เคอโยวหรานที่กำลังจดจ่ออยู่กับการย่างไก่ทั้งห้าตัวเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียง ก่อนจะพบเพียงชายชราอายุประมาณเจ็ดสิบถึงแปดสิบปีสองคนกำลังนั่งยองๆ ข้างไก่ย่างพลางกลืนน้ำลายไม่หยุด กระทั่งน้ำลายยังจวนจะไหลออกมา
เสื้อผ้าของผู้เฒ่าทั้งสองขาดรุ่งริ่ง อีกทั้งเส้นผมสีขาวยังยุ่งเหยิง ช่างดูเหมือนกับตาเฒ่าหัวหน้ากลุ่มขอทานยาจก
แต่เมื่อตั้งใจมองดูให้ละเอียดกลับพบว่าต่างออกไป...
เพราะเสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งของพวกเขาล้วนเป็ผ้าไหมชั้นดี อีกทั้งรองเท้ายังทำมาจากหนังแท้
แม้ผมจะยุ่งเหยิงชี้ฟู แต่บนมวยผมหลวมๆ กลับปักไว้ด้วยปิ่นหยก
นอกจากนี้เสื้อผ้ายังขาดรุ่งริ่งอย่างมีรสนิยม น่าจะเกิดจากการที่พวกเขาสองคนต่อสู้กันกระมัง?
ทั้งเส้นผมและหนวดเคราล้วนขาวโพลน ทว่ากลับดูมีกำลังวังชา ราวกับบำรุงรักษาสุขภาพมาเป็อย่างดี บนฝ่ามือไม่มีตุ่มด้านเลยสักนิด
ครั้นกวาดสายตามองรอบูเาต้าชิงแห่งนี้ โดยรอบไร้ซึ่งผู้คน การปิ้งย่างในสถานที่เช่นนี้จำต้องระแวดระวังรอบข้างว่าจะมีสัตว์อันตรายเช่นฝูงหมาป่าเข้ามาใกล้หรือไม่
เคอโยวหรานย่อมคิดว่าตนเองระวังตัวมากแล้ว แต่การที่ผู้เฒ่าทั้งสองยังปรากฏตัวได้อย่างเงียบเชียบไร้เสียงเช่นนี้ นั่นหมายความว่าอย่างไร?
หึ! น่าสนใจ!
ขณะเคอโยวหรานกำลังมองสำรวจผู้เฒ่าทั้งสอง ผู้เฒ่าเคราแพะหนึ่งในนั้นพลันยื่นมือออกมาหมายจะหยิบไก่ย่างที่อยู่เบื้องหน้า
เคอโยวหรานรีบใช้กิ่งไม้ที่ถือไว้เคาะลงบนมือที่ยื่นออกมาของผู้เฒ่า การเคาะนี้เรียกได้ว่ารวดเร็วและแม่นยำยิ่งนัก
ผู้เฒ่าเคราแพะมองแม่นางน้อยร่างผอมผิวคล้ำตรงหน้าด้วยสายตาคับแค้นใจ
“ฮ่าๆๆ!...” ผู้เฒ่าหนวดเขี้ยวพลันกุมท้องหัวเราะอย่างบ้าคลั่งไม่ยอมหยุด “ข้าว่านะตาเฒ่าเซวีย คนเช่นเ้าก็ยังมีวันเช่นนี้ได้ ฮ่าๆๆ...”
หลังจากหัวเราะเสร็จก็เอ่ยวาจาหารือว่า “แม่นางน้อย! พวกเรามาหารือกันสักหน่อยเถิด! เ้ามอบไก่ย่างนี้ให้ข้ากิน ข้าจะเอายาวิเศษที่เยียวยาได้สารพัดโรคตอบแทนเ้า เป็อย่างไร?”
