‘ไป๋เหม่ยหลาน ศิษย์ทรยศ!’
น้ำเสียงเกรี้ยวกราดของเหล่าศิษยานุศิษย์ดังกึกก้อง แสงจัดจ้าของโซ่แห่งหยางรั้งตรึงข้อมือโชกชุ่มโลหิตของร่างผอมบางในอาภรณ์สง่า ถักทอด้วยลายปักท้องนทีสีคราม ใต้ผ้ารัดเอวห้อยหยกดาราเปล่งประกาย สัญลักษณ์เซียนสตรีผู้บำเพ็ญตน นางมิได้ขัดขืนการจับกุมเพื่อสำเร็จโทษ
‘ไป๋เหม่ยหลาน’ ขยับยิ้ม หวนคิดถึงความทรงจำเมื่อครั้งนางยังคงอยู่สำนักเซียวเหยา
ครั้งหนึ่งท่านอาจารย์สั่งสอนนางว่า ‘เมื่อกระทำความดี ย่อมได้รับความเคารพนับถือ’
ทว่าหากประพฤติชั่ว เหล่าเซียนมิอาจละวางความรู้สึกชิงชัง พวกเขาต่อต้านความชั่วร้ายและจะรุมประณามนาง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เื่การผิดประเวณี
ถึงแม้ว่าสหายผู้ยึดมั่นในความดีของไป๋เหม่ยหลาน ออกความเห็นว่าสมควรขับไล่นางไปสถานที่อันห่างไกล เพื่อเห็นแก่ความดีของนาง ในเมื่อนางเคยช่วยเหลือภพภูมิ์ นางรักษาความสงบสุขให้ผู้บำเพ็ญเพียรอยู่เสมอ ผู้นำสำนักเซียวเหยาไม่เพียงไม่เห็นด้วยเท่านั้น ความผิดอันใหญ่หลวงของนางมิได้รับการละเว้นโทษทัณฑ์ นางถูกทรมานในหุบเหว ให้มารร้ายกัดกินดวงิญญา ตราบจนกว่าร่างทิพย์จะสูญสิ้น
ยามเซินในฤดูวสันต์ใบไม้หลากสีผลิบาน แตกต่างจากเมืองเทพซึ่งนางเคยขยับปลายเท้าวาดวิชากระบี่เคียงข้างท่านอาจารย์ ท่ามกลางพรรณพฤกษาหลากสีสะท้อนแสงระยิบระยับ วิจิตรตระการตา ต้นไม้ทิพย์ไม่มีวันสิ้นสลายหากไม่ถูกทำลาย พวกมันล้วนเป็วัตถุมีชีวิตอันถาวรนานบนเทวโลก
ใบหน้างดงามอ่อนหวานเศร้าหมอง เฝ้ามองการเจริญเติบโตของผลส้มงอกเงยเต็มสวนผ่านหน้าต่างไม้เปิดอ้ากว้าง ร่างผอมบางในชุดฮั่นฝู[1]งดงามถีบทะยานขึ้นสู่ยอดไม้สูงใหญ่ สะบัดมือเก็บผลส้มลงตะกร้าในอ้อมแขน
“ไยเ้าออกตัวแทนพวกเขาอีกแล้ว ลูกสาวข้า...”
