดต่อไม่หยุด“เป็ถึงลูกสาวขุนนางใหญ่เช่นข้า แต่ดูนางกลับทำเข้าสิ ไม่ไว้หน้าข้าบ้างเลยหรืออย่างไรกัน แบบนี้จะไปเป็ที่ติฉินนินทากันในสำนักและเมืองฉางอัน ข้าไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว...” นายใหญ่แห่งจวนเสนาโกรธจัด “รีบส่งคนไปตามนางมา เร็วเข้า!!” ใต้เท้าเยว่สั่งทหารบางกลุ่มออกไปตามหาลูกสาวคนเล็ก
“ครับ!! ใต้เท้า” นายทหารคนหนึ่งเดินเข้ามาน้อมรับคำสั่ง
“อย่าเพิ่งโกรธสิคะ ท่านพ่อ ใจเย็นๆก่อนนะ” เยว่จิน ลูกสาวคนโตของตระกูลเยว่ ใบหน้าขาวเรียวยาว ผมของเธอรวบตึงแน่นครึ่งศีรษะ และปล่อยยาวพลิ้วดำประกายเรียงอย่างสละสลวย เครื่องประดับผมรูปผีเสื้อสีไม่ฉูดฉาดมากนักแต่เสริมความงามได้มากขึ้นอีกเป็เท่าหนึ่ง เธอที่ทั้งสวยและงดงามราวกับดอกไม้แย้มบาน ไม่ใช่แค่เพียงความงามเท่านั้นที่เธอมี แต่เธอยังฉลาดหลักแหลมและเปี่ยมล้นไปด้วยความสามารถ ผู้คนต่างก็เชื่อกันว่าเธออาจจะเป็สตรีที่จะได้ขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดของวังหลังก็เป็ได้
“ข้าอดทนมาเต็มทีแล้ว คราวนี้ข้าไม่มีทางปล่อยไว้แน่” ใต้เท้าเยว่ยังยืนกรานคำพูดเดิม
“แต่ท่านพ่อ--” เยว่จินพูด “--เยว่ซินไม่ผิดหรอก ที่ปล่อยอิสรภาพให้สัตว์พวกนั้นไป น้องเยว่เองก็คงมีเหตุผลของนาง เพราะถ้าหากเป็ข้า ข้าจะทำแบบน้องเยว่เหมือนกัน”
“ข้าก็คิดเช่นเดียวกับเยว่จินนะ ท่านพี่” ฮูหยินใหญ่พูด “ใจเย็นลงก่อนนะ เยว่ซินยังเด็กอยู่ จะดื้อจะซนก็ไม่แปลกอะไร”
“ให้ท้ายลูกแบบนี้แล้วเมื่อไรเยว่ซินจะโตสักทีเล่า ฮูหยิน” ใต้เท้าเยว่ยืนกอดอกหันกลับมาด้วยหน้าตาคิ้วขมวดอย่างไม่พอใจภรรยา
“เกิดเื่แล้ว!! ใต้เท้า นายหญิง” นายทหารคุ้มกันคนสนิทของใต้เท้าเยว่วิ่งเข้ามารายงานนายใหญ่อย่างกระหืดกระหอบ
“มีอะไรงั้นหรือ? จวิ่นซื่อจง” ฮูหยินใหญ่รีบถามทหารคุ้มกันทั้งๆที่ในใจก็รู้อยู่เต็มอกว่าอาจเป็เื่ของเยว่ซิน
