ไม่มีผู้ใดมาหัวเราะเยาะเฉิงชิงที่คะแนนสอบประจำเดือนของนางลดลง ศัตรูคนสำคัญในสถานศึกษาอย่างอวี๋ซานก็ถูกคำพูดเมื่อไม่กี่วันก่อนของนางเล่นงานไปแล้ว บัดนี้ยังคงสงสัยในรสนิยมทางเพศของตน พอเห็นเฉิงชิงอยู่แต่ไกลๆ ก็ถอยทัพหลีกหนีไป ไม่มีสุนัขตัวไหนกล้ามาหาเื่เฉิงชิงจริงๆ
อีกทั้งตัวอวี๋ซานเองก็สอบได้ไม่ดี ไหนเลยจะมีหน้ามาเยาะเย้ยเฉิงชิง?
คะแนนนี้ก็แค่ชั่วคราว ตัวเฉิงชิงเองไม่ได้สนใจ พอส่งกลับไปยังคนในครอบครัวพวกนางหลิ่วคงจะกังวลมาก
ครั้งนี้ย่อมเป็บ้านรองที่หัวเราะเยาะ
ช่างปะไร ครั้งหน้านางไม่มีทางสอบได้อันดับต่ำกว่าหนึ่งร้อย เฉิงชิงมั่นใจในเื่นี้
นางจะกลัวอะไร บัณฑิตเจี้ยหยวนของมณฑล ศิษย์พี่ที่ยอดเยี่ยมที่สุดของห้องตัวอักษรเจี่ยและอาจารย์พิเศษเมิ่งไหวจิ่นจะสอนพิเศษให้นางแล้ว คะแนนไม่มีการพัฒนาสิแปลก
สถานศึกษามีการเรียนการสอนตลอดวัน เมิ่งไหวจิ่นสามารถใช้เวลาตอนเย็นเรียกเฉิงชิงมายังที่พักของเขาเพื่อสอนพิเศษ
“…!”
“ศิษย์น้องรู้สึกไม่เหมาะสม?”
“เหมาะสม เหมาะสมยิ่ง ข้าเพียงกลัวว่าศิษย์พี่จะเหนื่อย!”
นี่ไม่ใช่ว่าชายโสดหญิงเปลี่ยวอยู่ในห้องร่วมกันกลางดึกหรือ?
นางรับได้!
นางรับมือไหว!
ยามรับมือไม่ไหวก็จะนึกถึงเื่ที่เฉิงจือหย่วนถูกคนวางยาพิษสังหาร นึกเื่ที่นางหลิ่วพร้อมทั้งพี่สาวทั้งสามทำงานเย็บปักหาเลี้ยงชีพอยู่ที่บ้านเพื่อส่งเสียให้นางได้เล่าเรียน คิดถึงความทะเยอทะยานที่้าจะสอบเข้ารับราชการเป็ขุนนางของนางผู้เป็สตรีปลอมเป็บุรุษ ความสับสนในการอยู่ร่วมห้องกับศิษย์พี่คนงามก็ลดลงต่ำสุดในชั่วพริบตาแล้ว
เฉิงชิงไม่ได้ป่าวประกาศเื่ที่เมิ่งไหวจิ่น้าสอนให้นางเป็พิเศษไป แต่เ้าอ้วนชุยและนางสนิทกัน อีกทั้งกำแพงห้องนอนก็ติดกัน เฉิงชิงไม่ได้จงใจจะปิดบังเขา เ้าอ้วนชุยจึงอิจฉาจนตาแดง
“หากศิษย์พี่เมิ่งสอนพิเศษให้ข้าเดือนละครั้ง ปีหน้าก็มั่นใจได้เลยว่าข้าต้องสอบผ่านได้วุฒิซิ่วไฉ หากสามารถสอนข้าครึ่งปี ข้าก็กล้าจะลงสนามสอบเอาวุฒิจวี่เหริน! เฉิงชิง ยามปกติข้าก็ปฏิบัติต่อเ้าไม่จืดจาง เ้าทำใจทิ้งข้าไปฟังศิษย์พี่เมิ่งสอนเพียงผู้เดียวได้หรือ? เ้าไปบอกศิษย์พี่เมิ่งได้หรือไม่ว่าระดับของพวกเราไม่ต่างกันมากนัก จะสอนคนเดียวหรือสองคนก็ไม่ต่างกัน พี่น้องย่อมไม่ขอให้เ้าช่วยเปล่า หากเ้าสามารถโน้มน้าวศิษย์พี่เมิ่งได้ ข้าก็มีของขวัญชิ้นใหญ่ให้เ้า สามร้อยตำลึง… ไม่สิ ข้าจะใช้ห้าร้อยตำลึงเงินเป็รางวัลขอบคุณเ้า!”
