สถานที่ที่หลิวิอวี้เอ่ยถึง คือร้านอาหารที่หยางเฉินได้พบกับครอบครัวของหลี่จิงจิง กับเจี่ยงซั่วนั่นเอง
หลังจากโทรบอกป้าหวังแล้วหยางเฉินก็พาหลิวิอวี้ไปร้านอาหารทันที
ทั้งสองเลือกที่นั่งอยู่ที่มุมหนึ่งของร้านและสนทนาเื่ทั่วไปด้วยความเป็กันเอง
ทว่าอยู่ดีๆ หลิวิอวี้ก็ลุกขึ้นโดยฉับพลันสายตาจ้องมองไปยังทางเข้าโรงแรม
"มีอะไรเหรอครับ?" หยางเฉินหันหลังมองตามทิศทางที่หลิวิอวี้ทอดสายตาออกไป
เมื่อหันหลังกลับไปดูหยางเฉินก็เห็นหญิงสาวที่เคยเจอเมื่อครั้งที่เขามาทานอาหารกับหลิวิอวี้ในครั้งแรกหญิงสาวจากบริษัทคู่แข่งที่เขาล้อเลียนว่าเหมือนดาราเอวี มัตสึชิม่าหรือชื่อจริงว่าหวังเยว่นั่นเอง
หวังเยว่ในตอนนี้ไม่ได้สวมชุดทำงานอีกต่อไปแต่สวมชุดกระโปรงสีชมพูอ่อน รองเท้าส้นสูงสีขาว และบนใบหน้าแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอาง ทำให้ผู้หญิงตัวเล็กๆเช่นเธอดูมีเสน่ห์ในแบบผู้ใหญ่
เวลานี้เธอไม่ได้มีสองหนุ่มบริวารอยู่ข้างกายเหมือนที่ผ่านมาแต่ข้างกายเธอเวลานี้กลับเป็ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ผู้หนึ่ง
ชายร่างใหญ่สวมชุดสูทอาร์มานี่สีอ่อน คล้ายเป็คนร่ำรวยผู้หนึ่ง ซึ่งรูปร่างหน้าตาของทั้งสองนั้นดึงดูดสายตาของทุกคนในร้านอาหารได้เป็จำนวนมาก
หยางเฉินไม่เข้าใจว่าเหตุใดหลิวิอวี้ถึงมีท่าทางตื่นตระหนกเช่นนี้เพราะจากการพบกันคราวก่อนหญิงสาวสามารถต่อปากต่อคำกับหวังเยว่ได้อย่างเผ็ดร้อนและใจเย็น
หลิวิอวี้เดินไปหาหวังเยว่ในทันทีไม่นานนักทั้งสองก็เผชิญหน้ากัน และอยู่ห่างกันเพียงสองก้าวเท่านั้น
ทันทีที่ชายหนุ่มร่างใหญ่เห็นหลิวิอวี้ สายตาของเขาพลันปรากฏแววประหลาดใจ จากนั้นก็กลับมาเป็ปกติอย่างรวดเร็วพร้อมเผยรอยยิ้มออกมา
หวังเยว่เห็นหลิวิอวี้คล้ายเป็ศัตรูกันแต่ชาติปางก่อน
"ตายยากจริงๆ เลยนะคะ คุณหัวหน้าแผนกหลิว "
หลิวิอวี้ไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับไป ขอบตาของเธอแดงก่ำ และเริ่มมีน้ำตาเอ่อล้นออกมาในขณะที่มองไปยังชายร่างใหญ่ข้างหวังเยว่
หวังเยว่สังเกตเห็นความผิดปกตินี้เธอมองไปที่ชายคนรักอย่างภูมิใจ และหัวเราะขึ้นว่า
"ดูเหมือนหัวหน้าแผนกหลิวจะสนใจในตัวแฟนของฉันนะคะเขาหล่อใช่มั้ยล่ะ?ทำงานมาหลายปีแต่ยังหาแฟนไม่ได้... อา... ช่างน่าสงสารจริงๆ"
หลิวิอวี้ไม่สนใจคำพูดของหวังเยว่ เธอหันไปยังชายร่างใหญ่พร้อมเอ่ยขึ้นว่า
"ฉีไค่ กลับมาเมื่อไรเหรอ?"
ชายที่ชื่อฉีไค่ยิ้มออกมาพลางกล่าวว่า
"อันที่จริงผมถูกปลดประจําการทหารเมื่อปีที่แล้วและผมก็ไปทำงานในตำแหน่งผู้จัดการในบริษัทก่อนจะมายังเมืองจงไห่เพื่อรับตำแหน่งผู้อำนวยการเมื่อสองเดือนที่แล้วนี่เอง"
"ปีที่แล้ว..." หลิวิอวี้ส่ายหัวเล็กน้อย
“แล้วทำไมถึงไม่บอกฉัน?"
