ฉู่อู่ิไม่ได้อยากรับเจียงหงป๋อเป็ศิษย์ ด้วยเหตุนี้จึงใช้ยาพิษทุกปีมีวันนี้มาขู่
ไม่อาจรู้ได้เลย
ว่าเด็กที่ดูอ่อนแอผอมกะหร่องจะไม่กลัวตายเช่นนี้
บอกว่าจะกินก็กินแบบไม่คิด
เขารู้สึกนับถือเช่นกัน
เหี้ยมกับผู้อื่นไม่ถือว่าเก่ง ต้องเหี้ยมกับตัวเองต่างหากถึงจะแน่จริง
ถ้า…เด็กคนนี้ร่ำเรียนวิชาสำเร็จ ไม่แน่ว่าหุบเขาแพทย์พิษอาจมีวันได้ฟื้นคืน ไม่ต้องจบสิ้นในมือเขา
สูญสิ้นไปจากโลกนี้
“เื่ของหุบเขาแพทย์พิษ ออกจากประตูไปแล้วเ้าจงโยนออกจากหัวเสีย เ้าเป็ศิษย์ของข้าเพียงผู้เดียว จำไว้นะเ้าหนู หากเ้ายังไม่มีกำลังเพียงพอ คำว่าหุบเขาแพทย์พิษจะไม่ต่างกับยันต์เร่งเอาชีวิตเ้า”
“ขอรับ ศิษย์น้อมฟังคำสั่งท่านอาจารย์” หงป๋อตอบ
“ั้แ่พรุ่งนี้เป็ต้นไป เ้าย้ายมาอยู่กับข้า วันนี้กลับไปเก็บข้าวของเสีย” หมอฉู่พูด
เจียงหงป๋อทำความเคารพให้เขา ช่วยประคองแขนพาออกมาจากศาลบรรพบุรุษอย่างรู้ได้ด้วยตัวเอง
“หงป๋อ!” เห็นหงป๋อประคองบุรุษเฒ่าที่สีหน้าไม่ชัดเจนออกมา หลินหวั่นชิวก็รู้ว่าเด็กคนนี้คงทำให้บุรุษเฒ่าเสียหน้า จนต้องรับเขาเป็ศิษย์
“พี่สะใภ้ ท่านอาจารย์รับข้าเป็ศิษย์แล้วขอรับ” หงป๋อยิ้ม แม้เด็กหนุ่มจะตัวผอมบางแต่กลับยืนได้อย่างสง่างาม
“เยี่ยมไปแล้ว กลับไปแล้วพี่สะใภ้จะทำของอร่อยให้กิน!” หลินหวั่นชิวบอก
“นังหนู เ้าเอาของพวกนี้มาจากที่ใด? คนที่หามาให้เ้าอาจสอนน้องชายเ้าได้ดีกว่าข้า” หมอฉู่ถาม เขาอยากรู้ที่มาของของพวกนี้
“แม่ชีจากูเาหลงเหว่ยมอบให้ข้าก่อนตาย ข้าเกือบเอามาเผาเป็ฟืนเสียแล้ว!” หลินหวั่นชิวตอบแบบขอไปที “นึกไม่ถึงว่าท่านจะอยากได้ขยะพวกนี้!”
หมอฉู่โมโหจนเคราสั่น “เหลวไหล จะเป็ขยะได้อย่างไร! ดีแล้วที่เ้าให้ข้า อยู่กับเ้าไปก็เสียของเปล่า!”
หึ! คิดจะหลอกเขาหรือ?
หากไม่รู้ว่าของพวกนี้มีไว้ทำกระไร นางจะเอามาเกลี้ยกล่อมเขาหรือ?