เ้าอ้วนชุยที่ร่ำรวยและเ้ากี้เ้าการถึงขนาดพยายามใช้เงินติดสินบนเฉิงชิง
เฉิงชิงโกรธจัด “เ้างกเกินไปแล้ว คุณวุฒิซิ่วไฉมีค่าแค่ห้าร้อยตำลึงในสายตาเ้าหรือชุยเยี่ยน?”
‘ซิ่วไฉ’ มีมูลค่าเท่าใดไม่อาจตีเป็ราคาได้ ที่ตระกูลชุยขาดที่สุดไม่ใช่เงินทองแต่เป็คุณวุฒิ ห้องเรียนเล็กๆ ของเมิ่งไหวจิ่นเลอค่าขนาดนี้ เ้าอ้วนชุยถูกเฉิงชิงเกลี้ยกล่อมแล้วก็ชิงสำรวจข้อบกพร่องของตนเองก่อนเพิ่มค่านายหน้าให้เฉิงชิงเป็แปดร้อยตำลึง
เฉิงชิงตอบรับทันที แสดงความยินยอมที่จะไปเจรจากับเมิ่งไหวจิ่น
“เอ่ยเื่เงินทองกับศิษย์พี่เมิ่งนั้นไม่งาม คนเขาก็ไม่ได้ขาดเงินน้อยนิดนี่ ข้าไม่กล้ารับรองว่าจะสำเร็จหรือไม่ หากเื่นี้ไม่สำเร็จข้าย่อมไม่รับเงินเ้าแน่นอน”
เมื่อมีชื่อเสียงเจี้ยหยวน หนึ่งปีกว่าเชือดคุณชายร่ำรวยอย่างเ้าอ้วนน้อยเช่นนี้สักหลายคน ไม่ต้องทำการค้า ไม่ต้องทำนาก็มีเงินหลายพันตำลึงมาถึงมือ เปรียบเทียบกันแล้ว เงินรางวัลน้อยนิดที่นางชนะได้รับมาตอนงานชุมนุมวรรณกรรมนับว่าเป็อันใดได้?
เฉิงชิงค้นพบหนทางที่สามารถร่ำรวยอย่างรวดเร็วสายหนึ่งแล้ว น่าเสียดายที่มิอาจบอกกล่าวอย่างกว้างขวางได้ ไม่ใช่ว่าบัณฑิตจวี่เหรินทุกคนจะได้รับการยอมรับแบบเมิ่งไหวจิ่นนะ
นางและเ้าอ้วนชุยซุบซิบกันตรงตีนกำแพง คิดไปเองว่าเป็ความลับ แต่หารู้ไม่ว่ากำแพงนั้นมีหู
เื้ักำแพงอิฐดินเหนียวสีเทา เมิ่งไหวจิ่นผู้รูปงามดั่งหยกได้ยิน ‘การค้า’ ของเฉิงชิงและเ้าอ้วนชุยอย่างชัดเจน
ท่ามกลางท้องฟ้าที่มืดมัว ข้างกายเขามีร่างสูงสวมชุดขนสัตว์ยืนอยู่ร่างหนึ่ง เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของเฉิงชิงและเ้าอ้วนชุยไปไกลแล้วก็อดไม่ได้ที่จะหยอกล้อเมิ่งไหวจิ่น
“ไหวจิ่น ที่แท้เ้าก็มีค่าตัวขนาดนี้ สอนนิดสอนหน่อยก็สามารถได้รับเงินมาแล้วหลายร้อยตำลึงเงิน ทำเื่ให้ข้าไร้ค่าตอบแทน ได้รับความอยุติธรรมแล้ว”
“…ซื่อจื่อ ท่านควรลงเขาได้แล้ว”
เยี่ยอ๋องซื่อจื่อไม่ยินยอมจากไป “ข้าควรจะดูเฉิงชิงอีกเสียหน่อย ข้าสงสัยเหลือเกินว่าเขาจะเกลี้ยกล่อมเ้าว่าอย่างไร”
นี่ก็คือการชมเื่สนุกไม่รังเกียจเื่ใหญ่