“หัวโจวชุ่น เถ้าแก่ร้านอาหารเช้าในตลาดฉางอันมาะโอยู่ที่หน้าจวน ว่า้าพบใต้เท้า เขาบอกว่าคุณหนูเยว่ซินหลอกเขา แล้วไปปล่อยลูกหมูที่เขาเลี้ยงไว้มานาน”
ใต้เท้าเยว่โกรธหนัก แต่จำใจต้องก้าวเท้าออกไปพบหน้าหัวโจวชุ่น ทั้งฮูหยินเยว่และเยว่จินต่างก็วิตกกับการที่ผู้นำตระกูลเยว่ต้องไปเผชิญหน้ากับหัวโจวชุ่น
☾ ✿ ✿ ✿ ☽
เสนาบดีเยว่เข้ามานั่งยังห้องรับแขกใหญ่ของจวน ห้องโถงโอ่อ่ากว้างใหญ่ โต๊ะรับแขกเก้าอี้พร้อมสรรพ หอมกลิ่นเครื่องหอมสดชื่นผ่อนคลาย แขกที่เข้ามาเป็ผู้เสียหายที่ลูกสาวของเขาก่อเื่เอาไว้ สาวใช้ในจวนนำชาหอมมาต้อนรับแขกเพื่อบั่นทอนอารมณ์ของแขกของจวนที่ยังครุกรุ่นอยู่
“เถ้าแก่หัว ท่านมีธุระเื่ลูกสาวข้าใช่หรือไม่?” ใต้เท้าเยว่ถามขึ้นจากความที่รู้มาจานายทหารคนสนิทของเขา
“ที่ข้าก็มาก็ไม่ได้มาเพื่อว่าจะมาขอลูกหมูของข้าคืนหรอกนะ ใต้เท้าเยว่” หัวโจวชุ่นพูดความในใจ “ข้าก็แค่อยากจะมาบอกใต้เท้า ให้อบรมสั่งสอนลูกสาวเสียบ้าง จะได้ไม่เดือดร้อนกันทั่วฉางอาน”
เสนาบดีเสียหน้าเป็อย่างมาก แต่ก็นึกถึงคำพูดของเยว่จิน ลูกสาวคนโตของเขาที่อ้างถึงเหตุผลของเยว่ซินไว้ได้
“ลูกสาวคนเล็กของข้า” ใต้เท้าเยว่อธิบาย “ข้ารู้ว่านางอาจมีความผิดอยู่ส่วน แต่อีกส่วนหากเถ้าแก่หัวคิดกลับกันว่าทำไมลูกสาวของข้าถึงต้องปล่อยลูกหมูพวกนั้น บางทีเถ้าแก่อาจกำลังคิดที่จะฆ่าหมูพวกนั้นก็ได้” เสนาบดีเยว่เริ่มเห็นท่าทีลุกลี้ลุกลนของหัวโจวชุ่นจึงได้ทีตอกกลับ “อีกส่วนที่ว่าก็คงเป็ความผิดของเถ้าแก่สินะ”
“หมูของข้า ข้าจะทำอะไรมันก็เื่ของข้าสิ ใต้เท้า ลูกของท่านไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยเลย” หัวโจวชุ่นไม่สบตาใต้เท้าเยว่เพราะที่เขาพูดเป็ความจริง
“ก็จริงของเถ้าแก่หัว หมูของเถ้าแก่ เถ้าแก่จะทำอะไรก็ได้ แต่เถ้าแก่ลองคิดดูสิ หากลูกสาวของข้าเข้าใจภาษาสัตว์ทั้งหมดทั้งมวล หากเป็เถ้าแก่ ถ้าพวกสัตว์กำลังขอร้องชีวิต ท่านจะไร้เมตตาปราณี ไม่เข้าช่วยงั้นหรือ?”
