จิ๋วปิ่งเห็นว่าเยว่เฟิงเกออึ้งค้างไป ก็กวัดแกว่งอุ้งมือไปมา ร้องเมี๊ยว “พระชายาคิดอะไรอยู่หรือ ถึงได้อึ้งค้างไปนานเพียงนี้? ”
เสียงจิ๋วปิ่งราวกับปลุกเยว่เฟิงเกอให้ฟื้นตื่น นางมองฉากในเกมยามนี้ ตัวละครของนางกำลังเดินไปหาด่านไร้เทียมทาน ขอแค่นางโค้งกายคารวะแผ่นหินด้านหน้าทางเข้าสามครั้ง ก็จะสามารถเปิดประตูเข้าไปในด่านได้แล้ว
เพียงแต่ยามนี้เยว่เฟิงเกอกลับรู้สึกลังเลขึ้นมา
นางอยากเข้าไปช่วยคน แต่หากนางช่วยออกมาแล้ว สองพี่น้องคู่นั้นก็ยังต้องเข้าเล่นในด่านต่อไป กระทั่งพวกเขาสำเร็จเคล็ดวิชาระดับาาปีศาจแล้ว ถึงจะสามารถออกมาจากเมืองหิมะลุ่มหลงนี้ได้
ถึงตอนนั้นมู่เหยียนเฉินจะวิ่งโร่มาหานางถึงแคว้นเป่ยชวนหรือไม่?
อย่างไรเสีย ระหว่างพวกเขาก็เคยมีอดีตต่อกัน
เยว่เฟิงเกอมองออกว่า ถึงแม้มู่เหยียนเฉินจะแสดงท่าทีเ็าต่อหน้านางเสมอ แต่ความเศร้าในดวงตาเขาได้ขายเขาเสียแล้ว
เขายังคงรักเยว่เฟิงเกออยู่ อย่างน้อยก็ยังรักเ้าของร่างเดิม
หากเขาออกมาจากเมืองหิมะลุ่มหลงได้แล้ว เป็ไปได้มากว่าเขาจะมาหานาง ถึงตอนนั้นม่อหลิงหานคงได้โกรธนางอีก
และนางคงไม่อาจหาคำอธิบายอะไรมาชี้แจงได้ หากม่อเหยียนเฉินมาปรากฏกายขึ้นจริงๆ
เมื่อนึกถึงปัญหายุ่งยากที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต เยว่เฟิงเกอก็รีบให้ตัวละครในเกมหยุดฝีเท้า
ทว่า ตอนที่นางกำลังลังเลว่าจะเข้าไปในด่านดีหรือไม่ เสียงเฒ่าชราในโลกเกมก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“น่าเสียดายยิ่ง มู่เหยียนเฉินมู่เหยียนรั่ว พวกเ้าทั้งสองััค่ายกลเข้าอีกครั้ง ทำให้ค่ายกลสับสน ด่านไร้เทียมทานถูกปิดผนึกชั่วกาล ชั่วชีวิตนี้พวกเ้าทั้งสองอย่าได้คิดออกมาอีกเลย พวกเ้าสวดภาวนาเอาเถอะ”
เมื่อเสียงเฒ่าชราเงียบลงก็ได้ยินเสียงร้อนรนของมู่เหยียนรั่ว “ท่านพี่ พวกเราจะทำเช่นไรดี? สองครั้งก่อนเป็ข้าที่ไม่ระวังไปโดนค่ายกลเข้า ทำให้ถูกปิดผนึกชั่วกาล หากเราทั้งสองถูกขังอยู่ที่นี่ตลอดไป งั้นเราคงต้องตายอยู่ที่นี่แล้ว”
เสียงของมู่เหยียนเฉินดังขึ้น “น้องพี่อย่าเพิ่งร้อนใจ เรามาคิดหาวิธีอื่นกัน”
“ท่านพี่ พวกเราไม่มีวิธีอื่นใดให้คิดอีกแล้ว นอกเสียจากจะมีใครมาช่วยเรา มิเช่นนั้นชั่วชีวิตนี้คงออกไปไหนไม่ได้” มู่เหยียนรั่วพูดถึงตรงนี้ก็ร้องไห้ออกมา