บิดาเงยหน้าขึ้นถาม ขณะปลายเท้าของบุตรสาวเหยียบย่างลงบนพสุธาด้วยท่วงท่าสง่างาม
“ระวังเถิด พวกชาวนาชาวไร่จะเคยตัว”
ไป๋เหม่ยหลานยกมือประสานกันอย่างนอบน้อม “ขออภัยท่านพ่อ ข้าเป็ผู้มีเมตตาธรรมสม่ำเสมอ เกรงว่าข้าจะไม่ทำให้พวกเขาแค่เคยตัว ป่านนี้ชาวนาชาวไร่คงยกย่องข้าเป็เทพธิดา”
“อืม... ลูกสาวข้างดงามปานเทพธิดา จิตใจเปี่ยมด้วยคุณธรรม วิทยายุทธล้ำเลิศไม่เป็รองใคร สำหรับข้าฉางผิง ลูกสาวเป็หนึ่งในใต้หล้า”
“ท่านพ่อเยินยอข้ามากไป จะอย่างไรก็ดี ข้าขอน้อมรับไว้” เสียงหวานเอ่ยสุภาพ รอยยิ้มบนใบหน้าปรากฏขึ้น กระทั่งในดวงตาเรียวรี
ผู้คนรอบกายไป๋เหม่ยหลานมองว่าใบหน้าขาวผ่องงามหมดจดของนางแลดูเศร้าหมอง บางครั้งนางก็หาได้แสดงอารมณ์ใด ๆ นางเป็ผู้สุขุมเยือกเย็น เฉลียวฉลาดมีความรู้ราวบัณฑิต ผิดจากบุตรสาวผู้สูงศักดิ์คนอื่น
คืนวานนี้เกิดเื่ราวที่ยังไม่ได้สืบสวนเื่ราวให้แน่ชัด หากคาดเดาว่าเป็การทะเลาะวิวาทอันเนื่องมาจากชายพเนจรขี้เมามารบกวนสวนส้ม ไป๋เหม่ยหลานออกตัวรับผิดแทนชาวสวนว่าพวกเขาไม่เกี่ยวข้อง ราวกับสองตาเห็นด้วยตน นางไม่ยอมให้ใครถูกเ้าของที่นาลงโทษแม้สักคนหนึ่ง
“แม่เฒ่าาุโกล่าวกับข้าว่าคำเชยชมของบิดามารดาเปรียบดังสารประกาศิต พวกท่านเอ่ยอย่างไร บุตรมักเป็เช่นนั้น”
“จริงอย่างเ้าว่า ข้าถึงได้ชื่นชมบุตรสาวคนเก่งทุกวัน เ้าจะได้เป็ไปตามคำของบิดา”
“ขอบคุณท่านพ่อ”
บิดาลูบศีรษะน้อยด้วยแววตาเอ็นดู มิได้เอ่ยว่าบุตรสาวเื่การรับผิดชอบแทนผู้อื่น
ธรรมดานางเป็ผู้ชอบทำเื่เล็กให้กลายเป็เื่ใหญ่ ชอบออกตัวรับผิดแทนผู้น้อยกว่า แถมพูดเื่ไม่เป็เื่ให้บิดาหันมาสนใจความพูดของนางได้
‘ฉางผิงโหว’ เคยเอ็ดว่าไป๋เหม่ยหลานไยชอบพูดจาเหลวไหล กระทั่งวันหนึ่งจึงตระหนักได้ว่าบุตรสาวตนอาจเป็เซียนผู้หวนคืนสู่วัฏสงสาร เมื่อนางมักเล่าเื่ประหลาด ๆ เกี่ยวกับเทวโลก คติธรรม ไม่มีผู้ใดเคยได้ยิน นางเข้าใจในคำสอนในลัทธิขงจื่อ สามารถอธิบายให้ผู้ใหญ่ฟังได้ว่าคืออะไร ทว่าสตรีไม่มีโอกาสได้เล่าเรียนปรัชญา แม้กระทั่งวันที่นางสูญเสียมารดาไป เด็กหญิงวัยห้าขวบจะมีความรู้เื่โรคร้ายได้อย่างไร
ในวัยเด็กของไป๋เหม่ยหลาน มีสติปัญญาฉลาดเฉลียวเกินเด็ก นางสุขุมเยือกเย็น กิริยาสง่างามดังผู้บำเพ็ญตน นางไม่มีนิสัยซุกซนเหมือนเด็กทั่วไป
“ข้ามีเื่พูดคุยกับเ้ามากมายทีเดียว ข้าจะเข้าเมืองหลวงไปทำธุระเสียก่อน ค่อยกลับมาพูดคุยกับเ้าทีหลัง”
“เดินทางปลอดภัยท่านพ่อ มีเื่ใดให้ข้าช่วยเหลือ ขอให้บอกข้าจะตามไปคุ้มกันท่านพ่อ”
“ข้าไปไม่ไกล อีกเดี๋ยวก็กลับ เ้าควรใช้เวลาพักผ่อนของเ้า ลูกสาว”
เสียงหัวเราะเริงร่าของบิดาในวัยสี่สิบลับหายไป พร้อมคำว่าไม่เป็ไร ๆ ลูกสาวไม่ต้องตามมา
[1] ฮั่นฝู 漢服 เป็คำที่เรียกเครื่องแต่งกายของชาวฮั่นในประเทศจีน เครื่องแต่งกายแบบฮั่นฝูแบ่งได้หลายแบบ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้