ช่างเป็ความอัปยศที่สุด!
นี่คือการทำให้ตัวเองอับอายในที่สาธารณะ
ชงโหวหู่ซึ่งอยู่ลึกเข้าไปรู้สึกอับอายจนอยากแทรกแผ่นดินหนี
เขาคือใคร เขาคืออ๋องชวนหลงชงโหวหู่ เขาอยู่ใต้คนคนหนึ่ง แต่สูงส่งกว่าคนนับหมื่น ไม่! เขาควรจะอยู่เหนือคนนับหมื่น และไม่ควรมีใครอยู่เหนือเขา แต่ไหนแต่ไรมา เขาก็ไม่ได้ใส่ใจและให้ค่าหลิวหงเหยียน การไม่ให้หลิวหงเหยียนออกหน้าและทำให้นางอับอาย เป็เื่ง่ายในมุมมองของชงโหวหู่ เขา้าจะทำสิ่งใดล้วนทำได้ทั้งหมด
ในแคว้นเป่ยสุ่ย เขาคือผู้ยิ่งใหญ่ ใครจะกล้าต่อกรกับเขา ใครจะกล้าทำให้เขาขายหน้า?
ทว่าตอนนี้ ในที่สุดก็มีคนทำมันแล้ว
บุตรชายของอ๋องหนานหลี่ อดีตคู่แข่งของเขาที่ถูกเขาฆ่าตาย
ตราราชันผู้พิชิตนี้ สำหรับผู้อื่นแล้วเป็สิ่งข่มขวัญอย่างแท้จริง แต่สำหรับอ๋องหนานหลี่นั้น ไม่เป็อะไรมากไปกว่าป้ายอันหนึ่งที่เสียหาย แม้จะมีคำกล่าวในแคว้นเป่ยสุ่ยว่า ผู้ใดที่มีตราราชันผู้พิชิตนี้เปรียบเสมือนเป็จักรพรรดิองค์ที่สองของแคว้นเป่ยสุ่ย แต่เขาก็ยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
แต่ปัญหาคือวิธีที่หลัวเลี่ยได้ตราคำสั่งราชันผู้พิชิตมานั้น ซึ่งถือเป็ความอัปยศอดสูที่สุดสำหรับเขา
ในสามด่านแรกของการทดสอบบททดสอบผู้พิชิต เขาต้องพยายามอย่างหนักเพื่อฆ่าหลัวเลี่ย
ผลลัพธ์คือหลัวเลี่ยไม่เพียงผ่านด่านได้สำเร็จในเวลาไม่ถึงหนึ่งเฟิน[1] แต่ยิ่งกว่านั้นคือหลัวชื่อสิง ซึ่งได้รับการแนะนำจากชงโหวหู่ จนถึงตอนนี้ยังไม่สามารถผ่านด่านได้สำเร็จ นี่เป็การตบหน้าชงโหวหู่ที่รุนแรงที่สุด
กล่าวได้ว่า เมื่อเขาเห็นตราราชันผู้พิชิต เขาก็รู้สึกเหมือนถูกตบหน้า
ทั้งใช้พิษ จ้างคน และใช้หุ่นเชิดเหล็กทองคำ ทั้งหมดล้วนล้มเหลว กลับกลายเป็ว่าจากการโกงทั้งหมดนั้นทำให้เห็นถึงความสำเร็จและความหลักแหลมของหลัวเลี่ยมากยิ่งขึ้น
“เชิญอ๋องชวนหลงตรวจสอบได้” หลัวเลี่ยก้าวไปข้างหน้าอีกครั้ง
ใบหน้าของชงโหวหู่เคร่งขรึม เขามองไปที่หลัวเลี่ยด้วยสายตาเ็า “เพื่อสืบทอดตำแหน่งราชันองค์ที่สอง อย่างน้อยเ้าต้องอยู่ในระดับแก่น์ แต่ตอนนี้เ้ายังอยู่ระดับผู้ฝึกตนเท่านั้น พลังยังห่างไกลอีกมาก หากต้องมีอันเป็ไปใน่นี้คงน่าเสียดายยิ่งนัก”
เมื่อพูดจบเขาก็เร่งให้ม้าก้าวเดิน ไม่สนใจแม้กระทั่งหลิวหงเหยียนที่เป็ถึงจักรพรรดินี ก่อนควบม้าออกไปด้วยท่าทางสูงส่งเกินกว่าจะเป็ข้าราชบริพาร
นี่เป็ครั้งแรกที่ชงโหวหู่ถูกทำให้อับอายและหนีจากไป
นอกจากนี้ยังเป็ครั้งแรก ที่การกระทำดูิ่ของชงโหวหู่ไม่ได้ทำให้หลิวหงเหยียนโกรธ นางยังคงหัวเราะคิกคักไม่หยุด และในที่สุดนางก็เลิกคิ้วขึ้นอีกครั้ง สายตาที่นางมองหลัวเลี่ยเปลี่ยนไปมาก ทั้งหมดล้วนเป็ชายหนุ่มที่ช่วยเหลือนาง
หลิวหงเหยียนหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับความตื่นเต้น และกล่าวด้วยเสียงอันดัง “ตามความปรารถนาสุดท้ายของราชันผู้พิชิต ผู้ที่ผ่านบททดสอบในด่านที่สี่ และได้รับตราคำสั่งราชันผู้พิชิต จะสามารถสืบทอดตำแหน่งราชันผู้พิชิตได้ นอกจากหลัวเลี่ยจะได้สืบทอดตำแหน่งอ๋องหนานหลี่แล้ว ยังจะได้สืบทอดตำแหน่งราชันผู้พิชิตอีกด้วย เขาจะเป็ผู้สืบทอดสองตำแหน่งคนแรกในประวัติศาสตร์ของแคว้นเป่ยสุ่ย”
ผู้ชมโห่ร้อง
สำหรับผู้ที่ภักดีต่อชงโหวหู่ พวกเขาทั้งเป็ทุกข์และอับอาย
“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ” หลัวเลี่ยเก็บตราคำสั่งราชันผู้พิชิต แล้วหันไปมองหัวหน้าพ่อบ้านอูไท่ไหล
ขณะที่อูไท่ไหลมองไปยังชงโหวหู่เพื่อขอความช่วยเหลือ แต่กลับเห็นเพียงด้านหลังของชงโหวหู่ที่ห่างออกไป
ฮวบ!
ขาของอูไท่ไหลอ่อนแรง เขาคุกเข่าลงบนพื้น และพูดด้วยใบหน้าซีดเซียว “ท่านอ๋องน้อย ทุกสิ่งที่ข้าทำก็เพื่อรักษาบัลลังก์ของอ๋องหนานหลี่ และจดหมายโลหิตนี้ก็เป็เื่จริงเช่นกัน”
หลัวเลี่ยโบกมือ “มันไม่สำคัญสำหรับข้าว่าเ้าจะถูกหรือผิด จริงหรือเท็จ สิ่งสำคัญคือเ้าถูกเลือกโดยท่านอ๋อง เป็เพียงคนเดียวที่รู้ความลับที่สำคัญ เ้าสำคัญต่อจวนอ๋องหนานหลี่มาก สำคัญกระทั่งเ้าไม่ควรได้รับาเ็เลย ดังนั้นข้าจึงอยากปกป้องเ้า”
หัวใจของอูไท่ไหลกระตุกเมื่อเขาได้ยินเช่นนั้น เขารู้ว่าหลัวเลี่ยกำลังจะลงโทษเขา
“ซูชิวเชิง”
ซูชิวเชิงที่ถูกหลัวเลี่ยเรียกรีบไปด้านหน้า
“น้อมรับคำสั่งท่านอ๋องน้อย” ซูชิวเชิงพูดเสียงดัง ขณะนี้ในสายตาของเขา หลัวเลี่ยก็คือท่านอ๋องหนานหลี่คนเก่าที่เขาภักดี ไม่สิ มันน่าใยิ่งกว่าอ๋องหนานหลี่คนเก่าเสียอีก และเขายังชื่นชมหลัวเลี่ยมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ หลัวเลี่ยสามารถก้าวข้ามบททดสอบด่านที่สี่ ซึ่งไม่มีใครสามารถทำได้มาก่อนเลย
หลัวเลี่ยกล่าว “นับแต่นี้ไป เ้าจัดการเลือกห้องเล็กๆ ที่อยู่โดดเดี่ยวในจวนอ๋องหนานหลี่ สำหรับให้พ่อบ้านอาศัย จำไว้ว่าต้องนำอาหารไปให้สามมื้อต่อวัน ต้องตรงเวลาและครบตามจำนวน และต้องไม่ปฏิบัติต่อเขาอย่างเลวร้าย นอกจากนี้เพื่อความปลอดภัยอย่างที่สุด ต่อไปท่านหัวหน้าพ่อบ้านจะไม่ได้รับอนุญาตให้พบใคร ไม่อนุญาตให้ใครพูดคุยกับเขา ห้ามเขาอ่านหนังสือ และเขาไม่ได้รับอนุญาตให้ฝึกฝนวรยุทธ์”
เมื่ออูไท่ไหลได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของเขาพลันมืดมนและเกือบจะเป็ลม
ให้ตายไปยังดีเสียกว่า
ถูกขังอยู่ในห้องเล็กๆ ไม่ได้พบใคร ไม่มีใครให้คุยด้วย และไม่มีอะไรทำ เหมือนปล่อยให้เขาตายไปกับความเหงา
“นำตัวไป” หลัวเลี่ยกล่าว