"คุณจะรู้ไปทำไม?" ฉีไค่พบว่ามันเป็เื่ไร้สาระอย่างยิ่งเขาขมวดคิ้วพลางกล่าวว่า "เมื่อก่อนความสัมพันธ์ของเราอาจจะดีแต่ผมก็ไม่จำเป็ที่จะต้องบอกคุณทุกเื่"
เมื่อหวังเยว่เห็นฉีไค่และหลิวิอวี้รู้จักกันมาก่อน เธอก็เอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจว่า
"คุณไปคุยกับนางจิ้งจอกนี่ทำไมอยากจะระลึกความหลังหรือยังไงกัน!"
ฉีไค่ใช้มือจับคางของหวังเยว่ให้เชิดขึ้นมาเล็กน้อย
"จิ้งจอก? คุณนั่นแหละจิ้งจอกเธอเป็เพื่อนเก่าสมัยเรียนมหาวิทยาลัยของผมเอง"
หลิวิอวี้กัดริมฝีปากบางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พร้อมเผยรอยยิ้มเศร้าสร้อยออกมา
"เพื่อนเก่างั้นเหรอ บนสถานีรถไฟในตอนนั้น ใครกันที่เป็คนบอกให้ฉันรอ... ฉีไค่... คุณให้ฉันผิดหวังในตัวคุณจริงๆ..."
ในที่สุดหยางเฉินก็เข้าใจว่าเพราะเหตุใดหลิวิอวี้ถึงยังคงรอคอยฉีไค่ ผู้ที่ตอนนี้กำลังเล่นตลกกับความรู้สึกของหลิวิอวี้อยู่!
ฉีไค่ขมวดคิ้วพลางกล่าวว่า
"หลิวิอวี้ ตอนอยู่มหาวิทยาลัยพวกเรายังเป็หนุ่มสาวที่ไร้เดียงสาผมไม่เชื่อเด็ดขาดว่าจนถึงตอนนี้เธอยังจะทำตามสัญญาที่พวกเราตกลงกันไว้สาวสวยมีคนรักสามถึงสี่คนล้วนเป็เื่ปกติธรรมดา อย่าโกหกผมเลยมันไม่มีประโยชน์หรอก"
หลิวิอวี้หน้าแดงก่ำด้วยอารมณ์โกรธเธอกัดฟันพร้อมกล่าวว่า
"คุณ!!... คุณมันไร้ยางอายสิ้นดี"
ฉีไค่ก็เดือดดาลขึ้นมาเช่นกัน
"หลิวิอวี้ ถึงแม้ว่าเราจะเคยสนิทสนมกันมาก่อนแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะพูดจายังไงก็ได้ตอนอยู่มหาวิทยาลัยเธอแทบไม่ให้ฉันได้แตะต้องตัวเธอ แม้แต่จูบกันยังไม่เคยทำได้มากที่สุดคือจับมือเท่านั้นแล้วเธอยังจะให้ฉันรอตั้งหลายปีเพื่อมาแต่งงานกับเธออีกน่ะหรือ? มันจะไม่เห็นแก่ตัวไปหน่อยหรือไง!?"
"ว้าว" หวังเยว่ได้ยินดังนั้นก็ตื่นเต้นเป็อย่างมากเธอกล่าวเหน็บแนมหลิวิอวี้ต่อทันที
"แค่ให้ฉีไค่ของฉันจับมือ แล้วยังจะให้เขากลับมารักเธออีกน่ะหรือหลิวิอวี้ เธอมันไร้ยางอายมากเกินไปแล้ว! เธอเป็ได้แค่คนรักเก่าเท่านั้นแหละ ออกไปซะ!"
หลิวิอวี้หัวเราะในลำคอ "ฉีไค่ นอกจากคุณจะตาบอดแล้วดูเหมือนคุณสายตาไม่ดีเอามากๆ ถึงขนาดได้เจ๊หวังเยว่ ขย่มหมื่นตอ มาเป็แฟน!"
"หลิวิอวี้!! ไหนพูดอีกทีซิใครกันขย่มหมื่นตอ!?"หวังเยว่ะโอย่างโกรธเคือง
ฉีไค่รีบหยุดหวังเยว่ แล้วกล่าวว่า
"ดูสิที่รัก เธอเองก็นำคนรักมาด้วยเหมือนกัน"ฉีไค่กล่าวพลางชี้ไปที่หยางเฉินที่นั่งอยู่เงียบๆ
"หลิวิอวี้ ผมคิดว่าคุณคงยังไม่ได้จัดการกับหนุ่มของคุณคนนั้นใช่มั้ยได้ยินว่าคุณกลายเป็หัวหน้าแผนกแล้วกว่าจะมาถึงขั้นนี้คงไม่ใช่เื่ง่ายใช่มั้ยล่ะผมแนะนำว่าต่อไปคุณควรลดเื่นั้นลงบ้าง ไม่อย่างนั้นคุณจะป่วยไข้เอาได้ผมไม่ได้มีเงินให้คุณแล้ว เพราะบริษัทของผมตอนนี้ก็ลำบากเหมือนกันคุณควรดูแลตัวเองให้มากขึ้น นี่เป็คำแนะนำให้ฐานะเพื่อนเก่า"
"ฮ่าๆๆ..." หวังเยว่หัวเราะเย้ยหยันอย่างเต็มเสียง
"ที่รัก คุณพูดได้ดีจริงๆ!"