การที่เยี่ยอ๋องซื่อจื่อยินดีที่จะหยอกล้อกับเมิ่งไหวจิ่นเช่นนี้ก็เป็การแสดงให้เห็นว่าทั้งสองไม่ได้มีความสัมพันธ์แบบนายบ่าวธรรมดา แม้เมิ่งไหวจิ่นจะทำงานให้เยี่ยอ๋องซื่อจื่อ แต่ก็ไม่ใช่ลูกน้องของซื่อจื่อ
พวกเขาเป็เหมือนสหายกันมากกว่า
เฉิงชิงกอดตำราเข้าไปในเรือนน้อยที่เมิ่งไหวจิ่นอาศัยอยู่
สถานศึกษาปฏิบัติต่อเมิ่งไหวจิ่นดีเหลือเกิน เขามีเรือนเล็กสำหรับตนเองผู้เดียว แม้ว่าจะมีจำนวนห้องน้อย แต่ก็มีห้องนอน ห้องหนังสือ ห้องรับแขกขนาดเล็ก ทั้งยังมีครัวสำหรับทำอาหาร… ผู้ที่อิจฉาย่อมไม่ได้มีเพียงแค่เฉิงชิงผู้เดียว เมื่อคิดดูว่าทั้งสถานศึกษายังคงเก็บซ่อนความอิจฉาไว้มากมาย เฉิงชิงก็จิตใจสงบดุจพระพุทธรูปแล้ว
“ศิษย์พี่เมิ่ง ท่านเปิดสอนพิเศษให้ข้าคนเดียวคงลำบากแย่ ไม่สู้——“
เฉิงชิงเพิ่งจะเปิดประเด็น เมิ่งไหวจิ่นก็หยุดฝีเท้าทันที “ลำบากมากจริงๆ ที่ข้าสอนพิเศษแก่เ้าถือเป็การทำตามสัญญา เ้าอย่าได้คิดแผนพิเรนทร์อื่นเชียว”
มาพูดว่าเป็แผนพิเรนทร์ได้อย่างไร!
เฉิงชิงพึมพำ “หากมีคนยินยอมที่จะจ่ายหลายร้อยตำลึงเงินเพียงเพื่อถือโอกาสมาฟังการสอนสักครั้ง ท่านก็ไม่ยินยอมหรือ?”
“หลายร้อยตำลึง?”
“…ใช่ขอรับ ห้าร้อยตำลึงเงิน ศิษย์พี่ว่าอย่างไร!”
ตอนฟังอยู่หลังกำแพงได้ยินว่าแปดร้อยตำลึงชัดๆ พอเฉิงชิงเปิดปากพูดก็ตัดสามร้อยตำลึงทิ้งไปแล้ว หากเขารับปาก เฉิงชิงก็จะได้ค่านายหน้าสามร้อยตำลึงเงินที่ร่วงไประหว่างทาง เมิ่งไหวจิ่นนับว่าได้เปิดหูเปิดตาถึงสิ่งที่เรียกว่า ‘จับเสือมือเปล่า’ แล้ว พื้นฐานสี่ตำราห้าคัมภีร์ของเฉิงชิงนั้นด้อย แต่ชำนาญเหล่ากฎระเบียบข้อบังคับในที่ว่าการนัก
เมิ่งไหวจิ่นปฏิเสธที่จะพูดคุยคำถามนี้กับนางต่อ
เฉิงชิงยังไม่ยอมแพ้ เมิ่งไหวจิ่นเดินนำมาถึงภายในห้อง เยี่ยอ๋องซื่อจื่อที่สวมเสื้อขนสัตว์ก็นั่งอยู่ภายในนั้น ในมือถือตำราม้วนหนึ่ง แสงเทียนส่องบนแก้มของซื่อจื่อครึ่งหนึ่ง เฉิงชิงหยุดปากทันที
ซื่อจื่อหรือศิษย์พี่ที่งดงาม?
ก็เหมือนการนำหนุ่มงามล่มเมืองมาอยู่ด้วยกัน ไม่จำเป็ที่จะต้องให้ผู้คนแบ่งแยกหนุ่มงามสูงต่ำ ช่างเป็ความคิดพื้นๆ ของเด็ก—— ผู้ใหญ่ย่อม้าเลือกทั้งสองอยู่แล้ว ถึงอย่างไรก็เป็เพียงอาหารตา มองมากหน่อยก็คงไม่เรียกให้นางจ่ายเงินหรอก
“ซื่อจื่อ สายัณห์สวัสดิ์ขอรับ!”
