หลังจากกินยาต้มอุ่นร้อนลงไป อวี๋เจียวยังยืมเข็มเงินจากเจียงชิงเหอ จากนั้นช่วยฝังเข็มให้นายท่านผู้เฒ่าเหอ
ไม่นานนัก การหายใจของนายท่านผู้เฒ่าเหอเริ่มราบรื่นขึ้นไม่น้อย ฟังดูแล้วไม่บางเบาเลือนรางเช่นก่อนหน้านี้ ริ้วรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าชรายังไม่ขมวดเข้าด้วยกันมากนัก ดูแล้วน่าจะเป็เพราะโล่งสบายกายขึ้นมาก
เจียงชิงเหอคลำชีพจรของท่านผู้เฒ่าเหอ เดิมทีชีพจรพร่องและลอยดังเส้นด้าย ยามนี้กลับเปลี่ยนเป็ชีพจรจมและหนักแน่น ภายในใจของเขารู้สึกประหลาดใจ ยิ่งให้ความสำคัญกับอวี๋เจียวอย่างไม่อาจเลี่ยง
หลังจากผ่านไปอีกประมาณครึ่งชั่วยาม นายท่านผู้เฒ่าเหอที่นอนหมดสติมาโดยตลอดก็ส่งเสียงไอออกมา ทันทีที่ฟื้นขึ้นมาก็อยากกินข้าว นายท่านใหญ่สกุลเหอดีใจกับข่าวดีที่เหนือความคาดหมายนี้ เขารีบสั่งให้หญิงรับใช้ไปเตรียมข้าวต้มรสอ่อนโดยเร็ว
“ท่านพ่อ ร่างกายของท่านรู้สึกเป็อย่างไรบ้าง? หากมีส่วนใดรู้สึกไม่ดีขอเพียงบอกมา ลูกเชิญท่านหมออีกผู้หนึ่งมาให้ท่าน ครั้งนี้จะต้องรักษาโรคของท่านได้แน่นอนขอรับ” เหอตงเซิงยอบกายลงข้างเตียงพลางเอ่ยอย่างตื่นเต้น
“ร่างกายเบาโล่งไม่น้อยแล้ว ลูกเอ๋ย เ้าไปเชิญท่านหมอเลื่องชื่อมาจากที่ใดกัน?” นายท่านผู้เฒ่าเหอเอ่ยอย่างอ่อนแรงขณะกวาดตามองโดยรอบ
เหอตงเซิงไม่กล้าเอ่ยถึงอวี๋หรูไห่ คิดอยากให้นายท่านผู้เฒ่ากินยาลูกกลอนสงบใจจึงเอ่ยความจริงไปเพียงครึ่งหนึ่งว่า “แม่นางเมิ่งผู้นี้คือผู้ที่ท่านหมอเจียงเชิญมาขอรับ ท่านอย่าเห็นว่านางอายุยังน้อย วิชาหมอของนางกลับล้ำเลิศยิ่งนัก คราวก่อนพวกเราพลาดไป ผู้ที่รักษาโรคของนายท่านรองสกุลมู่ก็คือนาง ไม่ใช่หมอกำมะลอแซ่อวี๋ขอรับ”
นายท่านผู้เฒ่าแซ่เหอเปิดเปลือกตาที่หย่อนยานขึ้นแล้วหันไปมองอวี๋เจียว แม้จะเห็นว่านางอายุน้อยเกินบรรยาย แต่เพราะใช้ชีวิตมาจนอายุปูนนี้ นายท่านผู้เฒ่าเหอรู้ว่าไม่อาจมองคนแค่ภายนอก นี่ก็คือสาเหตุที่ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยนึกสงสัยยามเหอตงเซิงพาเขาไปยังหมู่บ้านชิงอวี๋เพื่อให้อวี๋หรูไห่รักษาโรค
“ดี ช่วยขอบคุณแม่นางเมิ่งผู้นี้และท่านหมอเจียงแทนพ่อให้เป็อย่างดีด้วยเล่า” นายท่านผู้เฒ่าเหอเหนื่อยล้าและร่างกายอ่อนแอ ทำได้เพียงยกยิ้มให้อวี๋เจียว ไม่เอ่ยสิ่งใดอีก