เคอโยวหรานไม่สะทกสะท้าน พูดอย่างเด็ดขาดว่า “มิได้ ไก่ย่างเหล่านี้ข้าเก็บไว้ให้บ้านสามีกับพ่อแม่และน้องสาวของข้ากิน พวกท่านทั้งสองโปรดหลีกไปด้านข้างด้วยเ้าค่ะ”
ผู้เฒ่าเคราแพะชี้ไปทางผู้เฒ่าไว้หนวดเขี้ยว “ฮ่าๆๆ!...ตาเฒ่าอิน เ้าก็ยังมีวันเช่นนี้มิต่างกัน! ฮ่าๆๆ... ดูเถิดว่าเ้ายังจะหัวเราะเยาะข้าอีกหรือไม่!...ฮ่าๆๆ”
ผู้เฒ่าเคราแพะล้วงขวดยาออกมาหนึ่งขวด เอ่ยข่มขู่ว่า “แม่นางน้อย เ้าเชื่อหรือไม่ว่าตาเฒ่าเช่นข้าสามารถวางยาพิษเ้าให้ตายแล้วค่อยแย่งไก่จากเ้าไป? หืม? จะว่าไปแล้ว เ้านำสุราไปซ่อนไว้ที่ใดกัน?...”
ผู้เฒ่าสูดจมูก ดวงตากวาดมองจนทั่ว...
เคอโยวหรานใช้สองมือกอดอกอย่างสงบนิ่ง นางยักไหล่พลางเอ่ยอย่างไม่แยแสว่า “ย่อมได้ทั้งสิ้น! ถึงอย่างไรข้าก็บังเอิญเก็บชีวิตนี้มาได้ ในเมื่อกำหนดแล้วว่ามิอาจรอดพ้นวันนี้ หากท่านวางยาพิษข้าจนตาย ข้าก็แค่ไปรายงานตัวกับพญายมเป็พอ! ส่วนเื่สุราน่ะหรือ! ท่านอาจมิโปรดปรานรสชาติเช่นนี้ ข้าจะนำไปถวายแด่ท่านพญายม ชาติหน้าข้าจะได้เกิดมาในตระกูลที่ดีสักหน่อย”
มือที่กำลังกำขวดยาของผู้เฒ่าเคราแพะถึงกับสั่นเทา จนแทบจะทำยาร่วงหล่นลงบนไก่ย่างเสียแล้ว
ยามมองไก่ย่างชุ่มฉ่ำ ทั้งสีและกลิ่นล้วนเย้ายวนยิ่งนัก ผู้เฒ่าเคราแพะผ่อนลมหายใจเฮือกหนึ่งแล้วรีบเก็บขวดยาให้เรียบร้อย จะจงใจหาเื่ผู้ใดก็ย่อมได้ แต่มิอาจหาเื่กระเพาะตนเอง!
ผู้เฒ่าหนวดเขี้ยวลูบหนวดของตนคล้ายกำลังใช้ความคิด ดวงตาเรียวเล็กกลิ้งกลอกไปมาไม่ยอมหยุด ทันใดนั้นก็เอ่ยราวกับเข้าใจบางสิ่ง
“แม่นางน้อย ตาเฒ่าเช่นข้าจะรับเ้าเป็ศิษย์คนสุดท้าย สอนสั่งวิชาความรู้ที่ได้เรียนมาทั้งชีวิตให้แก่เ้า ส่วนเ้าก็ย่างไก่ให้ตาเฒ่าเช่นข้าทุกวันดีหรือไม่? ยังมีสุราของเ้าด้วย นำมาแสดงความกตัญญูต่ออาจารย์ทุกวันเป็อย่างไร?”
ผู้เฒ่าเคราแพะร้อนรนเสียแล้ว “อย่าเชียว! แม่นางน้อย วาจาเมื่อครู่ของเขาแค่ล้อเล่นเท่านั้น เ้ากราบตาเฒ่าเช่นข้าเป็อาจารย์ดีกว่า ตาเฒ่าจะถ่ายทอดวิชาพิษ วิธีจำแนกพิษ และวิธีถอนพิษที่เรียนรู้มาทั้งชีวิตแก่เ้า ส่วนเ้าก็ทำอาหารรสเลิศให้ตาเฒ่าทุกวันเป็อย่างไร? แน่นอน มิอาจขาดสุราด้วยเช่นกัน!”