จากนั้นหวังเยว่ก็ะโจูบปากของฉีไค่และแสดงสีหน้าลุ่มหลงออกมา
ฉีไค่มองหยางเฉินและหลิวิอวี้ พร้อมยิ้มมุมปากกล่าวว่า
"ผมจะมาลงหลักปักฐานที่นี่และขอบอกคุณไว้เลยว่าสัญญาที่พวกเรามีต่อกันนั้นเป็ความเข้าใจผิดของคุณเองแล้วก็อย่าตำหนิผมที่หยาบคายกับคุณไปสักหน่อย"
จากนั้นเขาก็ใช้สายตาเตือนหลิวิอวี้ และเตรียมตัวพาหวังเยว่จากไปทันที
"เดี๋ยวก่อน" หยางเฉินส่งเสียงขัดฉีไค่ทั้งที่ยังนั่งอยู่กับที่
ฉีไค่หันไปรอบๆ พร้อมเหยียดยิ้มเย้ยหยัน
"มีอะไร ทนไม่ได้งั้นหรือไง?"
หยางเฉินชำเลืองมองหลิวิอวี้เล็กน้อย พลางถอนหายใจออกมา เขาหันมากล่าวกับฉีไค่ว่า
“อย่าหาว่าผมไปยุ่งกับเื่ของคุณกับพี่ิอวี้เลยนะแต่พวกเราไม่ได้เป็อะไรกัน และถ้าคุณจะพูดอะไร คุณก็ไม่ควรมาลงที่ผม เอาล่ะตอนนี้ก็ขอโทษพี่ิอวี้ได้แล้ว"
"ขอโทษงั้นเหรอ?" ฉีไค่ทำเหมือนกำลังฟังเื่ตลกอยู่ แล้วกล่าวว่า
"ไอ้หนุ่ม นายควรจะรู้ไว้นะว่าฉันเคยอยู่ในกองมาก่อน"
"หืม?"
"กองกำลังพิเศษซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการจับกุมอาชญากรแน่นอนว่าฉันฆ่าคนมามาก”ฉีไค่กล่าว
หยางเฉินส่ายหัว "แล้วเื่นั้นมันเกี่ยวอะไรด้วยผมบอกให้คุณพูดขอโทษออกมา"
"ขอโทษ? ทำไมต้องขอโทษ?! แล้วถ้าฉันไม่ขอโทษ นายจะทำยังไง?"
"รีบพูดมาเถอะผมไม่้าให้มันวุ่นวายไปมากกว่านี้ เดี๋ยวมันจะรบกวนแขกที่มากินอาหารที่นี่" หยางเฉินกล่าวพลางมองไปรอบๆ
ฉีไค่หัวเราะอย่างเ็ากล่าวว่า
"คำพูดของแกนี่ฟังไม่รื่นหูจริงๆ! รีบขอโทษข้าซะตอนนี้ดีกว่าก่อนที่..."
ฉีไค่ยังไม่ทันพูดจบหยางเฉินก็เคลื่อนไหวเสียแล้ว ด้วยความเร็วราวกับเห็นภาพเบลอ
ฉีไค่เพียงรู้สึกว่าในร่างกายถูกกระแทกลอยละลิ่วไปด้านหลังทันที!
"โครม!"
ร่างอันใหญ่โตของฉีไค่ลอยเป็เส้นโค้งจากนั้นไปตกอยู่บนโต๊ะของแขกที่กำลังทานอาหารด้านหลัง!
โต๊ะอันแข็งแกร่งหักออกเป็สองส่วนทันทีอาหารเครื่องดื่มที่อยู่บนโต๊ะหกใส่ชุดสูทอาร์มานี่แสนแพง!
แขกที่อยู่ในร้านต่างกรีดร้องออกมาผู้คนจำนวนมากรีบหลบไปด้านข้างอย่างรวดเร็วและรอดูเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้
ทางด้านหลิวิอวี้ และหวังเยว่ ได้แต่ยืนนิ่งตาข้าง พวกเธอไม่คิดว่าฉีไค่ที่กำลังพูดอยู่เมื่อครู่จะถูกหยางเฉินจัดการในพริบตา!
หยางเฉินก้าวไปข้างหน้าเท้าข้างหนึ่งเหยียบลงบนอกที่เต็มไปด้วยเศษอาหารของฉีไค่
"ฉันบอกแล้วให้นายพูดขอโทษฉันวางแผนที่จะรับประทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อยแท้ๆ แต่นายกลับไม่รู้สึกเสียใจแถมยังบอกว่าเป็กองกำลังพิเศษอีก!?ฉันเกลียดการถูกข่มขู่ที่สุด!"
หยางเฉินกล่าวเสร็จก็เอาเท้าขยี้ลงบนอกของฉีไค่อีกเล็กน้อย...
"อั่ก..."
โลหิตสีแดงพุ่งทะลักออกมาจากปากของฉีไค่ย้อมเสื้อเชิ้ตสีขาวจนเปลี่ยนเป็สีแดงฉาน!