รอกระทั่งหญิงรับใช้ยกข้าวต้มเข้ามา เหอตงเซิงรับช้อนแล้วปรนนิบัตินายท่านผู้เฒ่าเหอกินข้าวต้มด้วยตนเอง อวี๋เจียวไปต้มยาอีกหนึ่งชุดด้วยตนเองขณะนายท่านผู้เฒ่าเหอกำลังกินข้าวต้ม เมื่อนายท่านผู้เฒ่าเหอกินข้าวต้มเสร็จค่อยให้เขากินยาลูกกลอนและยาต้มรักษาแผลพุพองใต้ิั
หลังนายท่านผู้เฒ่าเหอดื่มยาไป ไม่นานก็สะลึมสะลือหลับไปเสียแล้ว
เหอตงเซิงสั่งให้หญิงรับใช้คอยปรนนิบัติอยู่ข้างเตียงและไล่บรรดาพี่น้องคนอื่นๆ ที่คอยเฝ้าไข้อยู่ในห้องออกไปจนหมด เขานำทางอวี๋เจียวและเจียงชิงเหอไปนอกห้อง กดเสียงต่ำกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ผู้แซ่เหอไร้มารยาท หวังว่าแม่นางเมิ่งจะไม่ถือโทษ อาการป่วยของบิดายังต้องหวังพึ่งแม่นางเมิ่งขอรับ”
เทียบกับท่าทีของเหอตงเซิงที่เปลี่ยนเป็นอบน้อมอย่างยิ่ง อวี๋เจียวกลับไม่เปลี่ยนไปแต่อย่างใด นางยกยิ้มบาง “ไม่เป็ไรเ้าค่ะ ในเมื่อข้ารับผิดชอบอาการป่วยของนายท่านผู้เฒ่าเหอแล้วย่อมต้องรักษาคนให้หายดี ตอนนี้ข้าไปได้แล้วหรือไม่?”
ก่อนที่อาการป่วยของนายท่านผู้เฒ่าเหอจะหายดี เหอตงเซิงไม่คิดจะปล่อยให้อวี๋เจียวจากไป ครั้นยามนี้เห็นนางจะจากไปจึงรีบเอ่ยวาจารั้งเอาไว้ “ข้าได้สั่งให้คนเตรียมห้องไว้ให้แม่นางเมิ่งเรียบร้อยแล้ว ยังต้องเชิญแม่นางเมิ่งพักอยู่ในจวนของผู้น้อยสักไม่กี่วัน อาการบิดาของข้าประเดี๋ยวดีประเดี๋ยวร้าย เมื่อแม่นางเมิ่งพักอยู่ในจวนจะได้คอยดูแลได้ทุกเมื่อขอรับ”
อวี๋เจียวถอนหายใจแ่เบา เอ่ยอย่างเนิบช้าว่า “นายท่านเหอไม่เชื่อข้าหรือ? หากกินยาตามเทียบยาที่ข้าจัดไปเรื่อยๆ อาการของนายท่านผู้เฒ่าเหอจะต้องดีขึ้นแน่นอน ข้าจะอยู่หรือไม่ล้วนไม่มีความหมาย”
ถึงแม้ยาของอวี๋เจียวจะเห็นผล แต่ในยามนี้ มีหรือเหอตงเซิงจะปักใจเชื่อนางทั้งหมด เขาเอ่ยวาจาอ้อมค้อมอย่างนุ่มนวลว่า “หากแม่นางเมิ่งไม่อยู่ ใจของข้าคงยากสงบ ถือเสียว่าทำเพื่อความสบายใจของพวกเรา แม่นางเมิ่งพักที่นี่อีกไม่กี่วันเถิดขอรับ”
ครั้นเห็นว่าไร้หนทางแก้สถานการณ์ อวี๋เจียวไม่พูดอะไรอีก ทั้งยังให้เหอตงเซิงกินยาลูกกลอนสงบใจ “หลังจากนี้สามวันอาการของนายท่านผู้เฒ่าจะดีขึ้น นายท่านเหอไม่ต้องเป็กังวลจนเกินไป”
เหอตงเซิงใจสงบลงไม่น้อยหลังได้ยินดังนั้น แล้วจึงสั่งให้หญิงรับใช้พาอวี๋เจียวไปพักผ่อน
เจียงชิงเหอยังคงไม่กลับไป หันไปทางอวี๋เจียว “แม่นางเมิ่ง จะขอรบกวนพูดคุยกันสักหน่อยได้หรือไม่?”