“นี่ใต้เท้ากำลังบอกว่า ยัยเพี้ยน—เอ้ย” หัวโจวชุ่นลืมตัวพูดด้วยความเคยชินพลั้งปากผิดไปรีบแก้คำพูดใหม่อย่างทันควัน “คุณหนูเยว่ซิน ลูกสาวคนเล็กของใต้เท้า เข้าใจภาษาสัตว์ได้จริงอย่างงั้นหรอ” หัวโจวชุ่นยังคงไม่เชื่อถามกลับด้วยความเหลือเชื่อ
ใต้เท้าเยว่พยักหน้ารับคำ “ข้าเข้าใจเถ้าแก่นะ เพราะในตอนแรกข้าเองก็ไม่เชื่อที่นางเข้าใจภาษาสัตว์เหมือนกันกับเถ้าแก่นี่แหละ แต่หลายๆอย่างที่ตัวข้าเองได้พบเจอนั้นมันเป็เื่ที่เกินความคาดหมาย หากไม่ใช่เพราะเหตุที่นางพูดภาษาสัตว์ได้ ก็ไม่มีอะไรมาอธิบายเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นนั้นได้เลย”
หัวโจวชุ่นตรองอยู่ชั่วครู่ก็รู้สำนึก “ข้าเข้าใจแล้ว ถ้าหากว่านางพูดภาษาสัตว์ได้เช่นนั้นจริงๆ แม่นางเยว่ซินก็จะถือว่าเป็หญิงจิตใจงาม ข้าก็ต้องขอโทษที่เข้าใจนางผิดไป”
“ถ้าเถ้าแก่เข้าใจก็ดีแล้ว” ใต้เท้าเยว่ยกจิบน้ำชาขึ้นเล็กน้อยอย่างโล่งใจ
“แต่ข้าก็ยังไม่เชื่ออย่างเต็มอกหรอกนะ ใต้เท้า ว่านางจะเข้าใจภาษาสัตว์ได้จริงๆ ยังไงข้าก็ว่านางเพี้ยนอยู่ดี”
เสนาบดีเยว่เกือบสำลักน้ำชาที่ยังไม่ได้กลืนลงคออีกครั้ง เพราะคำพูดที่กลับตาลปัดของหัวโจวชุ่น อีกทั้งยังรู้สึกหงุดหงิดกับฉายาที่ชาวบ้านตั้งให้ลูกสาวของเขาแล้วเขาเองก็ไม่รู้จะแก้ต่างอย่างไรดี “ข้าเข้าใจนะเถ้าแก่ คำลือเล่านั่นมีมากว่าสิบปี หากจะให้ทุกคนเชื่อในสองสามวันคงเป็ไปได้ยาก”
“เอาเป็ว่า ถ้าลูกสาวคนเล็กของใต้เท้าเป็อย่างที่ใต้เท้ากล่าวไว้ว่าถ้านางเข้าใจภาษาสัตว์ ชาวบ้านต้องรู้ในความจริงในสักวัน ว่านางเป็คนจิตใจดีมีเมตตา ปราณีต่อสัตว์ ข้าเองก็เป็หนึ่งเสียงในเมืองฉางอันที่จะยินดีต่อท่านที่มีลูกสาวที่งามด้วยหัวใจเมตตา” หัวโจวชุ่นตรึกตรองอยู่สักพักก็ขอโทษ และจำต้องขอตัวลา “ใต้เท้าเยว่ข้าไม่มีข้อสงสัยอะไรในตัวลูกสาวท่านอีกแล้ว เช่นนั้นข้าจำต้องขอตัวลา” เขาลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้แล้วพูดต่อ “ฝากลูกสาวของท่านดูแลลูกหมูของข้าด้วยนะ--ใต้เท้า นั่นจะถือเป็การตอบแทนน้ำใจเล็กๆน้อยๆจากข้า”
เสนาบดีเยว่ตบปากรับคำเป็มั่นเป็เหมาะกับหัวโจวชุ่นและรู้สึกโล่งใจที่กล่อมหัวโจวชุ่นจนสำเร็จ
เทียมแข
✾✾✾✾✾✾✾✾✾✾✾✾✾✾✾✾✾✾
▷สำหรับ เื่ ❛ จับหัวใจยัยเพี้ยน...มาเป็จอมนาง❜
❀ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคอมเม้นท์และการกดติดตามนะคะ❀
หวังว่าจะชอบเื่นี้ไม่มากก็น้อยนะคะ ผิดพลาดประการก็ต้องขอโทษไว้ล่วงหน้านะคะ
อย่าพลาดตอนต่อไปนะคะ ^__^
