เสี่ยวสยา หรือเจิ้งสยา บุตรสาวคนโตของป้าสะใภ้ใหญ่เอง ปีนี้เจิ้งสยาอายุยี่สิบเอ็ดแล้ว เด็กชนบทในยุคสมัยนี้ล้วนแต่แต่งงานเร็วทั้งนั้น เด็กผู้หญิงเมื่อถึงยี่สิบจึงถือเป็สาวเทื้อ ส่วนเจิ้งสยาที่ยังไม่มีสามีจนถึงตอนนี้ มิใช่เพราะหน้าตาน่าเกลียดหรือี้เีเหมือนพี่ชาย ความจริงแล้วเธอขยันขันแข็งมาก หากแต่ว่าครอบครัวป้าสะใภ้ใหญ่เก็บเจิ้งสยาไว้ไม่ยอมให้เธอแต่งงาน ทั้งหมดนี้ก็เพื่อใช้เธอหาแต้มเข้าบ้าน!มาคราวนี้ยังจับจ้องการแต่งงานของสกุลเฝิง
ต้องพอใจที่เฝิงเจี้ยนเหวินเป็ทหาร มีเงินเดือนมั่นคง ดังนั้น
เจิ้งสยาจะสงเคราะห์เงินให้บ้านเดิมในอนาคตได้อย่างแน่นอน
เจิ้งหยวนเบ้ปาก ไม่ชอบท่าทีของป้าสะใภ้ใหญ่เจิ้งอย่างยิ่ง หากคุณพ่อบอกว่าเธอเลือกปฏิบัติ ป้าสะใภ้ใหญ่เจิ้งคนนี้ก็ไม่หนีห่างกันนัก!
เฉินชุ่ยอวิ๋นกลัวเจิ้งหยวนตกลง จึงรีบปฏิเสธรัวเร็ว “ไม่ได้ๆ การแต่งงานจะยกให้ตามอำเภอใจได้ยังไงกัน!
หยวนหยวนเป็คู่หมั้นคู่หมายกับสกุลเฝิงตอนแรก
และคนที่เขายอมแต่งด้วยก็คือหยวนหยวน!” เธอสะกิดเจิ้งหยวน
“อีกอย่างใครบอกว่าหยวนหยวนของฉันไม่ยอมแต่ง หยวนหยวนตกลงแต่งไปแล้วต่างหากละ!”
เจิ้งหยวนย่อมร่วมมือกับแม่ของเธอ เธอเอ่ยพร้อมรอยยิ้มจนตาหยี “ใช่ค่ะ ป้าสะใภ้เจิ้งคะ ฉันตกลงแต่งเข้าสกุลเฝิงแล้ว ไม่ต้องให้ญาติผู้พี่เดือนร้อนแทนหรอก”
สีหน้าป้าสะใภ้ใหญ่ดูไม่ดีฉับพลัน เธอมองเฉินชุ่ยอวิ๋นที มองเจิ้งหยวนที ก่อนเอ่ยอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง “หลานสาวป้า เธอไม่ได้หลอกฉันหรอกนะ? หากเธอไม่อยากแต่ง
ยกเื่งานแต่งให้พี่สาวเธอดีกว่าไหม”
เจิ้งหยวนกล่าว “ป้าสะใภ้ใหญ่เจิ้ง ฉันจะโกหกไปทำไม ฉันตัดสินใจแต่งแล้วจริงๆ ส่วนพี่เสี่ยวสยา คุณหางานแต่งใหม่ให้เธอเถอะ!” น่าขำ หากเธอไม่อยากแต่ง
แล้วยังยืนกรานยกงานสมรสให้เจิ้งสยา ชื่อเสียงครอบครัวเธอคงพังยิ่งกว่าเดิม! สกุลเฝิงเขาไม่ใช่แต่งภรรยาไม่ได้จนต้องหาจากสกุลเจิ้งอย่างเดียวเสียเมื่อไร?มันไม่หยามเกียรติเขาไปหน่อยหรอกหรือ?