ประจวบเหมาะกับที่อวี๋เจียวมีเื่จะขอให้เขาช่วย นางจึงพยักหน้า “ท่านหมอเจียง ต้องรบกวนท่านช่วยข้าส่งคนไปแจ้งแก่คนในจวนสักนิด บอกกับครอบครัวรองว่าข้าจะอยู่ที่จวนสกุลเหอชั่วคราว พวกเขาจะได้ไม่เป็ห่วงเ้าค่ะ”
“นี่นับเป็เื่เล็ก ผู้แซ่เจียงจะต้องจัดการให้แม่นางเมิ่งอย่างเหมาะสม” เจียงชิงเหอรีบฉวยโอกาสเอ่ยขึ้นว่า “วิชาหมอของแม่นางเมิ่งล้ำเลิศ ไม่ทราบว่าอยากจะเป็ท่านหมอประจำสำนักของเราหรือไม่?”
ครั้นเห็นอวี๋เจียวมองเขาอย่างไม่เข้าใจ เจียงชิงเหออธิบายว่า “ถึงแม้แม่นางเมิ่งจะเป็สตรี ทว่าสตรีก็ไม่แพ้บุรุษ ไม่ใช่คนธรรมสามัญ เ้ามีวิชาหมอที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ จะต้องช่วยเหลือคนป่วยที่ถูกทรมานจากโรคภัยไข้เจ็บได้ไม่น้อยแน่นอน เหตุใดจึงต้องรั้งอยู่ในหมู่บ้าน หากเ้ามาเป็ท่านหมอประจำสำนักหุยชุนของข้า เ้านายของพวกเราจะต้องปฏิบัติต่อเ้าเป็อย่างดีแน่นอน”
เขาสืบข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ของอวี๋เจียวแล้ว รู้มาว่าอวี๋เจียวคือแม่นางน้อยที่ถูกซื้อตัวมาเพื่อเลี้ยงดูเป็สะใภ้ คนในสกุลอวี๋ก็ไม่ได้ทำดีต่อเมิ่งอวี๋เจียวนัก เมื่อมีเื่ของนายท่านผู้เฒ่าเหอในครั้งนี้ พวกเขายิ่งอยากผลักไสแม่นางน้อยผู้นี้ให้ออกมารับหายนะ เจียงชิงเหอจงใจออกหน้าปกป้องนางหลายต่อหลายครั้ง คาดว่าอวี๋เจียวคงไม่มีทางไม่หวั่นไหว
อวี๋เจียวก้มหน้าคิดใคร่ครวญครู่หนึ่ง สำหรับนางแล้ว ไม่ว่าจะอยู่ในจวนสกุลอวี๋หรือสำนักหุยชุน นางล้วนแต่ไม่ใส่ใจ นางไม่มีความสนิทชิดเชื้อกับคนสกุลอวี๋ เว้นเสียแต่คนในครอบครัวของสตรีแซ่ซ่ง หากไปยังสำนักหุยชุน แน่นอนว่าเป็อิสระกว่าสักหน่อย ไม่ต้องคอยดูสีหน้าของผู้อื่น
เพียงแต่อาจไม่เป็เช่นนี้เสมอไป ในใต้หล้านี้ หากสตรีคิดจะยืนหยัดด้วยตนเองนับเป็เื่ยากยิ่ง อีกทั้งเจียงชิงเหอยังไม่ใช่เ้านายของสำนักหุยชุน ยิ่งไปกว่านั้นเขาแค่ชื่นชมในวิชาหมอของนางเท่านั้น