“นี่! ข้าว่านะตาเฒ่าเซวีย ข้าเป็คนต้นคิดเื่กราบอาจารย์ ไฉนเลยนางต้องไปกราบเ้าเป็อาจารย์ด้วย?” ผู้เฒ่าหนวดเขี้ยวเดือดดาล กุมหมัดแน่นเตรียมลงมือ
ผู้เฒ่าเคราแพะถลกชายแขนเสื้อ ดวงตาทั้งสองข้างเบิกกว้าง “กล้าก็เข้ามา! ผู้ใดกลัวหรือ?”
จิ๊! พูดไม่ลงรอยแค่สองประโยคก็เริ่มเปลี่ยนอารมณ์เสียแล้ว?
เคอโยวหรานฉีกขาไก่ที่ย่างจนสุก กล่าวได้ว่าประกายน้ำมันแวววาว กลิ่นหอมตลบอบอวล ครั้นกัดลงไปหนึ่งคำทั้งหอมนุ่มและชุ่มฉ่ำมากทีเดียว
กลิ่นนั้นดึงดูดผู้เฒ่าทั้งสองที่เตรียมจะต่อสู้กันให้หันมาชำเลืองมองพลางกลืนน้ำลายไม่ยอมหยุด พวกเขาถึงกับเลิกต่อยตีกันโดยพลัน ดวงตาทั้งสี่เอาแต่จดจ้องริมฝีปากมันวาวที่กำลังขยับขึ้นลงของเคอโยวหราน
ผู้เฒ่าทั้งสองไม่สนใจแล้วว่าเคอโยวหรานจะตกลงหรือไม่ ต่างฝ่ายต่างเริ่มลงมือกินไก่คนละหนึ่งตัว ท่าทางรีบร้อนเช่นนี้ช่างดูราวกับมิได้กินของดีๆ มาหลายภพหลายชาติ
ผู้เฒ่าเคราแพะกินไปพลางเอ่ยถามไปพลางว่า “แม่นางน้อย เ้านำสิ่งใดมาปรุงไก่ย่างนี้หรือ อร่อยเกินไปแล้ว ตาเฒ่าเช่นข้าเกือบจะกลืนลิ้นลงไปพร้อมกันแล้ว”
ผู้เฒ่าหนวดเขี้ยวทำเพียงพยักหน้าเห็นด้วย เพราะกลัวว่าหากกินช้าเกินไปตาเฒ่าที่อยู่ข้างกายจะหันมาแย่งตน
ช่างอร่อยเหลือเกินจริงๆ ทั้งชีวิตนี้เขาท่องไปทั่วหล้า ยังจะมีอาหารเลิศล้ำอันใดที่ไม่เคยลิ้มรสบ้าง
และยังจะมีจวนสกุลใหญ่ใดที่ไม่เคยไป แต่กลับไม่เคยกินไก่ย่างที่รสเลิศถึงเพียงนี้ กล่าวได้ว่ามิอาจหยุดกินได้เลยทีเดียว!
กระทั่งพ่อครัวหลวงในวังก็มิอาจปรุงอาหารรสเลิศขนาดนี้เช่นกัน รู้สึกมีความสุขจนแทบจะลอยขึ้นฟ้าก็มิปาน...