ช่างเถิด
นังหนูเฉลียวฉลาดคนนี้…น่าเสียดายที่แต่งงานแล้ว ไม่เช่นนั้นเขาพอช่วยเป็พ่อสื่อให้แต่งกับตระกูลร่ำรวยได้
“ไปเถิดๆ อย่ามาขวางหูขวางตาข้า!” หมอฉู่รีบเอ่ยปากไล่ ไม่เหลือท่าทีเมตตาแบบตอนตรวจคนไข้
“เช่นนั้นพวกข้าขอตัวก่อน!” หลินหวั่นชิวยิ้ม คนแก่ก็เช่นนี้ หงุดหงิดง่ายเป็เื่ปกติ
ทั้งสามคนออกจากบ้านหมอฉู่ หลินหวั่นชิวถามเจียงหงป๋อ “ท่านอาจารย์ได้รังแกเ้าหรือไม่ ก่อนเข้าไป เขาดูมั่นใจว่าเ้าจะไม่ยินดีเข้าสำนัก ต้องมีเงื่อนไขที่ทารุณมากเป็แน่”
เจียงหงป๋อตอบด้วยสีหน้านิ่งเรียบ “ท่านอาจารย์ขู่ข้า บอกว่าเรียนแพทย์ต้องชิมสมุนไพรเป็ร้อยๆ ต้องท่องหนังสือหลายเล่ม แต่ข้าไม่กลัว เขาเลยให้กินหวงเหลียน[1]ต่อ ถ้าข้าไม่คายจะรับเป็ศิษย์ พี่สะใภ้ ข้าอดทนไว้ได้ เคี้ยวหวงเหลียนจนละเอียดและกลืนลงไป”
เขายิ้มให้หลินหวั่นชิวเมื่อพูดจบ ทำท่าเหมือนรอคำชม
ทำเอาหลินหวั่นชิวสงสาร…
“เด็กคนนี้นี่ หวงเหลียนขมยิ่งนัก…”
“พี่สะใภ้ ตอนที่ท่านยังไม่มาบ้านพวกเรา ข้ากินยาแทนข้าว หวงเหลียนจึงไม่ได้ขมสำหรับข้า”
เทียบกับวันเวลาเมื่อก่อน รสขมของยาทุกปีมีวันนี้ไม่นับว่าเป็กระไรเลย
พี่สะใภ้เป็คนมอบชีวิตให้เขา
ชีวิตเขาเป็ของพี่สะใภ้
เด็กหนุ่มคิดแล้วหูแดง
“ต้าเกอ พี่สะใภ้ ั้แ่วันพรุ่งท่านอาจารย์ให้ข้าย้ายไปอยู่ด้วย” เจียงหงป๋อพูดขึ้นขณะที่ใกล้ถึงบ้าน
“หา…ต้องย้ายไปอยู่หรือ ถ้ากินไม่ดีจะทำอย่างไร เ้ากำลังโต ถ้าโดนกลั่นแกล้ง...” หลินหวั่นชิวไม่คิดเื่นี้มาก่อน
“พอแล้ว ลูกผู้ชายก็สมควรลำบากบ้าง!” เจียงหงหย่วนทนไม่ไหว หึงหวงหนักมาก ั้แ่ไปบ้านหมอฉู่จนถึงตอนนี้ ภรรยาตัวน้อยไม่มองเขาสักครั้ง ความสนใจอยู่ที่เจียงหงป๋อหมด
เขาไม่พอใจ
ไม่พอใจสุดๆ!
เจียงหงป๋อเห็นต้าเกอพูดด้วยน้ำเสียงไม่ดีก็กลัวหลินหวั่นชิวโกรธ “พี่สะใภ้วางใจเถิด ในเมื่อท่านอาจารย์รับข้าเป็ศิษย์แล้วย่อมไม่กลั่นแกล้งข้าเป็แน่ อีกอย่างข้าก็ไม่โง่ หากกินไม่อิ่มก็ออกไปซื้อของกินได้”
หลินหวั่นชิวรู้สึกว่าเขาพูดถูก เริ่มคิดแล้วว่าจะเตรียมเงินให้เจียงหงป๋อพกติดตัวไป
กลับถึงบ้าน นางทำน้ำแกงหวานให้เจียงหงป๋อหนึ่งหม้อ
น้ำแกงหวานเข้าปาก ไม่เพียงแค่หวานไปทั่วปากเจียงหงป๋อ แต่ยังหวานไปถึงใจ
นึกถึงเื่ที่เจียงหงป๋อต้องย้ายไปอยู่ที่อื่น ถ้าทำเสื้อผ้าบนเสียนอวี๋ตอนนี้คงสะดุดตาเกินไป หลินหวั่นชิวจึงออกจากบ้านไปซื้อรองเท้าสองสามคู่กับเสื้อชุดใหม่อีกหลายชุดให้เขา
นางเดินซื้อของตลอดทั้งบ่าย น้ำส้มสายชูในใจเจียงหงหย่วนขยายจากไหเล็กเป็โอ่งใหญ่
วิ่งวุ่นมาทั้งหมด ล้างหน้าล้างตาสะอาดแล้วเข้าห้อง ชายฉกรรจ์กอดภรรยาตัวน้อยโยนขึ้นเตียง
ลงมือจูบนางชุดใหญ่
ออกแรงจูบ
ไหน้ำส้มสายชูแตกออก จูบจนปากหลินหวั่นชิวบวม
เ้าบ้านี่!