เยว่เฟิงเกอคิดไม่ถึงว่ามู่เหยียนรั่วคนนี้จะโง่ถึงขนาดไปััค่ายกลติดกันถึงสองครั้ง
หากคนมีสมองสักหน่อยคงไม่พลาดซ้ำๆ ต่อเนื่องเช่นนี้
ตอนนี้เป็อย่างไร ด่านไร้เทียมทานปิดผนึกชั่วกาลแล้ว ต่อให้เยว่เฟิงเกอคิดอยากจะเข้าไปช่วยก็คงทำไม่ได้
“ท่านพี่ ทำอย่างไรดี ข้าไม่อยากตายอยู่ในนี้” มู่เหยียนรั่วร้องเสียงดัง เสียงของอีกฝ่ายหนวกหูเสียจนเยว่เฟิงเกอเป็ต้องขมวดคิ้ว
เยว่เฟิงเกอไม่รอให้มู่เหยียนเฉินกล่าวอะไร ก็เปิดไมโครโฟนในเกม นางพูดผ่านลำโพงโทรศัพท์ “สตรีโง่เง่ารู้จักแต่สร้างปัญหาให้คนอื่น เดิมทีข้ายังคิดอยากจะเข้าไปช่วยพวกเ้า ตอนนี้เป็อย่างไร ต่อให้เป็เทพหรือมารตนใดก็ไม่อาจช่วยพวกเ้าได้อีกแล้ว” พูดจบก็ยื่นมือไปลูบหัวจิ๋วปิ่ง
จิ๋วปิ่งพาดร่างไปบนร่างนาง ดวงตาทั้งคู่จ้องมองเกมในโทรศัพท์
ตอนที่เสียงของเยว่เฟิงเกอดังขึ้น มู่เหยียนเฉินและมู่เหยียนรั่วก็อึ้งไปเล็กน้อย พวกเขาคิดไม่ถึงว่าเยว่เฟิงเกอจะมาปรากฏตัวที่นี่อีก
จนถึงตอนนี้คนทั้งสองเพิ่งรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ เพราะสถานที่ที่พวกเขาอยู่คือเมืองหิมะลุ่มหลงในแคว้นเสวี่ยอวี้ แต่ตอนนี้เยว่เฟิงเกอไม่ใช่ว่าควรต้องอยู่ที่แคว้นเป่ยชวนหรือ แล้วเสียงนางดังมาถึงเมืองหิมะลุ่มหลงได้อย่างไร?
ในที่สุดมู่เหยียนเฉินก็ส่งเสียงตอบกลับมา “เยว่เฟิงเกอ นี่เ้าอยู่ที่เมืองหิมะลุ่มหลงจริงหรือ? ”
เยว่เฟิงเกอฟังคำของมู่เหยียนเฉิน อดมุมปากกระตุกไม่ได้ “ไร้สาระ หากข้าไม่ได้อยู่ในเมืองหิมะลุ่มหลง แล้วจะสนทนากับพวกเ้าได้อย่างไร”
มู่เหยียนเฉินมู่เหยียนรั่วสบตากันไปทีหนึ่ง ต่างก็เห็นความตกตะลึงบนใบหน้าของอีกฝ่าย
มู่เหยียนเฉินถามต่อ “ไม่ใช่ว่าเ้าควรจะอยู่ที่แคว้นเป่ยชวนหรือ เ้ากลับมาแคว้นเสวี่ยอวี้ได้อย่างไร หรือว่าเป็เพราะม่อหลิงหานไม่ดีกับเ้า พวกเ้าหย่ากันแล้ว? ”
“เ้าสิหย่าแล้ว หย่าแล้วทั้งตระกูลเลย” เยว่เฟิงเกอโกรธเพราะคำพูดของมู่เหยียนเฉินจนต้องกลอกตามองบน
มู่เหยียนเฉินคนนี้จะไม่ปรารถนาดีต่อนางสักหน่อยหรือ
เดิมทีมู่เหยียนรั่วขี้คร้านจะสนทนากับเยว่เฟิงเกอ แต่เมื่อได้ยินคนด่าไปถึงตระกูลนาง ก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป ะโขึ้นบ้าง “เยว่เฟิงเกอ เ้าพูดอะไรน่ะ ห้ามว่าพี่ชายข้าและตระกูลข้า”