ป้าสะใภ้เจิ้งสบตากับเธอสักพัก เห็นเธอไม่คิดเปลี่ยนใจจึงค่อยเชื่อ เมื่อแผนร้ายไม่สมหวัง แน่นอนว่าป้าสะใภ้ไม่พอใจเป็อย่างมาก ก่อนถลึงตาใส่หลานสาวตนเอง แล้วหันไปเอ่ยกับเฉินชุ่ยอวิ๋นต่อ “ชุ่ยอวิ๋นไปกันเถอะ เมื่อกี้ไม่ได้บอกว่าจะให้ยืมเสบียงเหรอ?”
เฉินชุ่ยอวิ๋นพยักหน้ารับคำแล้วเดินตามออกไปข้างนอก ส่วนเจิ้งหยวนฟังแล้วยอมไม่ได้ เธอรีบดื่มโจ๊กจนหมด ก่อนยกชามวิ่งตามไปห้องครัว
เวลานี้บ้านลุงใหญ่น่าจะไม่เหลือเสบียงอาหารแล้ว ครอบครัวลุงใหญ่สมาชิกเยอะ แต่แต้มที่หามากลับไม่มากนัก ส่วนแบ่งผลิตผลต่อปี บ้านลุงใหญ่ก็ได้น้อย ป้าสะใภ้ใหญ่เจิ้งจึงมาขอยืมเสบียงจากบ้านเจิ้งหยวน่นี้ทุกปี เจิ้งหยวนตระหนักดีว่าคราวนี้แม่ของเธอคงให้ยืม มิฉะนั้นประเดี๋ยวพ่อเลิกงานกลับมารู้เข้าต้องโกรธแน่
เจิ้งหยวนตามไปเพื่อจับตาดูไม่ให้ป้าสะใภ้เจิ้งตักมากเกินไป เธอรู้ว่าที่บ้านยังเก็บแป้งสาลีไว้อยู่ ซึ่งห้ามให้ป้าสะใภ้เจิ้งเห็นเด็ดขาด เพราะหล่อนคงกล้าเอ่ยปากขออย่างไร้ยางอาย
ห้องครัวบ้านเจิ้งสร้างเรือนแยกออกมา มีห้องชั้นในและนอก ด้านนอกคือที่สำหรับทำอาหาร ส่วนด้านในเป็ห้องเก็บของสำหรับเก็บเสบียง พืชผักพวกของจิปาถะอื่นๆ แป้งข้าวโพดที่บดเรียบร้อยใส่อยู่ในโถ มีม่านประตูกั้นระหว่างสองห้อง เฉินชุ่ยอวิ๋นเลิกม่านเข้าไปยังข้างใน ในขณะที่ป้าสะใภ้ใหญ่ตั้งท่าจะเดินตาม กลับโดนเจิ้งหยวนขวางเสียก่อน
เจิ้งหยวนเอ่ยพร้อมรอยยิ้มระรื่น “ป้าสะใภ้ใหญ่รออยู่ตรงนี้ดีกว่าค่ะ”
ส่วนป้าสะใภ้ใหญ่จ้องหลานสาวเขม็ง ก่อนเอ่ยเสียงฮึดฮัด “อะไร มีของต้องปกปิดเหรอ ถึงไม่ให้ฉันดู?”
“ไม่มีของต้องปกปิดหรอก เป็เสบียงทั้งนั้น กลัวป้าสะใภ้ใหญ่เห็นแล้วตาลุกวาวน่ะ” คุยกับป้าสะใภ้ใหญ่เจิ้ง เจิ้งหยวนไม่กลัวที่จะฉีกหน้าเธอ อย่างไรเสีย ป้าสะใภ้ใหญ่ก็หน้าด้านหน้าทนอยู่แล้ว โดนพูดแสกหน้าแค่นี้คงไม่ะเืหรอก
ทันใดนั้น ป้าสะใภ้ใหญ่ก็ยกมือชี้หน้าเธอ “เด็กอย่างแก นี่มัน… หากคลานออกมาจากท้องฉัน ฉันจะตีให้ตายเลย!”
ฟ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้