ในบ้านมีคนอยู่เยอะ นางจะร้องก็ไม่ได้
เขาแรงเยอะมาก นางผลักอย่างไรก็ไม่สำเร็จ
ท้ายที่สุดนางเลิกเปลืองแรง นอนปล่อยให้เขาทำตามใจ
“ภรรยาจ๋า…เ้าเป็ของข้า” เจียงหงหย่วนยอมปล่อยหลินหวั่นชิวในท้ายที่สุด พึมพำข้างหูนาง
ลมหายใจอุ่นร้อนลดลงบนคอ ใบหน้านางร้อนผะผ่าวทันที
ร้อนจนลวก
“เป็บ้ากระไรขึ้นมา?” หลินหวั่นชิวถาม จู่ๆ มาพูดเช่นนี้ นางไม่ได้จะไม่้าเขาแล้วเสียหน่อย
“อยากเห็นข้าเป็บ้าหรือ?” เจียงหงหย่วนเงยหน้าขึ้น เขาโน้มตัวลงข้างหลินหวั่นชิว ปลายจมูกทั้งคู่อยู่ห่างกันแค่คืบ
หลินหวั่นชิวต้องพยายามมากที่จะไม่ตาเหล่เวลาจ้องหน้าเจียงหงหย่วน
นางถูกกลิ่นอายของเขาปกคลุม
ส่วนเขาก็สูดดมกลิ่นอายนางอย่างละโมบ
กลิ่นอายผสมเข้าด้วยกัน ดวงตาประสานกัน บรรยากาศคุกรุ่นขึ้นมาทันที
“ข้าจะบ้าให้เ้าดู…”
“อย่านะ!”
“อย่าเด็ดขาด!”
“ข้าไม่อยากเห็น!”
หลินหวั่นชิวใช้มือดันอกเขาออก ใจเขาเต้นโครมคราม เต้นระรัวและมีพลังมาก
นางเกลียดตัวเองที่พูดไม่คิด หมอนี่บ้าขึ้นมาคงได้จับนางกินเป็แน่!
แม้แต่กระดูกก็ไม่เหลือ
ดวงตาเขาเหมือนหมาป่าที่หิวจนตาลาย
“ไม่อยากเห็น…ถ้าเช่นนั้นก็ทำตัวดีๆ” ชายฉกรรจ์ใช้ปากคลายเสื้อผ้านางเมื่อพูดจบ
ขณะเดียวกันก็จับมือทั้งสองของหลินหวั่นชิวที่ดันตัวเขาอยู่ด้วยมือข้างเดียว จับไปชูไว้เหนือศีรษะ อกเสื้อถูกเขาคลายออก
เผยให้เห็นชุดชั้นในที่ประหยัดเนื้อผ้าของนาง เนินเขาสีขาวโพลนสั่นกระเพื่อมตามการเต้นของหัวใจ
เนื้อผ้าขนาดเล็กเจาะเป็โพรงเผยให้เห็นวัตถุสีขาว…ประหนึ่งเกล็ดหิมะ
เจียงหงหย่วนรู้สึกเพียงว่าศีรษะอุ่นร้อน ในจมูกมีของเหลวส่งกลิ่นคาวไหลออกมา แปะๆ…
เืกำเดาหยดลงบนร่างภรรยาตัวน้อยเหมือนดอกเหมยแดงร่วงบนพื้นหิมะ
เจียงหงหย่วนเงยหน้าแล้ววิ่งออกไป
ขายหน้าชะมัด!
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…” หลังเจียงหงหย่วนออกไป หลินหวั่นชิวกลั้นขำไม่ไหว ลุกขึ้นกุมท้องหัวเราะเสียงดัง
ไอ๊หยาแม่เ้า สมน้ำหน้า!
หัวเราะจนพอก็ไปลงกลอนประตู เปลี่ยนเสื้อผ้าเช็ดคราบเืแล้วขึ้นเตียงนอน!
เพื่อความปลอดภัย นางไม่กล้านอนร่วมเตียงกับชายฉกรรจ์อีกแล้ว
เชิงอรรถ
[1] หวงเหลียน(黄连) เป็พืชท้องถิ่นในจีน เปลือกสีน้ำตาล เนื้อในสีเหลืองทอง ตรงกลางมีลายแดงอมน้ำตาล ในตำรายาจีนใช้ทำยาขับพิษ ขับร้อน ใช้ย้อมสีผ้าฝ้ายและเส้นใยได้