“ขอข้าคิดดูสักหน่อย” อวี๋เจียวไม่ได้เอ่ยออกไปอย่างชัดเจน นางรับปากเอาไว้ว่าจะรักษาร่างกายของอวี๋ฉี่เจ๋อให้หายดี แน่นอนว่าไม่มีทางผิดคำพูด มิหนำซ้ำนับั้แ่นางมายังรัชสมัยไท่เยี่ยนก็อยู่ในจวนสกุลอวี๋มาโดยตลอด นางคุ้นชินกับสถานที่แห่งนั้นแล้ว ถึงแม้จะไร้ซึ่งความรู้สึกเป็เ้าของก็ตาม
เจียงชิงเหอราวกับดูออกว่านางเป็กังวล เอ่ยเสริมว่า “แม่นางเมิ่งกังวลเื่ใบสัญญาซื้อตัวหรือ? เื่นี้แม่นางเมิ่งวางใจได้ ข้าจะออกหน้าเอาใบสัญญาซื้อตัวของเ้ามาจากสกุลอวี๋ หากเ้ายินดีไปสำนักหุยชุน ข้าจะมอบใบสัญญาซื้อขายตัวคืนให้เ้า”
เกรงว่ายามนี้สกุลอวี๋คงอยากจะโยนใบสัญญาซื้อขายตัวของอวี๋เจียวทิ้งไปอย่างอดทนรอไม่ไหว จะได้ผลักภาระเื่ท่านผู้เฒ่าสกุลเหอมาให้นางโดยสิ้นเชิง ดังนั้นเจียงชิงเหอจึงไม่เป็กังวลว่าหากเขาออกหน้าแล้วจะไม่อาจเอาใบสัญญาซื้อขายตัวของอวี๋เจียวมา
อวี๋เจียวส่ายหน้า “ไม่เกี่ยวกับใบสัญญาซื้อขายตัวเ้าค่ะ”
เจียงชิงเหอทำได้เพียงพยักหน้า “ถ้าเช่นนั้นหากแม่นางเมิ่งคิดดีแล้วสามารถไปหาข้าที่สำนักหุยชุนได้ทุกเมื่อ”
หลังจากเจียงชิงเหอออกจากจวนสกุลเหอได้สั่งให้คนส่งข่าวไปยังจวนสกุลอวี๋ ในยามพลบค่ำ หญิงรับใช้ที่สกุลเหอสั่งให้มาดูแลอวี๋เจียวบอกว่ามีคนมาหาอวี๋เจียวถึงจวน
อวี๋เจียวเดินตามหญิงรับใช้มายังลานเรือน ครั้นเห็นเงาร่างผู้ที่ยืนอยู่ก็ตกตะลึงไปเล็กน้อย นางเดินเข้าไปใกล้ “ท่านมาได้อย่างไร?”
อวี๋ฉี่เจ๋อยืนอยู่ใต้ต้นอวี้หลัน [1] ในลานเล็ก กิ่งก้านของดอกไม้สีขาวนวลพาดอยู่บนลาดไหล่ของเขา ขับให้ใบหน้าหล่อเหลาแต่เดิมน่ามองยิ่งกว่าปกติ ให้ความรู้สึกประหนึ่งมีความเฉยเมยสายหนึ่งแฝงอยู่ ชั่วขณะที่เห็นอวี๋เจียว ดวงตาดอกท้อที่ฉายแววกลัดกลุ้มของเขาพลันทอประกายขึ้นหลายส่วน
“ข้ามาอยู่เป็เพื่อนเ้า” อวี๋ฉี่เจ๋อเดินมาหาอวี๋เจียว น้ำเสียงบางเบา ฟังไม่ออกว่ารู้สึกเช่นไร
“เป็ห่วงข้าหรือ?” อวี๋เจียวเม้มปากยกยิ้มพลางเอ่ยวาจาหยอกล้อ
อวี๋ฉี่เจ๋อไม่ปฏิเสธ หลังจากอวี๋เจียวถูกคนสกุลเหอพาตัวไป เขาเคยคิดว่านางจะหวาดกลัวหรือไม่ ทว่าไม่นานก็ปัดความคิดเช่นนี้ทิ้งไป เพราะนางสุขุมเยือกเย็นดังที่เขากำลังเห็นอยู่ตรงหน้า
............
เชิงอรรถ
[1] ต้นอวี่หลันคือต้นแมกโนเลีย