เยว่เฟิงเกอไม่สนใจมู่เหยียนรั่วด้วยรู้แล้วว่าอีกฝ่ายเป็คนไร้สมองผู้หนึ่ง ดังนั้น การสนทนากับคนเช่นนี้รังแต่จะเป็การเสื่อมสติปัญญานาง
มู่เหยียนเฉินส่งสายตาดุให้มู่เหยียนรั่ว ตำหนิที่เมื่อครู่น้องหญิงตนพูดมากไป
“ท่านพี่” มู่เหยียนรั่วออดอ้อนมู่เหยียนเฉิน แต่กลับถูกมู่เหยียนเฉินส่งสายตาดุกลับมา
ครั้งนี้มู่เหยียนรั่วสงบปากสงบคำอย่างไม่ค่อยพอใจนัก
มู่เหยียนเฉินรู้ว่าเมื่อครู่ตนพูดผิดไปแล้ว จึงไม่สนทนาหัวข้อนั้นต่อไป เขาเปลี่ยนเื่ “เยว่เฟิงเกอ เ้ามีวิธีที่จะทำให้เราออกไปจากด่านนี้หรือไม่? ”
ยามนี้มู่เหยียนเฉินไม่อยากเป็ศัตรูกับเยว่เฟิงเกอ เพราะเมื่อครู่ได้ยินนางบอกว่านาง้าจะช่วยพวกเขา เพียงฟังจากประโยคนี้ก็พอจะทราบแล้วว่าเยว่เฟิงเกอต้องรู้วิธีออกไปจากด่านนี้แน่
เยว่เฟิงเกอยักไหล่ “เดิมทีข้าก็มีวิธีอยู่ แต่ตอนนี้ค่ายกลในด่านนี้ถูกสตรีโง่งมบางคนทำลายแล้ว ข้าจึงไร้หนทาง”
คำด่าว่าของเยว่เฟิงเกอทำให้ผู้ถูกกระทบกระเทียบอย่างมู่เหยียนรั่วโกรธจนแทบจะหายใจไม่ออก
นางโกรธจนกระทืบเท้ากล่าวว่า “เยว่เฟิงเกอ เ้าด่าใครเป็สตรีโง่งม? ข้าจะบอกเ้าให้นะ เ้าอย่าได้ใจให้มันมากนัก รอข้ากับพี่ชายออกไปได้ก่อนเถอะ พวกเราต้องไปคิดบัญชีกับเ้าแน่”
“หึหึ” เยว่เฟิงเกอหัวเราะเสียงเย็น “ในเมื่อเ้าเก่งกาจนักละก็ เช่นนั้นเ้าก็คิดหาวิธีออกมาเองก็แล้วกัน แต่หากต้องให้รอเ้าหาทางออกไปทั้งชีวิต ตัวข้านี้คงไม่มีเวลามากเพียงนั้นหรอกนะ”
คำพูดของเยว่เฟิงเกอทำให้มู่เหยียนรั่วโกรธจนหน้าแดง นางกำลังจะด่ากลับไป แต่กลับถูกสายตาเ็าของมู่เหยียนเฉินหยุดไว้
มู่เหยียนเฉินเสียใจภายหลังอย่างยิ่งที่ยอมให้น้องหญิงคนนี้ติดตามมาฝึกฝนที่เมืองหิมะลุ่มหลงด้วย
น้องหญิงของเขาดีทุกอย่าง เพียงแต่นิสัยดุร้ายเอาแต่ใจนี้ช่างทำให้คนเหนื่อยใจนัก
มู่เหยียนรั่วถูกตามใจจนเสียคนมาแต่เด็ก นางไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดินกลัวแค่มู่เหยียนเฉินพี่ชายคนนี้
ยามปกติมู่เหยียนเฉินรักโอ๋นางมาก ยอมทนกับนิสัยแย่ๆ ของนางมาโดยตลอด แต่ยามนี้เขาจะไม่ยอมให้น้องหญิงของเขาเอาแต่ใจอีกต่อไปแล้ว
ยามนี้สิ่งที่พวกเขาต้องเผชิญเกี่ยวพันถึงความเป็ความตาย ซึ่งบางทีเยว่เฟิงเกออาจจะช่วยพวกเขาออกไปจากด่านไร้เทียมทานนี้ได้