ซูชิวเชิงรับคำสั่ง ก่อนกวักมือเรียกองครักษ์หลายคนมาล้อมอูไท่ไหล “ไปกันเถอะ หัวหน้าพ่อบ้าน”
อูไท่ไหลเงยหน้าขึ้นมองหลัวเลี่ยอย่างยากลำบาก จากนั้นก็มองไปที่หลัวชื่อสิงที่ยังพยายามข้ามด่านอยู่ แล้วเขาก็พบว่าตนเองช่างตามืดบอดเหลือเกิน
ต่อจากนั้น ไม่มีใครสนใจการทดสอบราชันผู้พิชิตอีกต่อไป หลิวหงเหยียนขี่ม้ากลับไปที่วังโดยมีหลัวเลี่ยติดตามนางไปด้วย
คนดูก็แยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็ว
ข่าวสารต่างๆ แพร่กระจายไปทันที
โดยเฉพาะอย่างยิ่งข่าวที่ว่า หลัวเลี่ยได้ทำลายด่านที่สี่ของบททดสอบผู้พิชิต เป็ข่าวที่สร้างความสั่นะเืให้มากที่สุด
สนามจัดบททดสอบสงบเรียบร้อย
มีเพียงเสียงเดียวดังมาจากด่านที่สาม
หลังจากใช้ความพยายามอย่างมาก ในที่สุดหลัวชื่อสิงก็ประสบความสำเร็จในการต่อกรกับหุ่นเชิดเหล็กคราม ก่อนจะทะลวงทางออกที่ปิดอยู่และก้าวออกมา
เมื่อเขาออกมาได้ สิ่งแรกที่เขาทำคือมองไปยังทางเดินข้างประตู แต่เมื่อเขาเงยหน้าขึ้น เขาก็เห็นทางเข้าของด่านที่สี่ที่อยู่ข้างหน้าเปิดอยู่
“ทางเข้าสู่ด่านที่สี่ถูกเปิดออกแล้ว”
“ฮ่าๆ พระเ้ากำลังช่วยข้า ต้องเป็เพราะพระองค์โปรดปรานข้าแน่ๆ เปิดด่านที่สี่เพื่อให้ข้าได้รับสมบัติตกทอดของราชันผู้พิชิต”
“ข้า หลัวชื่อสิง จะหันหลังเข้าไปแล้ว”
ความประหลาดใจและยินดีอย่างกะทันหันทำให้หลัวชื่อสิงหน้ามืดตามัว เขารีบตรงไปที่ด่านที่สี่อย่างบ้าคลั่ง
หลังจากเข้ามาแล้วครู่หนึ่ง เขาก็คำรามอย่างบ้าคลั่ง
ไม่มีอะไรอยู่ข้างใน
“เป็ไปได้อย่างไร”
“พระเ้าไม่ได้โปรดปรานข้าและเปิดมันโดยอัตโนมัติหรอกหรือ ทำไมไม่มีอะไรเลย”
หลัวชื่อสิงวิ่งไปที่ทางเข้า คำรามด้วยความโกรธ
หลังจากะโออกมาแล้ว เขาเห็นทางออกในด่านที่สามของหลัวเลี่ยที่แตกเป็เสี่ยงๆ พลันหัวใจของเขาหล่นวูบในทันที “มัน...เป็ไปไม่ได้ เป็ไปไม่ได้”
สำหรับคนของหอัแดงที่มาถึงแล้ว เมื่อพวกเขาเห็นหลัวชื่อสิงก็อับอายอย่างมากจนพูดอะไรไม่ออก
หลัวชื่อสิงรีบวิ่งไปข้างหน้า เขาคว้าคอเสื้อของชายวัยกลางคนคนหนึ่ง และพูดอย่างเ็า “บอกข้าที เกิดอะไรขึ้น เกิดเื่อะไรขึ้น หลัวเลี่ยล่ะ อ๋องชวนหลงล่ะ จักรพรรดินีล่ะ แล้วยังด่านที่สี่อีก นี่มันเื่อะไรกัน?”
ชายวัยกลางคนกล่าว “นายน้อย หลัวเลี่ย หลัวเลี่ยได้ผ่านบททดสอบทั้งสามด่านนานแล้ว นอกจากนี้ยังทำลายบททดสอบด่านที่สี่ได้ และได้รับตราคำสั่งราชันผู้พิชิตอีกด้วย”
“อะไรนะ เ้าโกหก หลัวเลี่ยน่ะหรือที่เร็วกว่าข้า”
“เป็เื่จริง ข้าน้อยไม่กล้าโกหก”
“บอกข้าว่าเขาใช้เวลานานเท่าไรในการผ่านสามด่านแรก”
“ไม่ ไม่ถึงหนึ่งเฟิน”
อั้ก!
หลัวชื่อสิงอ้าปากและพ่นเืออกมา เขาล้มลงและตายด้วยความโกรธ
[1] 1 เฟิน เท่ากับ 1 นาที