มุมปากของเคอโยวหรานอดมิได้ที่จะหยักยกเล็กน้อย หลังจากกินน่องไก่คำสุดท้ายจนหมดแล้วโยนกระดูกทิ้ง นางก็คว้าหิมะที่ยังไม่ทันละลายบนเขาขึ้นมาเช็ดมือ
จิตสำนึกเข้าสู่มิติวิเศษ พลันพบกับสุราขาวเข้มข้นที่ถูกบรรจุในขวดกระเบื้องเคลือบลายครามขนาดเท่ากำปั้นบนชั้นวางในเขตจำหน่ายสุรา
เคอโยวหรานมองสำรวจครู่หนึ่ง อาจเพราะมันถูกยึดติดไว้กับขวดสุราขนาดปกติ บนขวดสุราของแถมขวดเล็กนี้จึงไม่มีตัวอักษรแม้แต่ตัวเดียว กระทั่งจุกขวดสุรายังทำจากเครื่องลายคราม
หากนำออกมา ขวดรูปทรงเช่นนี้คงไม่สะดุดตาจนเกินไป
นางแยกขวดสุราของแถมออกจากขวดสุราขนาดปกติ ใช้ชายแขนเสื้อบดบังเอาไว้เพื่อล้วงหยิบสุราออกมาสองขวด
หญิงสาวเปิดจุกขวดสุราทั้งสอง จากนั้นส่งให้ผู้เฒ่าสองคนที่กินไก่ย่างจนลืมตนไปโดยไม่รู้ตัว
สองผู้เฒ่าที่กำลังกินอย่างคึกคักถูกดึงดูดจิติญญาไปชั่วขณะ พวกเขาพากันสูดจมูก จดจ้องสุราภายในมือของเคอโยวหรานอย่างไม่แม้แต่จะขยับเขยื้อนลูกตา
น้ำสุรากลิ่นหอมกรุ่นเช่นนี้ แม้พวกเขาจะท่องไปทั่วหล้าก็ยังไม่เคยได้กลิ่นนี้มาก่อน ช่างเย้ายวนจิตใจผู้คนเหลือเกิน
เคอโยวหรานรู้ดี สุราจากยุคโบราณยากจะทำให้บริสุทธิ์ ต่อให้เป็เครื่องบรรณาการในพระราชวังก็ยังมิอาจทำให้มีความบริสุทธิ์สูงเช่นนี้
นอกจากนี้สุราขาวเข้มข้นยังมีกลิ่นหอมโดยธรรมชาติ หากเป็ผู้ที่ชื่นชอบการดื่มสุราเป็ชีวิตจิตใจ จะต้องไม่มีทางต้านทานความเย้ายวนนี้ได้อย่างแน่นอน
ผู้เฒ่าทั้งสองพลันแย่งสุราขาวจากมือของเคอโยวหรานและเงยหน้ากระดกดื่มรวดเดียว
จากนั้นก็หรี่ดวงตาที่แต่เดิมไม่ใหญ่นักพลันเบิกกว้าง ราวกับหวนรำลึกถึงรสชาติเมื่อครู่อยู่นานก่อนเอ่ยเป็เสียงเดียวกันว่า “ยอดเยี่ยม! ยอดเยี่ยมยิ่งนัก!”
ท่าทางเช่นนี้ของคนทั้งสองเรียกได้ว่าเหมือนกันจนน่าประหลาด หากมิได้เห็นมาก่อนว่าใบหน้าของผู้เฒ่าแตกต่างกัน อาจเข้าใจผิดคิดว่าพวกเขาเป็พี่น้องฝาแฝดกันเสียแล้ว
ทั้งสองคนทะเลาะกันมาั้แ่ต้น ขยับเพียงนิดก็คิดแต่จะต่อยตีกัน นึกไม่ถึงว่าตอนนี้จะมีความเห็นเหมือนกันอย่างน่าประหลาด ช่างหาได้ยากจริงๆ
ไม่นานนัก หลังผู้เฒ่าทั้งสองกินไก่ย่างคนละสองตัวจนหมด มือหนึ่งถือกระดูกน่องไก่ที่ยังเหลืออยู่พลางเงยหน้า ส่วนอีกมือกำคอขวดสุราว่างเปล่าเทเข้าปาก
แต่ขวดสุราว่างเปล่าย่อมว่างเปล่า ไม่ว่าจะเทอย่างไรก็มิอาจมีสิ่งใดไหลออกมา คนทั้งสองพลันร้อนรนใจ ต่างเอ่ยเป็เสียงเดียวกันว่า
“แม่นางน้อย! สุรานี้ของเ้าล้ำเลิศเกินไปแล้ว! ยังไม่พอยัดซอกฟันเสียด้วยซ้ำ ยังมีอีกหรือไม่?”
เคอโยวหรานเลิกคิ้ว มุมปากหยักยกขึ้น “ยังอยากจะดื่มอีกหรือเ้าคะ?”
ผู้เฒ่าทั้งสองนั่งยองอยู่บนพื้นพลางพยักหน้าระรัว ท่าทางเช่นนี้ไม่ต่างกับ ‘สุนัขพันธุ์ปักกิ่ง’ ที่กระดิกหางเอาใจและรอเ้านายโยนอาหารให้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้