หากพวกเขาไปทำให้เยว่เฟิงเกอโกรธเข้าอาจต้องถูกขังอยู่ในนี้ไปจนตาย
โดยเฉพาะที่แห่งนี้ไม่มีทั้งน้ำและอาหาร อย่าว่าแต่ไปคิดบัญชีกับเยว่เฟิงเกอเลย เกรงว่าอีกแค่ไม่กี่วันพวกเขาก็คงต้องตายอยู่ในนี้
มู่เหยียนเฉินข่มความไม่พอใจในใจที่มีต่อเยว่เฟิงเกอลงไป เขากล่าวขึ้นอีกครั้งว่า “เยว่เฟิงเกอ ระหว่างเราสองเคยมีอดีตที่ไม่น่าจดจำต่อกันมากมาย เหตุที่น้องหญิงข้าพูดจาไม่น่าฟังเช่นนั้นล้วนเป็เพราะสงสารข้า ในฐานะพี่ใหญ่ ข้าขออภัยเ้าแทนนางด้วย หวังว่าเ้าจะไม่ถือสาเอาความ”
เมื่อมู่เหยียนรั่วได้ยินพี่ชายตนถึงขั้นต้องขออภัยต่อเยว่เฟิงเกอก็อดไม่ได้ให้แสดงสีหน้าไม่พอใจทันที
“ท่านพี่ ท่านไปขอโทษนางทำอันใด ข้าไม่ได้พูดอะไรผิดเสียหน่อย นางว่าข้าก่อน ข้าก็แค่ตอกกลับไปเท่านั้น”
มู่เหยียนรั่วน้อยเนื้อต่ำใจยิ่ง เป็เยว่เฟิงเกอต่างหากที่ด่าคนอื่นก่อน เหตุใดจึงกลายมาเป็ความผิดของนางได้
มู่เหยียนเฉินไม่สนใจมู่เหยียนรั่วที่กำลังโกรธ เขาะโไปทางประตูใหญ่นอกด่านไร้เทียมทานอีกครั้ง “เยว่เฟิงเกอ ต่อให้ระหว่างเราจะมีเื่ไม่น่าจดจำด้วยกันมากเพียงไร แต่ข้าก็หวังว่ายามนี้เ้าจะยอมปล่อยวางอดีต และช่วยบอกข้าว่าจะออกไปจากด่านไร้เทียมทานนี่ได้อย่างไร”
เยว่เฟิงเกอเบะปาก ทว่า ตอนที่กำลังจะบอกมู่เหยียนเฉินว่านางไร้หนทางจริงๆ จิ๋วปิ่งกลับยื่นอุ้งเท้ามาตบๆ ลงบนโทรศัพท์สองที
เยว่เฟิงเกอไม่เข้าใจความหมายของจิ๋วปิ่ง นางปิดไมโครโฟนในเกมแล้วหันไปมองจิ๋วปิ่ง “มีอะไรหรือ? ”
จิ๋วปิ่งส่งเสียงเมี๊ยว กล่าวว่า “พระชายา ที่จริงแล้วด่านนี้ข้ากับนายท่านเคยเข้าไปด้วยกันมาก่อน ในตอนนั้นเป็ข้าเองที่ไม่ระวังไปััค่ายกลถึงสองครั้ง ทำให้ด่านไร้เทียมทานถูกปิดผนึกชั่วกาล ในตอนหลังเป็เ้านายของข้าที่หาวิธีออกมาได้”
เมื่อเยว่เฟิงเกอได้ยินว่าเ้านายของจิ๋วปิ่งมีหนทาง นางก็รีบถามว่า “วิธีการอะไร ลองพูดมา”
จิ๋วปิ่งเมี๊ยวๆ ตอบว่า “ในด่านไร้เทียมทานนี้มีสุสานโบราณแห่งหนึ่งใช่หรือไม่? ”
เยว่เฟิงเกอขบคิด ที่นั่นมีสุสานโบราณอยู่จริงๆ นางจึงพยักหน้า
จิ๋วปิ่งกล่าวต่อไปว่า “ตอนนั้นหลังจากที่เ้านายข้าพาข้าเข้าไปในสุสานโบราณนั้นแล้ว ก็เห็นโลงศพใบหนึ่งตั้งอยู่ เมื่อเ้านายของข้าขยับโลงศพใบนั้น ถึงได้พบว่าด้านล่างมีทางลาดยาวลงไป ทางลาดนั้นคือทางออกของด่านไร้เทียมทาน”