เยี่ยอ๋องซื่อจื่อวางตำราในมือลง “ไหวจิ่นกล่าวว่าเ้ายินยอมที่จะทำบัญชีปลอมจำนวนหนึ่ง ที่แม้แต่ข้าหลวงกรมบัญชีก็ตรวจสอบไม่ได้ให้แก่ข้า ละความจองหองของเ้าไปก่อน ข้า้าฟังความเห็นของเ้า เหตุใดตัวข้าผู้เป็ซื่อจื่อต้องเสี่ยงไปทำบัญชีปลอมด้วย!”
เยี่ยอ๋องซื่อจื่อก็ชอบทดสอบนางเหมือนกับนายท่านห้าเฉิง
เฉิงชิงไม่ใส่ใจ
ก่อนหน้าที่นางจะมาโผล่ที่นี่ มีวัยรุ่นคนหนึ่งที่ไม่มีปริญญาบัตรอะไรเลยมาสมัครงานที่บริษัท พอเปิดปากก็บอกว่าตนเองเจ๋งกว่าพวกที่จบปริญญาจากสถาบันการศึกษามีชื่อ เฉิงชิงไม่เรียกพนักงานรักษาความปลอดภัยลากตัวออกไปก็ถือว่าควบคุมตนเองได้ดีแล้ว แต่แม้กระทั่งทดสอบก็ยังไม่ได้ทำ กลับจ้างอีกฝ่ายด้วยค่าตัวสูงลิ่ว นั่นก็ถือว่าโง่ไม่มีความคิด
หาก้าจะร่วมมือกับเยี่ยอ๋องซื่อจื่อ แค่สามารถตรวจสอบบัญชีได้ไม่เพียงพอ ต้องแสดงความคิดเห็นของตนเองออกมา และยิ่งต้องสามารถทำให้เยี่ยอ๋องซื่อจื่อยอมรับแิของนาง
เยี่ยอ๋องซื่อจื่อซึ่งเป็ฝ่ายเหนือกว่า มีอำนาจในการตัดสินใจของตนเองเป็ฝ่ายแรก
นางที่ไม่มีอำนาจในการตัดสินใจของตนเองและขอร่วมมือเป็ฝ่ายที่สอง
“ซื่อจื่อมายังหนานอี๋อย่างไม่เป็จุดสนใจก็ยังถือว่าเสี่ยง เมื่อมีความเสี่ยงก็ไม่อาจลงมือ ไม่เหมือนความกล้าที่ซื่อจื่อพึงมี ซื่อจื่อสามารถค่อยๆ ชำระบัญชีค่าใช้จ่ายในกองทัพที่ติดลบในวันหลัง บัดนี้ไม่อาจยอมรับได้ หากภายนอกล่วงรู้ว่าจวนเยี่ยอ๋องเป็หนี้มากมายขนาดนี้ บางคนอาจคิดไปว่าจวนเยี่ยอ๋องตัดเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ บ้านตนเองขาดเงินจึงต้องไปกอบโกยที่อื่น คนบนโลกนี้ส่วนใหญ่ล้วนธรรมดา คนธรรมดามักจะใช้ความคิดของตนเองไปคาดเดาการกระทำของผู้อื่น! ที่จริงแล้วหากเป็เพียงเท่านี้ก็ไม่เป็ไร อย่างมากจวนเยี่ยอ๋องก็จะเสียชื่อเสียงไปบ้าง…”
เฉิงชิงจงใจหยุดไปชั่วขณะหนึ่ง
ซื่อจื่อเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ผู้ที่พยายามยั่วให้ข้าสนใจคนก่อน บัดนี้หญ้าบนหลุมสูงสองฉื่อ[1]แล้ว”
คนป่วยมักจะโรคจิตนัก ที่แท้ก็มีเหตุผลจริงๆ !
นี่เป็ครั้งที่สองที่เยี่ยอ๋องซื่อจื่อข่มขู่นาง เฉิงชิงหัวเราะ จดไว้ในสมุดน้อยของตนอย่างโเี้หนึ่งครั้ง
“จวนเยี่ยอ๋องมีบรรดาศักดิ์ที่สืบสายชั่วนิรันดร์ หากชื่อเสียงเสียหายย่อมไม่ดีอย่างยิ่ง แต่ก็ไม่ร้ายแรงอย่างที่จินตนาการ เกรงว่าโอรส์จะสงสัยว่าเงินที่ติดลบกี่แสนตำลึงบนบัญชีจวนเยี่ยอ๋อง จะถูกใช้เลี้ยงดูกองทัพของตนเอง ซื่อจื่อเองก็มีความคิดเช่นนี้หรือไม่——”
[1] ฉื่อ คือมาตรวัดของจีน 1 ฉื่อเท่ากับ 3.33 เดซิเมตรโดยประมาณ
